ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์รักในสีไม้ เปิดตัวตนคนทำงานศิลปะ หนึ่งในปรมาจารย์ด้านการวาดภาพเหมือนด้วยสีไม้ของเมืองไทย “ณัฐวีร์ ตั้งเจริญกุล” หรือที่คนศิลปะเรียกขานอย่างเคยคุ้นว่า “อ.ณัฐวีร์ สีไม้” ที่ถ้าใครได้เห็นผลงาน การันตีได้เลยว่า ต้องทึ่ง!
เป็นเวลามากกว่า 20 ปี ที่ “ณัฐวีร์ ตั้งเจริญกุล” สร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ ลากเส้นสายชีวิตผนึกติดแนบแน่นกับแกนศิลป์ เป็นทั้งจิตรกรอิสระและผู้บริหารโรงเรียนสอนศิลปะ Seemai Art Studio ผู้เชี่ยวชาญด้านการวาดภาพเหมือนด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ที่หาตัวจับได้ยาก
และเหนือสิ่งอื่นใด เขาผู้นี้คือคนที่เปลี่ยนมุมมองและหยิบยื่นนิยามใหม่ให้กับดินสอสีไม้ว่า “ดินสอสีไม้ มิใช่มีไว้เพียงแค่ให้เด็กๆ ใช้ระบายสีรูปการ์ตูนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน ดินสอสีไม้สามารถนำมาสร้างสรรค์ผลงานได้สวยงามมีคุณค่าไม่แพ้สีชนิดอื่นๆ”
• จุดเริ่มต้น
ผมว่าผมโชคดีที่ค้นพบว่าตัวเองต้องการอะไรได้เร็ว และยังคงชัดเจนในการเดินทางไปสู่จุดหมายนั้น จากเด็กอายุ 8 ขวบ กับความฝันที่อยากจะวาดภาพเหมือน จำได้แม่นยำว่าเรียนอยู่ชั้น ป.3 คุณครูให้ทำการ์ดวันแม่ ด้วยความที่ชอบวาดภาพอยู่แล้ว ผมจึงเลือกที่จะวาดภาพเหมือนคุณแม่ ด้วยดินสอสีไม้และสีโปสเตอร์ผสมกัน แล้วทำเป็นกรอบรูปแบบตั้งโต๊ะเพื่อเซอร์ไพรซ์คุณแม่ แต่ที่เซอร์ไพรซ์กว่าคือ คุณแม่มานั่งช่วยระบายสีด้วย (หัวเราะ) ผมยังจำภาพนั้นได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะทำให้ผมรู้ว่าเพราะอะไรผมถึงเลือกเรียนศิลปะ และเลือกที่จะเป็นนักวาดภาพเหมือนจนถึงทุกวันนี้
• จุดพักทาง
หลังจากจบชั้น ม.3 ผมตัดสินใจเลือกเรียนในสายวิชาศิลปะโดยตรงอย่างจริงจัง จึงสอบเข้าคณะศิลปกรรมของวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี ในสาขาวิจิตรศิลป์ เรียกได้ว่าเป็นเด็กศิลป์อย่างเต็มตัว ในระยะเวลา 3 ปี จากเด็กฝีมือท้ายๆ ของห้อง ก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาจนสามารถสอบติดสาขาวิชาจิตรกรรมสากลที่โรงเรียนเพาะช่าง จากการเรียนในชั้นปีที่ 1 ที่เข้มข้นของสาขาวิชาจิตรกรรมสากล ที่โรงเรียนเพาะช่าง ทำให้ผมสามารถเอ็นทรานซ์ติดที่สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งถือว่าเป็นความบังเอิญที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่องในชีวิต
เพราะจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย เพราะเรียนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่างอยู่แล้ว แต่แค่ไปสอบเป็นเพื่อนของเพื่อน จึงกลายมาเป็นที่มาของการทำความรู้จักและเป็นจุดเริ่มต้นของการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ โชคดีที่ผมได้เรียนวิชาวิจัย ตอนชั้นปีที่ 3 