ใกล้ฉากสุดท้ายเข้าไปทุกขณะกับ “เสี้ยน” ตำหัวใจชาวพุทธ กรณีธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย หลังจากเล่นเอาล่อเอาเถิดกันมานาน ทางสำนักอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตคลองจั่น กับพวก ประกอบด้วย น.ส.ศรัญญา มานหมัด นางทองพิน กันล้อม และ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนแล้ว
พลันที่กระแสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นเป้าสายตาของสังคม คำถามที่รอคำตอบอยู่ ก็คือ เจ้าหน้าที่จะบุกเข้าค้น และ รวบตัว ธัมมชโย เมื่อไหร่ และขณะนี้ ธัมมชโย ยังนอนอาพาธอยู่หรือเผ่นหนีไปแล้ว?
ส่วนหนึ่งเชื่อว่า พระธัมมชโย น่าจะยังหลบซ่อนอยู่ในอาณาจักรจานบินนั่นแหละ เพราะยังเห็นแนวกำแพงมนุษย์จากลูกศิษย์ลูกหา และ อากัปกิริยาด้านรักษาความปลอดภัยของบรรดาศิษยานุศิษย์ แต่ในอีกทฤษฎีหนึ่ง ว่ากันว่า ธัมมชโย หลบหนีจากวัดพระธรรมกาย ไปนานแล้วเพียงแต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าหนีไปอย่างไร เดินทางไปยังประเทศที่ 2 และ 3 ตรงด่านไหน จุดไหน
ความเชื่อแนวนี้มีเหตุผลสนับสนุนจากเหตุการณ์ในอดีตที่ต่างเชื่อกันว่า ข้าราชการบางคนของบ้านเมืองเงินสามารถจ้างผีโม่แป้งได้ฉันท์ใด เงินก็สามารถง้างใจผู้มีอำนาจหน้าที่ได้ เส้นทางหลบหนีเป็นไปได้ทั้งทางเรือ ทางช่องธรรมชาติตามด่านตะเข็บชายแดนต่างๆ ซึ่งมีทั้งทหาร ตำรวจ และศุลกากร เป็นหน่วยงานหลักที่ตรวจตราดูแลอยู่
อีกทั้งในทฤษฎีนี้ไปตรงกับการเปิดทางให้ศัตรูหนี ดังเช่นตอนสำคัญของมหากาพย์ “สามก๊ก”ช่วงโจโฉ แอบหลิ่วตาให้กวนอู ขี่ม้าเซ็กเทาว์แหกทัพ 5 ด่าน 5 ตำบล...ยุทธศาสตร์ไม่ปะทะแต่เปิดช่อง ยื่นบันไดให้กับศัตรูนั้นถือเป็นสุดยอดกลยุทธ์ที่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะแต่เป็นทางเสื่อมของผู้นำทัพที่ไม่สามารถอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับไพร่พลได้
กรณี กวนอู มีส่วนคล้ายกัน เพราะหากโจโฉ จะสั่งฆ่าทิ้งย่อมไม่เป็นการยาก แต่สัญญาที่เคยให้กันไว้แสดงถึงความเป็นมหาบุรุษ เป็นยอดนักรบที่รักษาคำพูด ทันทีที่กวนดู รู้ข่าวที่ซ่องสุมของเล่าปี่ สัญญาใจที่มีต่อโจโฉ จึงยุติลง...เฉกเช่นกับตำราพิชัยสงคราม การเปิดทางให้ศัตรูหนีไม่จำเป็นต้องไล่ให้จนตรอกใช้ได้ผลมาหลายครั้ง
ธรรมกาย แม้จะเดินทางมาถึงจุดเสื่อมสุดโดยกฎบ้านกบิลเมืองสามารถพิสูจน์พยานหลักฐานร่วมกับฟอกเงินสหกรณ์เครดิตคลองจั่น ได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนจนสิ้นสงสัย...แน่นอนว่า ศิษย์ที่ยังคงเชื่อมั่นศรัทธาก็ยังคงปักใจไม่ย่อท้อ ว่ากันว่า ยังมีอีกมากมายที่แม้แต่เอาช้างมาฉุดก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดได้ หรือกระทั่งนิพพานไปสู่สวรรค์ ด้วยวีธีสละทรัพย์ “ตีตั๋ว” เพื่อตะกายไปสู่สรวงสวรรค์ หลายคนยังฝังหัวเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ในทางกลับกันคงมีไม่น้อยเช่นกันที่เริ่มหูตาสว่าง เพราะหมายจับ 3 คดี ไล่มาตั้งแต่ร่วมสมคบกันฟอกเงิน - รับของโจรกรณีธัมมชโย รับเช็คจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร คดีศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับฐานบุกรุกสวนป่าหิมวันต์ ภูเรือ และคดีศาลสีคิ้ว จ.นครราชสีมา ออกหมายจับข้อหาบุกป่าสงวนสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม “เวิลด์วัลเลย์ เขาใหญ่” ย่อมแสดงให้เห็นว่า ธัมมชโย ได้ร่วมทำผิดทั้งทางตรงและทางอ้อม ในหลายๆ เรื่อง
