พสกนิกรจากทั่วทุกภูมิภาค ทั่วทุกจังหวัดของประเทศ ต่างพร้อมใจมุ่งตรงสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยใจแห่งความจงรักและภักดีหลั่งไหลมารอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ
แม้ความสูญเสียครั้งใหญ่ยิ่งของประชาชนชาวไทยจะผ่านมานาน ถึง 25 วันแล้วก็ตาม แต่การเดินทางเข้าสักการะพระบรมศพของประชาชนทุกหมู่เหล่า ยังคงไม่ลดน้อยลงจากวันแรกสำนักพระราชวัง จึงนำเชือกสีแดงมากั้นตั้งแต่หน้าพระที่อัมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาร ยาวไปถึงหนาพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อให้แถวของประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ เป็นระเบียบไม่ปะปนไปรวมกับแถวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่มาช่วยอธิบายทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวที่มาชมพระบรมมหาราชวัง ทั้งนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์ต่างๆ ทั่วทุกประเทศในโลก เมื่อได้เห็นแถวของประชาชนคนไทย ที่ตั้งใจยืนรออย่างอดทนต่างรู้สึกซาบซึ้งในความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
กระทั่ง เวลา 05.00 น. วันนี้ (6 พ.ย.) สำนักพระราชวัง ได้เปิด พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ให้ประชาชนเดินทางเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ เป็นวันที่ 9 แล้ว พสกนิกรจากทั่วทุกภูมิภาค ทั่วทุกจังหวัดของประเทศ ต่างพร้อมใจมุ่งตรงสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยใจแห่งความจงรักและภักดี
ด้าน นายสมควร ตินะสัน อายุ 44 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย เดินทางมาพร้อมภรรยา และเพื่อนบ้านรวม 10 คน ด้วยการเหมารถตู้คนละ 1,000 บาท ตั้งแต่ 16.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ถึงกรุงเทพฯ เมื่อตอน 03.00 น. แล้วเข้าแถวรอทันทีก่อนจะได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 08.00 น. เจ้าตัวบอกว่า รู้สึกว่ามีบุญวาสนา เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มา ถ้าคนไม่มีใจมุ่งมั่นก็คงมาไม่ได้ เพราะในหลวงให้ทุกอย่างในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการทำมาหากิน ท่านสอนให้ใช้ชีวิตพอเพียง ด้วยการทำนา ทำสวน มีรายได้เลี้ยงตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปเรียนรู้วิถีเกษตรพอเพียงที่ไร่เชิงตะวัน ของท่าน ว.วชิรเมธี แล้วมาร่วมกันตั้งศูนย์ข้าวชุมชนตำบลเวียงเหนือ มีการอบรม ออกไปดูงานด้านการปลูกข้าวที่จังหวัดอื่นๆ เน้นข้าวปลอดสารพิษ การรวมตัวกันตามแนวทางของในหลวงแบบนี้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ได้ข้าวคุณภาพดีขึ้น ขายได้ราคาดี ชีวิตดีขึ้นเพราะในหลวง เมื่อเช้าเข้าแถวนาน 5 ชั่วโมง ไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลย ให้ลำบากกว่านี้ก็ทำได้
ด้าน นางอาภา ขจรจัด แม่เฒ่าวัย 80 ปี ชาวจังหวัดกระบี่ ที่เดินทางมากับรถของกระทรวงมหาดไทยพร้อมหลานสาว เผยว่า มาถึงกรุงเทพฯ ตอน 04.00 น. ได้เข้าสักการะพระบรมศพตอน 07.00 น. ดูข่าวในหลวงทางทีวีทุกวันน้ำตาไหลตลอด ในหลวงเป็นคนของประชาชน เราอายุมากแล้วยืนต่อแถวนานๆ ก็เมื่อย แต่คิดว่าท่านเดินทางขึ้นเขาลงห้วยมามากกว่าเราท่านยังยอมเหนื่อย แค่นี้ไม่ได้เศษเสี้ยวความมานะของท่านเลย ตอนอายุ 40 ปี เคยมีโอกาสรับเสด็จฯพระองค์ที่น้ำตกธารโบกขรณี อำเภออ่าวลึก ทรงเยี่ยมราษฎร รู้สึกมีบุญที่ได้รับเสด็จฯ กลับไปจะไปบอกลูกหลานว่าคนรักในหลวงมาก มากันเต็มไปหมด ถ้ามีโอกาสลูกหลานต้องมากันนะ
ส่วนด้านหน้าถนนหน้าพระลาน นายดอยธิเบศร์ ดัชนี ลูกชายคนเดียวของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เดินทางมาแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยสัปดาห์นี้นำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่ถ่ายโดยช่างภาพตามเสด็จฯ 9 แบบ จำนวน 6 หมื่นภาพ มาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพบริเวณหน้าธนาคารคารกรุงไทย ตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง
นายดอยธิเบศร์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มาแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ภายใต้โครงการพ่อหลวงในดวงใจ ครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้เลือกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่ถ่ายโดยช่างภาพตามเสด็จฯที่หลายคนยังไม่มีโอกาสได้เห็นหรือมีเก็บไว้ มาแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยเพิ่มจำนวนเป็น 6 หมื่นภาพ เพราะครั้งก่อนนำมา 2 หมื่นภาพแล้วไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ตั้งใจนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์มาแจกทุกวันอาทิตย์ทั้งหมด 9 ครั้ง รวม 81 แบบ โดยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในชุดเต็มยศ ส่วนวันอาทิตย์หน้าภาพที่นำมาแจกจะเป็นภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นผลงานจากศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศ