เมื่อมีการออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษในต้นเดือนธันวาคม ๒๕๐๖ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนนักโทษ ๖๖๒ คนของเรือนจำบางขวาง มีนักโทษชาย พิชัย จิตตรีขันธ์ หรือ ลือชัย นฤนาท รวมอยู่ด้วย และจะได้รับอิสรภาพในปลายเดือนนั้น วงการหนังจึงเริ่มคึกคักที่จะชิงตัวลือชัยออกมาแสดงเป็นเรื่องแรก และ“เสือปืนไว” ในเรื่องนี้ก็คือ ปริญญา ทัศนียกุล เจ้าของโรงภาพยนตร์บุศยพรรณ บางลำพู ซึ่งเพิ่งตั้งสหการภาพยนตร์ขึ้นมา และแอบไปเซ็นสัญญากับลือชัยไว้แล้ว ต่อมาในวันที่ ๒๑ ธันวาคมขณะที่ลือชัยยังไม่พ้นโทษ สหการภาพยนตร์ก็เซ็นสัญญากับ พ.อ.สุวรรณ เพ็ญจันทร์ ประธานบริษัทสหศินิมา จะนำภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัทคือ “คมแสนคม” ที่ระบุผู้แสดงนำคือ ลือชัย นฤนาท เข้าฉายที่ศาลาเฉลิมกรุงในเดือนเมษายน
และแล้ววันสู่อิสรภาพของลือชัยก็มาถึงเร็วกว่ากำหนด เมื่อเรือนจำกลางบางขวางเลื่อนวันปลดปล่อยนักโทษจากกำหนดเดิมในวันที่ ๒๙ ธันวาคม มาเป็นวันที่ ๒๓ ธันวาคม ในเช้าวันนั้นจึงมีกองทัพนักข่าวและช่างภาพรวมทั้งแฟนหนังไทยที่ยังไม่ลืมลือชัย นฤนาท มุ่งไปที่หน้าเรือนจำบางขวาง นนทบุรี กันเนืองแน่น ทางเรือนจำได้อนุญาตให้นักข่าวและช่างภาพเข้าไปถึงข้างในเพื่อดูพิธีการปล่อยนักโทษอย่างใกล้ชิด
ผู้บัญชาการเรือนจำได้อ่านโอวาทของพลเอกประภาส จารุเสถียร รมต.มหาดไทยซึ่งพิมพ์แจกให้ผู้สู่อิสรภาพคนละเล่มด้วย จากนั้นทุกคนก็ลุกขึ้นยืนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พระเอกลือชัยซึ่งยืนอยู่ในแถวและร้องเพลงเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นๆ ดูหน้าตาเขาสดใส รูปร่างบึกบึน ล่ำสันกว่าตอนเป็นพระเอกหนังเสียอีก และเป็นคนเดียวในกลุ่มนักโทษทั้งหมดที่ใส่เสื้อเชิร์ตแขนยาวสีขาวผูกไทร์
ลือชัยได้ตะโกนทักทายกับกลุ่มนักข่าวซึ่งคุ้นเคยกันเกือบทุกคนด้วยความยินดี และยังร้องบอกว่า
“ผมพบเด็กคนหนึ่ง ท่าทางมันไม่เลว ผมว่าไม่แพ้ประจวบ ฤกษ์ยามดีเลย” เขาหมายถึงดาราตุ๊กตาทองคนดังเจ้าของฉายา “ดาวร้ายผู้น่ารัก” และว่า “เขาจะออกตามผมไปอีกไม่กี่วันนี้ ผมจะเอาไปเล่นหนังด้วย”
ว่าแล้ว ก็หันไปทางกลุ่มผู้ต้องขังที่ร่วมพิธีอีกกลุ่มหนึ่ง และร้องบอกว่า
“เฮ้ย เอ็งยืนโชว์ตัวให้พี่ๆเขาดูหน่อยซี”
จากนั้นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนพนมมือไหว้มาทางกลุ่มนักข่าว ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้เข้าอบรมสู่อิสรภาพด้วยกัน
สัปดาห์ต่อมา เขาผู้นั้นก็ออกตามลือชัยมา และได้เข้าแสดง “คมแสนคม” ด้วยกันเป็นเรื่องแรก เป็นที่รู้จักกันดีตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงวันนี้ ในชื่อ ชุมพร เทพพิทักษ์
ราว ๑๑.๓๐ น. เรือนจำบางขวางก็นำผู้ได้รับการปลดปล่อยออกพ้นประตูเรือนจำ ในก้าวแรกที่ออกมาสู่อิสรภาพ ลือชัยถึงกับน้ำตาไหลพรากเมื่อประชาชนนับจำนวนพันที่มาต้อนรับเขาและต้อนรับญาติคนอื่นๆ ต่างตะโกนชื่อเขาเซ็งแซ่ บ้างก็เรียกร้องให้กลับมาแสดงอีก หลายคนพยายามเบียดเสียดจะเข้าถึงตัว ทหาร ๔ คนในเครื่องแบบที่มาคุ้มกันลือชัยโดยเฉพาะ จึงกันตัวเขาออกด้านข้างขึ้นเบนซ์สีฟ้าของสหการภาพยนตร์ที่มารอรับ
ลือชัยได้ตรงไปนมัสการพระแก้วมรกตเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ แล้วไปวัดสามง่าม นครปฐม ให้หลวงพ่อเต๋ คงทอง รดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์
ลือชัยคงจะอึดอัดใจมานานกับสภาพในคุก เขาแสดงความเป็นห่วงนักโทษที่ยังต้องผจญกรรมต่อไปว่า หลายคนเป็นมาเลเรียและโลหิตจาง เพราะเรือนจำไม่ยอมให้กางมุ้ง และให้ดูแขนของตัวเองที่ถูกยุงกัดจนเป็นผื่นแดง จากนั้นก็ชักติดลมเลยไปถึงว่า
