พสกนิกรจากทั่วสารทิศเดินทางมาเข้าคิวรอลงนามแสดงความอาลัยถวายแด่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
วันนี้ (17 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. บรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เหล่าพสกนิกร ปวงชนชาวไทยผู้ภักดีต่อองค์พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ทุกหมู่เหล่า แห่แหนกันเดินทางมาต่อคิวรอเข้าร่วมลงนามแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยทางสำนักพระราชวัง เปิดศาลาสหทัยสมาคม ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีที่มีความสำคัญต่อจิตใจคนไทยทั้งชาติ ทั้งนี้ ตลอดในช่วงเช้าคลื่นมหาชนผู้จงรักภักดีเริ่มทยอยเข้ามาปักหลัก เพื่อต่อแถวเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดให้ประชาชนเข้ามาภายในศาลาสหทัยสมาคม รอบละประมาณ 70 คน ขณะที่บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคมสำนักพระราชวังได้กางเต็นท์ เพื่อให้ประชาชนได้มีที่หลบแดดและฝน
นายธวัชชัย เพิกทิม อายุ 39 ปี จากเขตบางแค กทม. มาพร้อมภรรยาและลูก กำลังยืนแจกพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ครั้งเสด็จออกสีหบัญชร บริเวณด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า วันนี้นำพระบรมฉายาลักษณ์มาแจกประชาชนที่มาถวายสักการะจำนวน 300 ใบ เมื่อวานก็มาแจก พรุ่งนี้ก็จะมาแจกตรงนี้เพราะอยากให้ประชาชนเก็บไว้เป็นที่ระลึก เวลาเห็นเขารับแจกไปแล้วมีรอยยิ้ม เขายกขึ้นเหนือหัว บ่งบอกว่าอยากได้จริงๆ ตนก็มีความสุขไปด้วย อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงสอนด้วยการปฏิบัติเป็นแบบอย่าง เป็นตัวอย่างที่ดี ตนและครอบครัวก็น้อมนำมาปฏิบัติใช้อยู่ อย่างเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เท่าที่มี ไม่ฟุ้งเฟ้อ ตรงนี้ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันอยู่กับยุคสมัยที่อะไรใหม่ๆ เข้ามามากมายแต่อาจไม่ได้จำเป็นต่อชีวิต
น.ส.วาสนา นครแก้ว อายุ 45 ปี ชาว จ.ขอนแก่น แต่อาศัยอยู่เขตบางพลัด กทม. กล่าวว่า ประทับใจในความดีของพระองค์ เห็นและติดตามมาตลอดว่าพระองค์สนใจงานด้านการพัฒนาคน งานที่ทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน อย่างที่โครงการพระราชดำริ “อีสานเขียว” ที่ทรงพัฒนาด้านการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ น้ำ โดยเฉพาะด้านการศึกษาทรงจัดตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น พระองค์มองว่าหากคนมีการศึกษา คนจะเจริญขึ้นแม้ว่าจะมีฐานะยากจน ที่สุดเขาก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมา
“ดิฉันจะเดินตามรอยพ่อหลวง ตั้งใจว่าจะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ดั่งที่พระองค์ช่วยเหลือประชาชนไทยโดยไม่แบ่งสีแบ่งชนชั้น จะช่วยต่อต้านกลุ่มค้ายาเสพติดมอมเมาประชาชนที่พ่อหลวงไม่ชอบ จะเชื่อมความรักความสามัคคีคนไทย พยายามทำเท่าที่จะทำได้ให้ดีที่สุด ทั้งหมดนี้ตนไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่มีความสุขและไม่ได้เดือนร้อนตนเองจนเกินไป” น.ส.วาสนากล่าว
ด้าน อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์ นักแสดง กล่าวว่า รู้สึกใจสลาย ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ส่วนตัวรักพระองค์ท่านมาก แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระองค์ท่านยังทอดพระเนตรลูกทุกคนอยู่ ฉะนั้นก็อยากให้คนไทยมาทำดี รักและสามัคคีกัน เพื่อเป็นการน้อมเกล้าฯ ถวายพระองค์ท่าน ส่วนตัวจะพยายามทำตามคำสอนทุกอย่างของพ่อหลวง เช่น เศรษฐกิจพอเพียง การทำความดีต่างๆ
ขณะที่ น.ส.สุธีวัน ทวีสิน หรือใบเตย อาร์สยาม นักร้อง กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด เป็นดั่งพ่อที่คอยดูแลคนในครอบครัวทุกย่อมหญ้า ทั้งนี้ พระองค์ถือเป็นแรงบันดาลใจในเส้นทางนักร้องของตน เพราะครั้งแรกที่ได้ประกวดร้องเพลง ตนได้น้อมนำเพลงพระราชนิพนธ์ “ใกล้รุ่ง” มาประกวด ยังทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ตนเล่นเปียโนเป็น ส่วนตัวหากจะทำอะไรเพื่อพระองค์ได้ เช่น การน้อมนำเพลงพระราชนิพนธ์มาขับร้องใหม่ ก็อยากจะทำถวายพระองค์ ก็คิดว่าจะบอกทางค่ายต้นสังกัดเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฝากถึงคนไทยว่าต้องเข้มแข็ง มีสติ และกลับมาสู้ชีวิต เหมือนที่พระองค์ที่ทรงต่อสู้กับหลายๆ อย่างเพื่อประเทศไทย
วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวันมีคณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เช่น ประเทศสโลวัก เคนยา สหราชอาณาจักร โรมาเนีย มอลตา อิตาลี มองโกเลีย ฮังการี เกาหลีเหนือ ยูเครน
จากนั้นเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ของการสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามถวายอาลัย ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระมหาราชวัง มีจำนวนทั้งสิ้น 34,535 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นจำนวน 174,904.50 บาท