ประชาชนยังคงเดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม อย่างไม่ขาดสาย ผู้ถวายงานใกล้ชิดเผยความประทับใจสูงสุด สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ทรงเป็นผู้เสียสละ เห็นแก่ประชาชนก่อนเสมอ ขณะที่ชาวไทยภูเขากล่าวทั้งน้ำตา รักและคิดถึงพ่อหลวงมาก ท่านทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดี
วันนี้ (26 ต.ค.) บรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม เมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าลงนามถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมหาราชวังเป็นวันที่ 12 ซึ่งมีพสกนิกรเดินทางมาไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่
พ.ต.อ.ไพรัช พลโยธา ข้าราชการบำนาญอดีตนักบิน ส.บ. 5 สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อายุ 77 ปี ซึ่งมีโอกาสได้ขับเฮลิคอปเตอร์นำขบวนเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 เป็นเวลานานกว่า 11 ปี และยังมีโอกาสได้ตามเสด็จฯพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่กล่าวพลางร้องไห้ว่า เมื่อก่อนมีโอกาสได้ถวายงาน ขับเฮลิคอปเตอร์ตามขบวนไปมาแล้วทุกพื้นที่ของประเทศ โดยต้องเป็นส่วนนำที่ขึ้นไปดูก่อน ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่คอมมิวนิสต์ แต่ละพื้นที่ล้วนเป็นพื้นที่กันดาร หากเฮลิคอปเตอร์ลงไม่ได้ ท่านก็จะเสด็จพระราชดำเนินต่อไปเองเรื่อยไปตามทาง ทุกพื้นที่ ไม่เคยมีปัญหาใดแม้จะอันตรายมาก หลายครั้งที่สภาพอากาศไม่เป็นใจ พระองค์ก็จะให้ลงจอดที่สนามบินก่อน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในขบวน หลายครั้งที่มีคนป่วยหนัก เช่น คนจะคลอดลูก พระองค์ก็จะมีรับสั่งให้นำเฮลิคอปเตอร์ย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินเหล่านี้ไปส่งโรงพยาบาลในทันท่วงที แต่ละครั้งได้กลับออกจากพื้นที่ก็ 4 - 5 ทุ่ม แล้วก็มี
“ตลอดเวลาที่ได้เป็นนักบินนำขบวนนั้น ภาพประทับติดตา คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงงาน โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คอยทรงพระอักษรถวายอยู่เคียงข้าง ในแต่ละครั้งเห็นพระองค์ทรงงานหนักเสมอ เป็นความภูมิใจที่สามารถนำเรื่องไปเล่าให้ลูกฟังได้อีกยาวนาน ความประทับใจสูงสุด คือ ได้มีโอกาสรับพระราชทานรูปพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่มีเราอยู่ในภาพนั้น ซึ่งกองงานได้ส่งมาให้ เป็นความประทับใจที่สุด วันที่ท่านสวรรคตรู้สึกหัวใจสลาย น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้ คิดถึงทีไรก็ยังมีน้ำตาอยู่เสมอ”
นางบูยา อาแซ่ อายุ 73 ปี ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า เดินทางมาจาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมลูกสะใภ้ นางศาวณีย์ มาเยอะ อายุ 44 ปี ที่พักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยชุดชนเผ่า
นางบูยา เล่าให้ฟังด้วยภาษาท้องถิ่นพร้อมหลั่งน้ำตา โดยมีลูกสะใภ้แปลความหมายให้ฟังว่า พ่อหลวงทรงงานมานานแล้ว ตอนนี้พ่อหลวงพักผ่อนอยู่บนสวรรค์ ตนรักพ่อหลวงและคิดถึงมาก ลูกคนไหน ๆ ก็เป็นลูกของพ่อหลวงทั้งนั้น พ่อหลวงทรงสอนดี เคยรับเสด็จฯ พ่อหลวงเมื่อตอนอายุ 43 ปี ทรงสอนให้ชาวเขาปลูกผักปลูกผลไม้ ทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดี ชาวอาข่าหลายคนก็อยากมา แต่เดินทางมาลำบากมาก
ขณะที่ นางศาวณีย์ เปิดเผยว่า ชาวเขาเผ่าอาข่าเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากจากพ่อหลวง ทรงช่วยเหลือพวกเราให้มีที่ทำกิน จากที่ปลูกข้าว ปลูกฝิ่นในสมัยก่อน พ่อหลวงได้สอนให้พวกเราปลูกผักและผลไม้ ทั้งข้าวโพด ผักกาด พริก มะเขือเทศ ส้มเขียวหวาน แล้วยังให้ส่งไปจำหน่ายให้กับโครงการหลวง ทำให้พวกเรามีรายได้แบบไม่ผิดกฎหมาย ลูกหลานเกิดมารุ่นต่อ ๆ ไปไม่ต้องติดยา พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี