มากกว่า 250 ล้านวิวจากยอดคนดูคลิปในยูทูป คงการันตีได้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความสำหรับสาวน้อยวัย 15 ปีคนนี้ ที่ใครบางคนเคยปรามาสด้วยคำว่า “เสียงยังกะหมาหอน” เธอเงียบไม่โต้ย้อน และคิด... “เสียงหมาหอนก็ใช่ว่าจะดูแย่อะไรมากมายขนาดนั้นนะคะ”
เธอคนนี้ที่เรากล่าวถึงคือ “ญานนีน ภารวี ไวเกล” สาวน้อยลูกครึ่งไทย-เยอรมัน หรือที่แฟนคลับนับล้านๆ รู้จักกันในชื่อ “พลอยชมพู” ผู้ที่บอกกับเราว่าเริ่มรู้จักการร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ และพอโตมาหน่อย จึงค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยการร้องเพลงคัฟเวอร์อัปลงยูทูป ซึ่งมีจำนวนคนคลิกดูเป็นล้านๆ วิวภายในเวลาไม่นาน ก่อนที่ “250 กว่าล้านวิว” จะเดินทางมาถึงเมื่อไม่นานมานี้
จากความฮอตฮิตที่ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย หากแต่ความน่ารัก รวมทั้งเสียงใสๆ ของเธอยังขจรขจายไปไกลถึงต่างประเทศ และในขณะที่อาณาเขตแห่งชีวิตของเธอ ขยายบริเวณออกไปจากโลกดนตรี สู่การเป็นนางเอกหนังเรื่อง “รุ่นพี่” หนังผีที่จะเข้าฉายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ เราใช้เวลาช่วงเย็นๆ อากาศดีๆ สนทนากับสาวน้อยคนนี้ในหลากหลายแง่มุม และพบว่า แม้อายุอานามจะเพียงแค่ 15 แต่ทว่าความคิดความอ่านของเธอนั้น โตเกินตัว...ความน่ารัก ก็เช่นกัน..
• จากที่ร้องเพลงอยู่ จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหนกับการได้เข้าไปเป็นนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่อง “รุ่นพี่” คะ
อันนี้ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีที่ทางค่าย M 39 เขาได้เห็นเราผ่านยูทูป เขาก็เลยส่งอีเมลมาถาม ซึ่งตัวเราก็สนใจ จึงตอบกลับ ทางค่ายก็โอเค ให้เข้าไปแคสต์บทดู ซึ่งจริงๆ พลอยไม่เคยผ่านการแสดงภาพยนตร์มาก่อนเลยนะคะ จะมีก็แต่หนังสั้นที่เกี่ยวกับคีตพระราชนิพนธ์ และละครเรื่องบัลลังก์เมฆค่ะ จะว่าไป เรื่องนี้ก็เลยเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่พลอยได้เล่น (ยิ้ม) แต่การจะเล่นเรื่องนี้ พลอยก็มีการไปเวิร์กชอปเรียนการแสดงมาก่อนค่ะ
• บทบาทที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้างคะ
เรื่องนี้พลอยรับบทเป็นม่อนค่ะ จะบอกว่าบทม่อนก็มีส่วนคล้ายๆ กับพลอยนะคะตรงที่ว่าม่อนเธอจะแมนๆ ลุยๆ ตรงๆ แต่เรื่องสัมผัสพิเศษ พลอยจะไม่มีสัมผัสอะไรทั้งสิ้นเลยค่ะ (หัวเราะ) โดยตามเนื้อเรื่อง ม่อนเป็นคนที่ได้กลิ่นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กๆ ประมาณ 4-5 ขวบ ภายนอกเขาดูเหมือนเป็นคนบ้า คือชอบดมนู่นดมนี่ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลาใครคุยด้วย จะไม่ตอบ ไม่มองหน้า แต่จะได้กลิ่นวิญญาณตลอดเวลา แล้วมีอยู่คืนหนึ่ง จู่ๆ รุ่นพี่ก็ผุดมาจากไหนไม่รู้ มาขอความช่วยเหลือในเรื่องที่เกิดขึ้นในตึกคอนแวนต์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
เรื่องนี้พลอยรับรองว่าดูได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะมันมีความกุ๊กกิ๊กระหว่างคนกับผี ใครที่ชอบแนวสืบสวนสอบสวนน่าจะชอบค่ะ จริงๆ มันมีหลายอารมณ์ผสมกัน ทั้งสืบสวน ภูตผี ความเป็นวัยรุ่น และความรักระหว่างคนกับผีด้วยค่ะ หนังเรื่องนี้จะฉายในประเทศอาเซียน 10 ประเทศด้วย พม่า ลาว เวียดนาม ฉายพร้อมเมืองไทยคือวันที่ 3 ธันวาคมนี้ กัมพูชาฉายวันที่ 30 ธันวาคม อินโดนีเซียฉายวันที่ 6 มกราคม 2559 ส่วนอีก 5 ประเทศคือไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ กำหนดฉายช่วงมกราคมปีหน้าค่ะ
• การได้ร่วมงานกับคุณวิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ซึ่งถือว่าเป็นผู้กำกับฝีมือดีคนหนึ่ง ให้ประสบการณ์อย่างไรกับเราบ้างคะ
จริงๆ ตอนแรกที่พลอยไปแคสติ้ง พลอยสารภาพว่า พลอยไม่รู้เลยว่าพี่วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง เขาเคยทำผลงานอะไรมาบ้าง พูดจริงๆ ก่อนหน้านั้น พลอยก็ไม่รู้จักผู้กำกับคนไหนมาก่อนเลยนะคะ แต่พอได้ไปดูประวัติปุ๊บ พลอยกลัวมากเลยค่ะว่าพี่วิศิษฎ์จะดุไหม แต่พอได้ร่วมงานด้วยจริงๆ มันลบล้างความคิดก่อนหน้านั้นหมดเลยค่ะ เพราะพี่วิศิษฎ์เป็นกันเอง วัยรุ่นมาก เป็นคนตลกมากด้วย รู้สึกตัวเองโชคดีมาก ไม่คิดว่าจะได้เล่นหนังเรื่องแรกกับระดับผู้กำกับมืออาชีพขนาดนี้ (ยิ้ม)
สิ่งที่พี่วิศิษฐ์สอน ส่วนใหญ่จะสอนเกี่ยวกับคาเร็คเตอร์ เช่น เวลาเล่นบทพลอย พี่เขาก็จะคอยบอกว่า บทม่อนที่เราได้รับจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมองหน้าใครเท่าไหร่ จะไม่ค่อยตอบโต้ นิ่งๆ เราก็ต้องปรับปรุงในส่วนนี้ค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ติดการชอบมองหน้าคนอื่น (ยิ้ม)
• ก่อนหน้านี้เห็นว่าเราดังมาจากการร้องเพลงใช่ไหม ไม่ทราบว่าเราเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะมาถึงจุดนี้
พลอยเริ่มร้องเพลงตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ เลย เพราะจะมีคลิปหนึ่งที่คุณแม่เคยเอาไปลงในยูทูป (หัวเราะ) ตอนนั้นจะเป็นอารมณ์ร้องเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก พอโตขึ้นก็มีร้องเพลงคัฟเวอร์ มีไปประกวดซิงกิ้ง คิดส์ (singing kids) ทางช่อง 3 พอออกอากาศปุ๊บ ค่ายแกรมมี่ได้ดู เลยได้มาออดิชั่นค่ะ
ในเรื่องงาน คุณพ่อคุณแม่จะเป็นคนคอยสนับสนุนตลอด ขณะที่คุณแม่จะคอยถามอยู่ตลอดว่าอยากประกวดไหม ซึ่งเราก็ชอบประกวดอยู่แล้วด้วย และเหตุผลที่คุณแม่สนับสนุนเรามาก เพราะแต่ก่อน คุณแม่เป็นนักแต่งเพลง ขายเพลงให้พี่เจนิเฟอร์ คิ้ม มาก่อน แล้วทางคุณยายก็เป็นพวกลิเกอะไรแบบนี้ด้วยค่ะ ทางคุณพ่อก็จะมีป้าที่เป็นครูสอนดนตรี พลอยก็เลยคลุกคลีอยู่กับดนตรี อยู่กับเพลงมาตลอด ซึ่งคุณแม่อยากให้พลอยเป็นอะไรก็ได้ที่อยากทำ ซึ่งพลอยก็ชอบที่จะเป็นนักร้อง คุณแม่ก็เลยผลักดันเรื่องร้องเพลงมากๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• นักร้องเป็นความใฝ่ฝันของเราเลยหรือเปล่าคะ ถามความชอบจริงๆ เราชอบการร้องเพลงหรือการแสดงมากกว่ากัน
คิดอยากเป็นนักร้องนะคะ แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นจริงๆ เพราะส่วนตัว พลอยก็อยู่ในที่ชนบทมาก่อน เราคิดว่ามันคงไม่มีโอกาสได้มาเป็นอะไรแบบนี้แน่ๆ เพราะเราก็ไม่ค่อยได้ไปเรียนร้องเพลงที่ไหน มีเคยไปเรียนอยู่ประมาณเดือนสองเดือน เรียนแบบกลุ่มก็เลยคิดว่ามันไม่โอเค เลยมาเรียน มาร้องเองดีกว่า ซึ่งส่วนใหญ่พลอยก็จะฝึกร้องเพลงกับคาราโอเกะค่ะ ร้องซ้ำไปซ้ำมา (หัวเราะ)
สำหรับการร้องเพลงและแสดงหนัง พลอยว่าทั้งสองอย่างมันมันยากคนละแบบนะคะ จริงๆ พลอยชอบทั้งสองอย่างเลยนะคะ แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็เลือกร้องเพลงค่ะ เพราะเหมือนว่าการร้องเพลง เราได้เป็นตัวของตัวเองจริง แต่ความยากของมันก็คือต้องทำให้ติดหูคนฟังด้วย แล้วก็ต้องทำออกมาดี พอทำออกมาก็ต้องโปรโมทให้ดีด้วย ส่วนการแสดง เราต้องสวมบทบาทคนอื่น ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ในแง่ของตัวละครอาจจะประสบอะไรที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน ก็ต้องทำการบ้าน ต้องใช้จินตนาการร่วมด้วย ต้องเข้าใจตัวละครค่ะ (ยิ้ม)
พลอยเคยเห็นหลายๆ คนที่เป็นนักร้องแล้วมาเป็นนักแสดง มีเยอะมาก (ลากเสียงยาว) ตรงนี้พลอยเลยคิดว่าถ้าเราเป็นนักร้องมันอาจจะแสดงหนังหรือละครได้ด้วย แต่ถ้าเป็นนักแสดงแล้วจะมาเป็นนักร้องมันยากกว่าค่ะ แต่ยังไงพลอยก็ชอบร้องเพลงมากกว่า (ยิ้ม)
• การคัฟเว่อร์ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดของเราเลยใช่ไหม เห็นว่ามีทั้งแฟนคลับไทยและต่างประเทศแถมภาพยนตร์ยังได้ไปฉายต่างประเทศอีก แบบนี้คิดว่าเราโกอินเตอร์แล้วหรือยัง
