เจ้านาง ตอนที่ 1
พระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวงสีขาวนวลสดใสบนฟากฟ้า กลับมีกลุ่มเมฆดำ
เมฆดำก้อนนั้นมีรูปร่างอย่างผี ลอยเลื่อนเข้ากลุ้มรุมพระจันทร์อย่างรวดเร็วจนมืดไปหมดฟ้า
เรือนร้างของชาวบ้านเห็นร่างผู้หญิงแก่ นั่งหลังงอ ปล่อยผมยาว ร้องไห้ซิกๆอยู่บนจั่วหลังคา กลุ่มเมฆดำลอยเลื่อนอยู่รอบๆ เสียงผีกละ (ผีตะกละ) ดังโหยหวน
"ได้ยินกันมั้ย ลูกหลานเหย... ไม่ว่าสามปีสี่รวงข้าว พวกสูก็ยังไม่เลี้ยงข้า ข้าอดอยากปากแห้ง...กี่ปีกี่สิบปี พวกสูก็ไม่นำพา ลูกหลานเหย ข้าหิวเหลือหิวหลาย...ข้าหิว"
ปลายเสียงนั้น สะท้อนก้องกังวานดังไปทั่ว
คืนเดียวกันนั้น ผีกละก้าวเข้ามาในเล้าไก่ของชาวบ้าน เพื่อมองหาไก่ตัวเขื่อง เล็บยาวสีดำ หนังเหี่ยวย่นของผีกละคว้าฉกร่างไก่มาฉีกรวดเร็ว จนขนไก่กระจุย กระจายไป
"กูจะกินให้หมด"
ผีกละหัวเราะสะใจ
ภาพศิลปกรรมเมืองนาย วิหาร เจดีย์ บ้านเมืองท่ามกลางธรรมชาติขุนเขาสลับซับซ้อนแลสายหมอกแผ่กว้างในยามเช้า ...
...เมืองนายเป็นศรี บุรีเครือไท งามล้ำงามหลาย หญิงชาย ชื่นหล้าแลเฮย...
บริเวณคุ้มหลวงเมืองนาย
โคนไม้ค้ำสะหรี (ต้นโพธิ์โบราณ) วางนอนอยู่ ปลายไม้เป็นง่าม เจ้าราบฟ้าในสภาพเหงื่อชุ่ม กำลังถากเกลาตกแต่งให้เรียบร้อยอยู่ ละอองคำพาน้ำต้น(คนโทพร้อมจอกครอบที่ปาก)เข้ามา
"เจ้าพี่"
"น้องพี่"
เจ้าราบฟ้า รัชทายาทแห่งเมืองนายยินดีมากที่ละอองคำมา
"พักกินน้ำก่อนเถอะเจ้าข้า น้องเอามาให้นี่แล้ว" เจ้านางละอองคำรินนำส่งให้
"แหม ชื่นใจพี่จริง"
"น้องจะช่วยย้อมไม้สะหรี สีจะได้สวยงาม"
"เจ้าแสนดีอย่างนี้ กุศลผลบุญจะหนุนส่งให้ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ชีวิตน้องของพี่ จะมีแต่ความดีความงาม ความสุขความเจริญ อยู่ดีกินหวานทุกสิ่งทุกประการ"
ละอองคำล้อ
"สาธุ สาธุ ท่านอยู่วัดไหนทางใดเจ้าข้า"
ทั้งคู่พากันหัวเราะ เบิกบานดวงใจ
"เจ้านี่นะมาล้อพี่ ช่างไม่กลัวบาปมันกระโดดขบหัว"
บริเวณสวนดอก ต้นสารภีดอกสะพรั่ง เจ้านางรุ้งแก้ว น้องสาวของละอองคำกำลังเก็บดอกอย่างเพลินอยู่ ขบวนของเจ้านางปิ่นเมืองผ่านมาพบเข้าพอดี
"ว่าใด ใยวันนี้มาเก็บดอกสารภีอยู่ลำพังฮึรุ้งแก้ว"
"เจ้าพี่ ไปไหนมาหรือเจ้าข้า"
"ละอองคำไปไหนเสียเล่า ธรรมดาเห็นติดกันเป็นเงาตามตัวไม่คลาด"
"ใกล้จะปีใหม่แล้ว เจ้าพี่มีการต้องทำหลายอย่าง"
"งั้นหรอกเหรอเจ้า"
ฟอง ซึ่งติดตามรับใช้บอก
"ก็เจ้านางละอองคำไม่ได้มีนางข้าทาส ข้าไทอุ่นหนาฝาคั่งคอยรับใช้ ต้องทำเองทุกอย่าง มันก็ยุ่งอย่างนี้แลเจ้าข้า"
"รุ้งแก้ว เจ้าก็พิลึกคน ทำไม เห็นอยู่ว่าคุ้มนั้นอยู่กันลำบากทุกข์ยาก เจ้าก็ยังจะไปสุมหัวมัวหมองกันอยู่ได้สิ" ปิ่นเมืองว่า
"ก็..เจ้าพี่น่าสงสาร"
