xs
xsm
sm
md
lg

เพชรน้ำหนึ่งแห่งการ์ตูน “ชิมะ โคซาคุ” คนต้นแบบที่โลกยกย่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แม้ไม่ใช่ตำรับตำรา และเป็นเพียงหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่ง แต่ทว่านี่คือผลงานที่ทรงพลานุภาพพอๆ กับคัมภีร์ชี้ทางความสำเร็จในศาสตร์แห่งการทำงานที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับมากกว่า 30 ปี และที่สำคัญสร้างขึ้นจากประสบการณ์จริง

“ชิมะ โคซาคุ” การ์ตูนน้ำดีที่การันตีด้วยรางวัล โคดันฉะ มังงะ อวอร์ด ประจำปี 1991 จวบจนปัจจุบันนี้ ยังคงได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามเรียกได้ว่าเป็นคาแรกเตอร์ตัวแทน “คนทำงาน” ที่มุ่งมั่น มีไฟ ใฝ่ฝันก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

เมื่อสยามอินเตอร์บุ๊ค สำนักพิมพ์การ์ตูนชั้นนำของบ้านเราคัดสรรหยิบมาเผยแพร่ให้คนไทยได้รู้จัก แมเนเจอร์ออนไลน์ จึงไม่ชักช้า รีบเดินทางไปพบ "วิชัย ลิ้มศิริโพธิ์ทอง" บรรณาธิการบริหารการ์ตูนญี่ปุ่นในทันที เพื่อจะได้ชี้แจงแถลงไข เปิดแนะนำทำความรู้จัก เพราะชื่อนี้ดังเหลือเกิน “ชิมะ โคซาคุ”

• อะไรคือเอกลักษณ์ของการ์ตูนเรื่องนี้

เป็นการ์ตูนรูปแบบใหม่ คือ Co-Novel มาจากคำว่า คอมิก + โนเวล ฉะนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จะเหมือนกับการถ่ายทอดนิยายดีๆ เรื่องหนึ่งมาสื่อสารให้ออกมาเป็นรูปแบบลายเส้นการ์ตูน เนื้อหาจึงสามารถนำมาปรับใช้ได้ และเพราะว่าตลาดของประเทศญี่ปุ่นเขาก็มีการ์ตูนแนวแบบนี้ แนวผู้ใหญ่อ่าน เราก็เลยมองว่าทำไมเราไม่เอาการ์ตูนแนวนี้มาเสิร์ฟให้กับคนที่มีอายุมากขึ้น ก็จึงหยิบตรงนี้ขึ้นมา มีทั้งแนวดรามา ความรัก ความเศร้า ความรุนแรง ภาษาหรือฉากอีโรติก

เรื่อง ชิมะ โคซาคุ ที่เราเลือกมาตีพิมพ์นั้น เราก็มองว่ามีเรื่องนี้การันตีด้วยยอดขาย 40 ล้านเล่ม ตั้งแต่ปี 1983 ได้รางวัลโคดันฉะ มังงะ อวอร์ด จากสนพ.โคดันฉะประเทศญี่ปุ่นในปี 1991 ถึงวันนี้ 30 ปี แต่ตัวเรื่อง ชิมะ โคซาคุ ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ขยับสกิลขึ้นไป ตอนนี้ก็มีประมาณ 10 ภาค จากภาคหัวหน้าแผนกในภาคแรก ก็ขยับขึ้นเป็นซีอีโอ เป็นที่ปรึกษา

• ชิมะ โคซาคุ มีความน่าสนใจอย่างไร

ผมเห็นว่าเป็นเรื่องของแง่คิดในการทำงานหลายแง่มุมที่สามารถเอามาปรับใช้กับคนที่เริ่มทำงาน ต้องไปเจออะไรบ้างในที่ทำงาน อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่สามารถที่จะเอามาใช้เวลาที่เรามาเจอกับสถานการณ์ อย่างเช่นการเมือง การแบ่งแยกในองค์กร บ้านเราหลายๆ องค์กรก็พบเจอกับปัญหาเหล่านี้ คือในองค์กรจะมีหัวหน้าอาจจะสองคนที่จะไม่ถูกกัน พยายามแย่งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดแล้วก็เหมือนกับว่า ตัวชิมะ โคซาคุ อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 คนนี้ เขาจะเลือกใคร จะทำตัวอย่างไร ทำตัวลำบากมาก แต่คือ ชิมะ เขาไม่เลือกใครเลย แล้วเขาไม่บอกใครว่าเขาจะอยู่ฝั่งไหน คือต่างคนก็ต่างคิดว่า เขาเหมือนกับว่ารอให้อีกฝั่งหนึ่งชนะแล้วก็ค่อยมาเลือกข้างหรือเปล่า สุดท้ายเขาก็โดนบีบไปอยู่โรงงาน จนท้ายที่สุด หัวหน้าเขาก็มาเจอชิมะอีกที เขาก็ถึงได้รู้ว่า สุดท้าย ชิมะไม่เลือกใครเลย ตรงนี้มันก็ทำให้เห็นว่าถ้าตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ เราควรจะทำอย่างไร อยู่ตรงจุดไหน

อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือเรื่องคนญี่ปุ่นเขามีวินัยในการทำงาน รับผิดชอบในหน้าที่การงานมาก สมมติถ้ายังไม่จบงานในแต่ละวัน เขาก็จะอยู่ยาวจนกว่าจะจบ ซึ่งไม่ใช่แค่คำกล่าวชม แต่มาจากประสบการณ์จริงๆ ของผู้เขียน ที่เขาพบเจอและผ่านมา เขาก็อยากให้คนได้อ่าน ได้รับรู้ การทำงาน การเป็นมนุษย์เงินเดือน การเป็นพนักงานองค์กรใหญ่ เป็นอย่างไร เพราะเขาเคยเป็นพนักงานของบริษัทฮัตสึบะ หรือ พานาโซนิค ที่เรารู้จัก เขาทำอยู่ 3 ปี แล้วเขาก็อออกมาเขียนการ์ตูน

• แน่นอนว่ามีมุมที่เหมือนและสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานแม้ว่าจะผ่านมากว่า 30 ปี แล้วการที่เราหยิบของเขามาเป็นเวอร์ชั่นไทย เรามีเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนเสริมบ้างหรือไม่

ในส่วนของเนื้อหา เราไม่เสริมเติมแต่ง เพราะว่าเราเคารพสัญญาของเขา แล้วเรื่องนี้ก็เป็นออริจินัลที่คนญี่ปุ่นเขาให้การยอมรับมหาศาลเลย ณ วันนี้ เท่าที่ได้ข่าวมาคือ ตัวชิมะ โคซาคุ เป็นคาแรกเตอร์ที่ทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติรู้จักมากที่สุดตัวหนึ่ง ซึ่งรู้สึกว่ามีการเชิญนักธุรกิจทั่วโลกมาอยู่ในรายการของช่อง NHK ถ้าจำไม่ผิด โดยให้ตัวชิมะ โคซาคุ เป็นตัวดำเนินรายการ เป็นพิธีกร

แต่ในส่วนของปกหนังสือ เพราะเราต้องการให้เน้นคอนเซ็ปต์ของโคโนเวลตรงที่ว่าให้ผู้ใหญ่ถือหนังสืออ่านได้ เนื่องจากเท่าที่เราวิจัยมา พออายุเริ่มโตมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ การถือหนังสือการ์ตูนหรืออ่านการ์ตูน เขาจะรู้สึกว่าเขินๆ อายๆ เราเลยต้องดีไซน์ให้มันดูเป็นผู้ใหญ่สามารถถืออ่านได้โดยไม่เขินอาย ซึ่งเราก็คาดหวังว่าคนในกลุ่มนี้น่าจะตอบรับโคโนเวลตรงนี้ เรามองว่ามันน่าจะปรับจุดตรงนี้ได้ และเราจะยังมีเรื่องอื่นๆ อีกที่จะเสริมเขาไปในโคโนเวล ในอนาคต เราพิจารณาอีกหลายเรื่อง ผมก็กำลังมองๆ อยู่

• ถ้าอย่างนั้นโดยส่วนตัวในฐานะที่เราเป็นผู้บริหารเหมือนกัน เช่นเดียวกับชิมะ โคซาคุ นอกจากเรื่องการทำงานส่วนตัวบุคคล เรายังจะได้รับอะไรอีก

