xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ป่วยมะเร็งมีความหวัง! เล็งปลดล็อก “กัญชา” เพื่อการรักษาโรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลายเป็นกระแสหลักของแนวทางการแพทย์ไปแล้ว ณ ขณะนี้ กับ แนวคิด “กัญชารักษาโรค” ที่ปกคลุมความเชื่อไปทุกหนแห่ง ด้ยทั้งงานวิจัยจากต่างประเทศ, ผลการทดลองของตัวอย่างผู้ป่วยที่บ่งชี้แล้วว่ารักษาแล้วเห็นผล และเสียงเรียกร้องให้แก้กฎหมายฉบับปัจจุบัน ที่ยังเป็นปมล็อกต่อการรักษาตัว จากทั่วสารทิศ ทั้งในและนอกสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นอีกหนี่งประเด็นร้อนของปีนี้

แต่เดี๋ยวก่อน ถึงแม้ว่า สรรพคุณทางประโยชน์ จะทำคะแนนแซงหน้าตัวโทษของ ‘กัญชา’ ให้ขึ้นนำ แต่อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ ก็ยังคงเป็นมาตรฐานของสังคม ที่คอยควบคุม ไม่ให้สิ่งที่เรียกว่า ‘ยาเสพติด’ นั้น กระจายออกไป จากผู้คนบางส่วนที่อาจจะอาศัยช่องโหว่นั้น มาแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองได้ หากยังไม่ตรึกตรองอย่างละเอียดมากนัก

ฉะนั้น...เปิดใจรับฟังเหตุผล เปิดความรู้สึกถึงความเป็นไปได้ ว่าทำไม ‘กัญชารักษาโรค’ นั้น ยังไม่ควรที่จะปลดล็อกในขณะนี้ โดยมาฟังเหตุผล โดย 3 วิทยากร คือ พล.ต.ต. ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, นายวินัย มณฑาพงษ์ ที่ปรึกษาด้านกฏหมายสำนักงาน ป.ป.ส. และ นายวุฒิพงษ์ พาณิชย์สวย ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาและวิจัยกฏหมายสำนักงาน ป.ป.ส.ในงานเสวนา “กัญชากู้ชาติ” ณ ห้องประชุมพึ่งบุญ สำนักงานเกษตรแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า เพราะอะไร “กัญชารักษาโรค” นั้น ยังเป็นปัจจัยรองในประเทศไทย ณ ตอนนี้

วินัย : สวัสดีเพื่อนๆ และผู้ร่วมประชุมทุกท่านครับ ประเด็นที่ผมอยากจะกราบเรียนพวกเราก็คือเรื่องของแนวทางที่จะถอนกัญชาเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคที่เราจะมาพูดกันในวันนี้ สิ่งที่ผมจะมาพูดในที่ประชุมนี้ เราจะทำให้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 ที่กัญชาอยู่ในประเภทที่ 5 ให้นำมาใช้ในการประโยชน์ดังกล่าวนะครับ ซึ่งประเภทนี้นอกจากกัญชาก็มีพืชกระท่อมด้วย ซึ่งหมายความว่า สิ่งเหล่านี้ได้ถูกกำหนดไว้ทั้งถูกกำหนดและจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็มาดูว่าอะไรที่กำหนดไว้ใช้ในการแพทย์หรือว่าเป็นยาเสพติดจริงๆ ก็จะแบ่งเป็นอย่างๆ ไป ซึ่งการที่จะปรับเปลี่ยนแก้ไข มันต้องทำอยู่ที่กฎหมาย และจะประกาศโดยรัฐมนตรีและต้องผ่านการประเมินและกำหนดจากที่กล่าวก่อนหน้านี้
 
สำหรับการที่จะให้เพิกถอนกัญชาให้ออกจากยาเสพติดให้โทษ ทางรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขนั้นจะมีการกำหนดหรือระบุชื่อก็ได้ และสามารถทำให้กัญชานั้นให้ไปอยู่ในตัวไหนก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ตัวอย่างที่ผ่านมา เช่น พระราชบัญญัติปี 2508 มีการกำหนดเป็นยาเสพติดให้โทษ แล้วตัวกัญชาที่ถูกกำหนดในประเภท 5 ซึ่งรัฐมนตรีจะไม่สามารถไปถอดได้ทันที แต่จะต้องผ่านวิธีการทางกฎหมาย ผ่านขั้นตอนว่ากัญชาไม่เป็นโทษประเภทดังกล่าว ส่วนนี้คือพูดในทางกฎหมาย
 
ทีนี้ถ้ามาพูดถึงกัญชาในทางการแพทย์ว่าในตัวกัญชามีประโยชน์ที่จะทำได้ จากที่คุณหมอว่าเพื่อเอาไปใช้ในการแพทย์ ไม่ใช่เพื่อผ่อนคลาย ซึ่งต่อไปจะต้องมาดูว่าจะอนุญาตยังไงต่อไป ซึ่งในตัวกฎหมายปี 2522 ก็กำหนดในตัวกัญชาค่อนข้างมากนะครับ ว่าห้ามและจำหน่ายทุกอย่างเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นรายๆ ไป โดยการดังกล่าวจะต้องมีวิธีการหลักเกณฑ์ ซึ่งต่างประเทศก็มีโทษตามที่กำหนดไว้เช่นกัน และรวมไปที่คนยุยงส่งเสริมหรือให้แหล่งก็มีความผิดเช่นกัน