จึงเลือกที่จะวิจัยแนวงานของตนเองด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ มี 2 เหตุผลด้วยกันคือ ผมรู้สึกสนุกและสบายใจกับการวาดภาพโดยใช้ดินสอสีไม้ และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ดินสอสีไม้มีราคาถูกกว่าสีชนิดอื่น และทำงานออกมาแล้วต้องพอใจในสิ่งที่ตนเองเลือกด้วย ดินสอสีไม้จึงตอบโจทย์ผมมากที่สุดในเวลานั้น และวิชาศิลปนิพนธ์ ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของการเรียน ผมก็เลือกดินสอสีไม้เพื่อใช้ในการทำงาน
• จุดเปลี่ยน
หลังจากจบปริญญาตรีได้ปีกว่า ผมก็เข้าทำงานในตำแหน่งช่างศิลป์ ของมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นช่วงที่สนุกมากในการทำงาน ได้ทดลองทำงานในสายงานประชาสัมพันธ์ ทั้งถ่ายรูป เขียนข่าว เป็นพิธีกร จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กินเวลาถึง 5 ปี เราเริ่มรู้สึกว่าชีวิตค่อยๆ ห่างหายจากการจับดินสอ จับพู่กัน ช่วง 5 ปีนั้นแม้จะพอมีเวลาได้วาดภาพอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกว่ามันน้อยเกินไป จึงมานั่งคุยกับตัวเองว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ถ้ายังทำงานนี้ต่อไป คงไม่มีเวลาวาดภาพแน่นอน จึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาลองทำสิ่งที่ตนเองรักอีกครั้ง ได้กลับมาวาดภาพอีกครั้ง โดยเน้นแต่การวาดภาพด้วยเทคนิคสีไม้
วันหนึ่ง มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มหาวิทยาลัยบูรพาทักว่า ทำไมไม่ไปเป็นอาจารย์เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการใช้เทคนิคดินสอสีไม้ให้กับนักเรียน ผมจึงกลับมาคิดและค้นหาข้อมูล บวกกับไปนั่งคุยกับอาจารย์ศิลปะหลายท่าน จึงทราบว่าไม่มีการเรียนการสอนในวิชาการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้เลย ทั้งๆ ที่ผมยิ่งทำงานด้วยเทคนิคนี้ ก็ยิ่งได้เห็นถึงความสำคัญ เพราะดินสอสีไม้ เป็นสีพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาไปสู่การเรียนสีชนิดอื่นๆ
แต่เมื่อผมยังไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงทำในส่วนที่ตนเองสามารถทำได้คือ เริ่มเขียนหนังสือที่รวบรวมเนื้อหา ที่เกิดจากประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการทำงานด้านดินสอสีไม้ของผม ให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ ทดลองทำได้จริง และรวบรวมตัวอย่างผลงานบางส่วนไว้ในหนังสือด้วย โดยใช้ชื่อหนังสือว่า “พื้นฐานสีไม้” อีกทั้งยังเป็นวิทยากรรับเชิญไปบรรยายหัวข้อศิลปะ และเทคนิคการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ให้กับครูอาจารย์ ในโรงเรียนและองค์กรต่างๆ ที่สนใจ และปัจจุบันได้เปิดโรงเรียนสอนศิลปะเล็กๆ ชื่อ “โรงเรียนสอนศิลปะ Seemai Art Studio” อยู่ที่ ถนนข้าวหลาม บางแสน จ.ชลบุรี
• จุดยืน