เยอะมาก คือตอนนี้ผมอ่านไป 5-6 เล่มแล้ว คือได้ประโยชน์ตรงที่ว่าเราได้มองเห็นสังคมญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยปี 70 กว่าๆ เราเห็นการพัฒนาว่าสังคมญี่ปุ่นเป็นอย่างไร เขาลุกขึ้นมาก้าวนำได้อย่างไร สังคมอเมริกาเป็นอย่างไร คือมันค่อยๆ ถ่ายทอดออกมาจากในการ์ตูน ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เช่น ละครบรอดเวย์ ผมก็เพิ่งจะรู้จากเรื่องนี้ว่าละครบรอดเวย์ จากที่เขาฝึกฝนมาประมาณแรมปี ถ้าเกิดว่าเริ่มออกเปิดการแสดง ถ้าไม่ทำเงินหรือไม่สามารถดึงคนดูได้ ไม่เกิน 2-3 วัน เขาต้องปิดเลย เขาไม่แสดงต่อเลย

และเหมือนกับว่าทุกวันนี้ ผู้บริหารเป็นคนอีกเจเนอเรชันหนึ่ง วัยรุ่นก็อีกรุ่นหนึ่ง เรื่องนี้ก็คล้ายๆ กัน ทำให้เชื่อมโยงในองค์กร ทำให้เรารู้ว่าการทำงานของแต่ละระดับ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าแผนก ผู้จัดการ กรรมการบริหาร ซีอีโอ กระทั่งที่ปรึกษา การตัดสินใจมันจะหนักแน่นไปอีกตามสเต็ป ปัญหาที่เจอในแต่ละระดับที่เข้ามา ยิ่งสูงยิ่งหิน ยิ่งหนักหน่วงมาก ไม่ง่ายเหมือนที่เรามอง

• ฟังดูแล้วเปรียบเทียบเปรียบเปรยว่าหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้เป็นดั่งคัมภีร์ได้เลยว่าอย่างนั้น

คัมภีร์เล่มหนึ่งเลย ผมว่านะ คนที่เรียนใกล้จะจบและกำลังจะเริ่มทำงาน ที่อยากจะประสบความสำเร็จน่าจะเรียนรู้และศึกษาเลยล่ะ เพราะว่าทำให้เราเห็นล่วงหน้าเราจะไปเจออะไรบ้าง ในรูปแบบไหนบ้าง ไปเจอสถานการณ์อย่างนี้ จะได้รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ทำตัวอย่างไร เพราะทุกองค์กร ผมว่าคล้ายๆ กัน มีปัญหาคล้ายๆ กันเพียงแต่ว่าอยู่ที่เราจะเอาไปใช้ในรูปแบบไหนมากกว่า ไม่ต่างไปจากการที่เราตุนอาหารไว้ในลิ้นชักแล้วถึงเวลาเปิดลิ้นชักรื้อๆ ดูว่าอันไหนที่จะเอามาใช้ตรงนี้ได้

จากวันนั้นถึงวันนี้ 30 ปี จึงยังใช้ได้อยู่ และยังได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากวัฒนธรรมการทำงานของคุณญี่ปุ่นยิ่งพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่คุยกับหลายๆ คนที่เคยทำงานที่ญี่ปุ่น เรียกว่าเวลาทำงานเขาดุเดือดมาก บางทีงานจบเสร็จปุ๊บยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับบ้านหรือเปล่า อาจจะต้องทำงานต่อ หรือบางครั้งต้องไปสังสรรค์จากการโดนกดดันในการทำงาน ก็ไปปล่อยที่คาราโอเกะ

• รู้จักการทำงานแล้ว ในเรื่องนี้ก็มีบอกวิธีการผ่อนคลายด้วย

มีๆ ครับ (ยิ้ม) วิธีผ่อนคลายของการทำงานหนัก อย่างที่บอกว่าครบทุกรส มีครบหมด แต่ความรุนแรง ไม่ใช่ความรุนแรงอย่างการทำร้ายร่างกาย การฆ่า แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจมากกว่า เกี่ยวกับการทำงานในบริษัทมากกว่า ซึ่งพอมาย่อในเชิงภาพรูปแบบการ์ตูนก็ทำให้อธิบายได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย แล้วก็มีเนื้อหาสาระ