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) คือประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ จะรู้จักพลอยจากการคัฟเวอร์เพลง อาจจะส่วนน้อยที่รู้จักเราจากละครบ้าง แต่ตรงนี้พลอยไม่เคยคิดเลยนะคะว่าจะมีคนติดตามหรือสนใจเร็วขนาดนี้ แฟนคลับก็มีทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่แฟนคลับเยอะที่สุดก็เห็นจะเป็นเวียดนามค่ะ (ยิ้ม)
• ฟังว่า เคยมีฉายา “สาวล้านวิว” ตรงนี้ได้มาจากไหนอย่างไร
ตอนนี้ 250 ล้านวิวแล้วค่ะ (หัวเราะแก้เขิน) อีกอย่าง พลอยก็มีผลงานเพลงจากการคัฟเวอร์มาน่าจะประมาณ 70 กว่าคลิปแล้วค่ะ พูดจริงๆ ก็ยังตกใจไม่หายนะคะ เพราะว่าก่อนจะมาถึงตรงนี้ได้ก็ยากพอสมควร ตอนแรกเริ่ม เราทำคลิปกับคุณแม่สองคนตลอด อาจจะมีพี่ที่เขามาถ่ายวีดีโอให้ ทำเพลงให้บ้าง แต่หลักๆ จะมีคุณแม่กับพลอยที่ทำด้วยกัน ไม่คิดว่าจะมาได้เร็วขนาดนี้
• เราจะเห็นว่า มีเด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่พยายามจะสร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนกับเรา แต่มีไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จ คิดว่าอะไรที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้
กว่าพลอยจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ อาจจะไม่ได้นานมาก แต่มันก็ต้องใช้แรง ใช้กำลังค่อนข้างเยอะเลยค่ะ แต่ส่วนตัวพลอยคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จนะคะ จะเป็นประมาณว่าได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งมากกว่า ยังไม่ได้ถึงที่สุด มันเหมือนประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ ทีละขั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปให้ไกลกว่านี้ อยากเป็นนักร้องระดับอินเตอร์ (ยิ้ม)
• ในฐานะที่เราดังมาจากเพลงคัฟเวอร์ คิดยังไงที่สมัยนี้ใครต่อใครก็ร้องเพลงคัฟเวอร์กันเยอะเลย
พลอยว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะ ขนาดนักร้องอาชีพยังเอาเพลงของนักร้องคนอื่นมาคัฟเวอร์ในงานเลย ทุกคนก็ร้องเป็นสไตล์ของตัวเอง มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก บางทีเราเองร้องเพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบ อันนั้นมันก็เรียกคัฟเวอร์เหมือนกัน เพราะเราร้องเพลงของคนอื่นอ่ะเนอะ (ยิ้ม)
• เราจริงจังกับเส้นทางนี้มากน้อยแค่ไหนคะ
จริงๆ ก็ลองๆ ทำเล่น ไม่รู้จะพูดยังไงดี... (นิ่งคิด) คือจริงจังแบบเล่นๆ เพราะมันสนุก เราไม่ได้ซีเรียสอะไร การร้องเพลงเรียกว่าเป็นงานประจำของพลอยเลยก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้ร้องเพลง ป่านนี้พลอยคงไม่มีกินแล้ว (หัวเราะ) เพราะแทบจะเป็นรายได้หลักๆ ของเราเลย ส่วนที่เหลือก็จะเป็นพวกพรีเซนต์เตอร์โฆษณา หนัง และละครค่ะ
• จากจุดที่พอมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปบ้างไหมคะ
การใช้ชีวิตก็อาจจะได้นอนน้อยลง ออกกำลังกายได้น้อยลง ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น มันก็จะมีอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ได้รู้จักคนโน้นคนนี้ บางทีได้รู้จักคนทีเราชื่นชอบ ทำไปมันก็มีความสุขดีค่ะ (ยิ้ม)
• อนาคต วาดฝันอะไรไว้อีกไหมคะ
มีความฝันอื่นที่พลอยอยากทำก็คือเป็นดีไซด์เนอร์ อยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองค่ะ แต่ถ้างานในวงการบันเทิง พลอยอยากเล่นหนังอีก ชอบ ติดใจ อยากเล่นหนังผีอีก อยากเล่นเป็นผี อยากเล่นเป็นฆาตกรด้วย พลอยชอบอะไรที่มันจิตๆ อยากลองเล่นดู (หัวเราะ) แล้วก็จะทำเพลงอีกเรื่อยๆ จะไม่ทิ้งการร้องเพลงแน่นอนเพราะเราสามารถทำและบังคับมันเองได้ ไม่ต้องรอให้ใครติดต่อเข้ามา สามารถทำเองได้เลย
