อุตรดิตถ์/อุทัยธานี - สองตายายชาวจีนอพยพรุ่นแรก หอบเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากอุตรดิตถ์ สุดปลาบปลื้มได้ถวายงาน “พ่อหลวง-พระราชินี” สอนลูกทุกคนเทิดทูนราชวงศ์สูงสุด ขณะที่ “เฮียเก๊า” อีกหนึ่งลูกจีนเมืองอุทัยฯ ยึดเศรษฐกิจพอเพียง เช้าขายโจ๊ก-กลางวันขายก๋วยเตี๋ยวจนมั่นคง
นายประเสริฐ เล็กอุทัย อายุ 87 ปี และนางอารีย์ เล็กอุทัย อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/1 หมู่ 2 ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ สองสามี-ภรรยาชาวจีนที่อพยพมาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร่วมๆ 70 ปี ได้นำภาพที่ยังความปลาบปลื้มให้แก่ตนเองและครอบครัวจนถึงทุกวันนี้ออกมาให้คนแวดล้อมได้ดู
เป็นภาพเคยถวายงานรับใช้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อครั้งเสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนราษฎร ณ เขื่อนสิริกิติ์ ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ 4 มีนาคม 2520 ยังความปลาบปลื้ม และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ส่วนนางอารีย์ก็เคยแสดง “เซิ้งกระติ๊บ” ต่อเบื้องพระที่นั่งสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน และเสด็จพระดำเนินทรงเยี่ยมประชาชนที่โรงเรียนตรอนตรีสินธิ์ อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์
นายสุรเดช เล็กอุทัย รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านแก่ง อ.ตรอน ลูกชายของนายประเสริฐ และนางอารีย์ กล่าวว่า คุณพ่อ และคุณแม่แม้จะเกิดที่ประเทศจีนแล้วอพยพมาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่พระองค์ท่านทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติช่วงแรก ๆ แต่ก็นำความปลาบปลื้มมาสู่วงศ์ตระกูลอย่างมาก
“พ่อและแม่อบรมสั่งสอนลูกๆ เสมอว่า ใครที่ได้อาศัยอยู่เมืองไทยถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว เพราะเมืองไทยมีในหลวงที่ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ทุกคน ให้เคารพและเทิดทูนราชวงศ์อย่างสูงสุด และที่บ้านจะเก็บสะสมของที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์หลายอย่าง เช่น พระบรมฉายาลักษณ์ทองคำ แสตมป์แผ่นทองคำแท้บริสุทธิ์”
ขณะที่นายสุเทพ อุณหอุทัย หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า “เฮียเก๊า” อีกหนึ่งลูกหลานชาวจีนอพยพยุคเสื่อผืนหมอนใบเพื่อมาอาศัยทำมาหากินใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งรกรากอยู่ที่อุทัยธานี นอกจากจะยึดแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเช้าขายโจ๊ก กลางวันขายก๋วยเตี๋ยว บริเวณวงเวียนน้ำพุย่านเศรษฐกิจเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี จนมีฐานะมั่นคงแล้ว
เฮียเก๊ายังได้พยายามแสวงหาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ทรงเยาว์วัยจนถึงปัจจุบัน มาติดไว้จนเต็มบ้าน
เฮียเก๊าเล่าให้ฟังว่า ตนเคยเข้ารับการอบรมลูกเสือชาวบ้านปี 2516 จนเมื่อปี 2519 มีผู้ใหญ่ชวนมาสร้างศูนย์อบรมลูกเสือชาวบ้าน แต่ไม่มีทุนทรัพย์ จึงได้ไปช่วยกันสร้างด้วยใจ ไม่คิดหวังสิ่งตอบแทนใดๆ เมื่อทำเสร็จแล้วทางศึกษาจังหวัดสมัยนั้นจึงทำเรื่องไปยังส่วนกลางเพื่อจะขอประกาศเกียรติคุณให้ ตนจึงได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่ 1 ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2525 ที่ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
“ความรู้สึกตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นมาก ทั้งๆ ที่เคยเห็นพระองค์ท่านที่เคยเสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกรณียกิจที่จังหวัดอุทัยธานีถึง 2 ครั้ง แต่ได้แค่มองเห็นไกลๆ พอถึงวันรับพระราชทานจริงๆ เมื่ออยู่ต่อเบื้องพระองค์ท่านจริงๆ ทำให้ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก”
นายสุเทพกล่าวเพิ่มเติมว่า พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์รวมใจของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งที่ยังตรึงตราอยู่ในใจของตน คือ สมัยที่บ้านเมืองเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน พระองค์ท่านตรัสว่า “พวกคุณจะชนะกันด้วยเศษปรักหักพังมันจะมีประโยชน์อะไร” ซึ่งตนรู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินพระราชดำรัสอย่างนั้น
เฮียเก๊าย้ำว่า ต่อจากนี้จะตั้งมั่นทำความดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการอุทิศตนในการช่วยเหลือสังคมอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ เพื่อตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อครอบครัวตน ซึ่งเป็นคนจีนได้อาศัยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ จนมีฐานะมั่นคงถึงทุกวันนี้