xs
xsm
sm
md
lg

“บล็อกเกอร์ไทย” เคือง! เจ้าของแบรนด์สินค้าบอก “ขาลง” เจ้าตัวขอโทษ เหตุสื่อสรุปคลาดเคลื่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



บล็อกเกอร์สายความงาม และสายไอทีต่างไม่พอใจ หลังเว็บบทความมาร์เก็ตติ้งตีพิมพ์เจ้าของแป้งหอมรายหนึ่ง บอกว่า ผู้บริโภคเชื่อรีวิวน้อยลง เพราะโฆษณาหมดแล้ว ดูรีวิวผู้ใช้จริงมากขึ้น ทำเอาเจ้าตัวต้องขอโทษ

ในแวดวงการตลาดและสื่อ เกิดศึกขนาดย่อม ๆ เมื่อเว็บไซต์บทความการตลาดชื่อดัง marketingoops.com ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์จากเจ้าของ “แป้งหอมศรีจันทร์” รวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ที่กล่าวบนเวทีสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มเชื่อในการรีวิวน้อยลง แต่หันไปอ่านหรือเชื่อถือในการรีวิวของ Pure User (ผู้ใช้จริง) มากขึ้น เพราะบล็อกเกอร์กลายเป็นโฆษณาไปหมดแล้ว ซึ่งมันก็เหมือนกับช่วงหนึ่งที่ผู้บริโภคเริ่มไม่เชื่อในหนังโฆษณาที่แบรนด์ทำ

“จึงเกิดความพยายามของแบรนด์ที่จะสร้าง Micro Media ขึ้นมา คือ การทำมีเดียจากคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งเน้นปริมาณเยอะเข้าว่า เน้นความถี่สูง ๆ แม้ว่าคนนั้นอาจจะไม่เป็น Influencer (ผู้ทรงอิทธิพล) หรืออะไรก็ตาม แต่ก็จะทำให้คนเห็นว่าของนี่มีคนใช้เยอะมีคนพูดถึงเยอะ ซึ่งเป็นได้ทั้งการเกิดขึ้นจากการดีไซน์ของแบรนด์เองและเกิดขึ้นของมันเองก็ได้ หรือบางทีก็เกิดจากการกระตุ้นของแบรนด์นึดนึง แล้วบางทีมันก็เกิดกระแสของมันเองด้วย ถ้าสินค้ามันดีจริงมันก็อาจจะไปต่อของมันได้เอง ซึ่งวิธีนี้หลัง ๆ เราพบว่ามันได้ผลมากกว่า” นายรวิศ กล่าว

นายรวิศ ได้ยกกรณี “น้ำผลไม้ดอยคำ” ที่ออกมาเป็นในรูปของผู้บริโภคพูดต่อกันเอง และคนที่พูดก็ไม่ได้เป็นคนโด่งดัง แต่เนื่องจากความถี่ค่อนข้างสูง และมีการพูดถึงกันเยอะ ก็เลยเกิดกระแสตอบรับและส่งผลดีต่อยอดขายด้วย ซึ่งกระแสดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในอุตสาหกรรเครื่องสำอางเท่านั้น แต่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ตีพิมพ์ออกมา ได้สร้างความไม่พอใจให้บรรดาบล็อกเกอร์จำนวนมาก ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะบล็อกเกอร์ด้านความงาม แต่ยังมีบล็อกเกอร์ด้านอื่น ๆ เช่น ไอที ออกมาแสดงความคิดเห็น

“สองปีที่แล้วส่งมาให้ 2 เซตเชียวนะ แถมด้วยงานจ้างโพสต์สินค้าด้วย พอฮิตติดตลาดก็เลยเทบล็อกเกอร์ทิ้งเหรอลุง ระวังเจอ....บล็อกเกอร์พร้อมใจกันเทแป้งลุงออก live พร้อมกันทั่วประเทศนะคะ” ความเห็นจาก Bemynails Mallika บล็อกเกอร์ด้านความงาม





“เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล โอเค .. Blogger ใครมันก็เป็นได้ถ้าจะอุปโลกน์กันแบบนั้น และตอนนี้มันก็มีกันเยอะเกิน แต่เจ้าของแบรนด์อย่าลืมรอยเท้าในอดีตนะครับคุณ” ความเห็นจาก Worrathas Wongthai บล็อกเกอร์ด้านไอที เจ้าของเว็บ trendy2.mobi



อย่างไรก็ตาม ภายหลัง นายรวิศ ได้ออกมาขอโทษต่อความไม่พอใจของบล็อกเกอร์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า เป็นการสรุปความจากผู้สื่อข่าวที่อาจสร้างความไม่สบายใจ ยืนยันว่า ไม่เคยหมิ่นเกียรติบล็อกเกอร์ แต่เจตนาที่พูดในวันนั้น คือ การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ที่มีต่อการรับข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สื่อต่างๆ ต้องปรับตัวไปตามสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ซึ่งเตรียมที่จะจัดงานแถลงข่าวเพื่อแสดงความขอโทษและบริสุทธิ์ใจต่อบล็อกเกอร์ทุกคน