ทีนี้เราจะประมวลยังไงเกี่ยวกับกัญชาในตัวกฎหมายที่ร่างไว้ในปัจจุบันนี้นะครับ ซึ่งประมวลกฎหมาย ณ ตอนนี้ ได้ผ่าน คณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยผ่านไปสู่คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ประชุมมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว และอยู่ในขั้นตอนกรรมการกำลังพิจารณา ซึ่งในกฎบัญญัติของร่างกฎหมายฉบับนี้ มีการกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มขึ้น หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ของในยาเสพติด ซึ่งเดิมมี 5 ประเภท เช่นเฮโรอีนจะเป็นยาเสพติดร้ายแรง หรือประเภททั่วไป จะเป็นเช่น ฝิ่น หรือ มอร์ฟีน ที่จะเข้าตำรับยาและประเภทที่จะใช้ในสารเคมีและเอาไปใช้ในงานวิจัย อันนี้ก็จะกำหนดว่าเช่นอะไรบ้าง และมีประเภทที่ 5 ที่ในค่าประมวลกฎหมายฉบับนี้เขียนว่า เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ไม่อยู่ในสิ่ง โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นกัญชาหรือพืชกระท่อม ไว้ในยาเสพติดให้โทษประเภทนี้ ซึ่งในตรงนี้ ในทางกรรมการเองก็พูดค่อนข้างมาก แล้วในตัวประธานยังไม่ให้ความเห็นชอบในเรื่องการปลดกัญชาหรือพืชกระท่อมให้ออกจากประเภทที่ 5 นี้ ว่าจะยังไง แต่ในตัวร่างนี้ ยังไม่มีตัวอย่างตัวร่างในตัวกฎหมายฉบับนี้
 
แล้วเรื่องที่จะให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการใช้พืชให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่จะเอาพืชพวกนี้มาใช้ประโยชน์ในเรื่องใดก็ตาม ฉะนั้น ในตัวค่ากฎหมายฉบับนี้ ได้กำหนดมาตราให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องที่มีการกำหนดพื้นที่ให้มีการศึกษาวิจัยในการลดอันตรายในการใช้ อาจจะเป็นเรื่องในการทดลองปลูกพืช ว่าเป็นการผลิต หรือว่าเป็นการใช้ผลผลิตพวกนี้ และมีการผลิตเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่ ซึ่งรวมถึงประเภทอื่นด้วย แล้วขึ้นอยู่กับอำนาจหน้าที่ของทางรัฐมนตรี รวมถึงการครอบครองยาเสพติดให้โทษ โดยเป็นแบบลักษณะเดียวกันกับที่บอกเมื่อซักครู่นี้ ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ยังมีเงื่อนไขพอสมควรอยู่ เนื่องจากว่า เราต้องยอมรับยาเสพติดให้โทษ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับประชาชนทั่วไป คงคิดว่าไม่เป็นประโยชน์ในตัวเขา ซึ่งถึงมีประโยชน์ ก็ยังต้องมีการควบคุมอยู่ แล้วในบทบัญญัตินี้ ก็ยังมีบทที่ว่านี้อยู่ และแนวทางเบื้องต้นนี้เราจะหาวิธีกันต่อไป 
 
ส่วนประเด็นในเรื่องการรักษาผู้ที่เสพหรือผู้ป่วย ในทางกระทรวงยุติธรรมได้เสนอให้กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีการคุยในระดับหนึ่งแล้ว และทางกระทรวงสาธารณสุขก็บอกว่า ในการที่จะให้คนเชื่อมั่นในเรื่องของการรักษานั้น ดูขนาดโทษของผู้ป่วยนั้น จะต้องไม่ถึงโทษทางอาญา และในส่วนของการปฎิรูปทางกฎหมายนั้น ได้หยิบยกประเด็นนี้มา ในการที่จะจับกุมผู้ที่เสพนั้น จะไม่ต้องถึงขั้นโทษจำคุก จะมีแค่มาตรการแค่โทษปรับ หรือ มีวิธีอื่นที่ไม่ต้องจำคุก ซึ่งประเด็นนี้คณะกรรมการปฎิรูปกฎหมาย จะไปนำเสนอคณะกรรมการ และมีการคาดหวังว่า ในเรื่องนี้ที่มีการชี้แจงไปแล้วนั้น ก็ได้หวังว่าเป็นข้อมูลประกอบที่จะร่างกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต. ศุภกิจ : จริงๆ ในส่วนของตำรวจเอง ซึ่งตัวผมจะมีการปราบปรามอยู่ แล้วในการปราบปราม มักจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ปราบปรามมา จำนวนคนติดยาก็ไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาของสังคมอยู่ ซึ่งถ้าให้ผมมาบรรยายเรื่องแกงค์อาชญากรรมข้ามชาติ หรือเรื่องยาเสพติดเนี่ย สามารถให้คำบรรยายความคิดเห็นได้ เพราะว่ามันมีกระบวนการหลายรูปแบบ อย่างในปัจจุบันก็จะเป็นยาบ้า ฝิ่น หรือ เฮโรอีน แถมช่วงหลังจะมีโคเคนที่มาจากอเมริกาใต้ ซึ่งเรื่องพวกนี้มันก็เป็นเรื่องอีกลักษณะหนึ่ง ส่วนที่เรามาเสวนาเนี่ย ก็คงเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าในส่วนของตำรวจเอง ที่จะมาเข้าใจว่า เห็นด้วยกับท่าน 100 เปอร์เซ็นต์ มันก็เป็นความผิดแล้ว ว่าท่านใช้ยา แต่เราต้องพูดความจริง ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเนื้อหาอะไร วันนี้ที่มาคือ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องภาคสังคม ส่วนในเรื่องวิชาการ ก็ให้เขาพูดไป
 

