ลำปาง - สาวสตูลถือพระบรมฉายาลักษณ์ “พระเจ้าอยู่หัว ร.๙” เดินเท้าจากปายถึงห้างฉัตร เมืองรถม้าแล้ว ขณะที่สองหนุ่มอาข่าชาวเชียงรายและลำปางวิ่งต่อ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อถวายสักการะพระบรมศพ
วันนี้ (24 พ.ย.) นางสุดา แจ่มจันทร์ อายุ 47 ปี เป็นชาว อ.ละมุง จ.สตูล ซึ่งสวมชุดดำ และเดินถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จาก อ.ปาย-กรุงเทพฯ มาจนถึง ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจามเทวี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเวียงตาล อ.ห้างฉัตร ทั้งเดิน-ขับรถตามดูแลอย่างใกล้ชิด
นางสุดาบอกว่า ได้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงงานเพื่อแผ่นดินไทย และพสกนิกรชาวไทยอย่างยาวนานกระทั่งเสด็จสวรรคต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พระองค์ท่านทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจมาตลอด
ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเคยเสด็จพระราชดำเนินมายัง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งทุกวันนี้ตนก็ได้ทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.ปาย จึงได้มีแรงบันดาลใจที่จะเดินเท้าจาก อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ไปยังพระบรมมหาราชวัง เพื่อจะได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แสดงถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
สำหรับพื้นที่ จ.ลำปางมีประชาชนที่มีความตั้งใจเดินเท้าผ่านเข้ามายังถนนสายหลักในพื้นที่ จ.ลำปางอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ (23 พ.ย.) นายพิศล อางี่ ราษฎรบ้านแม่จันใต้ ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ผู้พิการทางหู และนายอนุรักษ์ เมทู อายุ 18 ปี ราษฎรบ้านแม่คำหล้า ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง สองนักวิ่งเผ่าอาข่า ก็ร่วมตัวแทนชาติพันธุ์เผ่าอาข่าออกวิ่งจากบ้านมุ่งหน้าไปยังกรุงเทพมหานครเพื่อกราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวง ร.๙ โดยมีเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยต้นธงชัยลำปาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองลำปาง ให้การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
เมื่อทั้งคู่วิ่งมาถึงจังหวัดลำปางได้เข้ากราบสักการะอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง อดีตเจ้าผู้ครองนครลำปาง เพื่อกราบขอพรเพื่อให้การวิ่งในครั้งนี้ประสบความสำเร็จไร้อุปสรรค โดยมีพี่น้องชาวเขาเผ่าอาข่าจากบ้านแม่คำหล้า ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง ร่วม 30 คน ได้เดินทางมาส่ง และให้กำลังใจ
ขณะเดียวกัน พ.อ.อรรณพ ธรรมลักษมี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี ก็ได้ให้แพทย์มาทำการตรวจสุขภาพให้กับทั้งสองคน ด้วยการวัดความดันโลหิต จัดแพทย์แผนไทยบริการนวดผ่อนคลาย พร้อมทั้งมอบชุดยาเพื่อให้ใช้ระหว่างการเดินทางต่อไปด้วย
สองหนุ่มตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์อาข่ากล่าวว่า พวกตนซึ่งเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยนำกล้าพันธุ์กาแฟ และพืชเมืองหนาวมาให้ปลูก แทนการปลูกฝิ่นจนชาวบ้านลืมตาอ้าปากและมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ทุกวันนี้ ตนจึงอยากทำอะไรเพื่อตอบแทนพระองค์ท่าน ด้วยการวิ่งเพื่อไปกราบพระบรมศพ และจะทำตามที่พระองค์ท่านทรงสอน คือพระองค์ท่านอยากให้เรารักและสามัคคีกัน
ทั้งนี้ หลังจากพักค้างคืนในตัวเมืองลำปางในคืนที่ผ่านมาแล้ว เช้ามืดวันนี้ (24 พ.ย.) ทั้งคู่ก็ออกวิ่งต่อ โดยตั้งใจกันไว้ว่าจะวิ่งวันละ 30 กิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ และค่ำไหนนอนนั่นจนกว่าจะถึงกรุงเทพฯ