• กระแสทางญี่ปุ่นดี ในบ้านเราเป็นอย่างไรบ้างหลังจากวางแผงหนังสือ

ก็ได้กระแสตอบรับดี คือจริงๆ ก็ตั้งแต่วันที่เปิดเสวนาหนังสือแล้ว ผู้อ่านคนก็ให้ความสนใจเยอะนะ คือไม่มีใครมองว่าเป็นการ์ตูนสำหรับเด็กๆ เพราะเราค่อนข้างชัดเจน ด้วยการที่เราเปิดประเด็นสำนักพิมพ์ของโคโนเวล และไม่ใช่เฉพาะพนักงานทำงานสายธุรกิจ มีคนหลากหลาย และหลายคนยังโทร.มาพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือ ไม่ต่างจากที่เรารู้สึก เขาก็บอกว่าน่าจะเอาไว้เป็นคัมภีร์ในการอ่านเพื่ออนาคต เพื่อการทำงาน วันหนึ่งอาจมีโอกาสได้ใช้

• “ชิมะ โคซาคุ” ไม่ใช่แค่เพียงคัมภีร์สำหรับพนักงานออฟฟิศอย่างเดียว

ได้หลากหลาย ข้าราชการ เจ้าของกิจการส่วนตัว พนักงานโรงงานก็ได้ เพราะเหมือนกับว่าเป็นการใช้ชีวิตอยู่ในองค์กร เราจะสามารถจัดการอย่างไร ในเรื่องอื่นๆ ตัวพระเอกชิมะ โคซาคุ เองก็มีเผชิญอย่างอื่น เชื่อมสัมพันธ์ ที่มันสามารถไปปรับใช้ได้ อย่างตอนที่เขาไปเป็นหัวหน้าแผนกแล้วเขาไม่เลือกใครเลย ก็โดนบีบให้ไปอยู่ที่โรงงาน เสร็จแล้วพอเขาไปอยู่ในโรงงาน เขาก็มองว่าตัวเขาเองนั้นเป็นหัวหน้า เขามาจากหัวระดับใหญ่คนหนึ่ง เขาก็ถือว่าเขาใหญ่ เขาก็ตัดสินใจโน่นนั่นนี่ไป โดยมองไม่เห็นความสำคัญหรือความสามารถของพนักงาน เสร็จแล้วองค์กรที่เป็นพนักงานที่เขาอยู่ตรงนั้นเขารับไม่ได้ ไม่รับกับตรงนี้ ก็ทำให้ตัวชิมะเองต้องมาพิจารณาตัวเองว่า เราจะทำอย่างไรดี เราทำอะไรผิดกับตรงนี้ไปเหรอ เหมือนวิเคราะห์เพื่อให้เขาจูนให้เข้ากันได้ในองค์กร

แต่ละครั้งที่เขาไป เขาก็จะได้การเรียนรู้ เรียนรู้ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มบริหาร เขาก็จะเรียนรู้ว่าองค์กรตรงนี้มันเป็นอย่างไร แล้วจะหาตรงกลางอย่างไร เขาจะมองว่าตรงนี้มันอาจจะเป็นข้อด้อย ก็เสริมเข้าไปอยู่ในกระบวนการทำงานที่ตรงนั้นๆ

• เหมือนว่านอกจากเป็นการใช้แนวความคิดระดับหัวหน้าหรือผู้บริหาร ระดับล่างๆ ก็นำมาประยุกต์ใช้เติบโตได้เช่นเดียวกัน

