สัมผัสตัวตนความคิดกับชีวิตที่เปี่ยมสุข “แม่ลิน-มาลินดา”
แม้สังขารเริ่มโรยรา แต่หัวใจยังเริงร่าไม่ล้าโรย
แถมหว่านโปรยเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขปลูกลงในใจของผู้อื่น
ด้วยเสียงกีตาร์และบทเพลง
ขับขานขับกล่อมย้อมโลกให้เบิกบาน
กลายเป็นกระแสโด่งดังจนกระทั่งนำไปสู่การอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น เมื่อหญิงสูงวัยผู้หนึ่งลุกขึ้นมาจับกีตาร์ร้องเพลง “Why Do I Love You So” ของจอห์นนี่ ทิลลอตสัน อัปขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัว มีผู้เข้ามาชมเป็นหลักล้าน และส่วนใหญ่ต่างแสดงความคิดเห็นไปในทางชื่นชม
“มาลินดา เฮอร์แมน” หรือที่หลายคนเรียกขานไปต่างๆ ว่า “แม่ลิน” บ้าง “ย่าลิน” บ้าง “ยายลิน” บ้าง แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ทุกคนต่างก็ชื่นใจยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ฟังได้ดูผู้อาวุโสคนนี้เล่นกีตาร์และร้องเพลง...
• ตอนนี้แม่ลินดังมากในสื่อโซเชียลจากคลิปเล่นกีตาร์ ร้องเพลง มีผู้ชมเรือนล้าน เรารู้สึกอย่างไรบ้างคะกับปรากฏการณ์ตรงนี้
จะบอกว่าแม่ไม่คิดอะไรแล้ว เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้ว แม่คิดแต่ว่าจะทำให้ดีที่สุด ส่งมอบความรักให้กัน ลูกๆ หลานๆ รักเรา แม่ก็มอบความรักให้ทุกวัน ลูกหลานอยากให้คุณแม่ทำอะไร ขอแค่ให้บอกแม่มา ทำได้หมดค่ะ ไม่มีขัดใจอยู่แล้ว อันนี้เป็นพื้นฐานนิสัยของแม่อยู่แล้วด้วย จะตามใจลูกหลาน ตามใจเด็กๆ ทุกคน ซึ่งล่าสุด หลังจากที่แม่ได้ลงคลิปเพลงไป มีลูกๆ ได้เข้ามาหาแม่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นลูกๆ ที่ชอบดนตรีเหมือนกัน เหมือนดนตรีเป็นสื่อกลางระหว่างเรา เพราะจะเอาดนตรีไปคุยกับนักวิชาการ ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) ก็จะมีมาแบบว่า คุณยายขอเพลงนี้ คุณย่าของเพลงนี้หน่อย ประมาณนี้ค่ะ (ยิ้ม)
• อะไรคือจุดเริ่มต้นของความคิดที่ทำให้หยิบกีตาร์ขึ้นมาแล้วร้องเพลงอัปลงเฟซบุ๊กคะ
จริงๆ แม่เล่นเฟซบุ๊กมานานแล้ว และก็มีลูกๆ ในเฟซบุ๊กอยู่หลายร้อยคนในกลุ่ม ตอนนั้นคลิปแรกๆ เริ่มจากแม่ขับรถแล้วรถติดมาก ก็จะอัดคลิปประมาณว่ารถติดมากเลย ก็คิดว่าอัดคลิปดีกว่าแก้เซ็งอะไรแบบนี้
ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 เดือนที่แล้ว แม่ก็เคยเล่นดนตรีกับลูกชายมาก่อน ตอนนั้นคนดูก็หลักสี่ห้าแสนเลยนะคะ แล้วก่อนหน้านี้อีก แม่ก็เคยเล่นอูคูเลเล่ แต่ก็หลายปีมาแล้วน่าจะ 5 ปีเป็นอย่างต่ำ ตอนนั้นโดนลูกชายหลอกค่ะ ลูกบอกว่าไม่ลงๆ เฟซบุ๊ก แม่ก็เล่นโยกย้ายส่ายหน้าเต็มที่เลยค่ะ แม่ไม่รู้ว่าลูกจะเอาไปลง พอลูกเอาไปลง คนดูก็เยอะเหมือนกัน แต่จะแค่หลักหมื่น ส่วนคลิปล่าสุด แม่ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงหลักล้าน ซึ่งมันสามารถบอกได้เลยนะว่าโลกใบนี้ เราเจาะจงอะไรไม่ได้ (ยิ้ม)
• จากกระแสที่ดังในช่วงเวลาข้ามคืน แม่ลินคิดอย่างไรกับปรากฏการณ์นี้บ้างคะ ชีวิตเปลี่ยนไปบ้างไหม
ไม่เปลี่ยนค่ะ จะมีแค่การเดินสายมากขึ้น (หัวเราะ) นอกนั้นก็เหมือนเดิมเลยค่ะ จากที่แม่ได้ดูรายการในโทรทัศน์ เขาจะแต่งตั้งให้แม่เป็นเน็ตไอดอลที่มีอายุเยอะที่สุดด้วย คลิปนี้คือตูมเดียวจริงๆ ถล่มทลายกันเลยทีเดียว ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเลย
• กลายเป็นเน็ตไอดอลรุ่นใหญ่?
แม่ก็ไม่ทราบหรอกค่ะ เขาเรียกกันว่าเน็ตไอดอล แม่ก็ตามนั้น แต่แม่ก็ปลื้มและภูมิใจมากเลยนะ เวลาเดินไปไหนก็มีคนทักเรา ทุกวันนี้แม่กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วค่ะ อย่างลูกๆ หลานๆ คนอื่นที่เขาเป็นดารากัน เขาก็ต้องมีความสวยนำหน้ากันอยู่แล้ว แต่แม่ไม่มีตรงนี้ มีแต่ความแก่ เราก็ชอบและก็ภูมิใจเหมือนกันนะ (หัวเราะ)
• กว่าจะมาเป็นเน็ตไอดอลทางดนตรีอย่างทุกวันนี้ได้ แสดงว่าแม่ลินต้องเคยคลุกคลีอยู่ในแวดวงดนตรีมาก่อนใช่ไหมคะ
แม่ชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เพราะว่าที่บ้าน คุณย่าและคุณพ่อเขาทำเพลงฟังเพลงกันอยู่แล้ว พอถึงยุคพี่ชายพี่สาวเขาก็ยังฟัง ส่วนแม่ลินเองก็ต้องฟังตามเขา ตอนนั้นแม่ก็ฟังไปด้วย ร้องไปด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าแม่อายุได้ประมาณสิบกว่าขวบ น้องชายของแม่เป็นคนตีกลอง ส่วนแม่ก็เป็นคนเล่นกีตาร์ เอาจริงๆ ที่บ้านจะไม่มีใครปลูกฝังเรื่องดนตรีนะคะ เพียงแต่ว่าคุณพ่อให้เล่นได้ในบ้าน เล่นสนุกๆ แต่ถ้าจะออกไปร้องเป็นอาชีพ ออกไปหารายได้ข้างนอกไม่ได้ เพราะแม่จะห้าม แต่ถึงแม่จะห้ามไว้ เราก็แอบมีนอกลู่นอกทางบ้างนะ (หัวเราะ)
สมัยสาวๆ แม่ชอบไปร้องเพลงกับเพื่อนๆ เพื่อนจะชวนไป แม่เองก็ชอบอยู่แล้วด้วย ถ้ามีเพื่อนมาชวนให้ไปช่วยก็จะไป แต่แม่ก็ไม่ได้ไปเซ็นสัญญาว่าจ้างอะไรนะคะ เพราะว่าอยากร้อง มีความสุข อีกอย่างก็สนุกด้วย ตอนนั้นแม่เลยได้ร้องเพลงตามโรงแรมบ้าง วันไหนนักร้องประจำเขาขาดงาน เพื่อนก็จะให้แม่ไปช่วย ซึ่งแม่ก็จะตอบตกลงช่วย แล้วก็ช่วยระยะยาวเลย (ยิ้ม)
• ตั้งแต่นั้นมา เส้นทางชีวิตอยู่ในสายดนตรีมาโดยตลอดเลยใช่ไหมคะ
มีอยู่ช่วงหนึ่งแม่ทำงานบริษัทกับเพื่อนในกลุ่ม เป็นงานก่อสร้าง แม่อยู่ในฝ่ายดูแลเรื่องการเงิน แต่ก็อยู่ได้แค่ระยะเดียว เพราะแม่ไม่ได้ชอบ เรารู้ตัวว่าเราต้องอยู่กับดนตรี จริงๆ แม่ก็ไม่ได้เป็นคนเล่นดนตรีตลอดนะ ถ้ามีอารมณ์ หรือฟีลได้ก็จะเล่น ถ้าไม่อยากจะเล่นก็ปล่อยยาว มีแบบไม่จับกีตาร์มาเป็นสิบๆ ปีเลยก็มี แต่สุดท้ายยังไงก็หนีไม่พ้น ซึ่งที่แม่มาเล่นดนตรีหนักๆ เลยก็คือตอนที่หน้ามีปัญหา เพราะส่วนหนึ่งเราต้องทำเพื่อให้หน้าเราหายด้วย
• รู้ตัวว่าชอบดนตรี ไม่ทราบว่าแม่ลินไปหลงรักอะไรในดนตรีเหรอคะ ทำไมเราถึงได้รักมากมายขนาดนั้น