เวลาที่ผมประชุมเรื่องคณะกรรมการยาเสพติด ผมก็เป็นตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทราบดีว่าปัญหาสังคมเป็นอย่างไร ก็เห็นครับว่าพวกท่านคิดอ่านเห็นกันอย่างไร ซึ่งปัญหาสังคมมันอยู่ตรงไหนทราบมั้ยครับ อยู่ที่พวกท่านเอง ซื่งถ้าวันนี้เราพูดเอามัน มันก็ได้ ปรบมือหมดโอเค แต่ถ้าออกจากห้องนี้ไป ท่านจะสู้กับคนข้างนอกได้ยังไง ผมเจอมาแล้วครับ ตอนที่ไปประชุม อนุคณะกรรมการเรื่องกระท่อม ผมยกมือไม่เห็นด้วยอยู่คนเดียว โหวตมาก็แพ้ พอไปประชุมคณะกรรมการใหญ่ ก็ตีกัน ผมก็ไม่เห็นด้วย โหวตมาก็แพ้ แล้วกฎหมาย 10 กว่าฉบับเนี่ย ตำรวจก็ไม่ได้เป็นคนร่าง ป.ป.ส. ก็มีแผนกมีหน้าที่ แต่กฎหมายส่วนใหญ่มันอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข ผมเลยคุยกันนอกรอบเมื่อกี้แล้วว่า จริงๆ แล้ว ทางคณะกรรมการ ป.ป.ส. หรือตำรวจเอง เราทำได้เหรอครับ ถ้าต้องเปลี่ยนกฎหมาย ปัญหาอยู่ไหน คุณหมอต้องคุยให้รู้เรื่อง ว่าจะกำหนดยังไง ตกลงกัญชามันเป็นยาเสพติดหรือไม่ แล้วตอนที่คุยกันนอกรอบเนี่ย สารเสพติดในกัญชา ยังน้อยกว่าบุหรี่ด้วยซ้ำไป บุหรี่ทำลายสุขภาพมากกว่าชนิดอื่น ผมติดใจตรงนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ว่าในเมื่อบุหรี่มีสารเสพติดมากกว่า ทำให้คนตายมากกว่า เสียงบประมาณในการรักษามากกว่า แต่บุหรี่ไม่ใช่ยาเสพติด กฎหมายดันเขียนไว้แบบนั้น

 
ผมเลยมานั่งย้อนคิดเหมือนกันว่า สมมุติว่าให้บุหรี่เป็นยาเสพติดแบบกัญชา อะไรจะเกิดขึ้นครับ ผมเชื่อว่าพี่น้องกรรมาชีพที่ติดบุหรี่ ยังไงก็ต้องสูบ ก็ต้องแอบสูบแอบซื้อ ไม่ต่างจากกัญชา แล้วถามว่า เขาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ หากมันขึ้นมามวนละ 1000-2000 บาท มันก็บ่อเกิดแห่งอาชญากรรมเหมือนกัน มันก็อยู่ที่กฎหมายเป็นตัวกำหนด ผมถึงบอกว่า คุณหมอทั้งหลายต้องไปคุยให้รู้เรื่องก่อน ว่าท่านจะคุยยังไง กัญชาเป็นสารเสพติดเป็นยาเสพติด หรืออะไรก็ตาม แต่ในส่วนตำรวจ เรามีหน้าที่ที่ใช้กฎหมาย ซึ่งตัวผมเอง ก็ยังไม่เคยพบคนที่เสพกัญชามาก่อน อาจจะมีอย่างที่คุณหมอบอกว่าอารมณ์ดี แต่ก็อาจจะมีคนที่เสพเกินขนาดแล้วทำร้ายตัวเองซึ่งเป็นโทษของทางการแพทย์ก็ไม่ทราบ เพียงแต่ว่าผมมีอาชีพเป็นตำรวจแล้วยังไม่เห็นใครแอบเสพแล้วไปออกกอง มันจะแตกต่างกัน ในขณะที่ยาบ้า มันมีฤทธิ์ ที่เสพมากขึ้น ต้องหาเป็นจำนวนมากขึ้น มันก็กลายเป็นการค้าของตลาดมืดไป ผมก็คิดเล่นๆ แบบที่ท่านคิดเหมือนกัน อย่างพี่น้องสิบล้อเรา ก็คงต้องแอบสูบ แอบซื้อ แล้วไปก่ออาชญากรรม มันก็ไม่ต่างกันครับ

ผมเห็นด้วยกับท่านวินัยที่ว่าเราต้องแก้กฎหมาย แต่ปัญหาคือ เราจะแก้กฎหมายได้ยังไง และจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้เป็นแค่ประเทศเดียวในโลก เรามีสนธิสัญญา ผมก็ไปประชุมต่างๆ มา อย่างจีนก็เป็นเจ้าใหญ่ ส่วนตัวผมก็เคยเห็นความพยายามที่จะแก้กฎหมายอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ประเทศจีนพยายามขึ้นแอฟเฟตามีน ก็ยังขึ้นไม่ได้ ซึ่งจีนก็พยายามทำ แต่การแก้กฎหมายมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ท่านต้องค่อยๆ ทำ ผมเป็นตำรวจเอง ถ้าถามว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ผมสบายนะครับ ผมอยู่หน่วยยาเสพติด อย่างเวลาลูกน้องไปจับกัญชา ผมก็ไม่ค่อยปลื้ม กลายเป็นคนเสพและคนใช้กัญชาในทางการแพทย์ ผมมองว่าเป็นเสียงส่วนน้อยเลย แต่ท่านจะชักชวนยังไงให้เขาเข้าใจได้ อย่างตอนที่มีเด็กมา บางคนบอกรักษาแล้วหาย มันเป็นจิตอัศจรรย์ ผมถามว่าชาวบ้านเชื่อมั้ย ก็เขาไม่ได้ป่วยแบบท่าน เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนส่วนใหญ่ ทำยังไงถึงจะให้คิดเหมือนพวกท่าน

