เคี้ยวแก้ว เป็นอาการเมาได้ที่ของคอสุราประเภทบ้าดีเดือด ดวดเหล้าหมดแก้วแล้วก็เคี้ยวแก้วเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ หรือแสดงว่าบ้าได้ที่ แต่ก็มีฝรั่งคนหนึ่งทำเอาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงตะลึง เพราะเคี้ยวแก้วแล้วกลืนลงท้องต่อพระพักตร์
เหตุเกิดขณะเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกด้วยเรือพระที่นั่งมหาจักรี เรือได้มาทอดสมออยู่ในทะเลเอเดรียติคในวันประสูติของสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธพอดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานเลี้ยงแก่ทุกคนบนเรือ และทรงกล่าวเป็นภาษาอังกฤษขอบใจกัปตันคัมมิ่ง ผู้ควบคุมเรือพระที่นั่งและภรรยาสาว ทำให้กัปตันคัมมิ่งเป็นปลื้ม เพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณถึงเพียงนี้ จึงลุกขึ้นกล่าวคำถวายพระพรและขอพระบรมราชานุญาต “กินถ้วย”
พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชได้ทรงมีพระราชหัตถเลขา พระราชทานสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในวันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ที่เกิดเหตุนั้น มีข้อความที่ทรงกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
“ยังมีเรื่องสนุกที่จะเล่าก็คือ กัปตันแกปลื้ม สนุกเต็มที่ขึ้นมา แกถามฉันว่าจะอนุญาตให้แกกินถ้วยได้ฤาไม่ ฉันหมายว่าเล่นๆ ก็อนุญาต แกฉวยถ้วยมากัดกรอดบิออกไปสักนิ้วหนึ่งเคี้ยวกรอดๆ ในปาก พวกเราแลพวกแกเองดูตะลึงไปด้วยหมด ถามแกว่าไม่คายฤา แกว่าไม่คาย จะกินกลืนลงไป ชวนให้คนอื่นพวกแกกิน ตลอดจนอาภาแลฉ่างสั่นหัวหมด
แกก็เคี้ยวของแกเรื่อยสบายเหมือนกับอะไรดังกร้วมๆ จนละเอียดแล้วเอาเหล้ากลั้วกลืนส่งลงไป แกว่าพวกเรือแกหลายคนเคยกินเช่นนี้บ่อยๆ ได้เคยไปเลี้ยงกับพวกฝรั่งเศส พวกแกบอกจะกินถ้วย พวกนั้นไม่เชื่อ พวกแกสี่ห้าคนกินเสียคนละครึ่งใบ พวกฝรั่งเศสลาออกไม่ยอมกิน กรมสรรพศาสตร์นั่งกระซิบข้างฉันว่า “แกกลืนลงไป น่าจะเปนมานตาย” “เมียสาวจะเปนหม้าย” ฉันบอก....”
กล่าวกันว่า การเคี้ยวแก้วเป็นประเพณีของนักเดินเรือในสมัยก่อน แต่ก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามเลียนแบบ มิฉะนั้นมีหวังเลือดกบปาก แถมยังไส้ทะลุอีกต่างหาก แล้วก็...เมียจะเป็นหม้าย!