“จากเนื้อข่าวที่มีการรายงาน ถึงประเด็นที่ผมแสดงความเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบล็อกเกอร์ กับการสื่อสารของแบรนด์ต่อผู้บริโภคในยุคปัจจุบันและอนาคต ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้กับหลาย ๆ ท่านที่ได้อ่าน ผมอยากขอโอกาสในการชี้แจงเรื่องดังกล่าวดังนี้ครับ

ก่อนอื่นใด ผมต้องกราบขอโทษสำหรับรายงานชิ้นนี้ ซึ่งมีบทสัมภาษณ์ของผม รวมไปถึงการสรุปความจากผู้สื่อข่าวที่อาจสร้างความไม่สบายใจ ขุ่นข้องหมองใจให้กับหลาย ๆ ท่าน ซึ่งเมื่อได้อ่านเนื้อหาที่ออกไปนั้น ตัวผมเองขอยืดอกยอมรับว่าไม่เหมาะสม

ผมขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่เคยมีสักครั้ง และไม่มีวันที่ผมจะคิดหมิ่นเกียรติบล็อกเกอร์ทุกท่าน และทุกวันนี้ผมยังรู้สึกขอบคุณบล็อกเกอร์ทุกท่านเสมอมา

โดยเจตนาของผม สำหรับการพูดในวันนั้น สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ อันเป็นประเด็นสำคัญ คือการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่มีต่อการรับข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากหลาย ๆ รูปแบบ หลาย ๆ ด้าน ซึ่งทั้งผู้ประกอบการ สื่อ และผู้ผลิตคอนเทนต์ ทั้งมวลได้ทราบและกำลังปรับตัวเพื่อตอบสนองผู้บริโภคได้ดีขึ้น ผมเชื่อว่า การที่ทุก ๆ ฝ่ายปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง คือ การมอบสิ่งที่ดีขึ้นต่อผู้บริโภค และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในวงการ

ผมเชื่อว่า ผู้บริโภคมีความสัมพันธ์กับสื่อที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างโฆษณาในสื่อหลัก ๆ ที่เคยมีผลต่อยอดขายของสินค้าอย่างมาก แต่วันนี้ในบางครั้งอาจไม่สามารถทำให้เกิดผลแบบเดิมได้อีกแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น ผมเชื่อว่า การให้ข้อมูลสินค้าแบบเดิมแบบที่เคยทำมา ก็อาจจะมีผลน้อยลงเช่นกัน ท่ามกลางจำนวนสื่อหรือข้อมูลข่าวสารที่มากขึ้นเป็นทวีคูณ และการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค ดังนั้น สื่อในทุกแขนงก็ต้องมีการปรับเพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค อำนาจในการเลือกรับสื่อหรือข่าวสารของผู้บริโภคมีมากขึ้นทุก ๆ วัน จึงอยากเชิญชวนให้ทุก ๆ ฝ่ายมาช่วยกันในจุดนี้

เจตนาของผมที่พูดทั้งหมดนั้นต้องการชี้ให้เห็นว่า สื่อต่าง ๆ ต้องปรับตัวไปตามสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ไม่ได้มีความตั้งใจในการลบหลู่ดูหมิ่นหรือลดบทบาทของอาชีพหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งทั้งสิ้นครับ โดยเฉพาะบล็อกเกอร์ ผู้ที่ผมถือว่ามีส่วนสำคัญในการสนับสนุนสินค้า ไม่ใช่แค่เฉพาะของผม แต่ของผู้ประกอบการทุก ๆ คน ให้มีที่ยืน ให้เกิด ให้เติบโตในใจผู้บริโภค ล่าสุดผมยังได้เรียนเชิญและได้รับเกียรติจากบล็อกเกอร์หลาย ๆ ท่านมาร่วมงานเปิดตัวแคมเปญใหม่ของศรีจันทร์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ผมรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้จากใจจริง ผมขอโทษทุก ๆ ท่านที่รายงานข่าวชิ้นนี้ทำให้หลาย ๆ ท่านขุ่นข้องหมองใจ และขอเก็บเหตุการณ์นี้ไว้เป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด และผลกระทบเช่นนี้อีกในอนาคตครับ และผมขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณบล็อคเกอร์ทุกท่านจากใจจริง สำหรับแรงสนับสนุนแบรนด์ไทยด้วยดีตลอดมาครับ

ผมขอถือโอกาสนี้ ขอเรียนเชิญบล็อกเกอร์ทุกท่านร่วมงานแถลงข่าวซึ่งผมจะขอแสดงความขอโทษและความบริสุทธิ์ใจต่อบล็อกเกอร์ทุกท่าน งานแถลงข่าวนี้ผมกำลังประสานกับทีมงานเพื่อจะจัดขึ้นให้เร็วที่สุดครับ

ขอโทษและขอบพระคุณจากใจครับ"


รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าของแบรนด์ยังได้โทรศัพท์ขอโทษบล็อกเกอร์ด้านความงาม ที่โพสต์คลิปรายนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย

นอกจากนี้ เนื้อหาในเว็บไซต์ marketingoops.com ยังได้เปลี่ยนหัวข้อเป็น "เมื่อแบรนด์ส่งสัญญาณ Micro influencer เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตา Pure users เริ่มมีบทบาทมากขึ้น" แทน






กำลังโหลดความคิดเห็น