แม่หลงรักโดยที่ไม่มีใครมาบอกมาให้รัก หลงรักในเสียงเพลงมาก เพราะมันทำให้แม่มีความสุข แม่คิดว่าดนตรีทำให้อารมณ์ดี เกี่ยวกับเรื่องของอารมณ์ดนตรี ช่วยได้เยอะเลยค่ะ ไหนจะทำให้มีสมาธิที่ดีขึ้น เพราะถ้าเราไม่มีสมาธิ เราก็จะเล่นดนตรีไม่ได้อยู่แล้ว บางทีเราออกกำลังกาย เราก็เปิดเพลง ทำให้มีชีวิตดีขึ้น ดีกว่านั่งไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่ถ้าจะให้ไปบังคับใครให้มาชอบดนตรี มันเป็นไปไม่ได้เนอะ เพราะบางคนที่เขาไม่ชอบดนตรีก็มี ตรงนี้เขาอาจจะไปปลูกผักทำสวนหรือทำอะไรก็ได้ที่มีความสุข ขึ้นอยู่กับว่าชอบอะไร ก็ทำไปเลยค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นดนตรีเสมอไปก็ได้ (ยิ้ม)
• แล้วแบบนี้ แม่ลินเคยมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักดนตรีอาชีพ หรือมีอัลบัมเป็นของตัวเองบ้างไหมคะ
แม่ไม่เคยฝันเลยค่ะ และก็ไม่เคยมีความฝันอะไรเลย แต่เป็นเพราะว่าแม่ชอบอยู่แล้ว แต่ไม่เคยฝันว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จกับทางนี้ ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย ทุกอย่างมันคือความสุขที่แม่ได้ทำมากกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่เล่นเก่งอะไรนะคะ แค่ชอบศึกษา เก็บอย่างละนิดละหน่อย เลยไม่ได้เก่งอะไรเลยสักอย่าง (หัวเราะ)
แม่จะชอบเล่นเพลงนี้สองสามเพลงแล้วเลิกเล่น เพลงนี้ตีกลองสองสามเพลงแล้วเลิกเล่น แม่ไม่ได้ถนัดเรื่องดนตรีอะไรเลยสักอย่าง แต่เป็นเพราะว่าอยากเล่นมากกว่า แม่ได้ออกมาเล่นดนตรีข้างนอก ได้เปิดหูเปิดตา แต่แม่ก็ไม่เคยคิดว่าอยากมีอัลบัมเป็นของตัวเองเลยสักครั้ง ไม่เคยคิดอยากเป็นนักร้องดัง ไม่ได้ฝันใฝ่ถึงขนาดนั้น แม่จะคิดเรื่องครอบครัวสำคัญที่สุด ในบ้าน ถ้าเราอยู่แล้วมีเสียงเพลงเสียงดนตรี พี่น้องได้เล่นด้วยกันแล้วมีความสุขเป็นพอ พอแม่มีลูก ลูกแม่ก็ได้มาเล่นด้วยกันอีก ตรงนี้คือความสุขที่สุดแล้วค่ะ (ยิ้ม)
• แม่ลินชอบฟังเพลงแนวไหนคะ เป็นแฟนเพลงวงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เห็นว่าศิลปินที่ชอบอยู่ในยุค 60s-70s ทั้งนั้นเลย
ใช่ค่ะ ตอนที่ฟังสมัยที่เป็นวัยรุ่น แม่ก็จะฟังเดอะ โรลลิ่งสโตนส์ ส่วนพี่สาวเขาจะฟังพวกเอลวิส เพรสลีย์ จอห์นนี ทิลลอตสัน ส่วนอะไรที่แม่ชอบ แม่มักจะไม่ได้ฟังเพราะว่าเขาเป็นพี่ พี่ฟังอะไรน้องก็ต้องฟังตามเขา (หัวเราะ)
