อดีตราชินีหนังผีชื่อดังของเมืองไทย และเธอยังเป็นนางเอกคนแรกๆ ที่กล้าลุกขึ้นมาถ่ายแบบเซ็กซี่ ซึ่งด้วยเอกลักษณ์ที่เปรี้ยวซ่า เซ็กซี่กินขาดมาในมาดเสื้อเอวลอย กางเกงสั้นแค่คืบในอัลบั้ม Moody ตรีรัก จึงทำให้หลายคนจดจำเธอได้ตลอดมา
บุ๋ม-ตรีรัก รักการดี อดีตนักร้อง นักแสดง นางแบบมากผลงาน ที่ห่างหายไปจากวงการบันเทิงเป็นเวลาเกือบ 20 ปี และวันนี้เธอเข้าวัยเลข 5 แล้ว แต่ก็ยังคงสวย เป๊ะ ปัง! อยู่

ตลอดระยะเวลาที่ไม่รับงานใหญ่ๆ ในวงการบันเทิง เธอหันไปเอาดีกับอาชีพที่เธอรักอย่างตัดขนสุนัขและแมวที่ต่างประเทศ และสิ่งที่หลายคนรอคอยก็มาถึง เพราะล่าสุดเธอกลับมารับงานคอนเสิร์ต 90’s Young Dance Concert ที่จะมีขึ้นวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้
ใครที่อยากเห็นบุ๋ม ตรีรัก ในลุคเซ็กซี่ รับรองว่างานนี้ได้เห็นอีกอย่างแน่นอน

• ก่อนหน้านี้ห่างหายจากวงการบันเทิงไปเกือบ 20 ปีเลย
พี่ออกจากวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 32 ปี จนตอนนี้ก็ 50 ปีแล้ว ที่ออกไปก็เพราะ หนึ่ง เบื่อ มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ช่วงอายุ 19-32 ปี เราทำมาครบแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น นางแบบ นางเอก นักร้อง และตอนนั้น ผลงานเราก็ฮอตทุกอย่าง มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และสอง เรามีความรู้สึกว่าผู้หญิงวัยกลางคนยังมีอะไรที่อยากจะทำอีก ความฝันตอนนั้นของเราคืออยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากพูดภาษาอังกฤษเป็น อยากทำงานกับชาวต่างชาติสักพัก แล้วก็อยากเป็นโสดด้วย เพราะมีแฟนตั้งแต่ ม.5 จนถึงอายุ 32 มีความรู้สึกว่าเราขาดช่วงวัยรุ่น ขาดช่วงของสาวโสด ฉันอยากอยู่อิสระ เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง เพราะฉะนั้น ก็ไปเลย (ยิ้ม)
• ชีวิตหลังออกจากวงการบันเทิงทำอะไรบ้างคะ
ไปอยู่ต่างประเทศค่ะ กลางวันเรียนหนังสือ กลางคืนเสิร์ฟ ทำอย่างนั้นอยู่ 4 ปี หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่ออาชีพตัดขนสุนัขและแมว และนำมาทำเป็นอาชีพได้ 15 ปีแล้วค่ะ เป็นอาชีพที่ชอบและมีความสุขดี ตอนไปเรียนก็เรียนจริงจัง จนได้ Satisfied Master Groomer และ Finish Groomer เรียนครบ 1,000 ชั่วโมง ออกรายการทีวีของที่นั่น 20-30 รายการ ได้สัมภาษณ์ลงหนังสือ los Angeles pet guide ซึ่งก็เป็นหนังสือประจำท้องถิ่นของแอลเอ มีชื่อติดอยู่ในหนังสือด้วย เจ๋งไหมล่ะ มีฝีมือนะ (หัวเราะ) เราเป็นคนที่ทำอะไรต้องทำให้สุด
อยู่ที่นู่นก็มีรับงานเล่นละครเวทีคนไทยที่นั่นบ้าง เช่น Ford’s Theatre เป็นละครเวทีมีชื่อเสียงอยู่ที่นั่น ไปเล่นเป็นไทยควีนในสมัยโบราณ ใส่ชุดไทยให้ฝรั่งต่างชาติเขาดู ซึ่งทีมงานคนไทยที่นั่นทำได้ดีทีเดียว บัตรขายหมด ซึ่งเราจะรับงานที่ค่อนข้างเป็นงานที่โอเค ที่เรารู้สึกว่าเรายังไม่เคยจับงานแบบนี้มาก่อน อะไรประมาณนี้ค่ะ (ยิ้ม)

• เป็นถึงอดีตเซ็กซี่สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยเลย อยากให้ย้อนเล่าถึงความเป็นมาชีวิตในวงการหน่อยค่ะว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
เริ่มต้นจากการที่เราได้เป็นดาวคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ ค่ะ พอได้เป็นดาว เราก็เริ่มมีความมั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดี เพราะเราได้เป็นดาวคณะ แล้วพอดีเพื่อนคนหนึ่ง คือคุณโต้ง-ชัชวิน อุณหะนันท์ บรรณาธิการนิตยสาร Men's Health คนปัจจุบัน เขาสอนให้เดินแบบ จากนั้นเราก็ไปประกวดสาวแพรว และติด 1 ใน 10 สาวแพรวมา ซึ่งการประกวดครั้งนั้นแหละที่เป็นจุดเริ่มต้นการได้เข้าวงการครั้งแรก
หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ทางช่อง 3 ก็มีประกวดดาวรุ่งทางช่อง 3 เป็นการแสดง เราก็เลยไปประกวดอีก ไปสมัครแล้วก็ได้เข้ารอบ จำได้สมัยนั้นเขาสมัครกัน 2,000 กว่าคน ซึ่งเราได้เข้ารอบ 1 ใน 20 ก็คือ ชาย 10 หญิง 10 ถ้าจำไม่ผิดก็จะคัดเหลือชาย 5 หญิง 5 เพราะต้องประกวดสด ถ่ายทอดสด การแสดงสดบนหน้าเวที ซึ่งคนที่ชนะ ฝ่ายหญิงปีนั้นก็คือ พี่เปิ้ล-หัทยา เกษสังข์ พี่ถึงได้รู้จักพี่เปิ้ลครั้งแรก และพี่เปิ้ลก็เป็นไอดอลด้วยค่ะ (ยิ้ม)
ต่อมา เราได้รับเลือกเป็นนางเอกแม่นาค พอดีตอนนั้นทางช่อง 3 ต้องการปั้นนางเอกใหม่ แล้วคาแรกเตอร์ของพี่โดนใจคณะกรรมการพอดีตรงที่ว่า ตาดุ ผมดำยาว พี่เป็นคนไว้ผมยาวมาตลอด และรูปร่างเราก็ไม่สูงเกินไป กะทัดรัด เหมือนกับผู้หญิงไทยโบราณ หน้าก็ไทยอีก แล้วตอนที่เขาแคสต์ซีนร้องไห้ เราก็ร้องไห้ได้ ร้องไห้หน้าสวยด้วย (หัวเราะ) เราก็เลยได้รับเลือกเป็นนางเอกแม่นาคของช่อง 3 ตอนนั้นเล่นคู่กับพี่ไทด์-เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ คือพี่ๆ นักแสดงทุกคนเขาเก่งกว่าเราอยู่แล้ว เราเด็กหน้าใหม่คนเดียว แต่พวกพี่เขาก็ช่วยเราดี เล่นส่งให้บทเราดี อีกทั้งก็มีคนเก่งๆ สอนเรา
ตอนนั้น อาชูศักดิ์ สุธีรธรรม เป็นผู้กำกับ พี่ก็ประสบความสำเร็จจากเรื่องนี้ จากนั้นพี่ก็มีชื่อเสียงในวงการมาตลอด ได้เล่น “บ้านผีปอบ” ยุคนั้น บ้านผีปอบดังมาก หนังวิ่งหนีผีสนุกๆ จนเราได้รับสมญานามว่า “ราชินีหนังผี” ในยุคนั้นเลย เป็นนางเอกที่เล่นหนังผีแล้วเรตติ้งดี หนังขายดี คนชอบดู คือไม่มีใครเล่นบทผีได้สมบทบาทเท่า นางเอกตรีรัก รักการดี แล้ว ประมาณนั้น (ยิ้ม) เล่นอยู่ประมาณ 3 ปีเลย จนคนคิดว่าพี่ไม่สามารถเล่นบทอื่นได้แล้ว เพราะภาพพจน์มันติด เพราะเล่นมานานมาก 3 ปี จนพูดว่าคงเปลี่ยนคาแรกเตอร์ไม่ได้แล้ว คงหนีไม่ได้ พี่ก็หวั่นเหมือนกัน แต่บุญพี่ยังมี พี่อี๊ด-ศุภักษร หรือ อี๊ด-ศุภวัฒน์ จงศิริ เข้ามาอยู่ในช่อง 3 เข้ามาจัดละคร
พี่อี๊ด คือตัวพ่อด้านนิยายรักนักศึกษา หรือเกี่ยวกับหนัง ละครวัยรุ่น เขาเต็งหนึ่งในยุคนั้น ไม่มีใครสู้เขาได้เลย เหมือนหัวใจเขาเป็นวัยรุ่นตลอดเวลา เขาเข้าใจหัวอกวัยรุ่น ว่าจะจีบกันยังไง มุกเป็นยังไง และพี่อี๊ดเขียนบทเอง แต่งเพลงประกอบเองด้วย ตอนนั้นเพอร์เฟกต์มาก นักแสดงทุกคนได้เป็นนักร้องกันหมด ยกเว้นพี่นะ ก็ได้เล่นละครวัยรุ่นอยู่ประมาณ 2 ปี หมดสัญญากับช่อง 3 ก็ออกมาดูแลตัวเอง ออกมารับงานเองข้างนอก โชว์ตัว งานอีเวนต์ ถ่ายแบบมั่ง เดินแบบมั่ง อะไรไปเรื่อย และผลงานชิ้นสุดท้ายคือ Moddy ตรีรัก
จะบอกว่า พี่เป็นนางเอกที่ไปถ่ายแบบเซ็กซี่ขึ้นปกนิตยสาร face ซึ่งสมัยนี้ไม่มีแล้ว นางเอกในยุคนั้นไม่กล้าถ่ายแบบเซ็กซี่ พี่นี่แหละคนแรก แรงมากในยุคนั้น เพราะเขากลัวไงว่าถ้านางเอกจะมาถ่ายแบบเซ็กซี่ เขากลัวจะหลุดคาแรกเตอร์ ไม่สามารถเป็นนางเอกได้ เพราะนางเอกต้องเรียบร้อย 30 ปีที่แล้ว นางเอกต้องนุ่มนิ่ม แอ๊บแบ๊ว นางเอกยุคนี้ร้ายได้ ตบตีคนได้ ไม่ผิด มันคือโลกแห่งความเป็นจริง
จำได้ว่า ครั้งหนึ่ง ได้ไปออกรายการ พี่ต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เชิญออกรายการทไวไลท์โชว์ คือเหมือนกับทุกคนอยากเห็นตัวจริงพี่ นอกเหนือจากบทละครและในหนังสือพิมพ์ เขาอยากเห็นตัวเป็นๆ เวลามาสัมภาษณ์ทางรายการทอล์กโชว์ว่าตัวจริงแม่นาคเป็นอย่างไร พี่ก็มาชุดของพี่เลย ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเกาะอก แจ็กเกตหนังดำ แล้วก็บูต จำได้สมัยก่อน เสื้อผ้าที่พี่โปรด พี่ใส่อยู่ 2 ร้าน โซดาป๊อป กับ เธียเตอร์ (Theatre) ร้านนี้ยังมีอยู่ วัยรุ่นก็ยังใส่กันอยู่ ราคาไม่แพงมาก วัยรุ่นสามารถซื้อได้ และก็เก๋ เปรี้ยว
โชคดีที่กระแสคนทางบ้านรับพี่ได้ ไม่แอนตี้ เขากลับมองว่าเป็นนางเอกยุคใหม่ ตอนนั้นพี่เรียนนิเทศ ม.กรุงเทพ เป็นดาวคณะด้วย 1 ใน 10 สาวแพรวด้วย แถมแต่งตัวเปรี้ยวด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าพี่มีแฟนคลับน้องๆ กะเทยเยอะมาก เก้งกวางเยอะมาก (ยิ้ม) รวมทั้งผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ยังไม่กล้าแสดงออก คือเหมือนกับพี่เป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่น ซึ่งมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง คือพี่ฉายแสง ฉายคาแรกเตอร์มาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว ผู้ใหญ่บางคนก็รับไม่ได้ คือเราก็เข้าใจ แต่นี่คือตัวเรา พี่ก็ไม่รู้จะปกปิดและเปลี่ยนแปลงตัวเองทำไม เพราะพี่เชื่อมั่นตัวเองว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด อันนี้มันเป็นคาแรกเตอร์ของฉัน ที่สำคัญฉันเป็นคนดี ฉันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร นี่ตัวตนของฉัน ฉันจะแต่งตัวอย่างนี้ ทำไมล่ะ ก็แฟชั่น คนทั่วโลกเขาก็แต่งกัน แล้วทำไมเราต้องมาปกปิดตัวตนของเรา ไม่รู้สิ ก็เป็นคนแบบนี้อ่ะเนอะ

• คนเลยจดจำบุ๋ม ตรีรักในภาพลักษณ์เซ็กซี่ไปเลยใช่ไหม
คาแรกเตอร์ของ บุ๋ม ตรีรัก รักการดี จะแตกต่างจากนางเอกคนอื่น มาตั้งแต่เริ่มต้นเลย แล้วก็สมัยก่อน เข้าวงการนักข่าวถามมีแฟนรึยัง ก็บอกเลยมีแล้วค่ะ ก็มีแล้วจริงๆ ซึ่งนางเอกในยุคนั้น ถ้าเพิ่งเข้าวงการ ทุกคนจะปกปิดหมด เพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือนภาพพจน์ของนางเอกที่มีแฟนเร็ว หรือมีคู่แล้ว หมายถึงมีแฟนแล้ว ดาราสมัยก่อนเขาจะปกปิดเรื่องการมีแฟน อันนั้นก็เป็นแนวความคิดของคนรุ่นเก่า แต่พี่ไมใช่ พี่คิดอย่างเดียวว่าการมีแฟนจะทำให้แฟนคลับลดน้อยลง ก็เข้าใจ แต่ฉันก็อยากบอกว่าฉันมีแฟนแล้ว ก็แค่นั้นเอง ก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ว่าอะไรใครด้วย แต่นี่คือฉัน คิดอย่างเดียว ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แล้วก็ทำให้พี่รู้สึก พี่ไม่ต้องมานั่งระวังว่าเคยพูดอะไรมาแล้ว แล้วมันจะไม่ตรง พี่พูดความจริงนี่แหละ
ตอนนั้นก็ได้รับผลกระทบเยอะเหมือนกันว่า แรงไป ก้าวร้าวไป คือคนสมัยก่อนจะมองแบบนี้ ซึ่งพี่ก็จะให้สัมภาษณ์ว่า ก็ช่วยไม่ได้ ก็นี่คือฉัน ฉันจริงใจ ฉันชัดเจน แล้วคุณไม่ชอบหรอ คุณชอบให้ฉันเฟก ชอบให้ฉันโกหกคุณเหรอ แล้วมันจะดีเหรอ มันจะมีความจริงใจซึ่งกันและกันเหรอ พี่เป็นคนอย่างนี้แหละ คือพี่ก็รู้ว่าตอนนั้นสมัยนั้น ผู้ใหญ่รับพี่ไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ จะให้พี่เปลี่ยนแปลง โกหก พี่ก็ทำไม่เป็น พี่รู้อย่างเดียวว่าฉันเป็นอย่างนี้แหละ สักวัน ถ้าคุณบังเอิญมาร่วมงานกับฉัน คุณจะรู้เองว่าฉันมีความรับผิดชอบสูงแค่ไหน และฉันมีดี
อย่างน้อย ระบบการทำงานของพี่ พี่เป็นคนที่ทำงานตรงต่อเวลา มาก่อนเวลา เป๊ะทุกอย่าง คือคนที่ร่วมงานกับพี่ต้องเป๊ะทุกอย่าง อย่ามาเลต และก็ต้องมีความรับผิดชอบ เพราะว่าไม่งั้นพี่จะอึดอัด จะไม่อยากร่วมงานด้วย พูดตรงๆ คือสมัยก่อนพี่เด็ก พี่ไม่มีทางเลือก แต่เราก็เข้าใจว่าการทำงาน มันก็ต้องเป็นทีมเวิร์ก ก็ต้องอะลุ้มอล่วยกัน พี่เข้าใจ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งซึ่งอิ่มตัวเพียงพอแล้ว เราเลยออกจากวงการบันเทิงดีกว่า (ยิ้ม)

• หายไปเกือบ 20 ปี แต่เห็นว่ากลับมาคราวนี้จะมีคอนเสิร์ตเหรอคะ แล้วทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้คะ
จริงๆ ไม่เคยคิดจะรับเลยนะคะ 20 ปีมาแล้วไม่เคยขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอะไรทั้งสิ้น บอกได้เลยไม่เคยคิด ไม่เคยร้องเพลงเลย 20 ปี ไม่เคยเต้นมาเลย เป็นผู้หญิงธรรมดาที่ปล่อยวางวงการแล้ว น้องมาร์ วง T-Skirt มาขอร้องก็หลายรอบแล้ว แต่เราก็ปฏิเสธมาตลอด เพราะรู้สึกว่าพวกเขายังเสียงดีกันทุกคน พวกเขายังร้องเพลงกันอยู่ เพราะเราเห็น เรามีโอกาสไปดูจากคีตาคอนเสิร์ต ทุกคนยังทรงพลังกันอยู่ ซึ่งเราก็นึกถึงวันเก่าๆ แล้วเพลงพวกเขาก็เพราะกันทุกคน ไปนั่งฟังเราก็มีความสุข แล้วตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย
ครั้งนี้ เรากลับมา แล้วน้องมาร์เขารู้ เพราะเขาตามไอจีอยู่ (หัวเราะ) น้องเขาเลยมาถามอีกครั้งว่าจำได้ไหมที่ชวนพี่ไว้ ตกลงแน่นอนแล้วนะ ของ Music Move Entertainment แล้วก็สปอนเซอร์เบียร์สิงห์เชียวนะ ซึ่งเราก็เลยถามว่าศิลปินมีใครบ้าง พอเขาบอกรายชื่อมา มีฝันดี ฝันเด่น แฝดนรกของพี่ (หัวเราะ) T-Skirt ยุ้ย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี แอนเดรีย ซึ่งพี่ชอบเพลงสบตาของน้องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นอกจากนั้นก็มีเจ เจตริน มอส ปฏิภาณ มอริส เค มีเพลงช้าด้วยคือพี่ป้อมกับพี่แอดดี้ ออโต้บาห์น ใครมั่งไม่รู้จัก แบบยุคเรานี่รู้จัก เพลงเพราะมาก หวานละลายใจมาก แล้วก็มีโก้ พี่ติ๊ก ชิโร่ คือตัวพ่อของพ่อของพ่อของพ่อ ในความมีเอกลักษณ์ของเขา พี่คนนี้นี่เป็นคนที่โคตรจะมีพรสวรรค์เลย ไม่ว่าจะทำอะไรนี่ คาแรกเตอร์เขาโดดเด่นมาก พี่ติ๊กเก่งจริง
พอได้ยิน เราก็โอเค ชอบด้วย รู้สึกว่ามันยากนะที่ 2 ค่าย คีตาและแกรมมี่จะมาจอยกัน ยิ่งสมัยก่อน ไม่ต้องพูดถึง อีกอย่างสปอนเซอร์เอย ที่จัดงานเอย รู้สึกมันเป็นภาพที่น่าสนใจ แต่พี่บอกไปว่า พี่ร้องไม่เยอะนะ พี่ก็รีบออกตัวเลยว่าพี่ร้องไม่เก่ง ถ้าเทียบกับน้องๆ ทุกคนนี่ เสียงพี่สู้น้องๆ ไม่ได้ พี่ก็รู้ตัวเองดี งั้นพี่มา have fun กับน้องๆ แล้วกัน แล้วเดี๋ยวพี่จะมาซ้อมเต้นให้ พอรู้คอนเซ็ปต์ ก็เลยเต็มใจตอบรับ เต็มใจที่จะยอมเครียด จริงๆ พี่ไม่ชอบเครียด เพราะพี่ชอบมีความสุข เพราะฉะนั้น อะไรที่เครียด พี่จะตัดออกไปจากชีวิตพี่ พี่จะไม่เอาเข้ามาในชีวิต แต่อันนี้พี่ยอมเครียดนะคะ เพราะมองแล้ว พี่เชื่อว่าวันนั้นพี่จะมีความสุข พี่อยากจะเก็บความรู้สึกนั้นเป็นภาพวิดีโอ เก็บไว้ดู ให้เด็กรุ่นหลังดู และเก็บให้ตัวพี่ดูในอนาคต เวลาที่แก่ขึ้น อายุ 60 70 ว่าตอน 50 ฉันก็ยังเป๊ะปัง แซบซ่ากับน้องๆ อยู่ (ยิ้ม)
ถ้าใครสนใจก็สามารถจับจองบัตรได้ที่ THAITICKETMAJOR ทุกสาขา เปิดขายบัตร 12-26 กันยายน 2559 ราคา 1,200 บาท เป็นราคาพิเศษ หลังจากนั้นจะเป็นราคา 1,500 บาท ทุกที่ยืน แล้วพบกันวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2559 ที่ไบเทค บางนา ฮอล์ล 106 ค่ะ (ยิ้ม)

• แล้วกลับมาคราวนี้คงคอนเซ็ปต์เซ็กซี่เหมือนเดิมไหมคะ คนดูจะได้เห็นคุณบุ๋มในลุคกางเกงสั้นแค่คืบกับเสื้อเอวลอยอยู่ไหม
แน่นอนค่ะ (ยิ้ม) ออริจินัลกางเกงคืบเดียวของบุ๋ม ตรีรัก ได้เห็นกันแน่นอนค่ะ แล้วพี่จะไปฟิตหุ่นให้เฟิร์มให้ดูแน่นอน เดี๋ยวพี่จะซ้อมจะออกกำลังกาย เฟิร์มร่างกายไว้ให้กำลังปอดและหน้าท้องให้มีแรง ไม่แรงตกซะก่อน ให้น้องๆ ได้สบายใจ (หัวเราะ)
• นอกจากนี้แล้วเราจะได้เห็นอะไรในคอนเสิร์ตครั้งนี้อีกบ้างคะ
รับรองว่าเราจะได้พบภาพความประทับใจ ที่เราจะมีความทรงจำที่ดีไปด้วยกันตลอดไป อยากให้ทุกคนมาเห็นว่าเพลงสมัยก่อนมีเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะไม่ได้มีเทคนิคดนตรีอะไรมากมาย melody simple แต่เนื้อร้องเพลงเหลือกิน ฟังยังไงก็ไม่เบื่อ ถ้าสังเกตดีๆ นักแต่งเพลงสมัยก่อน ขนาดมาฟังเกิดไม่ทันกี่รอบก็ไม่รู้ พวกพี่ๆ เขา 60 กันแล้ว ฟังเพลงแล้วยังรู้สึกจับใจ พวกพี่เขาร้องเพลงเพราะ ทำไมเพลงนี้เพราะจัง เพลงพวกรุ่นพี่สมัยก่อนเขาอัจฉริยะมาก คำเขาคิดออกมาสวยมาก พี่ๆ นักดนตรีหรือพี่ๆ โปรดิวเซอร์ เขาคิดงานแบบไม่ได้ใช้เทคนิคแบบโปรแกรมมาทำเพลง ซึ่งสมัยนี้มันเจริญมากจนกระทั่งเครื่องโปรแกรม คุณมีเงิน คุณซื้อมาทำเพลงได้เลย แต่พวกพี่ๆ นักแต่งสมัยก่อนไม่ใช่ เขามาจากความสามารถของเขาล้วนๆ อารมณ์ความรู้สึก กลั่นเขียนเนื้อเพลง เนื้อดนตรีออกมา แต่ละเพลงเขากว่าจะทำออกมาให้เราได้ฟังสักหนึ่งเพลง เขาใช้เวลานานแค่ไหน เขามีคุณค่าแค่ไหนกับค่ามันสมองของเขากับค่าความรู้สึกของเขา เพราะฉะนั้น เราต้องให้เกียรติเขามากๆ หนูเป็นเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้สึกจับใจเท่าพี่ แต่พี่เกิดในยุคนั้น พี่มองเห็นคุณค่าพวกเขามาก
ส่วนความตื่นตาตื่นใจอย่างอื่น พี่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะทีมงานยังไม่ได้บอก แต่สิ่งหนึ่งที่พี่บอกให้ทุกคนทราบได้ตอนนี้คือว่างานวันนี้ทุกคนจะมีความสุข จะมีความประทับใจ ซึ่งยากนะคะที่คุณจะหาช่วงเวลานั้นมาอยู่ร่วมกันกับพวกเราทุกคนได้บนเวที ศิลปินในฝันของคุณในอดีต ซึ่งทุกคนเป็นตัวแม่ของความแซบความซ่าในอดีตกันทั้งนั้น เราจะมีให้คุณแน่นอน ทุกคนเต็มที่อยากมามอบความสุขให้ทุกคนเหมือนในอดีตที่เคยให้กันตอนสมัยเราวัยรุ่น เราอยากจะชวนทุกคนมาอยู่ในโลกวันเก่าๆ ในช่วงวัยรุ่น มาย้อนวัยกัน ให้คุณชวนลูกๆ ของคุณมา ให้มาเห็นว่านี่ยุคของพ่อแม่นะ นี่ศิลปินของพ่อแม่นะ พ่อแม่ร้องและเต้นได้หมดเลยนะเพลงพวกนี้ อยากให้ชวนลูกๆ มา อย่างน้อยมันจะเป็นวันครอบครัวที่มีความสุข ของคุณและของเราด้วยค่ะ (ยิ้ม)

• จะว่าไปแล้วคิดว่าตัวเองยังเซ็กซี่อยู่ไหมคะ
แน่นอนอยู่แล้ว (ยิ้ม) เรายังคิดว่าตัวเองเซ็กซี่อยู่เสมอ เพราะทุกคนยังคงมองตาปรอย เวลาเราแต่งตัวไปเดินที่ไหน เพื่อนๆ หรือใครที่ไปกับเราเดินตามหลังมา จะบอกตลอดว่า เธอ หนุ่มๆ มองตามเธอตาปรอยแล้วนั่น บางคนก็มองผ่านกระจก เราก็หันไปมองกระจกโดยไม่รู้ตัว ทักทายเขาไป เขาก็ยิ้ม ประมาณว่า อุ๊ย โดนจับได้ว่าแอบมองบุ๋ม ตรีรัก (หัวเราะ) ซึ่งเรารู้สึกดีนะที่เขามองเรา เพราะเราอุตส่าห์แต่งตัวมาให้คนมอง เสียเซลฟ์เลยนะ ถ้าฉันแต่งตัวแล้วไม่มีใครมอง ฉันต้องกลับไปเช็กเรตติ้ง มองกระจกใหม่ วันนี้ฉันวูบตรงไหน พี่ตรงและชัดเจนค่ะ คือพี่จะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่จะไม่กล้ายอมรับว่าแต่งตัวมาให้คนมอง เพราะคนอื่นเขาก็จะบอกว่ามันดูไม่ดี มั่นไปรึเปล่า พี่มั่นใจเพราะพี่ถือว่ามันคือความจริง แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
อีกอย่างเราจะเช็กฟีดแบ็กจากคอมเมนต์ในไอจี ในแฟนเพจ ด้วยค่ะ ซึ่งแต่ละคอมเมนต์ก็ทำให้เราชื่นใจทั้งนั้น (ยิ้ม)

• แสดงว่าเป็นคนที่ชอบดูแลตัวเองใช่ไหมคะ เพราะเห็นว่าอายุเข้าเลข 5 แล้วแต่ยังสวยเป๊ะอยู่เลย
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) พี่ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเลย อาจจะดูเยอะ อาจจะดูเหนื่อย แต่เราทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับมันเลยนะ ส่วนตัวพี่จะชั่งน้ำหนักทุกวัน ส่องกระจกบานใหญ่ ต้องมีกระจกบานใหญ่เต็มตัวไว้ก่อน ไว้เช็กดูผิวพรรณและรูปร่างเรา
เราจะดูเรื่องอาหารการกิน พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จริงๆ ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ว่าจะทำได้รึเปล่า จะมีระเบียบวินัยรึเปล่าแค่นั้นเอง อย่างบางคนทำไม่ได้ ก็ต้องไปจ้างไปจ่ายเงินให้คนมาบงการชีวิตในช่วงหนึ่ง พอสวยหล่อแล้ว บางคนก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมอีกเยอะแยะ อันนี้คือไม่มีระเบียบวินัย เพราะฉะนั้น คนเราสมัยนี้หมอเก่งเยอะ มีเงินสวยได้ หน้าตึงเป๊ะได้ แต่คอลงมาถึงปลายเท้าต้องดูแลเอง ศัลยกรรมลำบาก คุณสามารถดูดไขมันออกได้ แต่คุณก็ต้องออกกำลังกายอยู่ดี เพราะฉะนั้น คุณต้องควบคุมตัวเอง จัดให้มีระเบียบวินัยในแต่ละวัน ทุกวันเท่านั้นเอง
อย่างเรื่องการกิน อาหารมื้อเช้าพี่จะไม่ทานหนัก เพราะว่าเพิ่งตื่น ร่างกาย ลำไส้ ยังไม่ตื่นดี ถ้าเราจะทานอะไรหนักๆ แนะนำให้ทานมื้อกลางวัน เพราะเบิร์นง่าย มื้อกลางวันอัดเข้าไปเลย ตามใจชอบ แต่อย่ามีของหวาน
หลัง 6 โมงเย็น เราจะไม่ทาน เราจะไม่ทานดินเนอร์ เราจะพยายามทานในเวลา 5-6 โมงเย็น แล้วมื้อเย็นก็จะไม่ทานคาร์โบไฮเดรตเยอะ ข้าวทัพพีเดียวพอ หิวแค่ไหนอัดผัก อัดแกงจืด บางครั้งอาจจะเป็นยำผลไม้ ส้มตำ มื้อเย็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ไขมัน ของทอด ของมัน มื้อเย็นต้องห้ามเด็ดขาด
อีกอย่าง เราจะพยายามทานผลไม้ก่อนอาหาร เพราะหนึ่งมันทำให้อิ่ม อิ่มเกือบครึ่งท้อง สอง ช่วยทำให้การย่อยระบบลำไส้ต่างๆ ทำงานได้ดีกว่า อันนี้เป็นเคล็ดลับ แล้วก็เป็นวิธีที่คนจีนเขาทำได้ผล เชื่อพี่แล้วผิวหนูจะสวยด้วย รับรอง 1 เดือนได้ผล มันจะไม่ได้ผอมโทรม ถ้าทานอาหารอย่างถูกหมวดหมู่
จะบอกว่าของทุกสิ่งทุกอย่าง อาหารบางอย่างทานเยอะไม่ดี เราก็อย่าทานเยอะ ส่วนตัวพี่ก็เหมือนกัน ชอบโซดา ชอบทานเค็ม เรารู้ถ้าทานมากเกินกว่าที่ร่างกายเราจะทำงานไหว เราก็ต้องลด แต่ก็ยังทานอยู่ เช่น กาแฟทานมากก็ทำให้ผิวไม่สวย แต่ก็ขาดไม่ได้ เพราะกาแฟพี่ก็ชอบ ใส่นมเยอะๆ คอฟฟี่เมตเยอะๆ น้ำตาลเยอะๆ โทษต่อร่างกายทั้งนั้นเลย อย่างถ้าพี่จะดื่มกาแฟพี่ก็ต้องดูว่าวันนั้นพี่ต้องการ คือมันเพลีย ต้องการกาเฟอีน หรือบางทีไปร้านกาแฟกับเพื่อนๆ เขาดื่มกาแฟกัน พี่ก็อยากดื่มบ้างเหมือนกัน พี่ก็ต้องดื่ม ถึงแม้พี่จะรู้ว่าทานเยอะไม่ดี แต่ก็ชอบ อย่างเหล้าก็เหมือนกัน เบียร์ ไวน์ ปกติพี่ไม่ดื่ม แต่เวลาเข้าสังคม วันเกิดเพื่อน ดื่มกันทุกคน เราจะหยุดได้ยังไง ก็สักหน่อย แก้วเดียวอยู่ได้ทั้งคืน มันก็สนุก สรุปรวมๆ แล้วคือเราก็สามารถปล่อยได้บ้างนานๆ หน
เรื่องการพักผ่อนก็เหมือนกัน เรารู้อยู่แล้วใช่ไหมถ้าไม่อยากให้ตาโทรม ก็ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าอยากให้ผิวพรรณสวยสดใส ระบบขับถ่ายดี เราต้องดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ พี่จะบำรุงผิวรอบดวงตากระหน่ำ ไม่ห่วงควักเลย ขอชุ่มชื้นไว้ก่อน วันละ 2 ครั้ง ครีมเดย์ ไนต์ เซรัม ประโคมเลย ให้ชุ่มไปเลย ก่อนนอนไม่สน ฉันอยู่ในห้องแอร์ บำรุงเข้าไปทาไปเลยค่ะวีเชพคอ ออกกำลังกายตรงช่วงคอทุกวัน วันละ 50 ที ทำทุกอย่าง ขับรถก็ทำ แล้วแต่ก่อนนอนหรือตอนเช้าถ้ามีเวลาก็เอาหัวเอียงต่ำไปหน่อย 10 นาที แล้วก็ว่ายน้ำ โยคะ เพราะว่าเส้นเอ็นต้องการยืดต่างๆ
ส่วนการออกกำลังกายจริงจังแค่แขน หน้าท้อง ต้นขา ก้น เพราะพี่เป็นคนชอบใส่สั้นอยู่ ใส่ชุดว่ายน้ำ เดี๋ยวจะสู้เด็กๆ วัยรุ่นไม่ได้ ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน ถ้าอยากให้ดีที่สุดคือ ไปให้เทรนเนอร์ฝึก อย่างน้อยสักคอร์สนึง ให้รู้ว่าออกแบบไหนถูกวิธี เพราะถ้าไม่ถูกวิธีมันก็ไม่กระชับ เราก็จะไปจ้างเทรนเนอร์ก่อนสักคอร์สแล้วถึงกลับมาทำเอง นี่แหละค่ะเคล็ดลับทั้งหมดของพี่ (ยิ้ม)

• มีบางคนที่เขาอายุมากขึ้นแต่เขาท้อที่จะดูแลตัวเอง ปล่อยปละละเลยให้ตัวเองแก่ ตรงนี้คุณบุ๋มอยากจะบอกเขาอย่างไรบ้างคะ
ผู้หญิงหลังเลข 3 เขาก็ท้อแท้กันหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะท้อแท้ตอนแต่งงานและมีลูก ผู้หญิงไทยหลังมีลูกแล้วก็ยอมแพ้ ทำไมยอมแพ้ล่ะคะ มีลูกแล้วช่างมันเถอะ คิดแบบนี้เดี๋ยวผัวก็หนีไปมีกิ๊กหรอก อย่ายอมแพ้ค่ะ พูดตรงๆ ผู้หญิงที่มีลูกแล้ว คุณยิ่งต้องดูแลตัวเองมากกว่าผู้หญิงที่ยังไม่มีลูก จริงๆ นะคะ ถึงเขาจะบอกว่าหุ่นคุณจะพังยังไง ผมก็ยังรักคุณ อย่าไปเชื่อค่ะ อย่าไปเชื่อผู้ชาย คุณจงดูแลตัวเองให้เป๊ะปัง เหมือนสมัยคุณยังสาวๆ ดีกว่า อย่างน้อยคุณจะมีความสุข คุณเชื่อบุ๋มเถอะ เวลาคุณส่องกระจก เวลาคุณแต่งตัว เวลาคุณชอปปิ้ง คุณจะรู้สึกดี แล้วคุณจะรู้สึกว่าขนาดฉันมีลูก 1 ลูก 2 แล้ว ดูสิฉันยังเซี๊ยะอยู่เลย แล้วอย่างนี้ผัวจะไม่รักไม่หลงไหวเหรอคะ
ยิ่งผู้หญิงวัย 40-50 ปี ยิ่งเสียเซลฟ์ไปใหญ่ แต่ถ้าคุณหุ่นดี คุณก็ใส่สั้นได้ ฝรั่งเขาก็ใส่กันค่ะ แล้วคุณจะกลัวอะไรคะ แค่คุณดูแลตัวเองเท่านั้นเอง ไม่ต้องแคร์คุณจะลูก 3 หรือ ลูก 6 คน ถ้าคุณยังสวย คุณก็ใส่ไปเถอะ คุณไม่ได้ขอข้าวใครกินนี่ คุณจะแคร์ทำไม คุณไม่ได้ขอเงินใคร ขอให้สวยไว้เถอะ ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์สวย ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หรือไม่ว่าคุณจะมีลูกสักกี่คน ความสวยใครบ้างไม่ต้องการ ความหล่อ หน้าตาดี อย่าปล่อยมันไปค่ะ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือคุณไป ในเมื่อคุณเคยมีมันอยู่แล้ว หรือคุณคิดว่าฉันหน้าตาไม่ดี ฉันหน้าตาไม่สวย ฉันหน้าตาไม่หล่อ ดูแลสิคะ ต่อให้ไม่สวยไม่หล่อ แต่คุณสุขภาพดี ผิวพรรณดี หุ่นดี คุณยังไงก็มาดดี
มีผู้หญิงผู้ชายบางคนที่อายุ 50 มองข้างหลังแล้วยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดูดีอยู่เลย พุงไม่มี ใส่กางเกงแล้วยังดูเท่อยู่เลย ถึงแม้หน้าจะ 50 ตามธรรมชาติ บางคนก็ไม่อยากไปทำอะไรกับหน้าของเขา แต่รูปร่างยังออกกำลังกาย มีเสน่ห์นะ แล้วมาดูกันว่าอายุ 60 พี่ยังใส่ขาสั้นอยู่รึเปล่า พี่คิดว่าพี่ได้นะ อีกแค่สิบปีเอง ตอนนี้พี่ทำเป้าอยู่ที่อายุ 70 ไม่แน่อายุ 70 อาจมีคนมาขอพี่แต่งงานก็ได้ (หัวเราะ)

• ท้ายนี้ เราจะได้เห็นคุณบุ๋มกลับมาทำงานในวงการบันเทิงเต็มตัวบ้างไหมคะ
เอาจริงๆ พี่ก็ไม่คิดหรอกว่าจะกลับมาขึ้นเวทีร้องเพลงหรือจะกลับมาทำอะไรอย่างนี้ เพราะพี่อยากใช้ชีวิตสุดสงบที่ต่างแดนแล้ว แต่ทุก 2-3 เดือน เราก็กลับมาเมืองไทยนะคะ กลับมาอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ดูแลคุณแม่ น้อง หลาน กลับมาเฮฮากับเพื่อนสนิท พี่จะชอบกลับมาเงียบๆ ตลอด แต่ระหว่างนั้นก็จะมีถ่ายแบบบ้าง มีสัมภาษณ์บ้าง มีรายการทีวีบ้างประปราย ปีเว้นปีบ้าง 2-3 ปีทีบ้าง ก็จะได้เห็นกันตลอด แต่จะไม่ได้มีผลงานอะไรยิ่งใหญ่เป็นจริงเป็นจัง เพราะเราไม่มีเวลา แล้วก็ไม่คิดจะรับด้วย ก็จะมีงานคอนเสิร์ตครั้งนี้แหละค่ะที่เต็มใจรับจริงๆ (ยิ้ม)


เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อภิษฎา แพภิรมย์รัตน์
ภาพ : ศิวกร เสนสอน และ อัลบัม Moody บุ๋ม ตรีรัก
บุ๋ม-ตรีรัก รักการดี อดีตนักร้อง นักแสดง นางแบบมากผลงาน ที่ห่างหายไปจากวงการบันเทิงเป็นเวลาเกือบ 20 ปี และวันนี้เธอเข้าวัยเลข 5 แล้ว แต่ก็ยังคงสวย เป๊ะ ปัง! อยู่
ตลอดระยะเวลาที่ไม่รับงานใหญ่ๆ ในวงการบันเทิง เธอหันไปเอาดีกับอาชีพที่เธอรักอย่างตัดขนสุนัขและแมวที่ต่างประเทศ และสิ่งที่หลายคนรอคอยก็มาถึง เพราะล่าสุดเธอกลับมารับงานคอนเสิร์ต 90’s Young Dance Concert ที่จะมีขึ้นวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้
ใครที่อยากเห็นบุ๋ม ตรีรัก ในลุคเซ็กซี่ รับรองว่างานนี้ได้เห็นอีกอย่างแน่นอน
• ก่อนหน้านี้ห่างหายจากวงการบันเทิงไปเกือบ 20 ปีเลย
พี่ออกจากวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 32 ปี จนตอนนี้ก็ 50 ปีแล้ว ที่ออกไปก็เพราะ หนึ่ง เบื่อ มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ช่วงอายุ 19-32 ปี เราทำมาครบแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น นางแบบ นางเอก นักร้อง และตอนนั้น ผลงานเราก็ฮอตทุกอย่าง มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และสอง เรามีความรู้สึกว่าผู้หญิงวัยกลางคนยังมีอะไรที่อยากจะทำอีก ความฝันตอนนั้นของเราคืออยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากพูดภาษาอังกฤษเป็น อยากทำงานกับชาวต่างชาติสักพัก แล้วก็อยากเป็นโสดด้วย เพราะมีแฟนตั้งแต่ ม.5 จนถึงอายุ 32 มีความรู้สึกว่าเราขาดช่วงวัยรุ่น ขาดช่วงของสาวโสด ฉันอยากอยู่อิสระ เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง เพราะฉะนั้น ก็ไปเลย (ยิ้ม)
• ชีวิตหลังออกจากวงการบันเทิงทำอะไรบ้างคะ
ไปอยู่ต่างประเทศค่ะ กลางวันเรียนหนังสือ กลางคืนเสิร์ฟ ทำอย่างนั้นอยู่ 4 ปี หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่ออาชีพตัดขนสุนัขและแมว และนำมาทำเป็นอาชีพได้ 15 ปีแล้วค่ะ เป็นอาชีพที่ชอบและมีความสุขดี ตอนไปเรียนก็เรียนจริงจัง จนได้ Satisfied Master Groomer และ Finish Groomer เรียนครบ 1,000 ชั่วโมง ออกรายการทีวีของที่นั่น 20-30 รายการ ได้สัมภาษณ์ลงหนังสือ los Angeles pet guide ซึ่งก็เป็นหนังสือประจำท้องถิ่นของแอลเอ มีชื่อติดอยู่ในหนังสือด้วย เจ๋งไหมล่ะ มีฝีมือนะ (หัวเราะ) เราเป็นคนที่ทำอะไรต้องทำให้สุด
อยู่ที่นู่นก็มีรับงานเล่นละครเวทีคนไทยที่นั่นบ้าง เช่น Ford’s Theatre เป็นละครเวทีมีชื่อเสียงอยู่ที่นั่น ไปเล่นเป็นไทยควีนในสมัยโบราณ ใส่ชุดไทยให้ฝรั่งต่างชาติเขาดู ซึ่งทีมงานคนไทยที่นั่นทำได้ดีทีเดียว บัตรขายหมด ซึ่งเราจะรับงานที่ค่อนข้างเป็นงานที่โอเค ที่เรารู้สึกว่าเรายังไม่เคยจับงานแบบนี้มาก่อน อะไรประมาณนี้ค่ะ (ยิ้ม)
• เป็นถึงอดีตเซ็กซี่สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยเลย อยากให้ย้อนเล่าถึงความเป็นมาชีวิตในวงการหน่อยค่ะว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
เริ่มต้นจากการที่เราได้เป็นดาวคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ ค่ะ พอได้เป็นดาว เราก็เริ่มมีความมั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดี เพราะเราได้เป็นดาวคณะ แล้วพอดีเพื่อนคนหนึ่ง คือคุณโต้ง-ชัชวิน อุณหะนันท์ บรรณาธิการนิตยสาร Men's Health คนปัจจุบัน เขาสอนให้เดินแบบ จากนั้นเราก็ไปประกวดสาวแพรว และติด 1 ใน 10 สาวแพรวมา ซึ่งการประกวดครั้งนั้นแหละที่เป็นจุดเริ่มต้นการได้เข้าวงการครั้งแรก
หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ทางช่อง 3 ก็มีประกวดดาวรุ่งทางช่อง 3 เป็นการแสดง เราก็เลยไปประกวดอีก ไปสมัครแล้วก็ได้เข้ารอบ จำได้สมัยนั้นเขาสมัครกัน 2,000 กว่าคน ซึ่งเราได้เข้ารอบ 1 ใน 20 ก็คือ ชาย 10 หญิง 10 ถ้าจำไม่ผิดก็จะคัดเหลือชาย 5 หญิง 5 เพราะต้องประกวดสด ถ่ายทอดสด การแสดงสดบนหน้าเวที ซึ่งคนที่ชนะ ฝ่ายหญิงปีนั้นก็คือ พี่เปิ้ล-หัทยา เกษสังข์ พี่ถึงได้รู้จักพี่เปิ้ลครั้งแรก และพี่เปิ้ลก็เป็นไอดอลด้วยค่ะ (ยิ้ม)
ต่อมา เราได้รับเลือกเป็นนางเอกแม่นาค พอดีตอนนั้นทางช่อง 3 ต้องการปั้นนางเอกใหม่ แล้วคาแรกเตอร์ของพี่โดนใจคณะกรรมการพอดีตรงที่ว่า ตาดุ ผมดำยาว พี่เป็นคนไว้ผมยาวมาตลอด และรูปร่างเราก็ไม่สูงเกินไป กะทัดรัด เหมือนกับผู้หญิงไทยโบราณ หน้าก็ไทยอีก แล้วตอนที่เขาแคสต์ซีนร้องไห้ เราก็ร้องไห้ได้ ร้องไห้หน้าสวยด้วย (หัวเราะ) เราก็เลยได้รับเลือกเป็นนางเอกแม่นาคของช่อง 3 ตอนนั้นเล่นคู่กับพี่ไทด์-เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ คือพี่ๆ นักแสดงทุกคนเขาเก่งกว่าเราอยู่แล้ว เราเด็กหน้าใหม่คนเดียว แต่พวกพี่เขาก็ช่วยเราดี เล่นส่งให้บทเราดี อีกทั้งก็มีคนเก่งๆ สอนเรา
ตอนนั้น อาชูศักดิ์ สุธีรธรรม เป็นผู้กำกับ พี่ก็ประสบความสำเร็จจากเรื่องนี้ จากนั้นพี่ก็มีชื่อเสียงในวงการมาตลอด ได้เล่น “บ้านผีปอบ” ยุคนั้น บ้านผีปอบดังมาก หนังวิ่งหนีผีสนุกๆ จนเราได้รับสมญานามว่า “ราชินีหนังผี” ในยุคนั้นเลย เป็นนางเอกที่เล่นหนังผีแล้วเรตติ้งดี หนังขายดี คนชอบดู คือไม่มีใครเล่นบทผีได้สมบทบาทเท่า นางเอกตรีรัก รักการดี แล้ว ประมาณนั้น (ยิ้ม) เล่นอยู่ประมาณ 3 ปีเลย จนคนคิดว่าพี่ไม่สามารถเล่นบทอื่นได้แล้ว เพราะภาพพจน์มันติด เพราะเล่นมานานมาก 3 ปี จนพูดว่าคงเปลี่ยนคาแรกเตอร์ไม่ได้แล้ว คงหนีไม่ได้ พี่ก็หวั่นเหมือนกัน แต่บุญพี่ยังมี พี่อี๊ด-ศุภักษร หรือ อี๊ด-ศุภวัฒน์ จงศิริ เข้ามาอยู่ในช่อง 3 เข้ามาจัดละคร
พี่อี๊ด คือตัวพ่อด้านนิยายรักนักศึกษา หรือเกี่ยวกับหนัง ละครวัยรุ่น เขาเต็งหนึ่งในยุคนั้น ไม่มีใครสู้เขาได้เลย เหมือนหัวใจเขาเป็นวัยรุ่นตลอดเวลา เขาเข้าใจหัวอกวัยรุ่น ว่าจะจีบกันยังไง มุกเป็นยังไง และพี่อี๊ดเขียนบทเอง แต่งเพลงประกอบเองด้วย ตอนนั้นเพอร์เฟกต์มาก นักแสดงทุกคนได้เป็นนักร้องกันหมด ยกเว้นพี่นะ ก็ได้เล่นละครวัยรุ่นอยู่ประมาณ 2 ปี หมดสัญญากับช่อง 3 ก็ออกมาดูแลตัวเอง ออกมารับงานเองข้างนอก โชว์ตัว งานอีเวนต์ ถ่ายแบบมั่ง เดินแบบมั่ง อะไรไปเรื่อย และผลงานชิ้นสุดท้ายคือ Moddy ตรีรัก
จะบอกว่า พี่เป็นนางเอกที่ไปถ่ายแบบเซ็กซี่ขึ้นปกนิตยสาร face ซึ่งสมัยนี้ไม่มีแล้ว นางเอกในยุคนั้นไม่กล้าถ่ายแบบเซ็กซี่ พี่นี่แหละคนแรก แรงมากในยุคนั้น เพราะเขากลัวไงว่าถ้านางเอกจะมาถ่ายแบบเซ็กซี่ เขากลัวจะหลุดคาแรกเตอร์ ไม่สามารถเป็นนางเอกได้ เพราะนางเอกต้องเรียบร้อย 30 ปีที่แล้ว นางเอกต้องนุ่มนิ่ม แอ๊บแบ๊ว นางเอกยุคนี้ร้ายได้ ตบตีคนได้ ไม่ผิด มันคือโลกแห่งความเป็นจริง
จำได้ว่า ครั้งหนึ่ง ได้ไปออกรายการ พี่ต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เชิญออกรายการทไวไลท์โชว์ คือเหมือนกับทุกคนอยากเห็นตัวจริงพี่ นอกเหนือจากบทละครและในหนังสือพิมพ์ เขาอยากเห็นตัวเป็นๆ เวลามาสัมภาษณ์ทางรายการทอล์กโชว์ว่าตัวจริงแม่นาคเป็นอย่างไร พี่ก็มาชุดของพี่เลย ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเกาะอก แจ็กเกตหนังดำ แล้วก็บูต จำได้สมัยก่อน เสื้อผ้าที่พี่โปรด พี่ใส่อยู่ 2 ร้าน โซดาป๊อป กับ เธียเตอร์ (Theatre) ร้านนี้ยังมีอยู่ วัยรุ่นก็ยังใส่กันอยู่ ราคาไม่แพงมาก วัยรุ่นสามารถซื้อได้ และก็เก๋ เปรี้ยว
โชคดีที่กระแสคนทางบ้านรับพี่ได้ ไม่แอนตี้ เขากลับมองว่าเป็นนางเอกยุคใหม่ ตอนนั้นพี่เรียนนิเทศ ม.กรุงเทพ เป็นดาวคณะด้วย 1 ใน 10 สาวแพรวด้วย แถมแต่งตัวเปรี้ยวด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าพี่มีแฟนคลับน้องๆ กะเทยเยอะมาก เก้งกวางเยอะมาก (ยิ้ม) รวมทั้งผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ยังไม่กล้าแสดงออก คือเหมือนกับพี่เป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่น ซึ่งมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง คือพี่ฉายแสง ฉายคาแรกเตอร์มาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว ผู้ใหญ่บางคนก็รับไม่ได้ คือเราก็เข้าใจ แต่นี่คือตัวเรา พี่ก็ไม่รู้จะปกปิดและเปลี่ยนแปลงตัวเองทำไม เพราะพี่เชื่อมั่นตัวเองว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด อันนี้มันเป็นคาแรกเตอร์ของฉัน ที่สำคัญฉันเป็นคนดี ฉันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร นี่ตัวตนของฉัน ฉันจะแต่งตัวอย่างนี้ ทำไมล่ะ ก็แฟชั่น คนทั่วโลกเขาก็แต่งกัน แล้วทำไมเราต้องมาปกปิดตัวตนของเรา ไม่รู้สิ ก็เป็นคนแบบนี้อ่ะเนอะ
• คนเลยจดจำบุ๋ม ตรีรักในภาพลักษณ์เซ็กซี่ไปเลยใช่ไหม
คาแรกเตอร์ของ บุ๋ม ตรีรัก รักการดี จะแตกต่างจากนางเอกคนอื่น มาตั้งแต่เริ่มต้นเลย แล้วก็สมัยก่อน เข้าวงการนักข่าวถามมีแฟนรึยัง ก็บอกเลยมีแล้วค่ะ ก็มีแล้วจริงๆ ซึ่งนางเอกในยุคนั้น ถ้าเพิ่งเข้าวงการ ทุกคนจะปกปิดหมด เพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือนภาพพจน์ของนางเอกที่มีแฟนเร็ว หรือมีคู่แล้ว หมายถึงมีแฟนแล้ว ดาราสมัยก่อนเขาจะปกปิดเรื่องการมีแฟน อันนั้นก็เป็นแนวความคิดของคนรุ่นเก่า แต่พี่ไมใช่ พี่คิดอย่างเดียวว่าการมีแฟนจะทำให้แฟนคลับลดน้อยลง ก็เข้าใจ แต่ฉันก็อยากบอกว่าฉันมีแฟนแล้ว ก็แค่นั้นเอง ก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ว่าอะไรใครด้วย แต่นี่คือฉัน คิดอย่างเดียว ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แล้วก็ทำให้พี่รู้สึก พี่ไม่ต้องมานั่งระวังว่าเคยพูดอะไรมาแล้ว แล้วมันจะไม่ตรง พี่พูดความจริงนี่แหละ
ตอนนั้นก็ได้รับผลกระทบเยอะเหมือนกันว่า แรงไป ก้าวร้าวไป คือคนสมัยก่อนจะมองแบบนี้ ซึ่งพี่ก็จะให้สัมภาษณ์ว่า ก็ช่วยไม่ได้ ก็นี่คือฉัน ฉันจริงใจ ฉันชัดเจน แล้วคุณไม่ชอบหรอ คุณชอบให้ฉันเฟก ชอบให้ฉันโกหกคุณเหรอ แล้วมันจะดีเหรอ มันจะมีความจริงใจซึ่งกันและกันเหรอ พี่เป็นคนอย่างนี้แหละ คือพี่ก็รู้ว่าตอนนั้นสมัยนั้น ผู้ใหญ่รับพี่ไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ จะให้พี่เปลี่ยนแปลง โกหก พี่ก็ทำไม่เป็น พี่รู้อย่างเดียวว่าฉันเป็นอย่างนี้แหละ สักวัน ถ้าคุณบังเอิญมาร่วมงานกับฉัน คุณจะรู้เองว่าฉันมีความรับผิดชอบสูงแค่ไหน และฉันมีดี
อย่างน้อย ระบบการทำงานของพี่ พี่เป็นคนที่ทำงานตรงต่อเวลา มาก่อนเวลา เป๊ะทุกอย่าง คือคนที่ร่วมงานกับพี่ต้องเป๊ะทุกอย่าง อย่ามาเลต และก็ต้องมีความรับผิดชอบ เพราะว่าไม่งั้นพี่จะอึดอัด จะไม่อยากร่วมงานด้วย พูดตรงๆ คือสมัยก่อนพี่เด็ก พี่ไม่มีทางเลือก แต่เราก็เข้าใจว่าการทำงาน มันก็ต้องเป็นทีมเวิร์ก ก็ต้องอะลุ้มอล่วยกัน พี่เข้าใจ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งซึ่งอิ่มตัวเพียงพอแล้ว เราเลยออกจากวงการบันเทิงดีกว่า (ยิ้ม)
• หายไปเกือบ 20 ปี แต่เห็นว่ากลับมาคราวนี้จะมีคอนเสิร์ตเหรอคะ แล้วทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้คะ
จริงๆ ไม่เคยคิดจะรับเลยนะคะ 20 ปีมาแล้วไม่เคยขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอะไรทั้งสิ้น บอกได้เลยไม่เคยคิด ไม่เคยร้องเพลงเลย 20 ปี ไม่เคยเต้นมาเลย เป็นผู้หญิงธรรมดาที่ปล่อยวางวงการแล้ว น้องมาร์ วง T-Skirt มาขอร้องก็หลายรอบแล้ว แต่เราก็ปฏิเสธมาตลอด เพราะรู้สึกว่าพวกเขายังเสียงดีกันทุกคน พวกเขายังร้องเพลงกันอยู่ เพราะเราเห็น เรามีโอกาสไปดูจากคีตาคอนเสิร์ต ทุกคนยังทรงพลังกันอยู่ ซึ่งเราก็นึกถึงวันเก่าๆ แล้วเพลงพวกเขาก็เพราะกันทุกคน ไปนั่งฟังเราก็มีความสุข แล้วตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย
ครั้งนี้ เรากลับมา แล้วน้องมาร์เขารู้ เพราะเขาตามไอจีอยู่ (หัวเราะ) น้องเขาเลยมาถามอีกครั้งว่าจำได้ไหมที่ชวนพี่ไว้ ตกลงแน่นอนแล้วนะ ของ Music Move Entertainment แล้วก็สปอนเซอร์เบียร์สิงห์เชียวนะ ซึ่งเราก็เลยถามว่าศิลปินมีใครบ้าง พอเขาบอกรายชื่อมา มีฝันดี ฝันเด่น แฝดนรกของพี่ (หัวเราะ) T-Skirt ยุ้ย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี แอนเดรีย ซึ่งพี่ชอบเพลงสบตาของน้องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นอกจากนั้นก็มีเจ เจตริน มอส ปฏิภาณ มอริส เค มีเพลงช้าด้วยคือพี่ป้อมกับพี่แอดดี้ ออโต้บาห์น ใครมั่งไม่รู้จัก แบบยุคเรานี่รู้จัก เพลงเพราะมาก หวานละลายใจมาก แล้วก็มีโก้ พี่ติ๊ก ชิโร่ คือตัวพ่อของพ่อของพ่อของพ่อ ในความมีเอกลักษณ์ของเขา พี่คนนี้นี่เป็นคนที่โคตรจะมีพรสวรรค์เลย ไม่ว่าจะทำอะไรนี่ คาแรกเตอร์เขาโดดเด่นมาก พี่ติ๊กเก่งจริง