ขณะเดียวกัน ยังมีคดีที่ต่อเนื่องกับการยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตคลองจั่น นั่นคือ การซื้อที่ดินแปลงหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ต่อมาเมื่อคดีเข้าสู่การดูแลของดีเอสไอ และเนื่องจากเป็นคดีแพ่งจึงขายที่ดินผืนนั้นในราคา 477 ล้านบาท เพื่อคืนเงินให้กับสหกรณ์ฯ แต่ปรากฏว่า มีการซิกแซก อ้างต้องจ่ายค่านายหน้าและอื่นๆ เกิดเงิน “ตกหล่น”ระหว่างคืนจำนวนมากโดยสหกรณ์ได้ไปราว 100 ล้านบาท อยู่บาทส่วนที่เหลือหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตาม ปรากฏตัวละครเป็นข่าวอื้อฉาวพัวพันกับการนี้อยู่หลายคน อาทิ นายศรีราชา วงศารยางค์กูร อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายศรีราชา ข้าราชการ 2 ผัว - เมีย ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า มีการโอนเงินสดเข้าไปมากึง 40 ล้าน ประเด็นนี้ยังคงอยู่ในความสนใจของประชาชน ตกลงว่าใครคือ “ไอ้โม่ง”คนสั่งการ หรือมีการมอบอำนาจต่อเป็นทอดๆ ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากการจ้องจะบุกจับธัมมชโย ตามหมายแล้ว คดีที่เกี่ยวข้องยังมีเจ้าหน้าที่อยู่ในข่ายรอการสะสางอีกจำนวนมาก
จบจากปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ มาเข้าสู่บรรยากาศอีโรติกกันบ้าง....พระรูปหล่อมีมธุรสวาจาเป็นที่ต้องใจใครต่อใครหากไม่มีสีกาเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตก็คงกระไรอยู่.... ธัมมชโย แม้จะมีอายุล่วงเลยปาเข้าไป 72 พรรษาแล้ว แต่ยังดู “เป๊ะเวอร์” ผิวพรรณผุดผ่อง ใบหน้าใสปิ๊งราวกับดาราเกาหลี เปลือกตาสองชั้น หนังตาตึงไร้ตีนกา ริมฝีปากเข้ารูป แถมมีสีชมพู จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ถูกวิจารณ์ถึงขั้นเป็นประเด็นในโลกโซเชียล คือ ศีรษะโล้นมันวาว ราวกับเคลือบ แถมรอยเส้นผมเข้ารูปเป็นระเบียบ
อะไรจะหล่อขนาดนั้น...ท่านไปทำศัลยกรรมที่ไหน ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม กรีดตา สักปาก สักศีรษะเสริมบุคลิกคลินิกเสริมความหล่อความงามช่วยท่านหรือเป็นเพราะบุญบารมี!!
งามเสียจนสังคมเข้าใจผิดคิดว่ามีรสนิยมเบี่ยงเบน ประเภทนะยะ บ้างก็เรียกหลวงเจ้ธัมมี่ บ้างก็ล้อนะจ๊ะ นะจ๋าแต่ของจริงคือผู้ชายเต็มตัว กลายเป็นบุรุษโล้นรสนิยมดี ต้องใช้เครื่องสำอางประทินผิวก่อนนอน นวดหน้า ขัดผิว แถมห้องครัวลับเฉพาะล้วนแต่ใช้วัตถุดิบชั้นดีจากทุกมุมโลกเน้นบำรุงร่างกาย สมรรถภาพของชายชาตรีโดยเฉพาะ......หลวงปู่เณรคำ ทำลายสถิติบุรุษโล้นเหลืองแอบมีเมียถึง 8 คน โดยแต่ละคนส่งเสียเลี้ยงดูด้วยเงินญาติโยมอย่างดี แล้วธัมมชโย ล่ะ เทียบกันได้ไหม!!??
