บรรยากาศประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (31 ก.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 271 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่องด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางอรศรี ภิญโญยิ่ง อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี อาชีพค้าขาย เดินทางมาพร้อมลูกชาย นายวารากร กุบแก้วพะนา อายุ 15 ปี และเพื่อนบ้านรวม 4 คน กล่าวภายหลังจากได้เข้ากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรกว่า ปลื้มใจแต่ก็ใจหายที่ต่อแต่นี้จะไม่มีในหลวง รัชกาลที่ ๙ แล้ว รักพระองค์ท่านมาก เพราะทรงเป็นผู้เสียสละเพื่อประชาชนจริงๆ ทรงคิดค้นและมุ่งมั่นพัฒนา เสด็จฯไปพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกพืช ทำการเกษตรได้ ทรงเป็นทุกอย่างของคนไทย และแม้พระองค์จะไม่อยู่แล้วแต่สิ่งที่ทรงทิ้งไว้ให้ นับว่าเป็นประโยชน์มหาศาลต่อชาติบ้านเมือง
“เกิดมาก็ได้เห็นพระองค์ท่านทรงงานไม่ขาด ไม่เคยมีโอกาสรับเสด็จฯ วันนี้ได้มาอยู่ใกล้ๆ ท่าน แม้จะเป็นครั้งสุดท้าย ตอนอยู่บนพระที่นั่งดุสิตฯ ได้นั่งแถวหน้าเลย รู้สึกขนลุกในความเงียบสงบ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ตอนรู้ว่าท่านสวรรคตใหม่ร้องให้เกือบทุกวัน จะนำคำสอนต่างๆ ของพระองค์ไปใช้ เรามีอาชีพค้าขาย ก็ยึดหลักความพอเพียง ไม่ต้องขายหามรุ่งหามค่ำ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ไม่เหนื่อย ไม่ต้องรวยมาก แต่มีความสุข มีเวลาอยู่กับครอบครัวด้วย” นางอรศรี ภิญโญยิ่ง กล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน นายวารากร กุบแก้วพะนา ลูกชายเสริมว่า ตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่เกิดไม่ทันช่วงที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ทรงงาน รู้จักท่านในมุมที่ทรงมีพระอัจฉริยภาพหลากหลายทั้ง วิทยาศาสตร์ การเกษตร ศิลปะ ดนตรี เป็นต้น อีกทั้งแม่ก็ปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าเรามีในหลวงที่ประเสริฐมาก ที่โรงเรียนคุณครูก็สอนเกี่ยวกับพระราชกรณีกิจต่างๆ จะตั้งใจใฝ่เรียนรู้พัฒนาตัวเอง และเป็นคนดี อย่างที่ในหลวงทรงสอนไว้