ตอนนี้พลอยก็มีทำเพลงภาษาอังกฤษร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่อเมริกาอยู่ค่ะ แล้วก็มีเพลง EP ของตัวเอง อัลบัมจะมีทั้งหมด 5 เพลงค่ะ ตอนนี้ทำวิดีโอไปแล้ว 4 วิดีโอ ซึ่งวิดีโอที่ 4 จะลงวันที่ 1 ธันวาคม ส่วนวิดีโอที่ 5 กำลังจะเขียนสตอรี่บอร์ด ต้องรอติดตามค่ะ จะได้ชมต้นปีหน้าแน่นอนค่ะ อีกอย่าง เร็วๆ นี้ นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะมีคีตราชนิพนธ์เป็นหนังสั้น ฉายอีกรอบ รอบที่ 2 ช่วงวันพ่อด้วยค่ะ (ยิ้ม)
• ถ้ามีคนมองว่าเราเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้แบบเราบ้างหรือกำลังตามหาความฝันอยู่ เราอยากแนะนำหรือมีเทคนิคอะไรให้กับเขาบ้างคะ
ถ้ามีความฝันก็ควรจะขยันแล้วตั้งใจทำเลยค่ะ อยากให้อดทน อย่าท้อแท้ ต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ด้วย ไม่ใช่แค่แข่งกับคนอื่น แต่ต้องแข่งกับตัวเองด้วย ต้องทำให้ดีขึ้นทุกวัน ขยันสรรหาอะไรให้ตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างเรื่องร้องเพลง พลอยมีเทคนิคหนึ่ง คืออยากให้ฝึกเรื่องลูกเอื้อน ไปฟังนักร้อง R&B แล้วพยายามแกะตัวโน้ตแยกออกมาทีละโน้ต แล้วค่อยมารวบทีเดียว อาศัยการฟังเยอะๆ พอจับได้ว่าต้องร้องโน้ตอะไร เราก็ค่อยๆ ร้องตาม ตรงนี้ต้องฝึกเยอะๆ ค่ะ การเป็นนักร้องสำคัญสุดคือการฟัง เพราะว่ามันต้องใช้หูฟัง เวลาขึ้นต้นเพลง ต้องหาว่ามันเป็นคีย์อะไร ต้องร้องให้ตรงโน้ตด้วย
กว่าพลอยจะมาถึงวันนี้ก็เคยโดนด่ามาเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ซีเรียสอะไร ด่าประมาณว่าหมาหอนอะไรแบบนี้ เราก็ขำๆ นะ พยายามคิดว่าหมาหอนก็ใช่ว่ามันจะฟังแล้วดูแย่มากมายอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ) แต่เราก็เอามาพัฒนาตลอดนะคะ จะพยายามไม่ย่ำอยู่กับที่
• ท้ายนี้อยากให้แง่คิดกับเด็กๆ หรือคนที่อยากโด่งดังในโลกโซเชียลอย่างไรบ้าง เพราะบางคนดังในทางที่ผิดบ้างหรืออยากดังทางลัด ในส่วนนี้เราต้องคำนึงถึงอะไรเป็นหลักสำคัญคะ
พลอยอยากจะบอกว่าอย่าทำอะไรไม่ดีให้ตัวเองดังไว เพราะแบบนั้นมันดังเร็วก็จริง แต่มันก็ดับไวด้วย เลือกเอาว่าเราอยากดังไวดับไว หรืออยากจะค่อยๆ ดัง ค่อยๆ สร้างตัวให้มีฐานแฟนคลับแน่นแล้วดังนาน ต้องเลือก ถ้าอยากดังในทางที่ดี ก็ต้องใช้เวลา
จริงๆ การโด่งดังในโซเชียลมันมีทั้งง่ายและยากนะคะ ง่ายตรงที่ว่าเวลามีอะไร มันจะแพร่กระจายเหมือนไวรัสเลย ไปไวมาก แต่ยากตรงที่ว่าทุกคนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้เหมือนอยู่แค่เอื้อมมือ เพราะฉะนั้น แน่นอนว่าคู่แข่งอาจจะเยอะ เราต้องหาให้เจอว่าอะไรคือความโดดเด่นเป็นของตัวเองของเรา และแตกต่างจากคนอื่น
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และ Facebook Jannine Weigel
เธอคนนี้ที่เรากล่าวถึงคือ “ญานนีน ภารวี ไวเกล” สาวน้อยลูกครึ่งไทย-เยอรมัน หรือที่แฟนคลับนับล้านๆ รู้จักกันในชื่อ “พลอยชมพู” ผู้ที่บอกกับเราว่าเริ่มรู้จักการร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ และพอโตมาหน่อย จึงค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยการร้องเพลงคัฟเวอร์อัปลงยูทูป ซึ่งมีจำนวนคนคลิกดูเป็นล้านๆ วิวภายในเวลาไม่นาน ก่อนที่ “250 กว่าล้านวิว” จะเดินทางมาถึงเมื่อไม่นานมานี้
จากความฮอตฮิตที่ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย หากแต่ความน่ารัก รวมทั้งเสียงใสๆ ของเธอยังขจรขจายไปไกลถึงต่างประเทศ และในขณะที่อาณาเขตแห่งชีวิตของเธอ ขยายบริเวณออกไปจากโลกดนตรี สู่การเป็นนางเอกหนังเรื่อง “รุ่นพี่” หนังผีที่จะเข้าฉายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ เราใช้เวลาช่วงเย็นๆ อากาศดีๆ สนทนากับสาวน้อยคนนี้ในหลากหลายแง่มุม และพบว่า แม้อายุอานามจะเพียงแค่ 15 แต่ทว่าความคิดความอ่านของเธอนั้น โตเกินตัว...ความน่ารัก ก็เช่นกัน..
• จากที่ร้องเพลงอยู่ จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหนกับการได้เข้าไปเป็นนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่อง “รุ่นพี่” คะ
อันนี้ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีที่ทางค่าย M 39 เขาได้เห็นเราผ่านยูทูป เขาก็เลยส่งอีเมลมาถาม ซึ่งตัวเราก็สนใจ จึงตอบกลับ ทางค่ายก็โอเค ให้เข้าไปแคสต์บทดู ซึ่งจริงๆ พลอยไม่เคยผ่านการแสดงภาพยนตร์มาก่อนเลยนะคะ จะมีก็แต่หนังสั้นที่เกี่ยวกับคีตพระราชนิพนธ์ และละครเรื่องบัลลังก์เมฆค่ะ จะว่าไป เรื่องนี้ก็เลยเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่พลอยได้เล่น (ยิ้ม) แต่การจะเล่นเรื่องนี้ พลอยก็มีการไปเวิร์กชอปเรียนการแสดงมาก่อนค่ะ
• บทบาทที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้างคะ
เรื่องนี้พลอยรับบทเป็นม่อนค่ะ จะบอกว่าบทม่อนก็มีส่วนคล้ายๆ กับพลอยนะคะตรงที่ว่าม่อนเธอจะแมนๆ ลุยๆ ตรงๆ แต่เรื่องสัมผัสพิเศษ พลอยจะไม่มีสัมผัสอะไรทั้งสิ้นเลยค่ะ (หัวเราะ) โดยตามเนื้อเรื่อง ม่อนเป็นคนที่ได้กลิ่นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กๆ ประมาณ 4-5 ขวบ ภายนอกเขาดูเหมือนเป็นคนบ้า คือชอบดมนู่นดมนี่ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลาใครคุยด้วย จะไม่ตอบ ไม่มองหน้า แต่จะได้กลิ่นวิญญาณตลอดเวลา แล้วมีอยู่คืนหนึ่ง จู่ๆ รุ่นพี่ก็ผุดมาจากไหนไม่รู้ มาขอความช่วยเหลือในเรื่องที่เกิดขึ้นในตึกคอนแวนต์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
เรื่องนี้พลอยรับรองว่าดูได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะมันมีความกุ๊กกิ๊กระหว่างคนกับผี ใครที่ชอบแนวสืบสวนสอบสวนน่าจะชอบค่ะ จริงๆ มันมีหลายอารมณ์ผสมกัน ทั้งสืบสวน ภูตผี ความเป็นวัยรุ่น และความรักระหว่างคนกับผีด้วยค่ะ หนังเรื่องนี้จะฉายในประเทศอาเซียน 10 ประเทศด้วย พม่า ลาว เวียดนาม ฉายพร้อมเมืองไทยคือวันที่ 3 ธันวาคมนี้ กัมพูชาฉายวันที่ 30 ธันวาคม อินโดนีเซียฉายวันที่ 6 มกราคม 2559 ส่วนอีก 5 ประเทศคือไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ กำหนดฉายช่วงมกราคมปีหน้าค่ะ
• การได้ร่วมงานกับคุณวิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ซึ่งถือว่าเป็นผู้กำกับฝีมือดีคนหนึ่ง ให้ประสบการณ์อย่างไรกับเราบ้างคะ
จริงๆ ตอนแรกที่พลอยไปแคสติ้ง พลอยสารภาพว่า พลอยไม่รู้เลยว่าพี่วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง เขาเคยทำผลงานอะไรมาบ้าง พูดจริงๆ ก่อนหน้านั้น พลอยก็ไม่รู้จักผู้กำกับคนไหนมาก่อนเลยนะคะ แต่พอได้ไปดูประวัติปุ๊บ พลอยกลัวมากเลยค่ะว่าพี่วิศิษฎ์จะดุไหม แต่พอได้ร่วมงานด้วยจริงๆ มันลบล้างความคิดก่อนหน้านั้นหมดเลยค่ะ เพราะพี่วิศิษฎ์เป็นกันเอง วัยรุ่นมาก เป็นคนตลกมากด้วย รู้สึกตัวเองโชคดีมาก ไม่คิดว่าจะได้เล่นหนังเรื่องแรกกับระดับผู้กำกับมืออาชีพขนาดนี้ (ยิ้ม)
สิ่งที่พี่วิศิษฐ์สอน ส่วนใหญ่จะสอนเกี่ยวกับคาเร็คเตอร์ เช่น เวลาเล่นบทพลอย พี่เขาก็จะคอยบอกว่า บทม่อนที่เราได้รับจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมองหน้าใครเท่าไหร่ จะไม่ค่อยตอบโต้ นิ่งๆ เราก็ต้องปรับปรุงในส่วนนี้ค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ติดการชอบมองหน้าคนอื่น (ยิ้ม)
• ก่อนหน้านี้เห็นว่าเราดังมาจากการร้องเพลงใช่ไหม ไม่ทราบว่าเราเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะมาถึงจุดนี้
พลอยเริ่มร้องเพลงตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ เลย เพราะจะมีคลิปหนึ่งที่คุณแม่เคยเอาไปลงในยูทูป (หัวเราะ) ตอนนั้นจะเป็นอารมณ์ร้องเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก พอโตขึ้นก็มีร้องเพลงคัฟเวอร์ มีไปประกวดซิงกิ้ง คิดส์ (singing kids) ทางช่อง 3 พอออกอากาศปุ๊บ ค่ายแกรมมี่ได้ดู เลยได้มาออดิชั่นค่ะ
ในเรื่องงาน คุณพ่อคุณแม่จะเป็นคนคอยสนับสนุนตลอด ขณะที่คุณแม่จะคอยถามอยู่ตลอดว่าอยากประกวดไหม ซึ่งเราก็ชอบประกวดอยู่แล้วด้วย และเหตุผลที่คุณแม่สนับสนุนเรามาก เพราะแต่ก่อน คุณแม่เป็นนักแต่งเพลง ขายเพลงให้พี่เจนิเฟอร์ คิ้ม มาก่อน แล้วทางคุณยายก็เป็นพวกลิเกอะไรแบบนี้ด้วยค่ะ ทางคุณพ่อก็จะมีป้าที่เป็นครูสอนดนตรี พลอยก็เลยคลุกคลีอยู่กับดนตรี อยู่กับเพลงมาตลอด ซึ่งคุณแม่อยากให้พลอยเป็นอะไรก็ได้ที่อยากทำ ซึ่งพลอยก็ชอบที่จะเป็นนักร้อง คุณแม่ก็เลยผลักดันเรื่องร้องเพลงมากๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• นักร้องเป็นความใฝ่ฝันของเราเลยหรือเปล่าคะ ถามความชอบจริงๆ เราชอบการร้องเพลงหรือการแสดงมากกว่ากัน
คิดอยากเป็นนักร้องนะคะ แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นจริงๆ เพราะส่วนตัว พลอยก็อยู่ในที่ชนบทมาก่อน เราคิดว่ามันคงไม่มีโอกาสได้มาเป็นอะไรแบบนี้แน่ๆ เพราะเราก็ไม่ค่อยได้ไปเรียนร้องเพลงที่ไหน มีเคยไปเรียนอยู่ประมาณเดือนสองเดือน เรียนแบบกลุ่มก็เลยคิดว่ามันไม่โอเค เลยมาเรียน มาร้องเองดีกว่า ซึ่งส่วนใหญ่พลอยก็จะฝึกร้องเพลงกับคาราโอเกะค่ะ ร้องซ้ำไปซ้ำมา (หัวเราะ)
สำหรับการร้องเพลงและแสดงหนัง พลอยว่าทั้งสองอย่างมันมันยากคนละแบบนะคะ จริงๆ พลอยชอบทั้งสองอย่างเลยนะคะ แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็เลือกร้องเพลงค่ะ เพราะเหมือนว่าการร้องเพลง เราได้เป็นตัวของตัวเองจริง แต่ความยากของมันก็คือต้องทำให้ติดหูคนฟังด้วย แล้วก็ต้องทำออกมาดี พอทำออกมาก็ต้องโปรโมทให้ดีด้วย ส่วนการแสดง เราต้องสวมบทบาทคนอื่น ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ในแง่ของตัวละครอาจจะประสบอะไรที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน ก็ต้องทำการบ้าน ต้องใช้จินตนาการร่วมด้วย ต้องเข้าใจตัวละครค่ะ (ยิ้ม)
พลอยเคยเห็นหลายๆ คนที่เป็นนักร้องแล้วมาเป็นนักแสดง มีเยอะมาก (ลากเสียงยาว) ตรงนี้พลอยเลยคิดว่าถ้าเราเป็นนักร้องมันอาจจะแสดงหนังหรือละครได้ด้วย แต่ถ้าเป็นนักแสดงแล้วจะมาเป็นนักร้องมันยากกว่าค่ะ แต่ยังไงพลอยก็ชอบร้องเพลงมากกว่า (ยิ้ม)
• การคัฟเว่อร์ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดของเราเลยใช่ไหม เห็นว่ามีทั้งแฟนคลับไทยและต่างประเทศแถมภาพยนตร์ยังได้ไปฉายต่างประเทศอีก แบบนี้คิดว่าเราโกอินเตอร์แล้วหรือยัง
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) คือประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ จะรู้จักพลอยจากการคัฟเวอร์เพลง อาจจะส่วนน้อยที่รู้จักเราจากละครบ้าง แต่ตรงนี้พลอยไม่เคยคิดเลยนะคะว่าจะมีคนติดตามหรือสนใจเร็วขนาดนี้ แฟนคลับก็มีทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่แฟนคลับเยอะที่สุดก็เห็นจะเป็นเวียดนามค่ะ (ยิ้ม)