อาจเรียกได้ว่าเส้นทางอีโรติกภายใต้ตะคดผู้ทรงศีล ทำให้เกิดวิบากกรรมแก่บรรดาซุปตาร์ห่มผ้าเหลือง....พระนิกร หรือ พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที แห่งวัดสันปง จ.เชียงใหม่ เจ้าตำรับ “สีกาอร”เคยเสร็จมาแล้ว...พระยันตระ หรือ วินัย ละอองสุวรรณ แอบถลกจีวรเล่นบทอัศจรรย์กับสีกาจันทิมา จนก่อกำเนิดบุตรสาว “ด.ญ.กระต่าง” ก็เสร็จมาแล้ว.....ภาวนาพุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดดัง แห่งเมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย เผลอไปใกล้ชิดเด็กดอย ก็เสร็จมาแล้ว หนักขนาดถูกศาลตัดสินจำคุก 160 ปี แต่อัตราโทษจริงคือ 50 ปี จากพระชื่อดังกลายเป็นคนคุกหมดสภาพอยู่ทุกวันนี้....หรือแม้แต่พระมิซูโอะ คเวสโก แห่งวัดป่าสุบินทวนาราม จ.กาญจนบุรี ไม่รู้บำเพ็ญเพียรท่าไหนต้องลาสึกมาเป็นสามีไฮโซเสริมความงามไปฉิบ
อันว่า อันตรายของภิกษุจาก “ง. 3 ตัว” จึงเป็นเรื่องที่สาธุชนโปรดพิจารณา ง. งูตัวแรกหากเลื้อยเข้าไปหลบในกุฏิ หากเผลอไผลไปเหยียบถ้าเป็นงูพิษหลวงพี่มีสิทธิ์ตายกันง่ายๆ ง. งูตัวที่สอง คือ “เงิน” ถ้าไม่รู้จักลด ละกิเลสพระดังหลายรูปเคย “เสียพระ” กันมานักต่อนัก ง. งูตัวสุดท้ายคือ งูกำหนัด งูแห่งความอยาก งูตัวนี้ถ้าไม่เคร่งในพระธรรมวินัย ปล่อยให้ตัวเองอยู่ใก้ลสตรี เปิดโอกาสอยู่กันสองต่อสอง แน่ขนาดไหน ดังขนาดไหน มีบทเรียนแสนเจ็บแสบมาแล้วว่าล้วนไปไม่รอด พระนิกร พระยันตระ ภาวนาพุทโธ หลวงปู่เณรคำ หรือ พระมิซูโอะ พอเจอ ง. งู งุ่นง่าน บ้างต้องลาสิกขาบท บ้างติดคุกติดตะราง หรือเผ่นหนีกันมานักต่อนัก
ธัมมชโย เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่เคยถูกกล่าวหาให้อยู่ในเงื่อนไขนี้ และ 2 สตรีที่โด่งดังสุดขีดสำหรับเจ้าอาวาสอาณาจักรจานบิน ก็คือ “สีกาอี๊ด” กับ “สีกาตุ๊”
ประวัติความเป็นมาของสีกา “ดูโอ” ไม่มีบันทึกให้เห็นเป็นเรื่องราวแต่มีการพาดพิง พูดถึงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อคราวมีผู้ร้องให้ธัมมชโย ต้องอาบัติ - ปาราชิก โดยระบุว่า สีกาอี๊ด มีความสนิทสนมอย่างสุดพิเศษ มีพยานเคยเห็นหลายครั้งช่วงเดินทางร่วมกับธัมมชโย ไปให้แพทย์แผนจีนฝังเข็มรักษาโรคเบาหวานที่เชียงใหม่
ฝังกันไปฝังกันมาไม่รู้ว่าเข็มหมอหรือเข็มพระ!!??
จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ ยังปรากฏชื่อ สีกาอี๊ด ในฐานะคู่สัญญาขายเครื่องมือแพทย์แก่หน่วยงานรัฐในปี 2540 - 2559 มีมูลค่าสูงถึง 6 พันกว่าล้านบาท....นอกจากกิจการขายเครื่องมือแพทย์ยังมีโครงการจัดสรรที่ดินกว่า 2 พันไร่ ให้กับสมาชิกธรรมกาย ภายใต้คอนเซปต์ “ดินแดนของคนดี มีศีลธรรม มาอยู่ร่วมกัน”...โครงการดังกล่าวเกิดจากแนวคิดของสาวกและมอบหมายให้สีกาอี๊ด บริหารเริ่มกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านราคาไร่ละ 2 - 3 หมื่นบาท แต่มาบวกราคาอีก 10 เท่าตัว ต่อมาไปไม่รอดเพราะเกิดปัญหาเสียก่อน ทั้งในเรื่องเอกสารสิทธิ และการออกมาตรวจสอบของสื่อต่างๆ ที่เริ่มได้กลิ่น
ส่วนบทบาทของสีกาตุ๊ จะเดินสายประสาน ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนทุกแขนง มีทั้งตีสนิทจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน กับบางสำนักใช้เงินจ้างประชาสัมพันธ์กันเลย โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางธรรมกาย จะเป็นผู้สนับสนุนเช่นเคยให้สำนักพิมพ์เก่าแก่แห่งหนึ่งออกหนังสือเฉพาะกิจออกมากอบกู้สถานการณ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ผล ปัจจุบันแม้ธัมมชโย จะเพลี่ยงพล้ำใกล้คุกใก้ลตะราง สีกาตุ๊ ยังคงให้ความภักดีพยายามออกข่าวเพื่อกอบกู้ภาพพจน์โดยตลอด
นั่นคือ 2 สีการะดับซีอีโอ คนหนึ่งเอาเงินไปต่อเงินเพื่อทำธุรกิจ อีกคนมีหน้าที่ประสานสื่อคอยวางเกมตั้งรุก - รับ เพื่อให้ธรรมกายเป็นที่ยอมรับ แต่ไม่เพียงแค่นี้ ธัมมชโย ยังมีอาหารคาวอีกหลายสำรับ เช่น นางเพียงนิล “อดีตเมียน้อยนักปั่นหุ้นชื่อดัง” คนหนึ่งซึ่งคบหากันถึงขนาดมอบลูกสาวของตัวให้เป็นบุตรบุญธรรมเจ้าอาณาจักรจานบิน นางสงบ น.ส.วิชญา (เลขาส่วนตัว) นางแก้วตา หรือติ๋ม รายนี้สามีบุกไปถล่มถึงวัด กลายเป็นข่าวเมาท์ไปทั่วธรรมกาย
เรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์มิใช่จะมีแต่โลกของฆราวาส แต่โลกของสงฆ์เมื่อความลับถูกเปิดเผย แทบไม่ต่างอะไรกับสังคมชาวบ้านเลย เผลออาจจะหนักกว่า เพราะผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นจับสึก แต่เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ ทุกแห่ง ทุกเวลา
ไม่เว้นกระทั่งพระภิกษุชื่อก้อง วัดวาอารามใหญ่โตราวกับโรงแรมธรรมระดับ 5 ดาว แต่ไม่พ้นความเลวร้ายเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมาได้
ทั้ง สีกาอี๊ด กับ สีกาตุ๊ ก่อนเข้าสู่วงจรจานบินชีวิตครอบครัวอยู่ในระดับแนวหน้า...สตรีหลายคนที่หันหลังให้ผัวหันหน้าให้พระ!!??
หนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ ความเงียบเหงา....ความเงียบเหงาประหนึ่งคนไร้ค่า บ้างสามีติดงาน บ้างสามีนอกใจสารพัดปัญหา เมื่อไฟเผาอก ทางออกก็คือวัด...จากเหงากลับมามีชีวิตชีวาขึ้น...ทุกสังคมถ้าคบคนดีก็ดีไป....สังคมดงขมิ้นปฏิเสธไม่ได้ว่ามีทั้งดีทั้งเลวเช่นกัน
ธรรมชาติเรียกร้องเมื่อใก้ลชิด ท่านถามหา ท่านโปรดเลยลามปามเป็นท่านรักเรา เรารักพระ....เคยมีสีกาถกเถียงกันลั่นกุฏิหลวงพ่อรักฉันเพราะเรียกฉันรับใช้มากกว่า....สีกาอี๊ด - สีกาตุ๊ จะอยู่ในเงื่อนไขนี้หรือไม่เราไม่อาจชี้ชัดลงไปได้