ทำไมต้องคิดตามครับ เพราะเราไม่ใช้ยาเสพติด พอเป็นคำนี้แล้ว ทำร้ายคนที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมจากอาชญากรที่มียาเสพติด เขาเหมารวมเข่งเลยว่าเป็นอาชญากรทั้งนั้น ทำไมตำรวจไม่จับเข้าคุกให้หมด ผมได้รับร้องเรียนตลอดเวลาว่าวันนี้ลูกน้องจับเข้าคุกแล้ว อีก 3 วันปล่อยแล้ว เขาก็ว่าตำรวจรู้เห็นเป็นใจอีก แต่เขาจะไปรู้ได้ไงว่ากระบวนการยุติธรรมมันประกันตัวได้ ก็โทษตำรวจก่อน เห็นมั้ยครับ คนที่ถูกก่ออาชญากรรมมันมีมาก แล้วปัญหายาเสพติดมันเกี่ยวเนื่องกับปัญหาอาชญากรรมครับ เพียงแต่ว่าจะแยกแยะยังไงให้ประชาชนเขาเข้าใจ ว่าปัญหายาเสพติดไม่ว่าจะเป็นพวกเฮโรอีน หรือพวกเมทัลวิตามิน นี่แหละมันเป็นตัวร้ายที่ก่อให้เกิดอาชญากรรมเช่นกัน ถ้าบอกว่าบุหรี่เป็นยาเสพติด เขาก็ต้องไปก่ออาชญากรรม ตรงนี้ต่างหากครับที่ต้องให้พวกท่านต้องช่วยเหลือกัน
 

ก็ต้องยอมรับว่าในทางสังคมพวกท่านเป็นคนกลุ่มน้อย ซึ่งคนกลุ่มน้อยจะเสียงดังได้ ท่านต้องมีลักษณะพิเศษคือต้องมีความมุมานะกว่าชาวบ้านเขา และต้องให้ประชาชนเข้าใจได้เห็นชัด ผมดีใจนะครับที่ท่านเชิญผมเข้ามา ตอนแรกคิดว่าไปเกี่ยวอะไร เพราะเราปราบปรามอย่างเดียว ซึ่งถ้าผมบอกว่าผมเห็นด้วย เอ็งไม่ต้องอยู่หน่วยนี้แล้วล่ะ (หัวเราะ) ซึ่งมันไม่ใช่ครับ มันต้องแยกแยะครับ เพราะฉะนั้น ผมต้องเรียนท่านว่า ต้องมีการตกตะลึงก่อน ต้องคุยให้รู้เรื่องก่อน ว่าท่านจะเอายังไง เช่นท่านบอกว่า ท่านมีงานวิจัยมากมาย ที่ท่านเอามาโชว์กัน ผมบอกเลยว่ามันพูดได้ แต่ถ้าไปสาธารณชน เหมือนท่านเรียนจบจากอเมริกา สิ่งแรกที่ กพ. ถามเลย ว่า อันนี้ กพ. รับรองหรือเปล่า เหมือนกันครับ แล้วเอกสารทางงานวิจัย ต้องถามว่าในส่วนราชการ ท่านได้ผ่านกระบวนการแปลถูกต้องมั้ย ก่อนที่ท่านจะตามมา ไม่ใช่ว่าท่านเปิดเน็ทมาแล้วท่านมาอ่าน ตรงนี้สังคมทราบแน่นอน
 

ฉะนั้นท่านก็ต้องไปคุยกันเองให้ตกลงกัน เพราะอย่างที่เรียนไป เวลาออกกฎหมาย ไม่ใช่พวกผมออกนะครับ ทางกระทรวงฯจะเป็นคนออก อย่างเวลาที่เขาออกจดหมายเวียนตีความว่ามีความเห็นยังไง ผมก็เขียนในเรื่องการปราบปราม พอส่งขึ้นไปอาจจะถูกตัดไปบ้าง ไม่ถูกตัดบ้าง ซึ่งมันก็เป็นปัญหามาตั้งแต่รายเละเอียด แต่ในส่วนนโยบาย พวกท่านก็ทำได้ ท่านประธานการประชุมก็ทำได้ ก็ไปคุยกันในเรื่องประโยชน์ที่ได้รับ ภายใต้กรอบ เห็นมั้ยครับ มันมีกรอบอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ใช่บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ 
 
 
ทีนี้ พอมาถึงจุดว่า จะกำหนดนโยบายยังไง บางคนบอกขึ้นอยู่กับนโยบายทางการแพทย์ แต่ถ้าถามผมจริงๆ มีความเห็นส่งไปเลย แล้วพอมาถกเรื่องทางการแพทย์ก็ไม่ว่ากัน อย่างอินเตอร์เน็ทคาเฟ่ ผมก็เจอนะครับ มีขายกันแล้ว รสเชอรี่ รสมะนาว ก็เห็นขายอยู่เรื่อย ลูกสาวเปิดอินเตอร์เน็ทแล้วถามผมว่าทำไมที่อื่นสูบได้ ฉะนั้น ท่านต้องทำการบ้านเยอะมาก เพื่อที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ว่าการณ์นี้ มันเป็นผลประโยชน์มากมายของประเทศ คือทุกอย่างมีหลักเกณฑ์ ต้องผ่านการคัดกรอง ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ คสช. เยอะ ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางหลัก เพียงแต่ว่าท่านต้องเข้าใจผมว่าการออกกฎหมายไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างตอนนี้รัฐบาลออกคำสั่งเยอะแยะเลย แต่ว่าตำรวจเอาไปใช้ ใช้ยังไงครับ ตำรวจว่าอย่าง คำสั่งว่าอย่าง มันกลายเป็นช่องว่างนะครับ
 
