วันนี้ (11 ต.ค.) ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ศาลา 10 เวลา 16.30 น. ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล ภรรยา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือผู้จัดการ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา สำหรับบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก มีญาติมิตรและพี่น้องประชาชนมาร่วมงานอย่างล้นหลาม โดยก่อนพิธี นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายของอาจารย์จันทน์ทิพย์ และ นายสนธิ ได้กล่าวคำไว้อาลัย ความว่า
คำไว้อาลัยจาก สนธิ ลิ้มทองกุล
พ่อแม่ ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว เคยบอกผมว่า คนที่ใฝ่ในธรรม ทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่ว ถือศีล 5 ทำบุญทำทาน ปฏิบัติธรรม ทำนุบำรุงศาสนาดี แต่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่อาฆาตแค้นต่อผู้ใด คน ๆ นี้ เมื่อตายไปแล้วก็จะขึ้นไปอยู่บนที่ที่ดี ๆ บนสวรรค์ชั้นฟ้าในชั้นต่าง ๆ ถ้าจะเอามาตรฐานที่องค์หลวงตามหาบัวเทศน์เอาไว้เป็นเครื่องวัด ก็เป็นอันสรุปได้ว่า ดวงวิญญาณของ อ.จันทน์ทิพย์ หรือ ปุ๊ หรือแม่ จากการเรียกของผมก็คงจะอยู่บนสวรรค์ ไม่ชั้นใดก็ชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน ผมคงไม่มานั่งสาธยายคุณงามความดีของปุ๊ให้ทุกคนฟัง เพราะคนที่รู้จักได้สัมผัสกับปุ๊ในมิติใดก็มิติหนึ่ง หรือในหลาย ๆ มิติ ล้วนแล้วแต่ยืนยันในสิ่งที่ปุ๊เป็น เหมือนดังคำพูดขององค์หลวงตามหาบัว
ผมได้ข่าวปุ๊ลาโลกนี้ไปเมื่อ ปั๊บ ลูกชาย เข้ามาเยี่ยมในเรือนจำคลองเปรม เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 นี้ ผมร้องไห้โฮเหมือนเด็กสะอึกสะอื้น เหมือนมีอะไรในชีวิตที่สำคัญหายไปจากตัวผม แม้กระทั่งเวลานี้ที่ผมเขียนคำไว้อาลัยต่อมน้ำตาผมก็ใกล้แตก น้ำตาผมก็คลอออกมา ในชีวิตนี้ผมร้องไห้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่แม่จากไปโดยที่ผมไม่ได้อยู่ข้าง ๆ และครั้งนี้ที่ปุ๊จากผมไป ผมเสียใจมากที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างปุ๊ในเวลาที่เธอสิ้นลมหายใจอย่างสงบ และผมก็เสียใจมาก ที่ไม่สามารถจะไปอยู่กับเธอในงานศพ และวางดอกไม้จันทน์บนโลงศพเธอ
ปุ๊ฝากปั๊บมาบอกผมว่า อย่าคับแค้นกับโชคชะตาที่ผมเป็นเช่นนี้ ให้เปลี่ยนมันเป็นการให้อภัย และอโหสิกรรม ทำให้เป็นพลานุภาพในการมุ่งมั่นที่จะทำความดีต่อไปโดยไม่ท้อ และยังบอกให้ผมพยายามปฏิบัติธรรมให้มากขึ้นกว่าเดิม และนี่คือปุ๊ภรรยาของผม ผมคงจะไม่พูดว่า ชาติหน้ามีจริงก็ขอให้ผมและปุ๊ กลับมาเป็นสามีภรรยากันต่อไป แต่ผมอยากจะพูดว่า ถ้าปุ๊อยู่ในที่ที่ดี ๆ และสามารถที่จะไม่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็ขออย่าได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ขอให้ไปนิพพานด้วยตัวปุ๊เอง ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มันเป็นเรื่องของโลกุตระ ส่วนผมนั้นยังอยู่ในโลกียะ ผมคงจะต้องต่อสู้กับความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง และกิเลสต่าง ๆ แต่ผมจะเอาคำเตือนของปุ๊ไว้กับตัวผม ให้มีสติ รำลึกถึงคำเตือนนั้นตลอดเวลา ผมเชื่อว่า ถ้าปุ๊ได้อ่านคำไว้อาลัยนี้ ปุ๊จะดีใจที่ผมยังมีสติ ที่น้อมรับปฏิบัติตามคำแนะนำของปุ๊ ผมคงจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว และคงจะมีแต่ปีติที่ตัวเองได้รับรู้ว่า ปุ๊ต้องการจะให้ผมทำอะไร และผมคงจะยินดี และเต็มใจทำตามที่ปุ๊ได้ขอมา ผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ประเสริฐสุดในการเขียนคำไว้อาลัยให้กับปุ๊ ปุ๊คงจะดีใจมากที่มีคนมาส่งศพปุ๊ ทั้งที่มาเหมือนกับเป็นตัวแทนผม และรู้ว่าผมมาไม่ได้ แต่ทุกคนก็รู้ว่าที่เขามานั้นไม่ได้มา เพราะเป็นตัวแทนผมเพียงอย่างเดียว แต่เพราะปุ๊เป็นคนดี มีศีล มีธรรม เป็นแม่ที่ดีของลูก เป็นภรรยาที่สุดประเสริฐของสามี และเป็นมนุษย์ที่อุดมไปด้วยศีล และความดีต่าง ๆ ที่เธอได้ทำไว้ตั้งแต่เธอเกิด จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เธอสิ้นลมหายใจไป
ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบาป และกรรมต่าง ๆ ที่เราได้ร่วมทำกันมา เป็นสามีภรรยากันมา ตลอดระยะเวลา 40 กว่าปี ขอบคุณปุ๊ ขอบคุณที่แม่ทำให้ป๋าในทุก ๆ อย่าง ทั้งที่ขอและไม่ได้ขอ ขอบคุณแม่ที่ให้อภัยป๋ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ขอบคุณแม่ที่ให้อภัยกับป๋าและลูกมาในตลอดทุก ๆ เรื่อง ขอบคุณแม่ที่รักป๋าโดยไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณ
คำไว้อาลัยจาก นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล
คุณแม่ จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล ของผมชื่อเล่นของผมคือปั๊บ มาจากส่วนผสมของชื่อเล่นบุพการีทั้งสองท่าน คือ คุณพ่อ สนธิ ลิ้มทองกุล ชื่อเล่นท่านคือ “ตั๊บ” กับคุณแม่ อาจารย์ จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล ที่ทุกคนในครอบครัวมักจะเรียกท่านว่า “แม่ปุ๊” ดังนั้น ปุ๊บวกตั๊บ จึงเท่ากับ “ปั๊บ” นับจากที่จำความได้ เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ที่ห้องแถวบนถนนวิสุทธิกษัตริย์ ซึ่งมีทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ และอาอีก 4 ท่าน ถึงจะเป็นห้องแถวร้านขายของชำและกาแฟโบราณเล็ก ๆ แต่ผมก็รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน ภาพการประคบประหงมเลี้ยงดูผมอย่างใกล้ชิดและเต็มไปด้วยความรัก ความอ่อนโยนของคุณแม่ ยังติดตรึงอยู่อย่างไม่เคยลืมเลือน สมัยสาว ๆ คุณแม่สวยมาก ผมกล้ารับประกันว่าดาราสวย ๆ สมัยนี้ยังสวยสู้คุณแม่ไม่ได้ เมื่อผมเริ่มโตขึ้น คุณแม่และคุณพ่อก็พาผมแยกครอบครัวออกมาปลูกบ้านที่ถนนสุทธิสาร ที่เป็นที่ของคุณตาได้ยกให้คุณแม่ คุณแม่จึงทำหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งงานบ้าน งานเรือน เลี้ยงดูผมไปพร้อม ๆ กับเป็นอาจารย์สอนภาควิชาคหกรรม ที่ มศว ประสานมิตร
ผมจึงมีวัยเด็กอีกส่วนที่ต้องไป มศว ประสานมิตร กับคุณแม่เป็นประจำไม่ว่าจะเปิดหรือปิดภาคเรียน นั่งรถเฟียตคันเล็ก ๆ ไปกลับกับคุณแม่ 2 คน โดยคุณแม่จะเป็นคนขับเอง และจากที่คุณพ่อมีภารกิจยุ่งมาก ชีวิตผมจึงตัวติดกับคุณแม่ทั้งวันทั้งคืน ในวันหยุด คุณแม่มักจะพาผมไปซื้อกับข้าวที่ตลาด อ.ต.ก. อยู่เสมอ คุณแม่เป็นแม่บ้านที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ และสอนให้ผมรู้จักช่วยงานบ้านทุกอย่าง ตอนคุณพ่อเจอวิกฤตธุรกิจ จำได้ว่า ท่านยังจับผมนั่งพับถุงกระดาษและเหลาไม้กวาดก้านมะพร้าวเพื่อนำไปขาย ผมจึงทำงานบ้านเป็นตั้งแต่เด็ก ทั้งกวาดบ้าน เช็ดบ้าน หุงข้าวทำอาหาร คุณแม่มักจะพาผมนั่งรถไฟไปเยี่ยมคุณตาที่จังหวัดตรังอยู่เสมอ
ความเจ้าระเบียบของคุณแม่ก็เพิ่มตามอายุ แม่ได้สืบทอดนิสัยดังกล่าวจากคุณตามามากที่สุดในบรรดาลูก ๆ ของคุณตา หวยจึงมาออกที่ผมเต็ม ๆ เพราะเราแทบจะอยู่กัน 2 คนตลอดเวลา คุณแม่เป็นที่รักของญาติพี่น้องทุกคน และเป็นที่พึ่งหลักให้ลูกหลานนับจากคุณตาเสียชีวิต ที่บ้านผมจึงมีญาติ ๆ หลายฝ่ายเวียนมาอาศัยอยู่เพื่อเล่าเรียนกันไม่ขาดสาย จนกระทั่งคุณแม่ได้รับลูกของคุณน้ามาเลี้ยงเป็นลูกตั้งแต่เด็กอีกคน คือ ลูกแก้ว ที่หลาย ๆ ท่านก็รู้จักมักคุ้นกันอยู่แล้ว และแล้วหวยจึงมาลงที่ลูกแก้วต่อจากผม ผมจึงมักจะมีเรื่องทะเลาะกับท่านเป็นประจำ เพราะท่านจะเข้มงวดกับลูกแก้วมาก โดยที่ผมจะเป็นคนที่คอยเถียงแทนน้องเสมอ ซึ่งก็ส่งผลทำให้ลูกแก้วเติบโตขึ้นมามีศิลปะในการรับมือกับคุณแม่ได้อย่างน่าทึ่ง ดังที่ทราบกันว่า คุณแม่เป็นอาจารย์ ความเป็นครูจึงสูงมาก เวลาไปต่างจังหวัดทุกคนจึงห้ามหลับในรถ โดนบังคับให้ดูบ้านเมืองแต่ละแห่งเสมอว่าเป็นอย่างไร ความเจ้าระเบียบและขี้บ่นของคุณแม่มีอานุภาพขนาดที่ทำให้คุณพ่อมักจะใช้ ม.44 กับพวกเรา ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิด เพื่อที่จะให้คุณแม่ หรือแม่ปุ๊ของพวกเราหยุดบ่น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของคุณพ่อ พวกเราจะเห็นความพิถีพิถันอย่างที่สุดที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ผู้เป็นสามีในทุก ๆ เรื่อง ชนิดขี่ช้างจับตั๊กแตนได้เลย
ดังที่ทราบ สมัยก่อนคุณพ่อทำธุรกิจบริหารโครงการเป็นพันล้าน เป็นคนมีหน้ามีตาในแวดวงธุรกิจ แต่คุณแม่ยังคงดำรงไว้ซึ่งความเรียบง่าย สมถะ โลว์โปรไฟล์ตลอดเวลา และคอยประคับประคองยามคุณพ่อล้มในหลาย ๆ ครั้ง ต่างจากภาพลักษณ์ภรรยานักธุรกิจใหญ่หลายคนที่เรามักจะเห็นกัน เมื่อผมเป็นวัยรุ่น ผมมีความคิดอยากจะออกไปจากกรอบความเจ้าระเบียบของคุณแม่ แม้จะรู้ว่าท่านหวังดี จึงเป็นคนขอคุณพ่อไปเรียนเมืองนอก ผมค้นพบว่า อานิสงส์ที่คุณแม่อบรมเข้มงวดมาดี ทำให้ผมไม่มีปัญหากับการจัดการชีวิตความเป็นอยู่ด้วยตัวเองแม้แต่นิดเดียว หลังจากศึกษาสำเร็จกลับมาเมืองไทย เมื่อเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมกับคุณแม่ ช่วงนึงเราเป็นดั่งน้ำกับไฟ จนคุณพ่อต้องเรียกผมมาตักเตือนเสมอ ในใจผมช่วงเวลานั้นจึงมีคุณพ่อเป็นแบบอย่างของชีวิตมากกว่าคุณแม่ ที่ผมมองว่าหัวโบราณและจู้จี้ แต่เมื่อยามเกิดวิกฤต และคุณพ่อตัดสินใจในหลายเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตครอบครัวและบริวาร คุณแม่เป็นที่พึ่งให้คุณพ่ออยู่เสมอ ลาภ ยศ สรรเสริญ มาแล้วก็ไป คนรายล้อม ห้อมล้อม กระแสอาจทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดในบางเรื่อง แต่คุณแม่ไม่เคยตัดสินใจผิดในทุกเรื่อง ไม่เคยล้ำเส้น ให้เกียรติ และอยู่เคียงข้างคอยสนับสนุนคุณพ่ออยู่เงียบ ๆ ไม่ว่าคุณพ่อจะเลือกเดินในเส้นทางใด ไม่ว่าคุณพ่อจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ ผมกล้าบอกในที่นี้ว่า คุณพ่อรักคุณแม่มากจริง ๆ แต่ยังไม่ได้ครึ่งที่คุณแม่รักคุณพ่อ คุณพ่อเป็นผู้กล้าตัวจริง แต่ก็หนักแน่นไม่ได้ครึ่งของคุณแม่ และผมก็ได้เรียนรู้ว่า คุณแม่ใจใหญ่ยิ่งกว่าผู้ชายอกสามศอกอย่างคุณพ่อและผมมากมายนัก คุณแม่มีความเมตตาสูงกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ท่านไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ไม่เคยพูดไม่ดีกับใคร ให้เกียรติทุกคนทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้หลายครั้งจะทราบมาว่า มีคนรู้จักหลายคนพูดนินทาว่าร้าย นั่นเพราะในใจคุณแม่มีธรรม และก็เป็นธรรมชั้นสูง ในอีกมิตินึง
คุณแม่ใฝ่ทางธรรมมาตลอดนับแต่ท่านยังสาว ได้กราบศึกษาธรรมะกับครูบาอาจารย์หลายท่าน จึงเป็นที่รักและได้รับเมตตาและธรรมจากพระปฏิบัติหลายรูปหลายสำนักในชีวิต ท่านได้พบแม้แต่พระที่น่านับถือหลายรูปที่ท่านเคยกราบมาแพ้ภัยตัวเองก็มี แต่คุณแม่ สามารถนำธรรมะมาใช้ให้ชนะภัยในใจตัวเองได้ตราบจนลมหายใจสุดท้าย คุณแม่ละวางไม่ยึดติด มุ่งสู่วิธีอย่างพุทธแท้ที่สอนให้ลดละกิเลส ให้รู้ตัวทั่วพร้อม ไม่ใช่พุทธแบบพราหมณ์ แม้แต่ศาลพระภูมิที่บ้านท่านก็ให้ถอน ผมขอกราบพระอาจารย์ทุกรูปจากหลายสำนักที่แวะเวียนมาให้ความเมตตา ชี้ทางสู่ความสว่าง สงบ แก่คุณแม่ในระยะสุดท้ายของการต่อสู้โรคร้ายที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นธรรมะจากพระโอษฐ์ก็ดี หรือธรรมผ่านการอรรถาธิบายก็ดี ล้วนเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อคุณแม่ทั้งนั้น ส่วนตัวของผม ต้องขอกราบขอบพระคุณคุณแม่ที่เป็นแบบอย่าง จากเส้นทางชีวิตของท่าน ที่ตกผลึกในการนำส่วนดีแต่ละส่วนของข้อธรรมนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองจนนาทีสุดท้ายของชีวิต วันนี้ผมนึกอิจฉาคุณพ่อว่า คุณพ่อเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ที่มีคุณแม่เป็นภรรยา และผมโชคดีแค่ไหน ที่มีแม่ที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตได้ขนาดนี้ ผมเคยกระซิบบอกประโยคนี้ก่อนท่านจะสิ้นใจ และจะขอกล่าวต่อหน้าทุกท่านอีกครั้ง ก่อนที่จะประชุมเพลิงว่า แม่ครับ หากมีกรรมใดที่ปั๊บทำให้แม่เสียใจ ล่วงเกินแม่ทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา ขอให้แม่อโหสิให้ด้วยนะครับ ขอพรจากแม่สักข้อหนึ่งว่า หากมีวันใดที่ปั๊บจะจากโลกนี้ไป ขอให้ได้มีโอกาสในการเจริญสติ สงบจิต รู้ลมหายใจ อย่างที่แม่ได้ทำเป็นธรรมทานสุดท้าย ให้ปั๊บดูก่อนที่แม่จะจากโลกนี้ไปนะครับ และขอให้แม่มาเป็นแม่ปั๊บอีกในทุกชาติภพ สอนให้ปั๊บได้ข้อคิดเตือนสติจากพุทธศาสนา ให้ปั๊บได้เจอกับธรรมทุกชาตินะครับ ปั๊บรักแม่ครับ