เมื่อ ลือชัย นฤนาท สิ้นอิสรภาพ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำลหุโทษ ไม่นานข่าวคราวของเขาก็เงียบหายไปจากโลกภายนอก เหมือนวงการบันเทิงไทยไม่เคยมีพระเอกตุ๊กตาทองคนแรก ไม่เคยมีผู้สร้างแฟชั่นให้วัยรุ่นแฟนหนังไทยยืนคอเอียง มีเพียงข่าวคราวจากผู้ที่ยังรักใคร่แวะไปเยี่ยมเยียน บอกข่าวว่าลือชัยประพฤติตนเป็นนักโทษที่ดี มีความประพฤติเรียบร้อย ออกกำลังจนกล้ามเป็นมัด ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้คุม และมีหน้าที่ฝึกการออกกำลังกายให้นักโทษ ทั้งยังเข้ารับการฝึกอาชีพทำเฟอร์นิเจอร์หวายด้วย
แต่แล้วในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๔ พระเอกผู้โด่งดังจากบท ชีพ ชูชัย ใน“เล็บครุฑ” ก็กลับเป็นข่าวพาดหัวในหน้า ๑ นสพ.รายวันอีกครั้ง
บุกตีหัว“ลือชัย”
ฐานเป็นสายนำทลายแหล่ง
ค้าเฮโรอีนในคุก
ตามข่าวกล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.ของวันที่ ๒๘ นั้น ขณะที่ลือชัยยืนปล่อยอารมณ์อยู่ที่หน้าอาคารหมวดสงเคราะห์ในเรือนจำ ได้มีนักโทษคนหนึ่งย่องเข้าไปด้านหลังและหวดเขาด้วยคมแฝก หมายจุดตายที่ “ทัดดอกไม้” ลือชัยเหลียวมาพอดีเลยโดนที่เหนือคิ้วขวาเลือดอาบ แต่กระนั้นพระเอกชีพ ชูชัยก็ไม่ถึงกับล้มคว่ำ เพียงแต่ยืนงงอยู่พัก พอได้สติก็วิ่งตามคนตีไปและจับได้ ปรากฏว่าชื่อ นช.อนันต์
ทางเรือนจำได้สอบสวนนักโทษผู้นี้ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่ลือชัยซึ่งได้รับหน้าที่ผู้ช่วยผู้คุมมา ๓ เดือน ได้นำเจ้าหน้าที่เรือนจำจับผู้ค้าเฮโรอีนในคุกได้ถึง ๓ ราย และทุกครั้งที่จับ ก็ได้ทั้งตัวการค้า ผู้สูบ และของกลางเป็นจำนวนมาก
ต่อมาในเช้าวันที่ ๓๐ สิงหาคมนั้น ขณะที่ผู้เขียนเป็นหัวหน้าข่าว นสพ.เสรีไทย ก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า ลือชัยขอให้ไปพบเขาที่ศาลอาญาในเช้าวันนั้น และเหตุที่เจาะจงตัวเป็นผู้เขียน ก็ด้วยความสัมพันธ์ที่เริ่มจากการเป็นนักข่าวบันเทิงกับดารา จนคบหากันในฐานเพื่อน
พระเอก“เล็บครุฑ” อยู่ในชุดกางเกงสีน้ำตาลเสื้อแขนยาวสีขาว ผูกไทร์ แตกต่างจากนักโทษทุกคนที่มาศาล ที่เหนือคิ้วขวาของเขายังมีพลาสเตอร์ปิดอยู่ ใบหน้าด้านนั้นบวมปูด ผมไม่ได้ดัดลอนเหมือนตอนแสดงหนัง ลือชัยซึ่งมาศาลด้วยคดีเช็คเก่าที่ยังติดพัน บอกว่าเขาถูกตีด้วยท่อนเหล็กไม่ใช่ไม้คมแฝก เย็บถึง ๑๐ เข็ม และคนที่ตีก็ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกันเป็นการส่วนตัว แต่ทว่าเป็นมือรับจ้างจาก“พี่เอื้อย” นักโทษผู้เป็นหัวหน้าแก๊งเฮโรอีนในคุก
ลือชัยว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน “พี่เอื้อย” ส่งคนมาเตือนว่าให้เลิกเป็นสายให้เจ้าหน้าที่ แต่เขาไม่สนใจ และหลังจากถูกตีก็ยังได้รับคำสำทับอีกว่า นี่เป็นการเตือนเท่านั้น ถ้ายังไม่หยุดจะถึงตาย
“แต่ผมก็จะขอทำความดี เป็นศัตรูกับพวกนี้ตลอดไป” ลือชัยยังพูดเหมือนพระเอกในหนัง
เรื่องของลือชัยได้กลายเป็นข่าวใหญ่ในขณะนั้น เมื่อนักข่าวนำไปถามจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็พูดอย่างยิ้มแย้มว่า
“เรื่องนายลือชัยถูกตีใช่ไหม....ก็นายลือชัยพระเอกรูปหล่อนั่นน่ะซี เห็นว่าไปเป็นสายสืบเข้า เลยถูกลอบตี”
เมื่อนักข่าวซักนายกรัฐมนตรีซึ่งควบตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจอยู่ด้วยว่า ตำรวจรู้เรื่องค้าเฮโรอีนในคุกหรือไม่ จอมพลสฤษดิ์ก็ว่า
“โอ๊ย...ที่นั่นมันแดนสุขาวดีเชียว”
และว่าในคุกเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ เป็นคนละส่วนกับตำรวจ
พล.ต.อ.หลวงชาติตระการโกศล ปลัดกระทรวงมหาดไทย บอกว่าได้รับรายงานเรื่องลือชัยถูกตีแล้ว ได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์สอบสวนลงโทษคนทำผิดให้หนัก ส่วนความปลอดภัยของพระเอกลือชัย กรมราชทัณฑ์ต้องรับผิดชอบ
นายสุวรรณ รื่นยศ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กรมราชทัณฑ์ได้สั่งย้ายนักโทษ ๔ คนที่ต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มค้าเฮโรอีนและเกี่ยวข้องกับการทำร้ายลือชัย ให้ไปอยู่เรือนจำกลางบางขวางแล้ว สำหรับลือชัยนั้นจะพิจารณาความดีความชอบต่อไป
พบกันครั้งนี้ ลือชัยยังต่อว่าผู้เขียนที่ลงข่าวจากฮ่องกงว่า มิสคูมี่ นางเอก “กงกรรม” ซึ่งอยู่กินกับเขาในฐานะภรรยาก่อนต้องคดี กำลังจะแต่งงานใหม่ ลือชัยว่าเป็นไปไม่ได้ คูมี่ยังเขียนจดหมายมาถึงเขาเป็นระยะ
หลังจากนั้น ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๐๔ ลือชัยก็สร้างข่าวจากหลังกำแพงเรือนจำขึ้นหน้า ๑ อีกครั้ง ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อลือชัยย้ายมาอยู่เรือนจำกลางบางขวาง และยังเป็นผู้ช่วยผู้คุมเหมือนเดิม ปรากฏว่ามี ๔ อันธพาลเกิดอาละวาดขึ้นที่เรือนจำลาดยาว เมื่อผู้คุมเข้าระงับเหตุก็ถึงขั้นฆ่าผู้คุมตายไปคนหนึ่ง จึงถูกย้ายมาอยู่บางขวางระหว่างดำเนินคดีใหม่ แต่ก็ยังไม่ยอมเข็ดหลาบ วางอำนาจจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบางขวางอีก เมื่อเบ่งบารมีทำให้คนอื่นเกรงกลัวแล้ว จึงคิดจะกำจัดพระเอกชีพ ชูชัยที่ไม่ยอมสยบอีกคน พยายามหาเรื่องเพื่อจะปราบลือชัย แต่ไปหาเรื่องเอาตอนพระเอกหนุ่มยืนอยู่ใกล้ท่อนเหล็กเข้าพอดี ลือชัยเลยคว้ามาหวดเอาตัวหัวหน้าถึงสลบเหมือด
เรื่องนี้แทนที่จะเป็นความดีความชอบเหมือนครั้งก่อน ผู้บัญชาการเรือนจำเห็นว่าลือชัยซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรักษาความสงบ แต่กลับทำเรื่องไม่สงบขึ้นเสียเอง จึงอาจต้องพิจารณาเพิ่มโทษ
ทั้งทำความดีได้ลดโทษ และทำเรื่องไม่สงบที่ต้องเพิ่มโทษ แต่แล้วในปี ๒๕๐๖ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีพระชนมายุครบ ๓ รอบ รัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษให้นักโทษทั่วประเทศ ลือชัยซึ่งได้รับการตัดสินให้ต้องโทษ ๖ ปี ๘ เดือน แต่ถูกคุมขังอยู่เพียง ๓ ปี ก็อยู่ในข่ายที่จะได้รับอภัยโทษในครั้งนี้ด้วย
ในทันทีที่มีข่าวว่าพระเอกตุ๊กตาทองคนแรกจะออกมาสู่อิสรภาพ ผู้สร้างหนังไทยก็วิ่งที่จะชิงเอาตัวมาเข้ากล้องเป็นเรื่องแรก แสดงว่าแม้จะสิ้นอิสรภาพไปถึง ๓ ปีเต็ม แต่วงการหนังก็ยังไม่ลืมเขา เช่นเดียวกับแฟนๆที่ยังต้องการดูเขาในบทพระเอกอีก สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ก็คือบรรยากาศหน้าเรือนจำบางขวางในนาทีแรกที่ลือชัยออกมาสู่อิสรภาพ เขาก้าวออกมายังกับวีรบุรุษ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับ
๓ ปีเต็มที่ต้องเข้าไปเผชิญชะตากรรมหลังกำแพงเรือนจำ ลือชัยคงจะมีเรื่องอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นเมื่อพบกับผู้สื่อข่าวซักถามถึงชีวิตในเรือนจำ เขาจึงเผลอตัวพูดเรื่องต่างๆออกมามากมาย แม้แต่เรื่องมีการซ้อมนักโทษตายต่อหน้า และว่าอยากพบรัฐมนตรีมหาดไทยเพื่อรายงานเรื่องเลวร้ายในคุก ซึ่ง พล.อ.ประภาส จารุเสถียร ก็ขานรับให้เข้าพบ บางขวางและกรมราชทัณฑ์จึงร้อนขึ้นมาทันที
โปรดติดตามเหตุการณ์ตอนสู่อิสรภาพของเขาในตอนสุดท้ายนะครับ