สัมผัสชีวิตและความงามแห่งธรรมชาติ “บ้านผาหมอน” บ้านเกิดเมืองนอนของชนเผ่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอ สวรรค์บนดินแห่งหนึ่งซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก...
ความรื่นรมย์ของธรรมชาติ ไม่ว่าภูเขาลำเนาไพรหรือสายน้ำ ตลอดจนความงามแห่งวิถีชีวิตคนท้องถิ่น คือกลิ่นอายแห่งเสน่ห์ที่ฉุดดึงคนเมืองให้อยากเข้าไปสัมผัสหรือทำความรู้จักเสมอๆ เมื่อมีเวลาว่างจากการงาน แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “บ้านผาหมอน” อาจเหมือนแผ่นดินนิรนามที่ยังไม่มีความรู้จักกันมากนัก แต่กระนั้นก็ตาม ใครก็ตามที่คิดจะไปเที่ยวชมหมู่บ้านปกาเกอะญอแห่งนี้ บางที ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นครึ่งปีเลยทีเดียว
รู้จัก “บ้านผาหมอน”
ย้อนเวลาหาราก “ปกาเกอะญอ”
“บ้านผาหมอน” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอที่หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยการทำนาขั้นบันได โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขึ้นสังกัดอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ชนเผ่าปกาเกอะญอ ณ หมู่บ้านแห่งนี้ แต่เดิมทีอพยพมาจาก “ก่อ ทู เล” รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า เข้ามาอยู่ในบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งแต่สมัยที่ดอยอินทนน์ยังมีชื่อว่า “ดอยหลวงอ่างกา” ต่อมาราวๆ พ.ศ.2417 ดอยอ่างกาจึงถูกเรียกเป็นดอยอินทนนท์ หลังจากเจ้าดารารัศมีได้นำอัฐิพ่อเจ้าอินทรวิชายนนท์มาประดิษฐานไว้ที่ยอดดอยอ่างกา ก่อนจะโยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานรกราก
คนปกาเกอะญอในตอนนั้น จึงได้ถวายช้างหางด้วนชื่อ “โม่ธุแหม่” แก่เจ้าเมืองลานนาผู้ครองเมืองลำพูน เพื่อซื้อผืนดินก่อตั้งชุมชน “บ้านแม่กลางหลวง” เป็นหมู่บ้านหลักที่เก่าแก่ มีการอพยพย้ายถิ่นไปมาในบริเวณนี้อยู่หลายครั้ง จากภัยพิบัติและโรคระบาด
ด้วยเหตุนี้ จึงนับได้ว่าคนปกาเกอะญอได้อาศัยอยู่ในแถบนี้มานานเป็นเวลามากกว่า 180 ปี
ต่อมาหลังจากนั้น ได้มีการขยายหมู่บ้านจากบ้านแม่กลางหลวงไปบ้านอ่างกาน้อย และจากบ้านผาหมอนไปยังบ้านหนองหล่ม ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลางตอนบน หรือเรียกตามภาษาถิ่นว่า แคว้น “มึกะคี” แปลว่า ป่าขุนน้ำแม่กลางตอนบน มีชนเผ่ากะเหรี่ยงภาษาราชการ หรือเรียกตนเองว่า “ปกาเกอะญอ” อาศัยอยู่ ล้วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในกลุ่มสะกอ
บริเวณลุ่มแม่น้ำแม่กลางประกอบด้วย 5 ชุมชนย่อย คือบ้านแม่กลางหลวง-อ่างกาน้อย บ้านผาหมอน บ้านหนองหล่ม บ้านแม่แอบ และบ้านเมืองอาง โดยมีจำนวนครัวเรือนในแต่ละกลุ่มบ้านประมาณ 60 -80 ครัวเรือน นอกจากชุมชนปกาเกอะญอแล้วยังมีชุมชน “เผ่าม้ง” ที่อพยพมาทีหลังและตั้งถิ่นฐานได้ประมาณ 70 ปีมาแล้วอยู่ร่วมด้วย
สโลว์ ไลว์
โดยชาติกำเนิด
“บ้านผาหมอน” เป็นชุมชนกะเหรี่ยงปกาเกอะญอดอยอินนทนนท์ มีทุ่งนาขั้นบันไดที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จัก ถนนจอมทองที่มุ่งตรงสู่ยอดดอยอินทนนท์นั้นเป็นเส้นทางเดียวกันที่จะไปสู่ “บ้านผาหมอน” สภาพถนนเป็นดินแดงคดเคี้ยวไปมา ต้องอาศัยความชำนาญของสารถีนำทาง
หลายต่อหลายคนไม่คิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีสวรรค์บนดินแทรกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามเงียบสงบและมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ทุกที่ที่ย่างก้าวไปในดินแดนแห่งนี้ ทุกอณูของพื้นที่ล้วนมีกลิ่นอายแห่งความสุข และเสียงดนตรีของธรรมชาติ เสียงลมพัด เสียงใบไม้กลิ่นอายแห่งธรรมชาติ หรีดหริ่งเรไรขับขานในห้วงทำนองแห่งไพร อากาศที่อยู่รอบตัวสดชื่นเย็นสบายจนสามารถสูดโอโซนเข้าไปได้อย่างเต็มปอด
เป็นชีวิต Slow life ที่เราสามารถซึมซับได้ทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งลมหายใจและเสียงหัวใจของเราเอง เนื่องจากธรรมชาติรอบกายทักทายผู้มาเยือน เพียงแค่เราหมุนโลกให้ช้าลง เราก็อาจจะพบสิ่งเล็กๆ ที่อาจมองข้ามไปรอทักทายเราอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
ภาพแรกที่คุณจะได้เห็นที่บ้านผาหมอน คือทุ่งนาขั้นบันไดสีเขียวสดใสลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ดูเป็นริ้วลายงดงามราวกับภาพฝัน เชื่อว่าใครก็อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้สักพักใหญ่เพื่อหายใจลึกๆ และซึมซับความงามเหล่านี้ไว้
ฤดูไหน ไปดี?
ฤดูกาลที่น่าเดินทางไปยังบ้านผาหมอนที่ดีที่สุด คือต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป หากชอบสีเขียวชอุ่มสดใสของท้องทุ่งนาขั้นบันได บวกกับเมฆหมอกปุยฝอยเหมือนดั่งต้นไม้หายใจ และทุ่งสีทองเข้าฤดูเก็บเกี่ยวปลายเดือนตุลาคมจนเข้าสู่ฤดูหนาวจวบจนปลายเดือนกุมภาพันธ์
แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าการเดินทางของเรามีเป้าหมายอะไรบ้าง เพราะที่นี่เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และต้องมีการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน ไม่รับนักท่องเที่ยว Walk in หรือนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ติดต่อจองที่พักล่วงหน้าเด็ดขาด เพราะชุมชนมีขีดจำกัดในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยว ก็ไม่ต้องแปลกใจ หากท่านโทรไปแล้วเขาบอกไม่ว่างแล้ว
นอกจากนี้ ที่บ้านผาหมอนยังมี “บ้านไม้ไผ่สีชมพู” และป้ายปักไว้หน้าทางเข้าว่า …Welcome to Bamboo Pink House
“บ้านไม้ไผ่สีชมพู” หรือที่เรียกกันติดปากว่า Bamboo Pink เป็นที่พักเพียงแห่งเดียวของที่นี่ บ้านหลังใหญ่พักได้ 6 -10 คน สำหรับนักท่องเที่ยวเดินทางที่ต้องการมาพักผ่อนชมธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชิวิตของกะเหรี่ยงชนเผ่าปกาเกอะญอ
บ้านผาหมอนถึงแม้จะอยู่ในที่ห่างไกล แต่ที่พักที่นี่ก็ทันสมัยใช้ได้ ตกแต่งกลมกลืนไปกับธรรมชาติสวยงาม ให้บรรยากาศแห่งการพักผ่อนที่ดีจริงๆ อากาศและธรรมชาติที่นี่สดชื่น เราสามารถนอนนับดาวก่อนนอน และหลับใหลไปพร้อมกับเสียงดนตรีที่เหล่าแมลงกลางคืนรวมกันกรีดปีก ขยับประสานเสียง ดุจวงมโหรีที่หาฟังได้ยาก
ในขณะเดียวกัน สำหรับท่านซึ่งเดินทางมาที่นี่ จะได้มีไกด์สายเลือดปกาเกอะญอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งประชาสัมพันธ์และคอยประสานงานให้กับบ้านผาหมอนและนักท่องเที่ยว แนะนำในเรื่องต่างๆ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวในละแวกดอยอินทนนท์ หรือถ้าใครอยากเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีชนเผ่า เขาก็สามารถอธิบายแนะนำให้เราเข้าใจได้ไม่ยาก ด้วยสำนึกแห่งชาติพันธุ์ชนเผ่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอที่สานต่อวิถีอันมีค่า ให้ดำรงสืบไป
คำแนะนำการเดินทาง
ถ้าเดินทางจากถนนสายเชียงใหม่-จอมทอง ประมาณ 65 กิโลเมตร เลี้ยวขวา กม 0 สามแยกแล้วตรงไปก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านน้ำตกวชิรธาร บ้านหนองหล่ม มุ่งตรงสู่หมู่บ้านผาหมอน
____________________________
สามารถสอบถามข้อมูลและการเดินทาง
บ้านผาหมอน ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ม. 8 ถ.จอมทอง-ดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ฝ่ายประสานงานและประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 081-166-4344
อีเมล์ : surasitd@hotmail.com
เรื่อง / ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม
ความรื่นรมย์ของธรรมชาติ ไม่ว่าภูเขาลำเนาไพรหรือสายน้ำ ตลอดจนความงามแห่งวิถีชีวิตคนท้องถิ่น คือกลิ่นอายแห่งเสน่ห์ที่ฉุดดึงคนเมืองให้อยากเข้าไปสัมผัสหรือทำความรู้จักเสมอๆ เมื่อมีเวลาว่างจากการงาน แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “บ้านผาหมอน” อาจเหมือนแผ่นดินนิรนามที่ยังไม่มีความรู้จักกันมากนัก แต่กระนั้นก็ตาม ใครก็ตามที่คิดจะไปเที่ยวชมหมู่บ้านปกาเกอะญอแห่งนี้ บางที ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นครึ่งปีเลยทีเดียว
รู้จัก “บ้านผาหมอน”
ย้อนเวลาหาราก “ปกาเกอะญอ”
“บ้านผาหมอน” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอที่หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยการทำนาขั้นบันได โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขึ้นสังกัดอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ชนเผ่าปกาเกอะญอ ณ หมู่บ้านแห่งนี้ แต่เดิมทีอพยพมาจาก “ก่อ ทู เล” รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า เข้ามาอยู่ในบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งแต่สมัยที่ดอยอินทนน์ยังมีชื่อว่า “ดอยหลวงอ่างกา” ต่อมาราวๆ พ.ศ.2417 ดอยอ่างกาจึงถูกเรียกเป็นดอยอินทนนท์ หลังจากเจ้าดารารัศมีได้นำอัฐิพ่อเจ้าอินทรวิชายนนท์มาประดิษฐานไว้ที่ยอดดอยอ่างกา ก่อนจะโยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานรกราก
คนปกาเกอะญอในตอนนั้น จึงได้ถวายช้างหางด้วนชื่อ “โม่ธุแหม่” แก่เจ้าเมืองลานนาผู้ครองเมืองลำพูน เพื่อซื้อผืนดินก่อตั้งชุมชน “บ้านแม่กลางหลวง” เป็นหมู่บ้านหลักที่เก่าแก่ มีการอพยพย้ายถิ่นไปมาในบริเวณนี้อยู่หลายครั้ง จากภัยพิบัติและโรคระบาด
ด้วยเหตุนี้ จึงนับได้ว่าคนปกาเกอะญอได้อาศัยอยู่ในแถบนี้มานานเป็นเวลามากกว่า 180 ปี
ต่อมาหลังจากนั้น ได้มีการขยายหมู่บ้านจากบ้านแม่กลางหลวงไปบ้านอ่างกาน้อย และจากบ้านผาหมอนไปยังบ้านหนองหล่ม ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลางตอนบน หรือเรียกตามภาษาถิ่นว่า แคว้น “มึกะคี” แปลว่า ป่าขุนน้ำแม่กลางตอนบน มีชนเผ่ากะเหรี่ยงภาษาราชการ หรือเรียกตนเองว่า “ปกาเกอะญอ” อาศัยอยู่ ล้วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในกลุ่มสะกอ
บริเวณลุ่มแม่น้ำแม่กลางประกอบด้วย 5 ชุมชนย่อย คือบ้านแม่กลางหลวง-อ่างกาน้อย บ้านผาหมอน บ้านหนองหล่ม บ้านแม่แอบ และบ้านเมืองอาง โดยมีจำนวนครัวเรือนในแต่ละกลุ่มบ้านประมาณ 60 -80 ครัวเรือน นอกจากชุมชนปกาเกอะญอแล้วยังมีชุมชน “เผ่าม้ง” ที่อพยพมาทีหลังและตั้งถิ่นฐานได้ประมาณ 70 ปีมาแล้วอยู่ร่วมด้วย
สโลว์ ไลว์
โดยชาติกำเนิด
“บ้านผาหมอน” เป็นชุมชนกะเหรี่ยงปกาเกอะญอดอยอินนทนนท์ มีทุ่งนาขั้นบันไดที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จัก ถนนจอมทองที่มุ่งตรงสู่ยอดดอยอินทนนท์นั้นเป็นเส้นทางเดียวกันที่จะไปสู่ “บ้านผาหมอน” สภาพถนนเป็นดินแดงคดเคี้ยวไปมา ต้องอาศัยความชำนาญของสารถีนำทาง
หลายต่อหลายคนไม่คิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีสวรรค์บนดินแทรกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามเงียบสงบและมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ทุกที่ที่ย่างก้าวไปในดินแดนแห่งนี้ ทุกอณูของพื้นที่ล้วนมีกลิ่นอายแห่งความสุข และเสียงดนตรีของธรรมชาติ เสียงลมพัด เสียงใบไม้กลิ่นอายแห่งธรรมชาติ หรีดหริ่งเรไรขับขานในห้วงทำนองแห่งไพร อากาศที่อยู่รอบตัวสดชื่นเย็นสบายจนสามารถสูดโอโซนเข้าไปได้อย่างเต็มปอด
เป็นชีวิต Slow life ที่เราสามารถซึมซับได้ทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งลมหายใจและเสียงหัวใจของเราเอง เนื่องจากธรรมชาติรอบกายทักทายผู้มาเยือน เพียงแค่เราหมุนโลกให้ช้าลง เราก็อาจจะพบสิ่งเล็กๆ ที่อาจมองข้ามไปรอทักทายเราอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
ภาพแรกที่คุณจะได้เห็นที่บ้านผาหมอน คือทุ่งนาขั้นบันไดสีเขียวสดใสลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ดูเป็นริ้วลายงดงามราวกับภาพฝัน เชื่อว่าใครก็อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้สักพักใหญ่เพื่อหายใจลึกๆ และซึมซับความงามเหล่านี้ไว้
ฤดูไหน ไปดี?
ฤดูกาลที่น่าเดินทางไปยังบ้านผาหมอนที่ดีที่สุด คือต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป หากชอบสีเขียวชอุ่มสดใสของท้องทุ่งนาขั้นบันได บวกกับเมฆหมอกปุยฝอยเหมือนดั่งต้นไม้หายใจ และทุ่งสีทองเข้าฤดูเก็บเกี่ยวปลายเดือนตุลาคมจนเข้าสู่ฤดูหนาวจวบจนปลายเดือนกุมภาพันธ์
แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าการเดินทางของเรามีเป้าหมายอะไรบ้าง เพราะที่นี่เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และต้องมีการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน ไม่รับนักท่องเที่ยว Walk in หรือนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ติดต่อจองที่พักล่วงหน้าเด็ดขาด เพราะชุมชนมีขีดจำกัดในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยว ก็ไม่ต้องแปลกใจ หากท่านโทรไปแล้วเขาบอกไม่ว่างแล้ว
นอกจากนี้ ที่บ้านผาหมอนยังมี “บ้านไม้ไผ่สีชมพู” และป้ายปักไว้หน้าทางเข้าว่า …Welcome to Bamboo Pink House
“บ้านไม้ไผ่สีชมพู” หรือที่เรียกกันติดปากว่า Bamboo Pink เป็นที่พักเพียงแห่งเดียวของที่นี่ บ้านหลังใหญ่พักได้ 6 -10 คน สำหรับนักท่องเที่ยวเดินทางที่ต้องการมาพักผ่อนชมธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชิวิตของกะเหรี่ยงชนเผ่าปกาเกอะญอ
บ้านผาหมอนถึงแม้จะอยู่ในที่ห่างไกล แต่ที่พักที่นี่ก็ทันสมัยใช้ได้ ตกแต่งกลมกลืนไปกับธรรมชาติสวยงาม ให้บรรยากาศแห่งการพักผ่อนที่ดีจริงๆ อากาศและธรรมชาติที่นี่สดชื่น เราสามารถนอนนับดาวก่อนนอน และหลับใหลไปพร้อมกับเสียงดนตรีที่เหล่าแมลงกลางคืนรวมกันกรีดปีก ขยับประสานเสียง ดุจวงมโหรีที่หาฟังได้ยาก
ในขณะเดียวกัน สำหรับท่านซึ่งเดินทางมาที่นี่ จะได้มีไกด์สายเลือดปกาเกอะญอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งประชาสัมพันธ์และคอยประสานงานให้กับบ้านผาหมอนและนักท่องเที่ยว แนะนำในเรื่องต่างๆ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวในละแวกดอยอินทนนท์ หรือถ้าใครอยากเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีชนเผ่า เขาก็สามารถอธิบายแนะนำให้เราเข้าใจได้ไม่ยาก ด้วยสำนึกแห่งชาติพันธุ์ชนเผ่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอที่สานต่อวิถีอันมีค่า ให้ดำรงสืบไป
คำแนะนำการเดินทาง
ถ้าเดินทางจากถนนสายเชียงใหม่-จอมทอง ประมาณ 65 กิโลเมตร เลี้ยวขวา กม 0 สามแยกแล้วตรงไปก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านน้ำตกวชิรธาร บ้านหนองหล่ม มุ่งตรงสู่หมู่บ้านผาหมอน
____________________________
สามารถสอบถามข้อมูลและการเดินทาง
บ้านผาหมอน ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ม. 8 ถ.จอมทอง-ดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ฝ่ายประสานงานและประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 081-166-4344
อีเมล์ : surasitd@hotmail.com
เรื่อง / ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม