MGR Online - รุมจวก กฟผ. ชง กกพ. เรียกเก็บเงินผู้ติดตั้งโซลาร์รูฟ ชี้ ประชาชนมีการผลิตไฟฟ้าใช้เองมากขึ้น แต่กลางคืนต้องกลับมาซื้อไฟฟ้าจากรัฐ ส่งผลให้ยอดใช้ไฟฟ้าโดยรวมลดลง ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนปกติที่ไม่ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟฟ้า ต้องแบกรับค่าไฟฟ้าสูงขึ้น เสนอเก็บค่าค่าชาร์จไฟฟ้าแบ็กอัพอย่างน้อยๆ ประมาณ 100 - 200 บาทต่อเดือน
วานนี้ (21 มิ.ย.) เว็บไซต์ศูนย์ข่าวพลังงาน ได้เผยแพร่ข่าว “ชง กกพ.เรียกเก็บเงินผู้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟฟ้าเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ใช้ไฟปกติ” ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้คือ
กฟผ. ชง กกพ. เรียกเก็บเงินผู้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อผลิตไฟฟ้า ในอัตรา 100 - 200 บาทต่อราย ต่อเดือน เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่ซื้อไฟจากระบบ หลังพบแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง ในช่วงเวลากลางวัน มีเพิ่มมากขึ้น โดยยกกรณีศึกษาของสหรัฐอเมริกามาเปรียบเทียบ
นายพฤหัส วงศ์ธเนศ รองผู้ว่าการนโยบายและแผน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มอบหมายให้ กฟผ. ศึกษาอัตราการเรียกเก็บเงินจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) แบบรายเดือน ที่เหมาะสมทั้งกลุ่มบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและกลุ่มโรงงาน เพื่อนำเงินมาช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าปกติ
เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าใช้เองในช่วงกลางวันเพิ่มมากขึ้น แต่ในช่วงระยะเวลากลางคืนที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง ก็กลับมาซื้อไฟฟ้าจากรัฐ ซึ่งส่งผลให้ยอดใช้ไฟฟ้าโดยรวมลดลง ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนปกติที่ไม่ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟฟ้า ต้องแบกรับค่าไฟฟ้าสูงขึ้น เนื่องจาก กฟผ. ต้องเตรียมระบบสำรองไฟฟ้าไว้รองรับความต้องการใช้ที่ไม่แน่นอนในช่วงกลางคืน ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
“ผู้ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปใช้เองในช่วงกลางวัน และซื้อไฟฟ้าจากระบบใช้ในตอนกลางคืน ทั้งที่จดแจ้งอย่างถูกต้องและกลุ่มที่ไม่ได้จดแจ้ง ควรจะต้องเสียค่าชาร์จไฟฟ้าแบ็กอัพอย่างน้อยๆ ประมาณ 100 - 200 บาทต่อเดือน เพื่อความเป็นธรรมกับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าปกติ โดยเงินที่เรียกเก็บก็จะนำมาช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าปกติทั่วไป ซึ่งหลังจากที่ กฟผ. ส่งผลการศึกษาไปที่ กกพ. แล้ว ทาง กกพ. จะมีการกำหนดอัตราเรียกเก็บที่เหมาะสมต่อไป” นายพฤหัส กล่าว
