xs
xsm
sm
md
lg

ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่! แต่ถ้าช้างเผือกไม่มีหาง จะเป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองได้หรือไม่!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

รูปปั้นช้างเผือกในวัดพระแก้ว มีพระอินทร์ไอราฯรวมอยู่ด้วย
ช้างเผือก ถือกันว่าเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง เกิดขึ้นในรัชกาลใดก็คือว่ามีบุญญาธิการ บ้านเมืองจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข

ลักษณะของช้างเผือกที่ต้องตามตำรับโบราณกำหนดไว้ว่า จะต้องมีคชลักษณ์เกินกว่าครึ่งของ ๗ ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีหม้อใหม่ ขนหางขาว อัณฑโกศขาวหรือคล้ายสีหม้อใหม่ ...หม้อดินนะครับ ไม่ใช่หม้ออลูมิเนียม

การดูลักษณะช้างเผือกนั้น นอกจากดูตามเนื้อตามตัวแล้ว ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “หูหางสรรพ” คือหูไม่แหว่งฉีก หางต้องมีขน ถ้าหางไม่มีขนถือว่าเป็นช้างไม่ดี

แต่ถ้าไม่มีหางล่ะ! จะถือว่าเป็นช้างดีหรือช้างเผือกได้หรือไม่?

พงศาวดารรัชการที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. ๒๓๓๗ พระยานครราชสีมาได้มีใบบอกเข้ามาว่า มีชาวภูเขียวคล้องช้างพังได้เชือกหนึ่งมีสีประหลาด คือเมื่ออาบน้ำขึ้นมาใหม่ๆ พอตัวแห้งผิวจะเป็นสีนวลเหมือนสีใบตองแห้ง ตา เล็บ ขนตัว ขนหางเป็นสีขาว เจ้าของฝึกให้เชื่องและเอาไว้ใช้งาน ใครเห็นก็มักจะทักกันว่าเป็นช้างสำคัญ ไม่ธรรมดาแน่ เจ้าของกลัวว่าทางการจะมายึดเอาช้างไป จึงตัดหางให้ด้วนเสีย

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้ส่งช้างมาให้ทอดพระเนตร เมื่อทรงพิจารณาตามหลักคชลักษณ์แล้ว จึงดำรัสว่าเป็นช้างเผือกตรี แต่น่าเสียดายที่หางถูกตัดไป ทรงพิโรธเจ้าของช้างมาก จึงไม่ได้พระราชทานสิ่งใดให้ ส่วนหางที่ด้วนนั้นก็ให้เอาหางโคมาผูกต่อเข้าเป็นช้างโคบุตร นำเข้าพิธีสมโภชน์ ขึ้นระวางเมื่อวันอาทิตย์ขึ้น ๙ ค่ำ ปีขาล จุลศักราช ๑๑๕๖ (พ.ศ.๒๓๓๗) พระราชทานนามว่า

“พระอินทรไอยรา รัตนาเคนทร์ คเชนทรบดินทร์ อนันตคุณ สมบูรณ์เลิศฟ้า”

ต่อมารัชกาลที่ ๒ พระราชทานนามให้ใหม่ว่า

“พระอินทรไอยรา คชาชาติฉัททันต์ ผิวพรรณเผือกตรี สียอดตองตากแห้ง วิษณุแกล้งรังรักษ์ มงคลลักษณ์เลิศฟ้า”

ถึงหางด้วน ก็ยังเป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองอยู่ดีนั่นแหละ...เผือกซะอย่าง!

_____________________
กำลังโหลดความคิดเห็น