“ภายในคุกบางขวางยังมีหลายสิ่งหลายอย่างชั่วร้ายที่ผู้ใหญ่ภายนอกไม่รู้เรื่อง นักโทษถูกรีดไถ ถูกซ้อมทารุณจนตายต่อหน้าผมก็มี”
ลือชัยได้เล่าเรื่องที่ว่าชั่วร้ายนั้นหลายเรื่อง อย่างเช่น การนำของมาเยี่ยมนักโทษ ผู้คุมจะไม่ยอมให้เอาเข้าไป อ้างว่าผู้บัญชาการสั่งห้าม แต่ก็ไม่ยอมให้เอากลับ เสร็จแล้วลูกเมียของผู้คุมเองก็มาขนกันเป็นขบวน
เขาว่าการไม่ให้เอาของเข้าเยี่ยมนักโทษนี้ ยังเป็นนโยบายที่จะให้นักโทษต้องซื้อของกินของใช้จากร้านค้าภายในเรือนจำที่ราคาขูดเลือด
ลือชัยพูดถึงเรื่องเฟอร์นิเจอร์ที่เขาอยู่ในกลุ่มของผู้ผลิตด้วยว่า ถ้าผู้ใหญ่ในเรือนจำชอบชิ้นไหน ก็มักจะอ้างว่าผู้ใหญ่นอกเรือนจำต้องการ หรือไม่ก็อ้างว่าชำรุด แล้วขนไปบ้านเฉย
ส่วนเงินปันผลของนักโทษที่ได้จากงานฝีมือก็เช่นกัน นักโทษอุตส่าห์หลังขดหลังแข็งมาทั้งปี บางคนได้แบ่งแค่ ๖ สลึง หรือ ๒ สลึงก็ยังมี
การเลื่อนขั้นนักโทษเป็นนักโทษชั้นดี ชั้นดีมาก หรือชั้นเยี่ยม ก็ต้องประจบประแจงผู้คุมหรือให้เงิน พวกค้าเฮโรอีนเงินดี อยู่ไม่นานก็ได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ส่วนตาสีตาสานั้นอย่าหวัง
ลือชัยยังพูดถึงการตกแต่งคุกวันเฉลิม ไม่รู้ว่ากรมราชทัณฑ์ไม่มีงบให้หรืออย่างไร จึงมารีดไถนักโทษคนละ ๓ บาทเป็นค่าแต่งคุก
คำพูดของลือชัยในวันสู่อิสรภาพนี้ รุนแรงไม่แพ้ที่ลั่นกระสุนใส่คนในวันสิ้นอิสรภาพ วงการราชทัณฑ์จึงพากันระส่ำ
ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจงว่า การไม่ยอมให้นักโทษกางมุ้งเป็นข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์ เพราะนักโทษอยู่กันอย่างแออัดไม่มีที่จะให้กาง ทั้งมุ้งก็ยังอันตรายถ้านักโทษสูบบุหรี่ ยอมรับว่ามียุงจริงเพราะมุ้งลวดชำรุด ของบประมาณซ่อมไปแล้ว และท้าให้นักข่าวเข้าไปพิสูจน์เรื่องที่ลือชัยพูดได้ทุกเรื่องโดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า
ส่วนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าเรื่องเฟอร์นิเจอร์คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะของทุกชิ้นที่ผลิตต้องมีบัญชี การพิจารณาเลื่อนขั้นก็มีคณะกรรมการที่ให้คะแนนกันมาเป็นระยะ สำหรับเรื่องซ้อมหรือตีนักโทษนั้นเลิกกันไปนานแล้ว ใครทำก็มีความผิด ยิ่งถึงตาย ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ต้องโดนกันทั้งนั้น
รัฐมนตรีมหาดไทยก็ขานรับที่จะให้ลือชัยเข้าพบ ว่าเรื่องอย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แน่
ลือชัยคงจะรู้สึกตัวว่าเผลอพูดมากไปแล้ว จึงบอกนักข่าวว่าขอหยุดเพียงแค่นี้ เพราะในวันที่ ๒ มกราคมก็จะบวชแล้ว และขออโหสิกรรมทางเรือนจำด้วย
การกลับมาของพระเอกตุ๊กตาทองคนแรก ไม่เพียงแต่หนังไทยจะแย่งตัวกันเท่านั้น ยังมีหนังฝรั่งเศสเรื่อง “s.o.s.107” ติดต่อให้เขาแสดงด้วย แต่ลือชัยปฏิเสธว่านัดพระไว้แล้ว และเมื่อสึกออกมาก็ยังมีหนังไทยรออยู่ คงแสดงให้ไม่ได้
แม้จะต้องเผชิญกงกรรมทำให้ต้องจากวงการไปถึง ๓ ปี ๒๔ วัน แต่ความเป็นพระเอกของ ลือชัย นฤนาท ก็เหมือนไม่มีอะไรสะดุด เพียงแต่มีพระเอกยอดนิยมเกิดขึ้นมาอีกหลายคน ทั้ง มิตร ชัยบัญชา, ไชยา สุริยัน, สมบัติ เมทะนี ทำให้เขาไม่ได้โดดเด่นเหมือนเมื่อก่อน และที่เขาต้องร้างลาจากวงการไปในที่สุด ก็เป็นไปตามวัฏจักรเช่นดาราทั่วไป
นี่ก็เป็นชีวิตของพระเอกตุ๊กตาทองคนแรกของวงการภาพยนตร์ไทย ที่ต้องเผชิญชะตากรรมหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าพระเอกยอดนิยมทุกคน