• ฟังว่า เคยมีฉายา “สาวล้านวิว” ตรงนี้ได้มาจากไหนอย่างไร
ตอนนี้ 250 ล้านวิวแล้วค่ะ (หัวเราะแก้เขิน) อีกอย่าง พลอยก็มีผลงานเพลงจากการคัฟเวอร์มาน่าจะประมาณ 70 กว่าคลิปแล้วค่ะ พูดจริงๆ ก็ยังตกใจไม่หายนะคะ เพราะว่าก่อนจะมาถึงตรงนี้ได้ก็ยากพอสมควร ตอนแรกเริ่ม เราทำคลิปกับคุณแม่สองคนตลอด อาจจะมีพี่ที่เขามาถ่ายวีดีโอให้ ทำเพลงให้บ้าง แต่หลักๆ จะมีคุณแม่กับพลอยที่ทำด้วยกัน ไม่คิดว่าจะมาได้เร็วขนาดนี้
• เราจะเห็นว่า มีเด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่พยายามจะสร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนกับเรา แต่มีไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จ คิดว่าอะไรที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้
กว่าพลอยจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ อาจจะไม่ได้นานมาก แต่มันก็ต้องใช้แรง ใช้กำลังค่อนข้างเยอะเลยค่ะ แต่ส่วนตัวพลอยคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จนะคะ จะเป็นประมาณว่าได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งมากกว่า ยังไม่ได้ถึงที่สุด มันเหมือนประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ ทีละขั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปให้ไกลกว่านี้ อยากเป็นนักร้องระดับอินเตอร์ (ยิ้ม)
• ในฐานะที่เราดังมาจากเพลงคัฟเวอร์ คิดยังไงที่สมัยนี้ใครต่อใครก็ร้องเพลงคัฟเวอร์กันเยอะเลย
พลอยว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะ ขนาดนักร้องอาชีพยังเอาเพลงของนักร้องคนอื่นมาคัฟเวอร์ในงานเลย ทุกคนก็ร้องเป็นสไตล์ของตัวเอง มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก บางทีเราเองร้องเพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบ อันนั้นมันก็เรียกคัฟเวอร์เหมือนกัน เพราะเราร้องเพลงของคนอื่นอ่ะเนอะ (ยิ้ม)
• เราจริงจังกับเส้นทางนี้มากน้อยแค่ไหนคะ
จริงๆ ก็ลองๆ ทำเล่น ไม่รู้จะพูดยังไงดี... (นิ่งคิด) คือจริงจังแบบเล่นๆ เพราะมันสนุก เราไม่ได้ซีเรียสอะไร การร้องเพลงเรียกว่าเป็นงานประจำของพลอยเลยก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้ร้องเพลง ป่านนี้พลอยคงไม่มีกินแล้ว (หัวเราะ) เพราะแทบจะเป็นรายได้หลักๆ ของเราเลย ส่วนที่เหลือก็จะเป็นพวกพรีเซนต์เตอร์โฆษณา หนัง และละครค่ะ
• จากจุดที่พอมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปบ้างไหมคะ
การใช้ชีวิตก็อาจจะได้นอนน้อยลง ออกกำลังกายได้น้อยลง ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น มันก็จะมีอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ได้รู้จักคนโน้นคนนี้ บางทีได้รู้จักคนทีเราชื่นชอบ ทำไปมันก็มีความสุขดีค่ะ (ยิ้ม)
• อนาคต วาดฝันอะไรไว้อีกไหมคะ
มีความฝันอื่นที่พลอยอยากทำก็คือเป็นดีไซด์เนอร์ อยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองค่ะ แต่ถ้างานในวงการบันเทิง พลอยอยากเล่นหนังอีก ชอบ ติดใจ อยากเล่นหนังผีอีก อยากเล่นเป็นผี อยากเล่นเป็นฆาตกรด้วย พลอยชอบอะไรที่มันจิตๆ อยากลองเล่นดู (หัวเราะ) แล้วก็จะทำเพลงอีกเรื่อยๆ จะไม่ทิ้งการร้องเพลงแน่นอนเพราะเราสามารถทำและบังคับมันเองได้ ไม่ต้องรอให้ใครติดต่อเข้ามา สามารถทำเองได้เลย
ตอนนี้พลอยก็มีทำเพลงภาษาอังกฤษร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่อเมริกาอยู่ค่ะ แล้วก็มีเพลง EP ของตัวเอง อัลบัมจะมีทั้งหมด 5 เพลงค่ะ ตอนนี้ทำวิดีโอไปแล้ว 4 วิดีโอ ซึ่งวิดีโอที่ 4 จะลงวันที่ 1 ธันวาคม ส่วนวิดีโอที่ 5 กำลังจะเขียนสตอรี่บอร์ด ต้องรอติดตามค่ะ จะได้ชมต้นปีหน้าแน่นอนค่ะ อีกอย่าง เร็วๆ นี้ นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะมีคีตราชนิพนธ์เป็นหนังสั้น ฉายอีกรอบ รอบที่ 2 ช่วงวันพ่อด้วยค่ะ (ยิ้ม)
• ถ้ามีคนมองว่าเราเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้แบบเราบ้างหรือกำลังตามหาความฝันอยู่ เราอยากแนะนำหรือมีเทคนิคอะไรให้กับเขาบ้างคะ
ถ้ามีความฝันก็ควรจะขยันแล้วตั้งใจทำเลยค่ะ อยากให้อดทน อย่าท้อแท้ ต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ด้วย ไม่ใช่แค่แข่งกับคนอื่น แต่ต้องแข่งกับตัวเองด้วย ต้องทำให้ดีขึ้นทุกวัน ขยันสรรหาอะไรให้ตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างเรื่องร้องเพลง พลอยมีเทคนิคหนึ่ง คืออยากให้ฝึกเรื่องลูกเอื้อน ไปฟังนักร้อง R&B แล้วพยายามแกะตัวโน้ตแยกออกมาทีละโน้ต แล้วค่อยมารวบทีเดียว อาศัยการฟังเยอะๆ พอจับได้ว่าต้องร้องโน้ตอะไร เราก็ค่อยๆ ร้องตาม ตรงนี้ต้องฝึกเยอะๆ ค่ะ การเป็นนักร้องสำคัญสุดคือการฟัง เพราะว่ามันต้องใช้หูฟัง เวลาขึ้นต้นเพลง ต้องหาว่ามันเป็นคีย์อะไร ต้องร้องให้ตรงโน้ตด้วย
กว่าพลอยจะมาถึงวันนี้ก็เคยโดนด่ามาเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ซีเรียสอะไร ด่าประมาณว่าหมาหอนอะไรแบบนี้ เราก็ขำๆ นะ พยายามคิดว่าหมาหอนก็ใช่ว่ามันจะฟังแล้วดูแย่มากมายอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ) แต่เราก็เอามาพัฒนาตลอดนะคะ จะพยายามไม่ย่ำอยู่กับที่
• ท้ายนี้อยากให้แง่คิดกับเด็กๆ หรือคนที่อยากโด่งดังในโลกโซเชียลอย่างไรบ้าง เพราะบางคนดังในทางที่ผิดบ้างหรืออยากดังทางลัด ในส่วนนี้เราต้องคำนึงถึงอะไรเป็นหลักสำคัญคะ
พลอยอยากจะบอกว่าอย่าทำอะไรไม่ดีให้ตัวเองดังไว เพราะแบบนั้นมันดังเร็วก็จริง แต่มันก็ดับไวด้วย เลือกเอาว่าเราอยากดังไวดับไว หรืออยากจะค่อยๆ ดัง ค่อยๆ สร้างตัวให้มีฐานแฟนคลับแน่นแล้วดังนาน ต้องเลือก ถ้าอยากดังในทางที่ดี ก็ต้องใช้เวลา
จริงๆ การโด่งดังในโซเชียลมันมีทั้งง่ายและยากนะคะ ง่ายตรงที่ว่าเวลามีอะไร มันจะแพร่กระจายเหมือนไวรัสเลย ไปไวมาก แต่ยากตรงที่ว่าทุกคนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้เหมือนอยู่แค่เอื้อมมือ เพราะฉะนั้น แน่นอนว่าคู่แข่งอาจจะเยอะ เราต้องหาให้เจอว่าอะไรคือความโดดเด่นเป็นของตัวเองของเรา และแตกต่างจากคนอื่น
Profile ชื่อ : ญานนีน ภารวี ไวเกล ชื่อเล่น : พลอยชมพู วันเกิด : 30 กรกฎาคม 2543 อายุ : 15 ปี สัญชาติ : ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน งานอดิเรก : ร้องเพลง, เต้น, วาดรูป, เล่นกีตาร์, เล่นเปียโน, อูคูเลเล่, ออกกำลังกาย ผลงาน : เพลงคัพเวอร์ต่างๆ, เพลงชักดิ้นชักงอ Single แรกจากพลอยชมพู (Jannina W) ผลงานละคร บัลลังก์เมฆ, ผลงานโฆษณา เช่น Lactasoy Yamaha AIS, หนังสั้นเรื่องคีตพระราชนิพนธ์, ผลงานภาพยนตร์เรื่องรุ่นพี่กับทางค่าย M39 และอื่นๆ |
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และ Facebook Jannine Weigel