แม่จะไม่ใช่สาวหวาน ส่วนร็อกก็ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น แต่แม่จะอยู่ในแวดวงของน้องๆ ที่ฟังเพลงร็อกเยอะนะ แต่ร็อกก็ไม่ได้อยู่ในหัวใจแม่อยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ (หัวเราะ)
ที่แม่ชอบเพลงยุค 60s-70s เพราะแม่ชอบท่วงทำนองของเขา เขากลั่นกรองออกมาจากความรู้สึก ถ้าได้ไปฟังกัน ลูกจะสังเกตได้ว่า เราได้ฟีลในการทำเพลง เมโลดี้เขาจะไพเราะ จะไม่ตูมตาม แต่ทุกวันนี้คุณแม่ก็ฟังเพลงสมัยอยู่บ้างนะคะ ฟังตามลูกชาย แต่ลูกชายก็จะมีมาติดฟังเพลงเก่าๆ ตามแม่เหมือนกัน แต่ลูกชายเขาชอบของเขาเอง เขาก็จะหาเพลงของเขาฟังเอง
ส่วนเพลงสมัยนี้ถามว่าชอบไหม ส่วนตัวแม่ แม่คิดว่าดนตรีสมัยก่อนกับปัจจุบันก็จะไม่เหมือนกันเลยนะ ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก ปัจจุบันเขาทำเพลงกันอย่างรวดเร็วเพราะสมัยนี้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเยอะมาก สมัยก่อนต้องค่อยๆ คิด คิดจากข้างใน ก็จะต่างกัน
• ก่อนหน้านี้แม่ลินบอกว่าเล่นดนตรีเพื่อให้หน้าหาย ซึ่งทราบมาว่าแม่ลินเคยประสบอุบัติเหตุจนถึงขั้นร้องเพลงไม่ได้มาก่อน อยากให้ย้อนเล่าให้ฟังได้ไหมคะว่าเป็นมาอย่างไร
ตอนนั้น แม่ไปพัทยามาค่ะ และตอนขากลับก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ หนักมากเลยค่ะ ก็ไปนอนโรงพยาบาลอยู่นานเลย และเกิดต่อมน้ำลายแตกแล้วเราไม่รู้ตัว พอผ่านมาได้สักสิบกว่าปีก็เริ่มทำพิษกับเรา จนบวม ตอนนั้นบวมมาก เราก็กลัวจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงไม่ดี ก็เลยไปพบหมอ คุณหมอก็ถามมาว่าเราเคยมีอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมาบ้างไหม แม่ก็ตอบไปว่าใช่ เรารถคว่ำ ตกลงไปในน้ำเลย ตอนนั้นมันร้ายแรงมาก ซึ่งสาเหตุตรงนั้นแหละที่ทำให้แม่ต่อมน้ำลายแตกเป็นปากฉลามเลย คือต่อมน้ำลายต้องใช้กรองน้ำลายกับอาหาร ก็จะค่อยๆ ซึมออกมา คุณหมอก็ไม่อยากผ่าเพราะว่าเสี่ยงทำให้หน้าเราเบี้ยว แต่แม่ก็บอกกับคุณหมอว่า ไม่เป็นอะไร เราอายุมากแล้ว ตอนนั้นแม่อายุห้าสิบกว่าแล้ว ก็เลยตัดสินใจผ่าค่ะ แต่คุณหมอก็ยืนยันอีกว่าหน้าอาจจะเบี้ยวนะ ตาอาจจะปิดไม่ได้ แต่แม่ก็เลือกที่จะทำ เพราะว่าดีกว่าเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว สิบปีแล้วก็รักษาได้เท่านี้ค่ะ
อีกอย่าง แม่ใช้การร้องเพลงเข้ามาช่วยในการรักษาด้วยนะคะ มันรักษาได้จริงๆ นะ ตอนแรกเลย แม่มาเปิดร้านขายกีตาร์ก่อน เพราะว่าคุณหมอบอกว่าถ้าจะมีอะไรควบคู่กับการรักษาก็คือเราต้องพูดเยอะๆ เราเลยคิดว่าการที่ได้เปิดร้านขายกีตาร์ก็คือสิ่งที่เราชอบด้วย ก็ลองดูมาได้สักหนึ่งปี ตอนหลังๆ มา น้องกับลูกก็บอกว่าเรามาเปิดร้านซ้อมดนตรีกันดีกว่า เพราะว่าถ้าเราอยู่บ้านคือซ้อมกันไม่ได้หรอก นักดนตรี ฟีลมักจะชอบมาตอนกลางคืน ถ้าเราไปร้องเล่นตอนกลางคืน ข้างบ้านเขาต้องว่าเราแน่นอนเลย ตอนนี้ร้านก็อยู่ได้มาสิบปีแล้วค่ะ เป็นร้านอาหารด้วย ซ้อมดนตรีด้วย ชื่อร้านว่า Hey Mom Bar จะเน้นไปที่ซ้อมดนตรี เมื่อก่อนแม่จะเล่นที่นี่ทุกวันพฤหัสบดีกับเสาร์ค่ะ (ยิ้ม)
• ตอนนั้นความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ เมื่อรู้ว่าร่างกายของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มีอารมณ์หดหู่ ท้อแท้ มีบ้างไหม เราก้าวผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ด้วยวิธีคิดแบบไหน
เครียดมาก เครียดสุดๆ แต่ก็คิดไปว่าไม่เป็นไรหรอก อายุก็เยอะมากแล้ว ไม่รู้จะสวยไปทำไม คิดแบบนี้ค่ะ แต่ตอนสองปีแรก เราไม่ยอมเจอใครเลยนะ เพราะอ้าปากก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่ได้ ปากเบี้ยวไปหมด แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องปลงให้ได้ เราก็ร้องเพลงไปทั้งๆ ที่หน้าเบี้ยว พยายามฝืน ซึ่งตอนนี้ก็มีนิดๆ นะ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร มันเคยชินไปแล้ว
บอกได้เลยว่ายิ่งกว่าหดหู่ท้อแท้อีกค่ะ คือทุกอย่างแย่ไปหมดเลย แต่ก็ต้องยอมรับให้ได้ เพราะทุกอย่างเกิดมาแล้ว ก็คิดว่าไม่เป็นอะไรหรอก อยู่อย่างที่ไม่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ไม่เป็นภาระให้ใครก็พอ ด้วยที่ว่าแม่ก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกก็ไม่อยากให้แม่เหงา ลูกเขาก็ไปซื้อกีตาร์ให้หนึ่งตัวในราคาเป็นหลักหมื่น แม่ตื่นเต้นมากเลยนะ รู้สึกว่าต้องเล่นให้ได้ ยังไงก็ต้องให้ได้ เพราะปกติที่เล่น เป็นกีตาร์โปร่งธรรมดาๆ แม่ก็เริ่มเอามาร้องเพลงทีละห้าเพลงสิบเพลงและก็เก็บสะสมมาเรื่อยๆ หลังๆ ก็เลยรู้สึกได้แล้วว่าอยู่กับกีตาร์คือดีที่สุด ไม่ต้องให้ลูกมาคอยดู เพราะแม่ดูแลตัวเองได้ ถ้าเราไม่ไปไหน เราก็เล่นกีตาร์อยู่กับสุนัข อยู่กับแมว ก็มีความสุขดีนะ (ยิ้ม)
