xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึก! ลาวเอาจริง เสื้อแดงไทย “กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก” ปิดวิทยุใต้ดิน แลกกับอยู่อย่างสงบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


MGR Online - เผยเบื้องหลังทางการลาวเอาจริง สั่งปิดวิทยุใต้ดินกลุ่มคนเสื้อแดง ด่ารัฐบาล - ล้มสถาบัน เกิดขึ้นระหว่าง “ประวิตร” ไปประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ที่เวียงจันทน์ กรมใหญ่ตำรวจเรียกไปเจรจา ขอให้งดออกอากาศวิทยุ แลกอยู่อย่างสงบ ขู่ไม่งั้นจับส่งกลับไทย ด้านความเป็นอยู่ระส่ำ เหตุไม่มีสำนักงาน UNHCR ให้ส่งไปอยู่ประเทศที่ 3 เหมือนอย่างกัมพูชาที่ “ตั้ง อาชีวะ” ได้ไปนิวซีแลนด์

จากกรณีที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีทางการสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เอาจริงเอาจังกับผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของไทย ด้วยการปิดคลื่นวิทยุที่คนกลุ่มดังกล่าวใช้อยู่ ว่า “เมื่อทางการลาวเอาจริง กลุ่มดังกล่าวต้องหยุดเคลื่อนไหวและถ้าประเทศต่างๆ ให้ความร่วมมือดีเช่นนี้ เรื่องเหล่านี้ก็จะคลี่คลายลง”

นายดอน อธิบายว่า เรื่องนี้เป็นความร่วมมือโดยไม่ได้ยึดถือกฎหมายของประเทศตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย เป็นเรื่องที่คนไทยเคารพนับถือ และบางทีถูกบิดเบือน โดยเฉพาะจากสื่อตะวันตก ซึ่งมักพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายเฉพาะที่มีในประเทศไทย ทั้งที่แต่ละประเทศล้วนก็มีกฎหมายเฉพาะของตัวเองทั้งนั้น

“เขาไม่พยายามทำความเข้าใจ แต่กลับบิดเบือนกันไปมา ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลังจากวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ทุกคนต่างรับรู้ว่าคนไทยทั้งประเทศต่างโศกเศร้าเสียใจต่อการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และรับรู้แล้วว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คนสร้างปัญหาที่หลบหนีไปอาศัยประเทศตนเองเหล่านั้นกุขึ้น” นายดอน กล่าว

นายดอน กล่าวว่า หลายประเทศรับรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับรู้ไม่สนใจ เพราะเรื่องนี้คนไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถาบัน แต่ที่ผ่านมา มีการปล่อยให้บิดเบือนทำให้ความเป็นจริงไม่ปรากฏ หลายประเทศที่ไม่เคยรับรู้จนได้เห็นกับตา จึงรู้ว่าประเด็นนี้มีความยิ่งใหญ่

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ชาวตะวันตกที่เข้ามาเมืองไทย ไม่เคยได้สัมผัสพระเจ้าอยู่หัว เพราะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ท่านไม่ค่อยปรากฏพระวรกายผ่านพระราชกรณียกิจ บัดนี้ เมื่อสื่อต่างๆ เผยแพร่เรื่องราวของท่าน ผู้คนจึงรู้ว่าท่านคือของจริงที่ทรงงานทุ่มเทให้ประชาชนอย่างมหาศาล

เมื่อถามว่า มีโอกาสจะได้ตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีในไทยบ้างหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่อยากจะพูดเช่นนั้น เพราะคงต้องปล่อยให้แต่ละประเทศดำเนินการไปโดยวิธีของตัวเอง แต่ละประเทศก็ได้ช่วยกันปรามผู้ที่ยังกระทำผิด เพราะไม่มีประเทศใดต้องการให้คนที่มีปัญหามาอาศัยในประเทศตัวเอง ใช้ประเทศของตัวเองสร้างปัญหาทางการเมืองให้กับรัฐบาลและประชาชน

รายงานข่าวแจ้งว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ได้มีแถลงการณ์ของสถานีวิทยุใต้ดินของกลุ่มลุงสนามหลวง เรื่อง ขอพักการกระจายเสียง ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ภายในและภายนอกราชอาณาจักร ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ในการนี้ได้มีหลายฝ่ายหลายภาคส่วนขอให้ทางสถานีพิจารณายุติการกระจายเสียงไปก่อน จนกว่าจะสถานการณ์จะคลี่คลายลง

“ทางสถานีขอน้อมรับความปรารถนาดีจากทุกๆ ฝ่าย และต้องขอยุติการกระจายเสียงทั้งหมดไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติ ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของทุกๆ ฝ่าย”

สำหรับสถานีวิทยุดังกล่าว เจ้าของสถานีคือ นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ฉายา ลุงสนามหลวง ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปอยู่ที่ประเทศจีน ก่อนที่จะย้ายมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของ สปป.ลาว และวางแผนทำวิทยุออนไลน์ใต้ดิน โดยมี นายไตรรงค์ สินสืบผล หรือ ขุนทอง ไฟเย็น, น.ส.รมย์ชลี สมบูรณ์รัตนกูล หรือ แยมมี่ ไฟเย็น, สหาย 112 ที่เป็นนักเขียนชื่อดัง และ สหายยังบลัด เป็นนักจัดรายการวิทยุ

รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ตัวแทนกรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงรักษาความสงบของ สปป.ลาว ได้เรียกคนไทยซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงใต้ดิน ที่หลบหนีคดีจากประเทศไทย ไปเจรจา ขอให้ยุติการส่งกระจายเสียงผ่านยูทูป หากไม่เชื่อฟัง จะส่งตัวกลับไปรับโทษที่เมืองไทย ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงใต้ดินยอมรับเงื่อนไขยุติการออกกระจายเสียงโดยทันที เพื่อแลกกับการใช้ชีวิตอย่างสงบใน สปป.ลาว

โดยเริ่มจาก นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่มแดงสยาม ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปกบดานอยู่ที่บ้านพักในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และเปิดสถานีวิทยุออนไลน์ โดยได้รับการช่วยเหลือจาก นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และกลุ่มคนเสื้อแดงในยุโรป ยอมยุติจัดรายการตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. กระทั่งกลุ่มของนายชูชีพ ได้ยุติการออกอากาศเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ สถานการณ์การดำรงอยู่ของกลุ่มคนเสื้อแดงใต้ดิน ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปอยู่ที่ สปป.ลาว นั้น เริ่มมีปัญหา เนื่องจากที่ สปป.ลาว ไม่มีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เหมือนกัมพูชา ช่องทางลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 จึงไม่สามารถทำได้ เหมือนอย่าง นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ สามารถขอลี้ภัยจากสำนักงาน UNHCR ในกัมพูชา ไปยังประเทศนิวซีแลนด์ได้

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน พื้นที่ สปป.ลาว จะอยู่ภายใต้การควบคุมของ UNHCR สำนักงานประจำภูมิภาคประเทศไทย ที่อาคารสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ

และเมื่อมีข่าวปล่อยว่า หน่วยเฉพาะกิจข้ามมายัง สปป.ลาว แล้ว จะได้รับคำเตือนให้เตรียมย้ายถิ่นฐานตลอดเวลา

สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นอกจากจะมีกลุ่มของนายชูชีพ และ นายสุรชัย แล้ว ยังมี นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ เรดดาร์ด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี ปัจจุบันประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว อาศัยอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของ สปป.ลาว อีกด้วย โดยได้รับเงินสนับสนุนจากบุคคลบางกลุ่มในเมืองไทย ทุกเดือนตัวแทนพวกเขาจะไปรับเงินเดือนผ่านหน่วยงานแห่งหนึ่งเป็นประจำ

สำหรับการเรียกตัวกลุ่มคนเสื้อแดงใต้ดิน ของตัวแทนกรมใหญ่ตำรวจ สปป.ลาว นั้น เกิดขึ้นในขณะเดียวกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ (ADMM Retreat) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 16 - 17 พ.ย. ที่ผ่านมา

วันที่ 21 พ.ย. พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ขอบคุณและชื่นชมทางการลาว สั่งปิดรายการวิทยุโจมตีสถาบันฯ และรัฐบาล หลังจากที่ตนขอกับกระทรวงกลาโหมลาว ในระหว่างการประชุม ADMM Retreat ส่วนการส่งตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าผู้ต้องหาอยู่ตรงไหน

แต่ได้บอกกับ รมว.กลาโหม สปป.ลาว ไป ว่า ในประเทศลาวมีกลุ่มที่โจมตีรัฐบาล และสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ทุกวันนี้จะทำอย่างไร เชื่อได้ว่า หากทางการลาวจับกุมตัวได้ ก็คงจะส่งให้ไทย เพราะเรื่องนี้สำคัญที่ความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนจะมีจำนวนมากหรือไม่ ตนเห็นว่า ก็พอมี แต่โจมตีรัฐบาลและสถาบันฯอยู่ทุกวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น