จากการที่ทำงานแบบนี้ จะเห็นว่า ถ้าพืชแต่ละอย่างในการนำเข้า ตรงนั้นก็เสียนะครับ อย่าว่าแต่ตำรวจเลยครับ ทั้งอัยการหรือศาลก็ดี เพราะอย่างว่า มนุษย์เราเดินซ้ายก็ดี ขวาก็ดี ยังไงก็ดี เพราะฉะนั้น กฎหมายยาเสพติดเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ท่านต้องทำความเข้าใจ ฟังความเห็น ผมเห็นมาหลายครั้งแล้วครับ เวลาที่ไปพูดกับคณะกรรมาธิการ ผมเห็นคุณหมอเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด ฝ่ายที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วย อีกฝ่ายไม่ใช่เขาผิดนะครับ เขาคำนึงถึงว่า แล้วคนไข้เขาล่ะ เนี่ยเสพแล้ว เกินขนาดมา สมงสมองไป ท่านรัฐมนตรี คิดถูกหรือเปล่า คนเสพยาบ้า สมองไปเท่าไหร่ เห็นมั้ยครับ มันมีทั้งโทษทั้งประโยชน์ เพราะฉะนั้นจะทำยังไงมันต้องวางกรอบ กฎหมายต้องวางละเอียดให้รอบคอบครับ วันนี้ที่มารวมตัวกัน ท่านต้องศึกษางานวิจัย ผมก็ฝากคุณหมอและท่านอื่นๆ แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่อยากให้ศึกษาระเอียดรอบคอบครับ

วุฒิพงษ์ : ในเรื่องที่จะถอดกัญชา ภาษาไทยมีกัญชาและกัญชงใช่มั้ยครับ แต่ส่วนใหญ่ที่เราคุยกัน อย่างในอินเตอร์เน็ทที่เราเข้าไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ มีทั้ง Marijuana, Cannabis แล้วก็ Hemp แล้วเราจะแปลเหมารวมหมดเลย ทีนี้เราต้องมาดูในเรื่องการถอดกัญชา มันต้องมาดูในรายละเอียดอีกนิดครับ
 

ประการแรกเลย เราต้องไปดูว่า พอถอดถอนยังไง มันมีผลกระทบยังไงบ้าง ทีนี้พอเรามาดูในภายในประเทศเราเองอย่างเดียว พอไปดู ประธาธิบดีดูอาร์เต้ ของ ฟิลิปปินส์ แกไม่สนใจอะไรเลย ก็คงไม่ได้ เพราะว่ามีผลกระทบบางอย่าง เราไปเซ็นสัญญากับสหประชาชาติไว้ แล้วในการปลูกและการอนุญาตที่จะปลูก เขาบอกว่าจะต้องมีการกำหนดพื้นที่และมีการควบคุมที่เข้มงวดนะครับ ไม่ให้ไปใช้ในทางที่ผิด ที่สำคัญเลยนะครับ เขาบอกว่าถ้าหากอนุญาตปลูกเพื่อรักษาทั่วไป ประเภทกลางๆ แล้วเอามาประยุกต์ใช้ คือต้องกำหนดพื้นที่นะครับ ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการรั่วไหลครับ ที่สำคัญเลยก็คือว่า จะต้องจัดการองค์กรของรัฐที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ รวมทั้งตัวทั้งหมดของกัญชา แล้วตัวช่อดอกของมัน ต้องส่งให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแลครับ ในการเก็บรักษาการจำหน่าย แล้วก็ยอดหรือส่วนอื่นทั้งหลาย ต้องปลูกโดยหน่วยงานของรัฐ คือคุณสามารถปลูกได้ครับ แต่ว่าผลผลิตทั้งหลาย จะต้องนำมาให้องค์กรของรัฐดูแลควบคุมในเรื่องของกัญชา โดยเฉพาะช่อดอกกับใบ คือต้องทำระบบบัญชี และที่สำคัญที่สุดคือต้องรายงานให้ทางยูเอ็นทราบ ในแต่ละปีๆ อันนี้คือสังเขปจากข้อมูลน่ะครับ
 

ซึ่งหากจะทำการปลูกลักษณะนี้นะครับ สิ่งที่จะต้องทำคือ เราจะต้องคัดพวกนี้ขึ้นมา แล้วก็อนุญาตเป็นเรื่องเป็นราวไปเลยในเรื่องของกัญชานะครับ แต่ว่าในหนังสือสนธิสัญญาของยูเอ็น เขาบอกว่า การที่เอาก้านต้นของมัน แล้วก็เมล็ดมัน ที่หลายๆ ประเทศอ้างกันว่าประเทศต่างๆ เปิดแล้วนะ อนุญาตแล้ว แต่จริงๆ คือ ตัว Hemp ครับผม แล้วอุตสาหกรรมอย่างงี้ครับ ทั้งก้านใบและลำต้น ที่เอามาทำเป็นผ้าทอ เป็นสิ่งทอต่างๆ เส้นใย ก็เอามาทำเป็นอาหารอุตสาหกรรม อย่างประเทศใหญ่ๆ ทั้งแคนาดา และออสเตรเลีย เขาก็ทำ แต่ปรากฏว่าประเทศที่ส่งออกในเรื่อง Hemp มากที่สุด กลับเป็นประเทศฝรั่งเศส รองลงมาก็คือประเทศจีน อันนี้คือช่องทางที่สามารถทำได้ คือ Hemp ก็คือส่วนหนึ่งของกัญชา แต่ทีนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า มันค่อนข้างจะยากนิดนึง เพราะว่ามีศัพท์ในทางเทคนิคน่ะครับ UN ก็อนุญาต แต่เวลาไปค้นหาในอินเตอร์เน็ทต่างๆ อาจจะคลุมเครือไปหมดเลย ว่า ประเทศนั้นประเทศนี้ปลูกกัญชากันแล้วอย่างงั้นอย่างงี้ ไม่ใช่ครับ ส่วนใหญ่เพื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอ ส่วนกัญชงเป็นเรื่องของอาหาร ซึ่งโชคดีที่ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็เปิดกว้างให้อนุญาตเรื่องนี้แล้วนะครับ และ จะเข้าสู่คณะรัฐมนตรี เหลือเพียงแค่ รัฐมนตรีว่าการเซ็นอนุญาตในเรื่องที่จะใช้ปลูก Hemp พวกนี้นะครับ เพื่อให้ผลิตผลในเรื่องของเส้นใยในเชิงอุตสาหกรรมแล้วนะครับ เร็วๆนี้ แล้วเราจะชื่อว่าทันสมัยที่สุดนะครับ

และโดยการปลูก Hemp นั้น ก็เหมือนกับประเทศอุตสาหกรรมที่เขาทำกันนะครับ เพียงแต่ว่าก็ต้องมีการควบคุม นั่นหมายความว่า คนที่มาขออนุญาตก็ต้องเป็นคนไทย มีชื่อทะเบียนในประเทศไทย ไม่มีคดียาเสพติด แล้วก็ขออนุญาตปลูกในพื้นที่ที่กำหนด มีการรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่ที่สำคัญ ผลผลิตสุดท้ายจะต้องได้แค่เส้นใยนะครับ ตัวช่อดอกและใบต้องทำลายทิ้ง อันนี้คือเฉพาะตัว Hemp ที่เก็บไว้ เพราะฉะนั้นผมอยากคุยว่า กัญชามันมี 2 แบบ คือ กัญชาแท้ๆ กับ ตัว Hemp ที่จะสามารถใช้ในอุตสาหกรรมได้
 

สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนมันสำคัญมากครับ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตาม หรือเป็นยาและไม่เป็นยาเสพติดก็ตามก็จะต้องถูกควบคุมครับ ถูกตรวจสอบถูกควบคุม ภายใต้องค์กรรัฐครับ เขาจะต้องเข้ามาดูแลในทุกส่วน ไม่ใช่ปล่อยเสรี เนื่องจากเรามีข้อผูกกับ UN อย่างที่ตัวอย่างยกมาทั้ง โอเรกอน โคโลราโด วอชิงตัน หรืออะไรก็ตาม ทาง INCB และ UN เขาก็ค้นเจอ แล้วก็ไปที่รัฐบาลกลางสหรัฐแล้ว แต่รัฐบาลกลางเขาบอกว่า กฎหมายที่เขาทำอยู่ ยังกำหนดอยู่นะครับ เขายังไม่ได้อนุญาตเลย แต่รัฐลูกๆ นี่คือเกเรเอง เขาไม่รู้เรื่อง แต่ทาง INCB ก็พยายามไปบอกรัฐบาลกลางว่าลูกท่านทั้งหลาย ยังเกเรนะ ซึ่งรัฐบาลก็บอกตามที่ผมบอกไปเมื่อกี้ครับ ตัวกัญชาก็ยังคุมอยู่ ส่วนจะเรียกว่า Double Standard ก็ไม่ทราบเหมือนกัน อันนี้เราต้องดูรายละเอียดอีกทีนะครับ
 

แล้วรัฐอื่นๆ จาก 4-5 รัฐที่ว่าเนี่ย เขาก็ไม่ได้เปิดแบบเสรีนะครับ แต่จะมีการอนุญาตให้ใช้ในต่างๆ กันไป ซึ่งรายละเอียดมีเยอะครับ แต่ผมอยากจะบอกว่าจากการใช้ประโยชน์จากพืชเศรษฐกิจทั้งหลาย มันไม่ใช่แค่ปีศาจนะครับ แต่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ เข้าใจนะครับว่ากัญชามีมาเป็นพันปีและสามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่ว่าพืชนี้เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ มีการใช้ทั้งคุณและโทษได้ รัฐก็พยายามคุมและอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญนะครับ เพราะทั้งโลกก็อยู่ในความดูแลของ WHO ที่เขาจะต้องรู้ว่าเป็นยังไงในการบำบัดรักษา ก็ต้องฟังจากเขาอีกทีหนึ่งครับว่าเป็นยังไง แต่ส่วนมากก็เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศนิดนึง ในเรื่องยาเสพติดเนี่ย ทั้งฝิ่นหรือเฮโรอีนเอย แต่ก็เข้าใจนะครับว่าจะต้องเอาสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ว่าก็ต้องควบคุมไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ ผมขออนุญาตเท่านี้ก่อนครับ

พล.ต.ต. ศุภกิจ : อย่างที่เราเห็นในกระแสที่เราอยากให้เป็น ได้รับความสนใจพอสมควร ซึ่งคณะกรรมการต่างๆ ก็สามารถดำเนินการได้ ยิ่งได้ความรู้จากทาง ป.ป.ส. เอง และผู้เข้าร่วมงานด้วย ทางองค์การยาสูบเองนะครับ ก็ขอทางภาคเหนือเอง ขอเพิ่มเติมพื้นที่ ในการปลูกกัญชง มากเป็นพันๆ ไร่ แล้วก็ขอครอบครองต้นและใบ เนื่องจากสุดท้ายเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายเท่านั้นเอง เพราะถ้าไม่ออกกฎหมายมา ครอบครองก็เป็นความผิด จากนั้นก็ยังไม่ได้บอกเลยว่า จะเอาไปครอบครองหรือทำลาย แต่เท่าที่รู้มา จากทั้งหน่วยงานต่างๆ ทางคณะกรรมการ ในเมื่อองค์การยาสูบเอง ก็ขายยาสูบ แล้วตอนนี้ก็ขอพื้นที่ในการปลูก ก็ขอครอบครองอีก ก็น่าจะเป็นโอกาสในทางการแพทย์ตรงนี้ น่าจะพิจารณา จะเข้าไปร่วมด้วย จะนำไปใช้ทางการแพทย์มั้ย ผมมองว่าตรงนี้ก็ใช้ได้ เพราะกระทรวงสาธารณสุขก็มาแล้ว แต่ก็ตัดปัญหาไปว่าทางองค์การยาสูบเอาไปขายหรือเปล่า ส่วนที่จะเอาไปทำเป็นยา นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง
 

อีกเรื่องหนึ่ง ที่ทางสหรัฐอเมริกากำหนดเป็นรัฐๆได้ ผมมองว่ากฎหมายไม่คม ด้วยความเห็นชอบของประชาชน จะผ่านขั้นตอนอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายก็ฟรี จะเอาไปใช้ทำอะไรก็แล้วแต่ อย่างที่บอกครับ เพราะฉะนั้น ถ้าเรากำหนดพื้นที่ได้ ซึ่งถ้ากำหนดพื้นที่นี้ แล้วทำไมไม่เอาองค์กรวิจัยไปอยู่ซะเลยล่ะทำเป็นพื้นที่เดียว ก็บินไปตั้งรากฐานไว้ กำหนดพื้นที่ไปเลยครับ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ก็ว่าไปครับ อีกอย่างก็สามารถเป็นโอท็อปก็ได้นะครับ เหมือนในลาวครับ คนพาไปบอกผมว่า จะไปแดนสวรรค์ ผมก็ถามมีอะไร เขาก็บอกว่าแดนสวรรค์นี่คือกัญชาไง เขาปลูกกันเต็มเลย ผมก็เห็นหนุ่มสาวเดินสูบกัญชาเต็มถนนเลย เขาก็กำหนดพื้นที่เหมือนกัน ขนาดเป็นประเทศลาวนะครับ ก็ไม่ผิดกฎหมายในลาว
 

อีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่อยากให้ผ่านไป วันนี้เราพูดเรื่องกัญชา ถ้าจะพูดก็ทีเดียวไปเลย เพราะผมก็อึดอัดเหมือนกัน ไม่อยากเสนอหลายรอบ แบบเผื่อไปโดนตรวจปัสสาวะ บางทีก็ไม่อยากเสพ คือคนไทยก็ใช้เป็นยาครับ ก็ใช้ทั้งนั้น แต่กฎหมายหมายที่ออกมา มันยังไม่ถึงข้อเท็จจริงเท่าไหร่ ชนชั้นกรรมาชีพ อย่าคิดว่าเขาไม่เคี้ยวนะครับ แต่ก็มีคนมาบอกนะครับว่า ท่านรองรู้มั้ย มันสามารถทำลายประสาท ผมก็คิดในใจ ก็ให้ความรู้เขาสิ ซึ่งผมก็ฝากด้วยว่า ถ้าให้ประชาชนทั่วไปเขารับทราบ ซึ่งถ้าวันนี้เห็นด้วยกันหมด ก็อย่าลืมให้คนข้างนอกเขารับรู้ด้วย แค่รัฐมนตรีพูดเรื่องแอมเฟตามีน ที่บ้านผมจับเลย โทรเข้ามาหลายสายมาก เพราะอะไรครับ เพราะเขายังมีความเชื่ออยู่ว่า ยาเสพติดมันก่อให้เกิดอาชญากรรม แล้วมันเป็นเรื่องจริงครับ เพราะคำนี้มันเป็นผลเกี่ยวเนื่องอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยประเภทไหนก็แล้วแต่มันใช่ครับ เพียงแต่ว่ากัญชาหรือกระท่อมมันเป็นยาเสพติดมั้ยล่ะ มันมีสารเสพติดแค่ไหนกัน
 

ในตัวผมเอง ผมก็ยังสงสัยจนทุกวันนี้ จริงๆ ถ้ามีงานวิจัยซักชิ้นได้มั้ย ผมว่าถ้าปล่อยเสรี ระหว่างบุหรี่กับกัญชาอันไหนสร้างความเลวร้ายมากกว่ากัน (เสียงปรบมือ) แล้วคนที่ต้องรักษาจากบุหรี่มากมายมหาศาล คนที่ตายจากบุหรี่ก็เช่นกัน แต่ว่ามีงานวิจัยเปรียบเทียบได้มั้ยครับ ผมเลยบอกว่า งานวิจัยสามารถเอามาเปิดได้มั้ย คือถ้าเปิดเสรี แล้วคนที่สูบบุหรี่มาสูบกัญชามันเป็นยังไง เราต้องเสียเงินเยอะขึ้นหรือลดลง พิษภัยของมัน ซึ่งถ้ามีงานวิจัยงานนี้ได้ ก็ดีครับ แต่ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวมีปัญหาอีก เพราะมีกัญชาในมือ ก็เป็นปัญหาวนอยู่อย่างงี้ ฉะนั้นเมื่อมันเป็นประเด็นร้อน แล้วเนี่ย ลองไปเสนอกฎหมายดู ซึ่งถ้าเรากำหนดพื้นที่เฉพาะของกัญชาได้ ผมว่าช่วยได้เยอะ แล้วเราจะเป็นเจ้าแรกที่มาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังให้สังคม เราไม่อยากให้คนล้นคุก อยากให้มีแค่อาชญากรเท่านั้น (เสียงปรบมือ)

พุฒิพงศ์ : สำหรับยาเสพติดที่สามารถนำมาใช้รักษาทางการแพทย์อย่างมอร์ฟีนที่พูดกันนั้น เรานำเข้ามาจากต่างประเทศครับ ซึ่งมอร์ฟีนนี่คือสกัดมาจากฝิ่นอีกที แล้วก็ต้องขออนุญาตจาก UN นะครับ อย่างที่บอกว่า ทุกอย่างจะต้องมีโควตาในการที่จะมาทำมอร์ฟีน และมีการจำกัดเฉพาะที่ในการปลูก ซึ่งประเทศไทยก็นำเข้ามา เราไม่ได้ผลิตเองนะครับ เราไม่สามารถที่จะปลูกได้ ซึ่งถ้าจะปลูกกัญชา ยูเอ็นเขาบอกว่าต้องทำเหมือนกับขอปลูกฝิ่นนะครับ คือต้องรายงานให้เขาทราบ และต้องควบคุมในการปลูกด้วยในการเอาไปใช้ ซึ่งทังคู่จะต้องนำไปใช้ในการแพทย์นะครับ
 

แต่ว่าในส่วนของกัญชาที่เรียนไปแล้ว มันมีมุมสว่างในเรื่อง Hemp นะครับ ที่ไม่ได้ใช้ในทางการแพทย์ เป็นเรื่องอุตสาหกรรม แต่มีนักวิชาการบอกว่า จริงๆ สารที่อยู่ในตระกูลกัญชา ที่เป็นประโยชน์ในทางการแพทย์มันไม่ใช่สาร THC นะครับ แต่มันเป็นสาร CBD มากกว่า อันนี้ก็เป็นข้อมูลไปว่าสารชนิดหลัง อาจจะใช้ในทางการแพทย์ได้มากกว่า ซึ่ง CBD ตัวนี้จะอยู่ในนั้นมากกว่า ฉะนั้นผมคิดว่า ในส่วนที่พอเปิดได้ เราก็ควรทำ เพราะทางกระทรวงฯ เขาก็เปิดกว้างในเรื่องอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ซึ่งเขาก็จะเซ็นให้อยู่แล้ว ส่วนในเรื่องกระท่อมหรือชนิดอื่นเนี่ย ก็อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องอยู่ในพื้นฐานในความเป็นจริง และก็ต้องยอมรับในสังคมทั่วไปด้วย และสามารถที่จะไม่เกิดผลกระทบทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ หรือ เรื่องต่างๆ แต่ในเรื่องยาเสพติดหรือเรื่องที่เกี่ยวข้อง มันก็ยังมีปัจจัยอยู่ ขออนุญาตกราบเรียนในเรื่องผลกระทบต่างๆ ในฐานะที่อยู่ฝ่ายกฎหมาย ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ

วินัย : ประเด็นเรื่องกัญชามาใช้ในการรักษา ในร่างกฎหมายยาเสพติดในมาตรา 7 ประเด็นที่ รมว. สาธารณสุข กำหนดตำรับยาให้ใช้ในการรักษาโรค ในเรื่องเวชกรรม และวิชาชีพแพทย์ หรือผู้ประกอบวิชาชีพ อาจจะเกิดขึ้นในประมวลกฎหมายที่ร่างอยู่นี้นะครับ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นข้อสังเกตที่จะต้องชี้แจง แต่อย่างไรก็ตาม พอเราอ่านตัวร่างฉบับนี้ต่อไปในตัวมาตราแล้ว มาตราดังกล่าวจะพูดถึงเรื่องการห้ามใช้ยาเสพติดประเภทต่างๆ เว้นแต่การเสพเพื่อการรักษาโรค เพื่อผู้ประกอบการนั้นๆ หมายความว่า ถ้าใช้ในการรักษานั้น ต้องได้รับอนุญาต อย่างที่ผมเรียนไปตอนแรกว่า ประเภทของยาเสพติดประเภท 5 เราไม่ได้เอากัญชาใส่ไปในประเภทนี้ แต่กัญชาอาจจะเป็นยาเสพติดประเภททั่วไป ซึ่งอาจจะเหมือนประเภท 2 ที่สามารถเอาไปใช้ในทางแพทย์หรือตรงนี้ได้ ส่วนวิธีการจะใช้ยังไง ก็เป็นไปตามวาระของ รัฐมนตรี สาธารณสุข ที่จะกำหนดมาตราต่างๆ อันนี้ก็อยู่ที่กำหนดว่าพืชว่าจะยังไงต่อครับ
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช

กำลังโหลดความคิดเห็น