• เรียกได้ว่าเสียงดนตรีสามารถช่วยบำบัดทั้งกายและจิตใจไปในเวลาเดียวกันเลยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ แม่ใช้การร้องเพลงกับดนตรีบำบัด แทบจะแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้นะคะ ทั้งร่างกายและก็ทั้งสภาพจิตใจเลย... จริงๆ แม่อยากให้ทุกคนรู้ว่า ถึงเราจะสูงอายุแล้ว เราก็ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาดูแลเราหรอกค่ะ เราต้องดูแลตัวเราเอง อันดับแรกเลยต้องเริ่มจากจิตใจ พอจิตใจเราดี ทุกอย่างมันจะดีตามมาเอง ไม่ต้องคิดมาก น้อยใจอะไรทั้งนั้น แต่แม่เองก็มีนะคะเรื่องอารมณ์น้อยใจก็เหมือนคนสูงอายุโดยทั่วๆ ไป แต่พอเรามาอยู่ตรงนี้ เราก็ไม่อยากให้ใครมากวน เราก็อยากจะร้องเพลงของเราอยู่ ไม่อยากให้ใครมาจุกจิกเราด้วยซ้ำค่ะ แต่ก็มีบ้างนะคะที่แม่ไม่ได้จับกีตาร์แล้วก็จะมางี่เง่ากับลูกบ้าง แบบว่าไปไหนไม่เคยชวนกันเลย แต่พอเราได้หยิบกีตาร์เท่านั้นแหละ ไม่ต้องมาอะไรกับแม่ก็ได้
ชีวิตแม่เรียกได้เลยว่าขาดดนตรีไม่ได้เลยค่ะ แทบจะขาดใจเลยทีเดียว เป็นเหมือนกับว่า พอเราเริ่มรู้ว่าอาการเครียดเราเริ่มมาแล้ว แม่ก็จะไปหยิบกีตาร์มาเล่น มันหายค่ะมันช่วยได้จริงๆ มันไม่หายได้ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็เรียกได้ว่าลดอาการเครียดไปได้เยอะเลยค่ะ ไม่ทำให้ฟุ้งซ่านด้วย แต่แม่ก็เข้าใจคนอื่นนะคะว่าจะให้มาเป็นเหมือนแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันยาก เราบังคับใครไม่ได้ แต่จะให้แม่มาตื่นแต่เช้าตีสี่ตีห้ามาทำกับข้าวไปวัดทำบุญ แม่ทำไม่ได้ค่ะ แต่แม่ก็ทำบ้างนะ เราจะมีจังหวะของเรา แต่บางคนก็อาจจะโดนว่า ซึ่งแม่เองก็โดนว่าเหมือนกัน บางทีใจเราแผ่ออกไปเถอะค่ะ เห็นใครเขาเดือดร้อน เราก็ยื่นมือช่วยเขาบ้าง เรื่องที่ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร บุญกุศลดีที่สุดแล้วค่ะ บางคนทำบุญจริงค่ะ แต่จิตใจจริงๆ แล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง อย่างนี้สำหรับแม่ แม่ไม่โอเค
แม่อยากเชิญชวนให้ทุกคน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ฟังดนตรี อย่าไปปล่อยให้บ้านเงียบ บางทีเราอยู่บ้าน เราคิดมาก บางบ้านแม่เคยเห็นเพื่อนแม่เอง อยู่บ้านแบบเงียบๆ คนเดียวแล้วก็ปิดหมดทุกอย่าง เงียบกริบไปหมดเลย บางคนโทรทัศน์ยังไม่เปิดดูเลย เคยคิดนะว่าเขาอยู่ได้ยังไง แต่สำหรับแม่ แค่ได้ฟังก็มีความสุขแล้ว ยิ่งเล่นเองด้วยยิ่งมีความสุขมากไปอีก แม่จะคิดเสมอว่า ได้ร้อง ได้เล่น ได้ทำอะไรดีๆ คนอื่นก็มีความสุขไปกับเราด้วยแล้ว (ยิ้ม)