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะมี 50 รัฐ ที่มีดีเบต กันว่าควรเก็บค่าชาร์จไฟฟ้าในส่วนที่ต้องมีการลงทุนเพื่อแบ็กอัพระบบหรือไม่ ซึ่งมีกรณีวิธีการเรียกเก็บเงินที่แตกต่างกันถึง 61 กรณี โดยมีการเสนอเรียกเก็บตั้งแต่ 3-50 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือนต่อครัวเรือน แต่โดยเฉลี่ยจะเรียกเก็บประมาณ 3 - 10 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน หรือประมาณ 300 - 400 บาทต่อเดือน
ปัจจุบันมีผู้ผลิตไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อปที่จดแจ้งกับการไฟฟ้ามีประมาณ 100 - 200 เมกะวัตต์ แต่ที่ไม่ได้จดแจ้งอีกจำนวนมาก โดยหากในอนาคตหากมีการติดตั้งเพิ่มสูงเกินกว่า 2,000 เมกะวัตต์ จะคิดเป็น 15% ของไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าที่หายไปในส่วนนี้ ในตอนกลางวัน จะกลับมาในตอนกลางคืน ที่คนกลุ่มนี้กลับมาซื้อไฟฟ้าใช้จากระบบตามปกติ ทำให้ กฟผ. ยังต้องลงทุนระบบแบ็กอัพ ไฟฟ้าไว้ในช่วงเวลากลางคืน ทำให้ภาระต้นทุนไปอยู่กับผู้ใช้ไฟฟ้าปกติ เพราะตัวหารลดลง
สำหรับข่าวดังกล่าวซึ่งถูกโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “ข่าวสารพลังงานแสงอาทิตย์ Solar PV Rooftop” มีผู้เข้าไปแสดงความไม่เห็นด้วยจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ไม่เข้าใจนโยบายดังกล่าวว่า เหตุใดภาครัฐจึงไม่ส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานทางเลือก และผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบพึ่งตนเอง ตัวอย่างเช่น
ผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อบัญชี "ดิษกร XXXXX" ให้ความเห็นว่า ตัวอย่างประเทศอื่นที่เค้าไม่เก็บล่ะเสือกไม่เอามาอ้างอิง แล้วเค้าก็ช่วยลดภาระการใช้พลังงาน ช่วยชาติประหยัด ที่สำคัญ เค้าลงทุนเอง เพลียกับตรรกะ แดกอย่างเดียวไม่คิดถึงความถูกต้อง
Apichart XXXXX สิ่งที่ขาดหายไปคือปัญญากับสมอง นี่ขนาดคิดจะเก็บค่าแสงแดด อีกหน่อยก็สายลม แทนที่จะดีใจที่การใช้ไฟลดลง ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ประหยัดทั้งงบประมาณแผ่นดิน เร่งส่งเสริมพัฒนาการใช้พลังงานธรรมชาติอื่นๆ นี่กลัวขาดรายได้ ขาดโบนัส กรรมจริงๆ
Pro XXXXX การคิดแบบนี้น่าจะมาจากพื้นฐานการเสียผลประโยชน์มากว่า เห็นแก่ตัวมาก การที่ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ก็น่าจะสนับสนุน เบื่อคนแบบนี้มาก ไปดูบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผลิตไฟขายเราสิรวยเอาๆ บอกตามตรงเบื่อมาก
Thewet XXXXX ซื้อเอง ช่วยรัฐประหยัดไฟ ยังจะเอาตังค์เขาอีก ทั้งที่จะส่งเสริมให้คนหันมาใช้เยอะๆ จะได้มีพลังงานใช้ไปอีกนานๆ รัฐยิ่งต้องชดเชยให้เขาอีก เพราะช่วยประหยัดพลังงานจะผลิตน้อยลง ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ค่าไฟก็ขึ้น แล้วมาเรียกเก็บคนประหยัดไฟอีก ใช้ตรรกะอะไรคิดว่ะนี้
พชร XXXXX มันผูกขาดการขายพลังงานไปแล้ว พอเขาจะไม่ซื้อ ก็จะเอาเงินอีก บ้าไปแล้ว จะผูกขาดแสงอาทิตย์อีก ถ้าเรื่องนี้ทำได้ ต่อไปจะหายใจก็ต้องจ่ายเงินแน่ ส่วนไอ้ที่ไกลๆ หากอยากจะซื้อไฟใช้ ก็ต้องเสียเงินค่าปักเสาพาดสายเอง ก็ไม่เห็นจะพูดถึงเลย คิดแต่จะเอาเงินอย่างเดียวเท่านั้น ทุเรศและเลวที่สุดครับ