ทำความรู้จัก ‘หลู เสี้ยว ป๋าย’ หรือ S.White สาวแว่นมือกลองจิ้มลิ้มพริ้มเพราชาวไต้หวัน เน็ตไอดอลผู้โด่งดังในทางตีกลองเพลงคัฟเวอร์ ที่มียอดผู้ชมมากกว่า 26 ล้านวิว และผู้ติดตามกว่าสองแสน
และเมื่อได้มาเยือนดินแดนสยาม เพื่อมาให้คนไทยได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ทางเราจึงไม่รอช้าที่จะดึงตัวเธอมาพูดคุยถึงตัวตนของเธอในบ่ายวันหนึ่ง และขณะเดียวกัน ด้วยความน่ารักสดใสสลับกับท่าทางทะมัดทะแมงในยามบรรเลงกลองแล้ว เชื่อได้เลย น่าจะได้ใจใครหลายๆ คนไปไม่มากก็น้อยเลยล่ะ
• มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่าครับ
ตอนเด็กจริงๆ เราอยากเป็นนักวาดรูป ชอบวาดรูประบายสี ก็เลยฝันมาตั้งแต่เด็กเลยว่าอยากจะเป็นคนวาดภาพ ตอนอายุประมาณ 7-8 ขวบ แรงบันดาลใจของเรา มาจากนักวาดภาพคนหนึ่งที่ไม่มีมือ แต่ใช้ปากวาด แล้วรู้สึกว่าวาดสวยมาก มันทำให้เกิดแรงบันดาลใจแบบนั้น ศิลปินนักวาดรูปที่ประเทศของเราก็มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Jimmy Liao แต่เราจะชอบศิลปินท่านนั้นมากกว่าที่ใช้ปากวาด
• แต่สุดท้ายกลับได้มาตีกลอง
มันเริ่มจากการไปโบสถ์คริสต์ แล้วได้เห็นคนตีกลองประกอบเพลง เราก็รู้สึกว่าอยากจะตีบ้าง หลังจากนั้นเราก็เริ่มฝึกฝนด้วยตัวเอง เริ่มอย่างจริงจังก็ประมาณ 13-14 ปี คือตอนแรก เราเรียนกีตาร์ก่อน แต่พอเข้าไปในห้องเรียน เห็นกลองชุด เรานึกภาพตอนที่เราตี ก็รู้สึกว่ามันดูเท่นะ เราก็ตัดสินใจว่าตีกลองดีกว่า และแรงบันดาลใจในการตีกลองของเราก็คือ Fede Rabuquino ค่ะ
เรื่องการฝึกซ้อม ถ้ามีเวลา จะพยายามซ้อมไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงทุกวันหลังเลิกเรียนค่ะ โดยปกติก็จะเริ่มจากการฟังเพลงก่อน แล้วก็จะพยายามจับจังหวะดนตรีของเพลงนั้นๆ
• หลายคนเริ่มต้นรู้จักคุณจากคลิปโชว์ตีกลอง
คือมีเพื่อนที่แสดง Street show อยู่แล้ว วันหนึ่งเขาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน จึงมีโอกาสไปแสดงเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเพื่อนได้เอาคลิปการแสดงอัปโหลดลง Youtube มีคนเข้ามาดูค่อนข้างเยอะค่ะ บวกกับรู้สึกว่าการลงคลิปจะสามารถทำให้คนรู้จักและเห็นผลงานของเราทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าอยากจะลงคลิปของตัวเองและพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อคนที่ชื่นชอบจะได้ติดตามผลงานของเราค่ะ
เราก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะมีผลตอบรับทั้งแฟนคลับและโดยรวมมากขนาดนี้ ก็คือเหมือนกับที่คนถ่ายวิดีโอธรรมดา จากนั้นก็กดชอบ กดไลค์ แล้วก็กดแชร์ เราก็โอเค งั้นต้องทำให้มันดีขึ้นไปอีก พอดีขึ้น เราก็ไม่คิดว่าจะมีคนชอบขนาดนี้ ผลตอบรับค่อนข้างดี คลิปแรกที่เผยแพร่ ก็ได้ประมาณ 2 แสนกว่าไลค์ แล้วอีกอย่าง เราคิดว่ามันเหมือนกับกิจกรรมเล็กๆ ที่ทำแบบสนุกๆ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนชอบและกดไลค์ ก็รู้สึกดีใจ เพราะเราก็คิดว่าเป็นสิ่งเล็กๆ แค่นั้นเอง แต่ยังไงก็รู้สึกขอบคุณมากๆ ค่ะ
ขณะเดียวกัน พอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เรามีความรู้สึกว่าเราต้องแคร์ความรู้สึกของคนที่มาดู ฉะนั้นแล้ว เราก็ต้องมีการพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ ชอบเพลงอะไร แล้วก็ต้องตีเพลงที่มันกำลังเป็นกระแสอยู่ เพื่อที่คนดูจะได้ตามกระแส ชอบเพลงอะไรก็จะตีตาม อีกอย่าง ด้วยภาพลักษณ์ที่เราเป็น บางคนอาจจะมองเหมือนกันว่ามาทำอะไรอยู่บนกลอง แต่พอเขาได้ฟังเราตีไปเรื่อยๆ เขาก็เชื่อนะว่าเราก็สามารถที่จะแสดงความสามารถได้เหมือนกัน
• ช่วยเล่าประสบการณ์เล็กน้อยเกี่ยวกับการมาเมืองไทยครั้งแรกให้หน่อยว่าเป็นยังไง
ตอนแรกคิดไว้ว่าอากาศน่าจะต้องร้อนมาก เพราะมีแต่คนบอกแบบนั้น แล้วอาหารก็จะค่อนข้างเผ็ด และคนเยอะมากๆ แต่พอมาถึงจริง อากาศกลับผิดคาดอยู่ เพราะเรามาในตอนที่ค่อนข้างหนาว ซึ่งการมาของเราคราวนี้ ก็เพื่อมาถ่ายมิวสิกวิดีโอร่วมกับ “บี้ เดอะ สกา” เพื่อไปออกช่องยูทิวบ์ของ WebTVAsia ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะทำให้แต่ละประเทศได้รู้จักเราและบี้ เดอะ สกา มากขึ้น
• เป้าหมายต่อไปของ S.White
คิดว่าอยากจะออกหนังสือพ็อกเกตบุ๊กของตัวเองและอยากทำผลงานให้ออกมาหลากหลาย ซึ่งตอนนี้ก็ได้เรียนร้องเพลงและเรียนเต้นเพิ่มเติมด้วยค่ะ เพราะว่าอยากจะมีความสามารถให้มากกว่านี้ ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็ไม่นะคะเพราะว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ และก็มีความสุขที่ได้ทำ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การตอบรับและสนับสนุน ปีนี้ฉันจะพยายามทำผลงานออกมาให้เต็มที่ให้ทุกคนเห็นฉันในอีกหลายๆ รูปแบบแน่นอนค่ะ และฝากผลงานในเมืองไทยของฉันที่ได้ร่วมงานกับคุณบี้ เดอะ สกา ที่กำลังจะปล่อยออกมาให้ชมกันเร็วๆ นี้ด้วยนะคะ (ยิ้ม)
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
และเมื่อได้มาเยือนดินแดนสยาม เพื่อมาให้คนไทยได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ทางเราจึงไม่รอช้าที่จะดึงตัวเธอมาพูดคุยถึงตัวตนของเธอในบ่ายวันหนึ่ง และขณะเดียวกัน ด้วยความน่ารักสดใสสลับกับท่าทางทะมัดทะแมงในยามบรรเลงกลองแล้ว เชื่อได้เลย น่าจะได้ใจใครหลายๆ คนไปไม่มากก็น้อยเลยล่ะ
• มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่าครับ
ตอนเด็กจริงๆ เราอยากเป็นนักวาดรูป ชอบวาดรูประบายสี ก็เลยฝันมาตั้งแต่เด็กเลยว่าอยากจะเป็นคนวาดภาพ ตอนอายุประมาณ 7-8 ขวบ แรงบันดาลใจของเรา มาจากนักวาดภาพคนหนึ่งที่ไม่มีมือ แต่ใช้ปากวาด แล้วรู้สึกว่าวาดสวยมาก มันทำให้เกิดแรงบันดาลใจแบบนั้น ศิลปินนักวาดรูปที่ประเทศของเราก็มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Jimmy Liao แต่เราจะชอบศิลปินท่านนั้นมากกว่าที่ใช้ปากวาด
• แต่สุดท้ายกลับได้มาตีกลอง
มันเริ่มจากการไปโบสถ์คริสต์ แล้วได้เห็นคนตีกลองประกอบเพลง เราก็รู้สึกว่าอยากจะตีบ้าง หลังจากนั้นเราก็เริ่มฝึกฝนด้วยตัวเอง เริ่มอย่างจริงจังก็ประมาณ 13-14 ปี คือตอนแรก เราเรียนกีตาร์ก่อน แต่พอเข้าไปในห้องเรียน เห็นกลองชุด เรานึกภาพตอนที่เราตี ก็รู้สึกว่ามันดูเท่นะ เราก็ตัดสินใจว่าตีกลองดีกว่า และแรงบันดาลใจในการตีกลองของเราก็คือ Fede Rabuquino ค่ะ
เรื่องการฝึกซ้อม ถ้ามีเวลา จะพยายามซ้อมไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงทุกวันหลังเลิกเรียนค่ะ โดยปกติก็จะเริ่มจากการฟังเพลงก่อน แล้วก็จะพยายามจับจังหวะดนตรีของเพลงนั้นๆ
• หลายคนเริ่มต้นรู้จักคุณจากคลิปโชว์ตีกลอง
คือมีเพื่อนที่แสดง Street show อยู่แล้ว วันหนึ่งเขาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน จึงมีโอกาสไปแสดงเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเพื่อนได้เอาคลิปการแสดงอัปโหลดลง Youtube มีคนเข้ามาดูค่อนข้างเยอะค่ะ บวกกับรู้สึกว่าการลงคลิปจะสามารถทำให้คนรู้จักและเห็นผลงานของเราทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าอยากจะลงคลิปของตัวเองและพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อคนที่ชื่นชอบจะได้ติดตามผลงานของเราค่ะ
เราก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะมีผลตอบรับทั้งแฟนคลับและโดยรวมมากขนาดนี้ ก็คือเหมือนกับที่คนถ่ายวิดีโอธรรมดา จากนั้นก็กดชอบ กดไลค์ แล้วก็กดแชร์ เราก็โอเค งั้นต้องทำให้มันดีขึ้นไปอีก พอดีขึ้น เราก็ไม่คิดว่าจะมีคนชอบขนาดนี้ ผลตอบรับค่อนข้างดี คลิปแรกที่เผยแพร่ ก็ได้ประมาณ 2 แสนกว่าไลค์ แล้วอีกอย่าง เราคิดว่ามันเหมือนกับกิจกรรมเล็กๆ ที่ทำแบบสนุกๆ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนชอบและกดไลค์ ก็รู้สึกดีใจ เพราะเราก็คิดว่าเป็นสิ่งเล็กๆ แค่นั้นเอง แต่ยังไงก็รู้สึกขอบคุณมากๆ ค่ะ
ขณะเดียวกัน พอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เรามีความรู้สึกว่าเราต้องแคร์ความรู้สึกของคนที่มาดู ฉะนั้นแล้ว เราก็ต้องมีการพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ ชอบเพลงอะไร แล้วก็ต้องตีเพลงที่มันกำลังเป็นกระแสอยู่ เพื่อที่คนดูจะได้ตามกระแส ชอบเพลงอะไรก็จะตีตาม อีกอย่าง ด้วยภาพลักษณ์ที่เราเป็น บางคนอาจจะมองเหมือนกันว่ามาทำอะไรอยู่บนกลอง แต่พอเขาได้ฟังเราตีไปเรื่อยๆ เขาก็เชื่อนะว่าเราก็สามารถที่จะแสดงความสามารถได้เหมือนกัน
• ช่วยเล่าประสบการณ์เล็กน้อยเกี่ยวกับการมาเมืองไทยครั้งแรกให้หน่อยว่าเป็นยังไง
ตอนแรกคิดไว้ว่าอากาศน่าจะต้องร้อนมาก เพราะมีแต่คนบอกแบบนั้น แล้วอาหารก็จะค่อนข้างเผ็ด และคนเยอะมากๆ แต่พอมาถึงจริง อากาศกลับผิดคาดอยู่ เพราะเรามาในตอนที่ค่อนข้างหนาว ซึ่งการมาของเราคราวนี้ ก็เพื่อมาถ่ายมิวสิกวิดีโอร่วมกับ “บี้ เดอะ สกา” เพื่อไปออกช่องยูทิวบ์ของ WebTVAsia ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะทำให้แต่ละประเทศได้รู้จักเราและบี้ เดอะ สกา มากขึ้น
• เป้าหมายต่อไปของ S.White
คิดว่าอยากจะออกหนังสือพ็อกเกตบุ๊กของตัวเองและอยากทำผลงานให้ออกมาหลากหลาย ซึ่งตอนนี้ก็ได้เรียนร้องเพลงและเรียนเต้นเพิ่มเติมด้วยค่ะ เพราะว่าอยากจะมีความสามารถให้มากกว่านี้ ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็ไม่นะคะเพราะว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ และก็มีความสุขที่ได้ทำ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การตอบรับและสนับสนุน ปีนี้ฉันจะพยายามทำผลงานออกมาให้เต็มที่ให้ทุกคนเห็นฉันในอีกหลายๆ รูปแบบแน่นอนค่ะ และฝากผลงานในเมืองไทยของฉันที่ได้ร่วมงานกับคุณบี้ เดอะ สกา ที่กำลังจะปล่อยออกมาให้ชมกันเร็วๆ นี้ด้วยนะคะ (ยิ้ม)
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พลภัทร วรรณดี