• ในฐานะคนที่เคยผ่านชะตากรรมที่คาดไม่ถึงของชีวิตมาแล้ว อยากจะมอบเพลงอะไรให้กับคนเหล่านั้นที่กำลังเผชิญจุดเดียวกับที่เราเคยเจอมาบ้างคะ
แม่อยากมอบทุกเพลงเลยค่ะ ไม่มีเจาะจง อย่างที่แม่ได้ลงคลิปเพลงแต่ละเพลงคือแม่อยากร้อง เพราะถ้าแม่มีความสุข ผู้รับก็จะมีความสุขไปด้วย ซึ่งแม่ก็ยังคิดอยู่เลยนะคะว่าถ้าแม่ไม่ได้มาเล่นดนตรีมาร้องเพลงอย่างทุกวันนี้ แม่อาจจะไปอยู่บนสวรรค์แล้วก็ได้ เวลาลูกไม่อยู่ แม่อยู่บ้านกับสุนัขและแมว แม่ก็จะเล่นให้เขาฟัง เขาก็จะมองและเขาก็ฟัง ยิ่งแมวยิ่งรู้เรื่องเลย วันนั้นคุณแม่ร้องเพลง แมวมีประสานเสียงกับแม่ด้วย เขาร้องเมี้ยวตอบกลับมาด้วย (หัวเราะ)
• แล้วถ้าไม่อิงกับเพลงล่ะคะ อยากจะบอกอะไรกับแฟนเพจหรือคนอื่นๆ ที่กำลังอ่านบทสัมภาษณ์นี้ในแง่มุมของการให้กำลังใจในการหยัดยืนต่อสู้กับชีวิตบ้างคะ
จะให้แม่ไปบอกคนที่กำลังท้อให้เขาไม่ท้อ มันยากมากนะ ความหนักแน่นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างแม่เองตอนแรกๆ ก็แย่มากเลยนะ แต่สุดท้ายแม่ก็ปลงได้ คิดว่าทุกวันนี้เรายังหายใจอยู่ เราต้องสู้ต่อไป จะไปเดินอ้อนวอนให้ใครมาช่วยเราก็ไม่ได้แล้ว ใครจะมาช่วย จริงไหม เราท้อได้ แต่เราต้องอย่าไปท้อถอยกับปัญหา ใครๆ เขาก็ไม่มาเชื่อเราหรอก ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเรา เราก็บอกได้นิดหน่อย
อย่างแต่ก่อน นอกจากเจออุบัติเหตุร้ายแรง แม่ก็เคยเจอหนักๆ เหมือนกัน อย่างที่ร้านของหาย หายเยอะมากด้วยนะ แต่ถามว่าบ่นไปแล้วจะได้ของคืนไหม ก็ไม่ได้คืนอยู่ดี แม่คิดว่าการที่เขาได้เอาของเราไป อาจจะช่วยให้เขาสบายขึ้น ก็ดี ก็เป็นกุศลของเราไป ถ้าเราคิดอย่างนั้นนะ ยิ่งเราจะอยากไปตามเอาคืน เราจะไปตามเอาจากตรงไหน และมันก็กลายเป็นทุกข์ในใจของเราเอง แม่เป็นคนค่อนข้างคิดบวกนะคะ แต่อารมณ์ที่มันไม่ได้คิดบวกก็มีบ้าง แต่นานๆ จะมีสักที จะมีอารมณ์งอนบ้าง เป็นธรรมดาของคนสูงอายุ (หัวเราะ)
• มีใครเข้ามาขอคำปรึกษาว่าอยากจะเล่นดนตรีเหมือนแม่ลินบ้างไหมคะ และแม่ลินมีคำแนะนำอย่างไรบ้าง