ใช่...อย่างที่เล่าเรื่องให้ฟังว่าตัวชิมะเองเขาเข้าไปอยู่ในโรงงาน เสร็จพอเข้าไปปุ๊บ ในโรงงานเขาก็เหมือนกับว่ามีโครงการในพนักงานในโรงงานช่วยออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์โน่นนี่นั่น ตัวชิมะ โคซาคุ ตอนแรกเขาก็ไปตัดสินว่าทำไมไม่จ้างคนเก่งๆ มาทำตรงนี้เลย อย่างนี้ ซึ่งพอเขาพูดไปก็ทำให้คนทำงานตรงนี้รู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีใครอยากจะทำงานร่วมกับเขา มองว่าเขาไม่เก่ง เขาเลยต้องมาพิจารณาตัวเอง ถ้าเกิดว่าเป็นการออมชอม เอาตรงนี้เอาส่วนดีของตรงนี้มาให้คน ให้พนักงานเขาได้ออกไอเดียออกความคิด เสร็จแล้วเราก็จะมองว่ามันอาจจะยังไม่สมบูรณ์ ให้มันสมบูรณ์มากขึ้น ก็ให้ผู้เชี่ยวชาญเสริมเติม เราก็จะเข้าใจกันและกันมากขึ้น มันปรับใช้ได้หมด ผมยังรู้สึกเลยว่ายังมีอีกหลายๆ อย่าง หลายๆ มุม ที่เรายังมองไม่เคยเห็น แต่ได้จากเรื่องนี้

ตอนนี้ก็จะวางแผงแล้ว 1-2-3 เล่มรวด แล้วก็มีให้โหลดอีบุ๊ก อ่านฟรีหนึ่งเล่มจนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ และหลังจากนั้นก็ทุกสัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของเดือน ก็จะออกไปเรื่อยๆ จนครบ 17 เล่ม ก็ขอฝากทุกคน การ์ตูนเรื่องนี้ผมว่าสามารถที่จะเอาไปประยุกต์ใช้งานในหลายๆ องค์กรได้ แล้วสามารถที่จะพัฒนาองค์กรได้เยอะแยะมากมาย ถ้าเกิดว่ามองจุดที่เขาต้องการนำเสนอ ก็เป็นการ์ตูนน้ำดีเรื่องหนึ่งที่จะสามารถพัฒนาตัวเรา องค์กรเราได้ ทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำงาน

• มนุษย์เงินเดือนก็เติบโตได้ ไม่ใช่อย่างที่เด็กรุ่นใหม่เชื่อ...

จริงๆ แล้วผมว่ามันสามารถได้หมด อย่างผมก็ไต่เต้าเติบโตขึ้นมา ไม่ต่างจากตัวละครชิมะ หรือคนอื่นๆ เช่นเดียวกัน คือถ้าเกิดเรามีความมุ่งมั่น มีวินัยในการทำงาน ผมว่ามันโตได้ เรื่องนี้ก็มีหลายๆ อย่างที่เหมือนกับเรา ที่ว่ามันเป็นจุดเล็กจุดน้อยอย่างที่บอกไป พอเขาย้ายเข้าไปอยู่ในโรงงาน ก็ไปเจอองค์กรอีกองค์กรหนนึ่งซึ่งเขาไม่เคยรู้จักเลย เขาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับองค์กรตรงนี้ ส่วนมากเด็กรุ่นใหม่มักจะมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับองค์กร ผมถึงยกตรงนี้ และถ้าเกิดอ่านเสร็จแล้วสามารถจะมาวิเคราะห์เหมือนชิมะได้ รู้จักปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับองค์กร องค์กรใหม่อีกองค์กรหนึ่ง มันอาจจะเหมือนกับของเขา อาจจะทำงานมาเป็นประเพณีนานแล้ว แล้วเราเพิ่งจะมาใหม่ เราก็ไม่ควรที่จะไปตัดสินเขาก่อน เราต้องค่อยๆ ศึกษาค่อยๆ ดู แล้วค่อยๆ ปรับเข้าหากัน เราก็ยังมีความเป็นตัวตนของเราอยู่และมีความสุขในการทำงาน ทำสิ่งที่เรารัก

ก็ขอฝากอีกครั้งหนึ่งครับว่า ชิมะ โคซาคุ ภาคหัวหน้าแผนก ก็เป็นการ์ตูนน้ำดีเรื่องหนึ่งที่จะสามารถพัฒนาตัวเรา องค์กรเราได้ ทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำงาน เหมาะกับทุกอาชีพ โดยเฉพาะวัยรุ่นวัยทำงานที่อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต

เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย

กำลังโหลดความคิดเห็น