xs
xsm
sm
md
lg

ปลูกท้อพื้นเมืองลูกเล็ก มีรายได้พอๆกับปลูกฝิ่น! ถ้าเปลี่ยนเป็นท้อลูกใหญ่ สีเหมือนแก้มสาวจีน ฝิ่นก็หมดไปเอง! เป็นที่มาของ “โครงการหลวง”!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

เสด็จพระราชดำเนินไปตามหมู่บ้านชาวเขา
โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรนั้น โครงการหลวง นับเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ส่งผลให้ชาวเขาในภาคเหนือเลิกปลูกฝิ่น หันมาปลูกพืชเมืองหนาวที่ทำรายได้ให้สูงกว่า ทั้งยังเลิกทำไร่เลื่อนลอย หยุดยั้งการทำลายป่าต้นน้ำลำธารของชาวเมือง มีผู้มาศึกษาและดูงานกันอย่างต่อเนื่อง เป็นแบบฉบับให้อีกหลายประเทศ

ทั้งนี้ในคราวเสด็จฯแปรพระราชฐานไปประทับพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ในปี ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมหมู่บ้านชาวเขาในพื้นที่ต่างๆของภาคเหนือ ทอดพระเนตรเห็นชาวเขาทำไร่เลื่อนลอยโดยการตัดไม้และเผาป่า เปลี่ยนที่ทำไร่เปิดป่าใหม่ที่ดินอุดมสมบูรณ์ไปเลื่อยๆ ทำให้แหล่งต้นน้ำลำธารถูกทำลาย อีกทั้งยังยึดการปลูกฝิ่นอันเป็นยาเสพติดร้ายแรงและผิดกฎหมาย พระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาปลูกท้อพันธุ์พื้นเมืองซึ่งมีขนาดเล็ก มีรายได้ใกล้เคียงกับการปลูกฝิ่น จึงมีพระราชวินิจฉัยให้หาท้อพันธุ์ดีจากต่างประเทศมาติดบนตอท้อพันธุ์พื้นเมือง ให้ได้ผลท้อมีขนาดใหญ่กว่าเดิม มีรสชาติดีกว่าเดิม ทำให้ได้รายได้มากกว่าเดิม ซึ่งจะดีกว่าการปลูกฝิ่น

หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ได้ทรงบันทึกไว้ในหนังสือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและโครงการหลวง” ตอนหนึ่งว่า

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถพระที่นั่งไปบ้านแม้วดอยปุย ใกล้พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และได้ทอดพระเนตรต้นท้อ (Peach) ที่แม้วเอากิ่งพันธุ์ดีมาต่อกับต้นพันธุ์พื้นเมืองตามโครงการแต่ปีก่อน และมีรับสั่งถามเจ้าของว่า ปลูกฝิ่นได้เงินเท่าไหร่ และเก็บท้อพื้นเมือง (ลูกเล็ก) ขายได้กี่บาท ก็ทรงทราบว่าฝิ่นกับท้อพื้นเมืองทำรายได้ให้เกษตรกรเท่าๆกัน...”

“ถ้าท้อลูกนิดๆยังทำเงินให้เกษตรกรได้ดีเท่ากับฝิ่นแล้ว เราก็ควรเปลี่ยนยอดให้ออกลูกมาเป็นท้อใหญ่ๆ หวานฉ่ำ สีชมพูเรื่อดังแก้มสาวในนิยายจีน เมื่อรายได้จากท้อและผลไม้อื่นสูงกว่าฝิ่นแล้ว ฝิ่นก็จะสาบสูญไปเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องใช้กำลังผลักดันแต่อย่างใด”

แต่การจะให้ชาวเขาซึ่งไม่เคยรู้จักพืชเมืองหนาวเลย หันมาปลูกพืชเมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่นพืชที่คุ้นเคยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างกาแฟ ซึ่งทรงนำมาให้ปลูกทดแทนฝิ่นอย่างหนึ่งนั้น ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๑๗ ไว้ว่า

“...แต่ก่อนเขาปลูกฝิ่น เราไปพูดจาชี้แจงชักชวนให้เขามาปลูกกาแฟแทน กะเหรี่ยงไม่เคยปลูกกาแฟมาก่อนเลย ยังดีที่กาแฟมิตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่หนึ่งต้นนั้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้าสำหรับกะเหรี่ยง”

ทรงแนะนำให้หาทางว่า “ทำอย่างไร กาแฟจึงจะเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งต้น”

ด้วยพระวิริยะอุตสาหะและขันติธรรม ปัจจุบันพื้นที่ซึ่งเคยเป็นไร่เลื่อนลอย มีดอกฝิ่นบานสะพรั่ง จึงกลายเป็นแหล่งผลิตผลไม้พืชผักและไม้ดอกเมืองหนาวที่สำคัญของประเทศ เช่น บ๊วย พลัม พีช สาลี สตรอเบอรี่ อะโวกาโด เสาวรส กาแฟพันธุ์อะราบิกา รวมทั้งผักและไม้ดอกเมืองหนาวหลายชนิด มีพืช “พันธุ์พระราชทาน” ออกมามากมาย ทำให้ทุ่นเงินที่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศลงไปมาก

ที่สำคัญ ไม่มีชาวเขาคนใดหันไปปลูกฝิ่นพืชที่ทำรายได้ต่ำกว่าอีก และไม่มีใครคิดทิ้งที่ทำกินไปหักร้างถางพงทำไร่เลื่อนลอย แม้มีคนมาขอซื้อที่ยังไม่ยอมขาย
ลูกท้อผลใหญ่สีเรื่อดังแก้มสาวในนิยายจีน
ท้อพื้นเมืองลูกเล็กที่ใช้ดอง
ดอกกาแฟบานเต็มต้น
กาแฟพันธุ์อราบิกาเมื่อสุกสีแดง
ชาวเขาเก็บผลผลิตกาแฟที่มีรายได้ดีกว่าปลูกฝิ่น
กำลังโหลดความคิดเห็น