ส่วนแนวทางการสร้างสรรค์และจุดยืนในด้านการทำงานศิลปะของผม หากให้นับผลงานทั้งหมดที่ผมเคยวาดภาพ ด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ก็น่าจะเกิน 500 ชิ้นนะครับ พอจะเรียกว่าเป็นจุดยืนในการทำงานศิลปะของผมได้ไหม (หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ชอบส่งงานประกวด อาจจะเป็นเพราะแนวงานที่ผมทำอยู่ ไม่ใช่งานสายประกวดด้วย ผมจึงใช้วิธีนำผลงานไปร่วมแสดงในงานนิทรรศการของกลุ่มต่างๆ ปัจจุบันก็เป็นสมาชิกของชมรม “Power of Art” ชมรมที่นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดนิทรรศการไปมอบเพื่อช่วยองค์กรการกุศลต่างๆ ที่กำลังจะมีนิทรรศการให้ชมปลายปีนี้ นอกจากนี้ก็รับเป็นงานออเดอร์
แนวทางการสร้างสรรค์งานทุกชิ้นของผมจะเน้นแนวกึ่งเหมือนจริง คืออาจจะดูเหมือนงานภาพเหมือนทั่วไป แต่จะสอดแทรกความชอบในเรื่องของการเล่นแสงที่จะเว้นส่วนที่สว่างที่สุดของงานไว้เป็นสีขาวของกระดาษ และจะเน้นการทับซ้อนกันของสีหลายๆ ชั้นที่เป็นเสน่ห์เฉพาะของเทคนิคดินสอสีไม้ ที่หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่ามีสีมากมายสอดแทรกอยู่ในทุกพื้นที่ของงาน เป็นผลงานที่ดูแล้วเข้าใจง่าย สบายตา ไม่มีอะไรซับซ้อน
และเรื่องที่ชัดเจนที่สุดในการสร้างสรรค์ผลงานของผมคือ ผลงานทุกชิ้นวาดด้วยเทคนิคดินสอสีไม้เท่านั้น ไม่ใช่เพราะวาดด้วยสีชนิดอื่นไม่เป็นนะครับ ช่วงเรียนไม่ว่าจะใช้สีชนิดไหน ผมก็เคยได้ A มาแล้วทั้งสิ้นนะครับ (หัวเราะ) แต่ผมคิดว่าในเมื่อเรามีความชัดเจนในจุดยืนต่อการทำงานของเรา เราก็ควรจะทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด และอีกอย่างผมเชื่อว่า “คุณค่าของงานศิลปะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้สีชนิดใดทำงาน แต่ขึ้นอยู่กับความงามและคุณค่าของผลงานชิ้นนั้นมากกว่า”
• จุดหมายปลายทาง
ผมเคยมีคำนิยามให้กับตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนที่ผมยึดถือมาจนถึงทุกวันนี้คือ การได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และได้อยู่กับคนที่ตนเองรัก แค่นี้ชีวิตก็เพียงพอแล้ว พอมาถึงวันนี้ ชีวิตที่เหลือของผมก็คือกำไร ส่วนอนาคตที่วางแผนและดำเนินการอยู่ก็คือ การจัดนิทรรศการเดี่ยวเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และจัดงานด้านการกุศลต่างๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์ เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับเทคนิคดินสอสีไม้ในเล่มต่อๆ ไปที่เป็นภาคต่อของเล่ม 1 รวมถึงการผลักดันให้เกิดวิชาการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ด้วย วันนี้ การทำงานวาดภาพด้วยเทคนิคสีไม้ของผม มันไม่ใช่แค่อาชีพที่ใช้ในการทำมาหากิน แต่มันคือชีวิตประจำวัน ที่แม้ไม่มีนิทรรศการให้ผมแสดงงาน ไม่มีลูกค้าจ้างให้วาด ไม่มีคนซื้อผลงาน ผมก็ยังคงต้องวาดภาพต่อไปครับ
เรื่อง : อรวรรณ เหม่นแหลม
ภาพ : ณัฐวีร์ ตั้งเจริญกุล
เป็นเวลามากกว่า 20 ปี ที่ “ณัฐวีร์ ตั้งเจริญกุล” สร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ ลากเส้นสายชีวิตผนึกติดแนบแน่นกับแกนศิลป์ เป็นทั้งจิตรกรอิสระและผู้บริหารโรงเรียนสอนศิลปะ Seemai Art Studio ผู้เชี่ยวชาญด้านการวาดภาพเหมือนด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ที่หาตัวจับได้ยาก
และเหนือสิ่งอื่นใด เขาผู้นี้คือคนที่เปลี่ยนมุมมองและหยิบยื่นนิยามใหม่ให้กับดินสอสีไม้ว่า “ดินสอสีไม้ มิใช่มีไว้เพียงแค่ให้เด็กๆ ใช้ระบายสีรูปการ์ตูนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน ดินสอสีไม้สามารถนำมาสร้างสรรค์ผลงานได้สวยงามมีคุณค่าไม่แพ้สีชนิดอื่นๆ”
• จุดเริ่มต้น
ผมว่าผมโชคดีที่ค้นพบว่าตัวเองต้องการอะไรได้เร็ว และยังคงชัดเจนในการเดินทางไปสู่จุดหมายนั้น จากเด็กอายุ 8 ขวบ กับความฝันที่อยากจะวาดภาพเหมือน จำได้แม่นยำว่าเรียนอยู่ชั้น ป.3 คุณครูให้ทำการ์ดวันแม่ ด้วยความที่ชอบวาดภาพอยู่แล้ว ผมจึงเลือกที่จะวาดภาพเหมือนคุณแม่ ด้วยดินสอสีไม้และสีโปสเตอร์ผสมกัน แล้วทำเป็นกรอบรูปแบบตั้งโต๊ะเพื่อเซอร์ไพรซ์คุณแม่ แต่ที่เซอร์ไพรซ์กว่าคือ คุณแม่มานั่งช่วยระบายสีด้วย (หัวเราะ) ผมยังจำภาพนั้นได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะทำให้ผมรู้ว่าเพราะอะไรผมถึงเลือกเรียนศิลปะ และเลือกที่จะเป็นนักวาดภาพเหมือนจนถึงทุกวันนี้
• จุดพักทาง
หลังจากจบชั้น ม.3 ผมตัดสินใจเลือกเรียนในสายวิชาศิลปะโดยตรงอย่างจริงจัง จึงสอบเข้าคณะศิลปกรรมของวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี ในสาขาวิจิตรศิลป์ เรียกได้ว่าเป็นเด็กศิลป์อย่างเต็มตัว ในระยะเวลา 3 ปี จากเด็กฝีมือท้ายๆ ของห้อง ก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาจนสามารถสอบติดสาขาวิชาจิตรกรรมสากลที่โรงเรียนเพาะช่าง จากการเรียนในชั้นปีที่ 1 ที่เข้มข้นของสาขาวิชาจิตรกรรมสากล ที่โรงเรียนเพาะช่าง ทำให้ผมสามารถเอ็นทรานซ์ติดที่สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งถือว่าเป็นความบังเอิญที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่องในชีวิต
เพราะจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย เพราะเรียนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่างอยู่แล้ว แต่แค่ไปสอบเป็นเพื่อนของเพื่อน จึงกลายมาเป็นที่มาของการทำความรู้จักและเป็นจุดเริ่มต้นของการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ โชคดีที่ผมได้เรียนวิชาวิจัย ตอนชั้นปีที่ 3 จึงเลือกที่จะวิจัยแนวงานของตนเองด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ มี 2 เหตุผลด้วยกันคือ ผมรู้สึกสนุกและสบายใจกับการวาดภาพโดยใช้ดินสอสีไม้ และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ดินสอสีไม้มีราคาถูกกว่าสีชนิดอื่น และทำงานออกมาแล้วต้องพอใจในสิ่งที่ตนเองเลือกด้วย ดินสอสีไม้จึงตอบโจทย์ผมมากที่สุดในเวลานั้น และวิชาศิลปนิพนธ์ ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของการเรียน ผมก็เลือกดินสอสีไม้เพื่อใช้ในการทำงาน
• จุดเปลี่ยน
หลังจากจบปริญญาตรีได้ปีกว่า ผมก็เข้าทำงานในตำแหน่งช่างศิลป์ ของมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นช่วงที่สนุกมากในการทำงาน ได้ทดลองทำงานในสายงานประชาสัมพันธ์ ทั้งถ่ายรูป เขียนข่าว เป็นพิธีกร จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กินเวลาถึง 5 ปี เราเริ่มรู้สึกว่าชีวิตค่อยๆ ห่างหายจากการจับดินสอ จับพู่กัน ช่วง 5 ปีนั้นแม้จะพอมีเวลาได้วาดภาพอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกว่ามันน้อยเกินไป จึงมานั่งคุยกับตัวเองว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ถ้ายังทำงานนี้ต่อไป คงไม่มีเวลาวาดภาพแน่นอน จึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาลองทำสิ่งที่ตนเองรักอีกครั้ง ได้กลับมาวาดภาพอีกครั้ง โดยเน้นแต่การวาดภาพด้วยเทคนิคสีไม้
วันหนึ่ง มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มหาวิทยาลัยบูรพาทักว่า ทำไมไม่ไปเป็นอาจารย์เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการใช้เทคนิคดินสอสีไม้ให้กับนักเรียน ผมจึงกลับมาคิดและค้นหาข้อมูล บวกกับไปนั่งคุยกับอาจารย์ศิลปะหลายท่าน จึงทราบว่าไม่มีการเรียนการสอนในวิชาการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้เลย ทั้งๆ ที่ผมยิ่งทำงานด้วยเทคนิคนี้ ก็ยิ่งได้เห็นถึงความสำคัญ เพราะดินสอสีไม้ เป็นสีพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาไปสู่การเรียนสีชนิดอื่นๆ
แต่เมื่อผมยังไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงทำในส่วนที่ตนเองสามารถทำได้คือ เริ่มเขียนหนังสือที่รวบรวมเนื้อหา ที่เกิดจากประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการทำงานด้านดินสอสีไม้ของผม ให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ ทดลองทำได้จริง และรวบรวมตัวอย่างผลงานบางส่วนไว้ในหนังสือด้วย โดยใช้ชื่อหนังสือว่า “พื้นฐานสีไม้” อีกทั้งยังเป็นวิทยากรรับเชิญไปบรรยายหัวข้อศิลปะ และเทคนิคการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ให้กับครูอาจารย์ ในโรงเรียนและองค์กรต่างๆ ที่สนใจ และปัจจุบันได้เปิดโรงเรียนสอนศิลปะเล็กๆ ชื่อ “โรงเรียนสอนศิลปะ Seemai Art Studio” อยู่ที่ ถนนข้าวหลาม บางแสน จ.ชลบุรี
• จุดยืน
ส่วนแนวทางการสร้างสรรค์และจุดยืนในด้านการทำงานศิลปะของผม หากให้นับผลงานทั้งหมดที่ผมเคยวาดภาพ ด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ก็น่าจะเกิน 500 ชิ้นนะครับ พอจะเรียกว่าเป็นจุดยืนในการทำงานศิลปะของผมได้ไหม (หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ชอบส่งงานประกวด อาจจะเป็นเพราะแนวงานที่ผมทำอยู่ ไม่ใช่งานสายประกวดด้วย ผมจึงใช้วิธีนำผลงานไปร่วมแสดงในงานนิทรรศการของกลุ่มต่างๆ ปัจจุบันก็เป็นสมาชิกของชมรม “Power of Art” ชมรมที่นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดนิทรรศการไปมอบเพื่อช่วยองค์กรการกุศลต่างๆ ที่กำลังจะมีนิทรรศการให้ชมปลายปีนี้ นอกจากนี้ก็รับเป็นงานออเดอร์
แนวทางการสร้างสรรค์งานทุกชิ้นของผมจะเน้นแนวกึ่งเหมือนจริง คืออาจจะดูเหมือนงานภาพเหมือนทั่วไป แต่จะสอดแทรกความชอบในเรื่องของการเล่นแสงที่จะเว้นส่วนที่สว่างที่สุดของงานไว้เป็นสีขาวของกระดาษ และจะเน้นการทับซ้อนกันของสีหลายๆ ชั้นที่เป็นเสน่ห์เฉพาะของเทคนิคดินสอสีไม้ ที่หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่ามีสีมากมายสอดแทรกอยู่ในทุกพื้นที่ของงาน เป็นผลงานที่ดูแล้วเข้าใจง่าย สบายตา ไม่มีอะไรซับซ้อน
และเรื่องที่ชัดเจนที่สุดในการสร้างสรรค์ผลงานของผมคือ ผลงานทุกชิ้นวาดด้วยเทคนิคดินสอสีไม้เท่านั้น ไม่ใช่เพราะวาดด้วยสีชนิดอื่นไม่เป็นนะครับ ช่วงเรียนไม่ว่าจะใช้สีชนิดไหน ผมก็เคยได้ A มาแล้วทั้งสิ้นนะครับ (หัวเราะ) แต่ผมคิดว่าในเมื่อเรามีความชัดเจนในจุดยืนต่อการทำงานของเรา เราก็ควรจะทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด และอีกอย่างผมเชื่อว่า “คุณค่าของงานศิลปะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้สีชนิดใดทำงาน แต่ขึ้นอยู่กับความงามและคุณค่าของผลงานชิ้นนั้นมากกว่า”
• จุดหมายปลายทาง
ผมเคยมีคำนิยามให้กับตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนที่ผมยึดถือมาจนถึงทุกวันนี้คือ การได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และได้อยู่กับคนที่ตนเองรัก แค่นี้ชีวิตก็เพียงพอแล้ว พอมาถึงวันนี้ ชีวิตที่เหลือของผมก็คือกำไร ส่วนอนาคตที่วางแผนและดำเนินการอยู่ก็คือ การจัดนิทรรศการเดี่ยวเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และจัดงานด้านการกุศลต่างๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์ เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับเทคนิคดินสอสีไม้ในเล่มต่อๆ ไปที่เป็นภาคต่อของเล่ม 1 รวมถึงการผลักดันให้เกิดวิชาการวาดภาพด้วยเทคนิคดินสอสีไม้ด้วย วันนี้ การทำงานวาดภาพด้วยเทคนิคสีไม้ของผม มันไม่ใช่แค่อาชีพที่ใช้ในการทำมาหากิน แต่มันคือชีวิตประจำวัน ที่แม้ไม่มีนิทรรศการให้ผมแสดงงาน ไม่มีลูกค้าจ้างให้วาด ไม่มีคนซื้อผลงาน ผมก็ยังคงต้องวาดภาพต่อไปครับ
ท่านผู้สนใจ สามารถแวะเวียนไปชมงานศิลปะสวยๆ และจิบกาแฟพูดคุยภาษาศิลป์กับ อ.ณัฐวีร์ สีไม้ ได้ที่โรงเรียนสอนศิลปะ Seemai Art Studio ตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านบางแสนมหานคร ถนนข้าวหลาม บางแสน จ.ชลบุรี หรือติดตามผลงานและสอบถามข้อมูลการเรียนการสอนของ อ.ณัฐวีร์ สีไม้ ได้ที่ Fb: Nattawee Seemai , Fb: Seemai Art Studio E-mail: doeler_kik@hotmail.com โทร.082 477 3439 |
เรื่อง : อรวรรณ เหม่นแหลม
ภาพ : ณัฐวีร์ ตั้งเจริญกุล