พอได้ยิน เราก็โอเค ชอบด้วย รู้สึกว่ามันยากนะที่ 2 ค่าย คีตาและแกรมมี่จะมาจอยกัน ยิ่งสมัยก่อน ไม่ต้องพูดถึง อีกอย่างสปอนเซอร์เอย ที่จัดงานเอย รู้สึกมันเป็นภาพที่น่าสนใจ แต่พี่บอกไปว่า พี่ร้องไม่เยอะนะ พี่ก็รีบออกตัวเลยว่าพี่ร้องไม่เก่ง ถ้าเทียบกับน้องๆ ทุกคนนี่ เสียงพี่สู้น้องๆ ไม่ได้ พี่ก็รู้ตัวเองดี งั้นพี่มา have fun กับน้องๆ แล้วกัน แล้วเดี๋ยวพี่จะมาซ้อมเต้นให้ พอรู้คอนเซ็ปต์ ก็เลยเต็มใจตอบรับ เต็มใจที่จะยอมเครียด จริงๆ พี่ไม่ชอบเครียด เพราะพี่ชอบมีความสุข เพราะฉะนั้น อะไรที่เครียด พี่จะตัดออกไปจากชีวิตพี่ พี่จะไม่เอาเข้ามาในชีวิต แต่อันนี้พี่ยอมเครียดนะคะ เพราะมองแล้ว พี่เชื่อว่าวันนั้นพี่จะมีความสุข พี่อยากจะเก็บความรู้สึกนั้นเป็นภาพวิดีโอ เก็บไว้ดู ให้เด็กรุ่นหลังดู และเก็บให้ตัวพี่ดูในอนาคต เวลาที่แก่ขึ้น อายุ 60 70 ว่าตอน 50 ฉันก็ยังเป๊ะปัง แซบซ่ากับน้องๆ อยู่ (ยิ้ม)
ถ้าใครสนใจก็สามารถจับจองบัตรได้ที่ THAITICKETMAJOR ทุกสาขา เปิดขายบัตร 12-26 กันยายน 2559 ราคา 1,200 บาท เป็นราคาพิเศษ หลังจากนั้นจะเป็นราคา 1,500 บาท ทุกที่ยืน แล้วพบกันวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2559 ที่ไบเทค บางนา ฮอล์ล 106 ค่ะ (ยิ้ม)
• แล้วกลับมาคราวนี้คงคอนเซ็ปต์เซ็กซี่เหมือนเดิมไหมคะ คนดูจะได้เห็นคุณบุ๋มในลุคกางเกงสั้นแค่คืบกับเสื้อเอวลอยอยู่ไหม
แน่นอนค่ะ (ยิ้ม) ออริจินัลกางเกงคืบเดียวของบุ๋ม ตรีรัก ได้เห็นกันแน่นอนค่ะ แล้วพี่จะไปฟิตหุ่นให้เฟิร์มให้ดูแน่นอน เดี๋ยวพี่จะซ้อมจะออกกำลังกาย เฟิร์มร่างกายไว้ให้กำลังปอดและหน้าท้องให้มีแรง ไม่แรงตกซะก่อน ให้น้องๆ ได้สบายใจ (หัวเราะ)
• นอกจากนี้แล้วเราจะได้เห็นอะไรในคอนเสิร์ตครั้งนี้อีกบ้างคะ
รับรองว่าเราจะได้พบภาพความประทับใจ ที่เราจะมีความทรงจำที่ดีไปด้วยกันตลอดไป อยากให้ทุกคนมาเห็นว่าเพลงสมัยก่อนมีเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะไม่ได้มีเทคนิคดนตรีอะไรมากมาย melody simple แต่เนื้อร้องเพลงเหลือกิน ฟังยังไงก็ไม่เบื่อ ถ้าสังเกตดีๆ นักแต่งเพลงสมัยก่อน ขนาดมาฟังเกิดไม่ทันกี่รอบก็ไม่รู้ พวกพี่ๆ เขา 60 กันแล้ว ฟังเพลงแล้วยังรู้สึกจับใจ พวกพี่เขาร้องเพลงเพราะ ทำไมเพลงนี้เพราะจัง เพลงพวกรุ่นพี่สมัยก่อนเขาอัจฉริยะมาก คำเขาคิดออกมาสวยมาก พี่ๆ นักดนตรีหรือพี่ๆ โปรดิวเซอร์ เขาคิดงานแบบไม่ได้ใช้เทคนิคแบบโปรแกรมมาทำเพลง ซึ่งสมัยนี้มันเจริญมากจนกระทั่งเครื่องโปรแกรม คุณมีเงิน คุณซื้อมาทำเพลงได้เลย แต่พวกพี่ๆ นักแต่งสมัยก่อนไม่ใช่ เขามาจากความสามารถของเขาล้วนๆ อารมณ์ความรู้สึก กลั่นเขียนเนื้อเพลง เนื้อดนตรีออกมา แต่ละเพลงเขากว่าจะทำออกมาให้เราได้ฟังสักหนึ่งเพลง เขาใช้เวลานานแค่ไหน เขามีคุณค่าแค่ไหนกับค่ามันสมองของเขากับค่าความรู้สึกของเขา เพราะฉะนั้น เราต้องให้เกียรติเขามากๆ หนูเป็นเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้สึกจับใจเท่าพี่ แต่พี่เกิดในยุคนั้น พี่มองเห็นคุณค่าพวกเขามาก
ส่วนความตื่นตาตื่นใจอย่างอื่น พี่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะทีมงานยังไม่ได้บอก แต่สิ่งหนึ่งที่พี่บอกให้ทุกคนทราบได้ตอนนี้คือว่างานวันนี้ทุกคนจะมีความสุข จะมีความประทับใจ ซึ่งยากนะคะที่คุณจะหาช่วงเวลานั้นมาอยู่ร่วมกันกับพวกเราทุกคนได้บนเวที ศิลปินในฝันของคุณในอดีต ซึ่งทุกคนเป็นตัวแม่ของความแซบความซ่าในอดีตกันทั้งนั้น เราจะมีให้คุณแน่นอน ทุกคนเต็มที่อยากมามอบความสุขให้ทุกคนเหมือนในอดีตที่เคยให้กันตอนสมัยเราวัยรุ่น เราอยากจะชวนทุกคนมาอยู่ในโลกวันเก่าๆ ในช่วงวัยรุ่น มาย้อนวัยกัน ให้คุณชวนลูกๆ ของคุณมา ให้มาเห็นว่านี่ยุคของพ่อแม่นะ นี่ศิลปินของพ่อแม่นะ พ่อแม่ร้องและเต้นได้หมดเลยนะเพลงพวกนี้ อยากให้ชวนลูกๆ มา อย่างน้อยมันจะเป็นวันครอบครัวที่มีความสุข ของคุณและของเราด้วยค่ะ (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้วคิดว่าตัวเองยังเซ็กซี่อยู่ไหมคะ
แน่นอนอยู่แล้ว (ยิ้ม) เรายังคิดว่าตัวเองเซ็กซี่อยู่เสมอ เพราะทุกคนยังคงมองตาปรอย เวลาเราแต่งตัวไปเดินที่ไหน เพื่อนๆ หรือใครที่ไปกับเราเดินตามหลังมา จะบอกตลอดว่า เธอ หนุ่มๆ มองตามเธอตาปรอยแล้วนั่น บางคนก็มองผ่านกระจก เราก็หันไปมองกระจกโดยไม่รู้ตัว ทักทายเขาไป เขาก็ยิ้ม ประมาณว่า อุ๊ย โดนจับได้ว่าแอบมองบุ๋ม ตรีรัก (หัวเราะ) ซึ่งเรารู้สึกดีนะที่เขามองเรา เพราะเราอุตส่าห์แต่งตัวมาให้คนมอง เสียเซลฟ์เลยนะ ถ้าฉันแต่งตัวแล้วไม่มีใครมอง ฉันต้องกลับไปเช็กเรตติ้ง มองกระจกใหม่ วันนี้ฉันวูบตรงไหน พี่ตรงและชัดเจนค่ะ คือพี่จะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่จะไม่กล้ายอมรับว่าแต่งตัวมาให้คนมอง เพราะคนอื่นเขาก็จะบอกว่ามันดูไม่ดี มั่นไปรึเปล่า พี่มั่นใจเพราะพี่ถือว่ามันคือความจริง แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
อีกอย่างเราจะเช็กฟีดแบ็กจากคอมเมนต์ในไอจี ในแฟนเพจ ด้วยค่ะ ซึ่งแต่ละคอมเมนต์ก็ทำให้เราชื่นใจทั้งนั้น (ยิ้ม)
• แสดงว่าเป็นคนที่ชอบดูแลตัวเองใช่ไหมคะ เพราะเห็นว่าอายุเข้าเลข 5 แล้วแต่ยังสวยเป๊ะอยู่เลย
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) พี่ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเลย อาจจะดูเยอะ อาจจะดูเหนื่อย แต่เราทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับมันเลยนะ ส่วนตัวพี่จะชั่งน้ำหนักทุกวัน ส่องกระจกบานใหญ่ ต้องมีกระจกบานใหญ่เต็มตัวไว้ก่อน ไว้เช็กดูผิวพรรณและรูปร่างเรา
เราจะดูเรื่องอาหารการกิน พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จริงๆ ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ว่าจะทำได้รึเปล่า จะมีระเบียบวินัยรึเปล่าแค่นั้นเอง อย่างบางคนทำไม่ได้ ก็ต้องไปจ้างไปจ่ายเงินให้คนมาบงการชีวิตในช่วงหนึ่ง พอสวยหล่อแล้ว บางคนก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมอีกเยอะแยะ อันนี้คือไม่มีระเบียบวินัย เพราะฉะนั้น คนเราสมัยนี้หมอเก่งเยอะ มีเงินสวยได้ หน้าตึงเป๊ะได้ แต่คอลงมาถึงปลายเท้าต้องดูแลเอง ศัลยกรรมลำบาก คุณสามารถดูดไขมันออกได้ แต่คุณก็ต้องออกกำลังกายอยู่ดี เพราะฉะนั้น คุณต้องควบคุมตัวเอง จัดให้มีระเบียบวินัยในแต่ละวัน ทุกวันเท่านั้นเอง
อย่างเรื่องการกิน อาหารมื้อเช้าพี่จะไม่ทานหนัก เพราะว่าเพิ่งตื่น ร่างกาย ลำไส้ ยังไม่ตื่นดี ถ้าเราจะทานอะไรหนักๆ แนะนำให้ทานมื้อกลางวัน เพราะเบิร์นง่าย มื้อกลางวันอัดเข้าไปเลย ตามใจชอบ แต่อย่ามีของหวาน
หลัง 6 โมงเย็น เราจะไม่ทาน เราจะไม่ทานดินเนอร์ เราจะพยายามทานในเวลา 5-6 โมงเย็น แล้วมื้อเย็นก็จะไม่ทานคาร์โบไฮเดรตเยอะ ข้าวทัพพีเดียวพอ หิวแค่ไหนอัดผัก อัดแกงจืด บางครั้งอาจจะเป็นยำผลไม้ ส้มตำ มื้อเย็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ไขมัน ของทอด ของมัน มื้อเย็นต้องห้ามเด็ดขาด
อีกอย่าง เราจะพยายามทานผลไม้ก่อนอาหาร เพราะหนึ่งมันทำให้อิ่ม อิ่มเกือบครึ่งท้อง สอง ช่วยทำให้การย่อยระบบลำไส้ต่างๆ ทำงานได้ดีกว่า อันนี้เป็นเคล็ดลับ แล้วก็เป็นวิธีที่คนจีนเขาทำได้ผล เชื่อพี่แล้วผิวหนูจะสวยด้วย รับรอง 1 เดือนได้ผล มันจะไม่ได้ผอมโทรม ถ้าทานอาหารอย่างถูกหมวดหมู่
จะบอกว่าของทุกสิ่งทุกอย่าง อาหารบางอย่างทานเยอะไม่ดี เราก็อย่าทานเยอะ ส่วนตัวพี่ก็เหมือนกัน ชอบโซดา ชอบทานเค็ม เรารู้ถ้าทานมากเกินกว่าที่ร่างกายเราจะทำงานไหว เราก็ต้องลด แต่ก็ยังทานอยู่ เช่น กาแฟทานมากก็ทำให้ผิวไม่สวย แต่ก็ขาดไม่ได้ เพราะกาแฟพี่ก็ชอบ ใส่นมเยอะๆ คอฟฟี่เมตเยอะๆ น้ำตาลเยอะๆ โทษต่อร่างกายทั้งนั้นเลย อย่างถ้าพี่จะดื่มกาแฟพี่ก็ต้องดูว่าวันนั้นพี่ต้องการ คือมันเพลีย ต้องการกาเฟอีน หรือบางทีไปร้านกาแฟกับเพื่อนๆ เขาดื่มกาแฟกัน พี่ก็อยากดื่มบ้างเหมือนกัน พี่ก็ต้องดื่ม ถึงแม้พี่จะรู้ว่าทานเยอะไม่ดี แต่ก็ชอบ อย่างเหล้าก็เหมือนกัน เบียร์ ไวน์ ปกติพี่ไม่ดื่ม แต่เวลาเข้าสังคม วันเกิดเพื่อน ดื่มกันทุกคน เราจะหยุดได้ยังไง ก็สักหน่อย แก้วเดียวอยู่ได้ทั้งคืน มันก็สนุก สรุปรวมๆ แล้วคือเราก็สามารถปล่อยได้บ้างนานๆ หน
เรื่องการพักผ่อนก็เหมือนกัน เรารู้อยู่แล้วใช่ไหมถ้าไม่อยากให้ตาโทรม ก็ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าอยากให้ผิวพรรณสวยสดใส ระบบขับถ่ายดี เราต้องดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ พี่จะบำรุงผิวรอบดวงตากระหน่ำ ไม่ห่วงควักเลย ขอชุ่มชื้นไว้ก่อน วันละ 2 ครั้ง ครีมเดย์ ไนต์ เซรัม ประโคมเลย ให้ชุ่มไปเลย ก่อนนอนไม่สน ฉันอยู่ในห้องแอร์ บำรุงเข้าไปทาไปเลยค่ะวีเชพคอ ออกกำลังกายตรงช่วงคอทุกวัน วันละ 50 ที ทำทุกอย่าง ขับรถก็ทำ แล้วแต่ก่อนนอนหรือตอนเช้าถ้ามีเวลาก็เอาหัวเอียงต่ำไปหน่อย 10 นาที แล้วก็ว่ายน้ำ โยคะ เพราะว่าเส้นเอ็นต้องการยืดต่างๆ
ส่วนการออกกำลังกายจริงจังแค่แขน หน้าท้อง ต้นขา ก้น เพราะพี่เป็นคนชอบใส่สั้นอยู่ ใส่ชุดว่ายน้ำ เดี๋ยวจะสู้เด็กๆ วัยรุ่นไม่ได้ ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน ถ้าอยากให้ดีที่สุดคือ ไปให้เทรนเนอร์ฝึก อย่างน้อยสักคอร์สนึง ให้รู้ว่าออกแบบไหนถูกวิธี เพราะถ้าไม่ถูกวิธีมันก็ไม่กระชับ เราก็จะไปจ้างเทรนเนอร์ก่อนสักคอร์สแล้วถึงกลับมาทำเอง นี่แหละค่ะเคล็ดลับทั้งหมดของพี่ (ยิ้ม)
• มีบางคนที่เขาอายุมากขึ้นแต่เขาท้อที่จะดูแลตัวเอง ปล่อยปละละเลยให้ตัวเองแก่ ตรงนี้คุณบุ๋มอยากจะบอกเขาอย่างไรบ้างคะ
ผู้หญิงหลังเลข 3 เขาก็ท้อแท้กันหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะท้อแท้ตอนแต่งงานและมีลูก ผู้หญิงไทยหลังมีลูกแล้วก็ยอมแพ้ ทำไมยอมแพ้ล่ะคะ มีลูกแล้วช่างมันเถอะ คิดแบบนี้เดี๋ยวผัวก็หนีไปมีกิ๊กหรอก อย่ายอมแพ้ค่ะ พูดตรงๆ ผู้หญิงที่มีลูกแล้ว คุณยิ่งต้องดูแลตัวเองมากกว่าผู้หญิงที่ยังไม่มีลูก จริงๆ นะคะ ถึงเขาจะบอกว่าหุ่นคุณจะพังยังไง ผมก็ยังรักคุณ อย่าไปเชื่อค่ะ อย่าไปเชื่อผู้ชาย คุณจงดูแลตัวเองให้เป๊ะปัง เหมือนสมัยคุณยังสาวๆ ดีกว่า อย่างน้อยคุณจะมีความสุข คุณเชื่อบุ๋มเถอะ เวลาคุณส่องกระจก เวลาคุณแต่งตัว เวลาคุณชอปปิ้ง คุณจะรู้สึกดี แล้วคุณจะรู้สึกว่าขนาดฉันมีลูก 1 ลูก 2 แล้ว ดูสิฉันยังเซี๊ยะอยู่เลย แล้วอย่างนี้ผัวจะไม่รักไม่หลงไหวเหรอคะ
ยิ่งผู้หญิงวัย 40-50 ปี ยิ่งเสียเซลฟ์ไปใหญ่ แต่ถ้าคุณหุ่นดี คุณก็ใส่สั้นได้ ฝรั่งเขาก็ใส่กันค่ะ แล้วคุณจะกลัวอะไรคะ แค่คุณดูแลตัวเองเท่านั้นเอง ไม่ต้องแคร์คุณจะลูก 3 หรือ ลูก 6 คน ถ้าคุณยังสวย คุณก็ใส่ไปเถอะ คุณไม่ได้ขอข้าวใครกินนี่ คุณจะแคร์ทำไม คุณไม่ได้ขอเงินใคร ขอให้สวยไว้เถอะ ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์สวย ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หรือไม่ว่าคุณจะมีลูกสักกี่คน ความสวยใครบ้างไม่ต้องการ ความหล่อ หน้าตาดี อย่าปล่อยมันไปค่ะ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือคุณไป ในเมื่อคุณเคยมีมันอยู่แล้ว หรือคุณคิดว่าฉันหน้าตาไม่ดี ฉันหน้าตาไม่สวย ฉันหน้าตาไม่หล่อ ดูแลสิคะ ต่อให้ไม่สวยไม่หล่อ แต่คุณสุขภาพดี ผิวพรรณดี หุ่นดี คุณยังไงก็มาดดี
มีผู้หญิงผู้ชายบางคนที่อายุ 50 มองข้างหลังแล้วยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดูดีอยู่เลย พุงไม่มี ใส่กางเกงแล้วยังดูเท่อยู่เลย ถึงแม้หน้าจะ 50 ตามธรรมชาติ บางคนก็ไม่อยากไปทำอะไรกับหน้าของเขา แต่รูปร่างยังออกกำลังกาย มีเสน่ห์นะ แล้วมาดูกันว่าอายุ 60 พี่ยังใส่ขาสั้นอยู่รึเปล่า พี่คิดว่าพี่ได้นะ อีกแค่สิบปีเอง ตอนนี้พี่ทำเป้าอยู่ที่อายุ 70 ไม่แน่อายุ 70 อาจมีคนมาขอพี่แต่งงานก็ได้ (หัวเราะ)
• ท้ายนี้ เราจะได้เห็นคุณบุ๋มกลับมาทำงานในวงการบันเทิงเต็มตัวบ้างไหมคะ
เอาจริงๆ พี่ก็ไม่คิดหรอกว่าจะกลับมาขึ้นเวทีร้องเพลงหรือจะกลับมาทำอะไรอย่างนี้ เพราะพี่อยากใช้ชีวิตสุดสงบที่ต่างแดนแล้ว แต่ทุก 2-3 เดือน เราก็กลับมาเมืองไทยนะคะ กลับมาอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ดูแลคุณแม่ น้อง หลาน กลับมาเฮฮากับเพื่อนสนิท พี่จะชอบกลับมาเงียบๆ ตลอด แต่ระหว่างนั้นก็จะมีถ่ายแบบบ้าง มีสัมภาษณ์บ้าง มีรายการทีวีบ้างประปราย ปีเว้นปีบ้าง 2-3 ปีทีบ้าง ก็จะได้เห็นกันตลอด แต่จะไม่ได้มีผลงานอะไรยิ่งใหญ่เป็นจริงเป็นจัง เพราะเราไม่มีเวลา แล้วก็ไม่คิดจะรับด้วย ก็จะมีงานคอนเสิร์ตครั้งนี้แหละค่ะที่เต็มใจรับจริงๆ (ยิ้ม)
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อภิษฎา แพภิรมย์รัตน์
ภาพ : ศิวกร เสนสอน และ อัลบัม Moody บุ๋ม ตรีรัก