มีค่ะ จะมีเด็กๆ และก็ที่เป็นแฟนคลับแม่ จะมาบอกประมาณว่าคุณยายสอนหนูหน่อย คุณย่าหนูอยากเล่นเป็น แต่แม่มีความสุขมากจริงๆ นะคะ อย่างแม่เองก็ไม่ได้มีหลานแท้ๆ เพราะว่าเราไม่มีลูก เราก็มีแต่หลานทั่วประเทศเต็มไปหมดเลย ก็มีความสุขไปอีกแบบหนึ่งค่ะ อย่างมีคนมาขอคำปรึกษา แม่ก็ยังไม่ตอบอะไรไปเลยค่ะ เพราะแม่คิดว่าแต่ละคนสอนได้ไม่เหมือนกัน แต่อันดับแรกเลยต้องถามตัวเองก่อนเลยว่ามีใจรักที่แน่หรือเปล่า เราอยากจะเล่นจริงหรือเปล่า มีให้เห็นเยอะค่ะ บางคนที่บ้านมีเงินก็จะไปซื้อกีตาร์ตัวละแพงๆ มาเล่นได้แป๊บเดียวแล้วก็เบื่อและก็ทิ้งไป แต่บางคนกีตาร์ตัวละไม่กี่บาทก็นั่งเล่นไปเถอะจนเก่าแล้วเก่าอีก ชีวิตคนเราก็เป็นซะแบบนี้ ไม่เหมือนกัน
แม่จะบอกว่าการร้องเพลงไม่จำเป็นต้องร้องดี ร้องไพเราะ แค่ร้องให้มีความสุข ทุกอย่างก็จะออกมาดีเอง เรามีความสุขแล้ว และก็ได้ถ่ายถอดความสุขของเราออกไปให้คนอื่นได้รับรู้และมีความสุขไปกับเราด้วย อย่างแม่หลายคนอาจจะเห็นแม่เวลาได้ลงคลิปแล้วจะเห็นเหนียงเยอะมาก แสดงว่าแม่แก่มากแล้ว แต่แม่ไม่สนใจนะคะ สู้เรามาโชว์เหนียง นั่งร้องเพลงให้คนดูดีกว่า เพราะแม่มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ (ยิ้ม)
อย่างที่บ้าน ส่วนใหญ่แม่จะร้องเพลงให้ตัวน้อยที่บ้านได้ฟังกัน เพราะเราไม่ใช่แค่ฝึกคนนะคะ ที่บ้านเลี้ยงสุนัขเลี้ยงแมว ทุกตัวคือชอบฟังเพลงหมด สมมติว่าเราไม่ได้เล่นดนตรีเอง เราก็จะเปิดวิทยุไว้สุนัขและแมวถึงจะหลับกัน แม่เป็นคนชอบเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก ก็ปลูกฝังให้ลูกด้วย ตอนนี้ลูกก็เป็นมือกีตาร์อยู่ค่ะ แม่ก็สนับสนุนเต็มที่ ลูกเล่นทะลุไปกว่าเราเลย แต่ก่อนเราเป็นคนสอนนะ แต่เดี๋ยวนี้ลูกเป็นคนสอนเรา น้องก็เป็นนักดนตรีกันหมดทุกคน ทุกวันนี้เวลาที่แม่เล่น แม่จะคอยถามลูกตลอดว่าตรงนี้เสียงสูงเกินไปไหมและต้องเล่นคีย์อะไร ลูกเขาก็จะตอบและบอกเรา ลูกคือที่ปรึกษา เราก็เลยเกิดความเพลิดเพลิน
• อยากฝากอะไรถึงแฟนคลับหรือคนที่ติดตามชื่นชมเราบ้างคะ
อยากบอกว่าขอบคุณที่เรารักกัน ที่มาสื่อสารกันโดยอัตโนมัติ แม่ก็ขอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณลูกๆ หลานๆ ทุกคนที่มีความรักให้ ขอบคุณสุดๆ เลย แม่รักทุกคนเหมือนกัน ถ้าใจของเราไม่ได้ไปรักเขา ก็จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ การที่เราจะปล่อยกระแสออกไปได้ คือเราต้องมีความจริงใจก่อนอันดับแรก
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, สุนิสา ศรีสุข
ภาพ : วชิร สายจำปา