"ระวังตัวเถอะ จะกลายเป็นหมาหัวเน่าไปอีกคน เจ้ารุ้งแก้ว รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าพ่อเกลียดมันยังกะอะไร เลือดแม่มันแรงนัก หยิ่งยโสโอหังก็เท่านั้น ถือตัว อวดดีก็เท่านั้น เจ้าควรเลือกมาอยู่กับพี่นี่ จะได้สบาย ใช่มั๊ยนังฟอง นังฝน"
ฟอง-ฝนรับลูกสอพลอ
"ใช่แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
เจ้าราบฟ้าดายหญ้ารอบๆกู่แม่ของละอองคำ
ในป่าลึกลับที่รกเรื้อ เก็บกวาดสุมเผาขยะ ละอองคำกำลังเตรียมกวนน้ำปูนขาว
"มาพี่ช่วยทาให้เจ้า"
ทั้งคู่พากันไปทาน้ำปูนให้กู่
"เจ้าแม่คงจะดีใจที่เจ้าพี่มาช่วยแผ้วถางอย่างนี้"
"พี่เต็มใจ พี่สัญญาว่าพี่จะมาช่วยเจ้าทุกปีทุกปีไป"
"น้องไม่รู้จะตอบแทนเจ้าพี่ได้อย่างใด"
ละอองคำซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้าราบฟ้า น้ำตาไหลด้วยเต็มตื้น ราบฟ้าเช็ดน้ำตาให้"อย่าคิดมากสิคนดีของพี่ พี่ไม่ช่วยเจ้า พี่ก็ใช้ไม่ได้แล้ว ยิ่งลำบากทุกข์ยากเราก็ต้องยิ่งช่วยกัน ยามขมเราก็ขมด้วยกัน วันหน้าคงมีหวานมาแบ่งปันกัน" ละอองคำค่อยยิ้มสดใสขึ้นมาได้ "บ้างหรอกเจ้า"
"เจ้าพี่ดีกับน้องเหลือเกิน ถ้าไม่มีเจ้าพี่ ชีวิตของน้องจะอยู่ได้อย่างใด"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิเจ้า พี่ไม่มีวันทิ้งน้องไปไหนอยู่แล้ว น้องน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี"
กู่เจ้านายอันเรียงรายนั้น กลุ่มปิ่นเมืองและรุ้งแก้วเข้ามา
"ที่นี่เป็นกู่เจ้ากู่นาย เป็นกู่แก้วกู่คำ เพราะท่านทำความดีฝากไว้ เจ้ารู้ใช่มั๊ยรุ้งแก้ว"
"เจ้าข้า"
"แล้วเห็นใช่หรือไม่ แม่ใครทำงามหน้าเอาไว้ ประหารแล้วเถ้ากระดูกก็ยังต้องขับไล่ไสส่งไปไกลๆ ไม่มีวันได้เสนอหน้าอยู่ร่วมวงศ์ที่นี่"
"เจ้าข้า"
"จำเอาไว้เจ้า เถามันเป็นอย่างใด ปลายมันก็เป็นอย่างนั้นแล ละอองคำน่ะ เฮอะเหอ ต่อไปก็จะพบจุดจบเหมือนแม่มันแท้ รุ้งแก้วเหย"
ฟอง-ฝนขานรับ
"ใช่แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
ณ บริเวณกู่แม่ละอองคำเจ้าราบฟ้าบอก
"เรื่องที่ผ่านไปแล้วให้แล้วไปเสีย เราแก้ไขอันใดไม่ได้ ลืมเสียให้หมดเถิดเจ้า ถือเอาสงกรานต์เป็นฤกษ์ดีดิถีงาม เมื่อดวงอาทิตย์ย่างเข้าสู่ราศีเมษแล้วนั้น พี่อยากเห็นน้องมีชีวิตใหม่ พร้อมหรือไม่เจ้า"
"พร้อมเจ้าข้า"
"เชื่อพี่เถอะ น้องต้องเอาชนะใจเจ้าพ่อให้ได้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น อย่างใดเสียน้องก็เป็นลูกเจ้าพ่อคนหนึ่งเหมือนกัน น้องเป็นเด็กก็ต้องอ่อนโอนเข้าหาผู้ใหญ่จึงจะงาม"
ราบฟ้าพาละอองคำก้าวไป
หญิงขายผีถือตะกร้าก้าวเข้ามา มองตามหนุ่มสาว
ภาพศิลปกรรมวัดหลวงเมืองนาย ยิ่งใหญ่ มีปราการล้อมรอบแน่นหนา กลุ่มทหารควบม้ามาอย่างกระฉับกระเฉงรีบเร่ง เพื่อมุ่งหน้าเข้าเมืองนาย
ณ คุ้มเจ้าฟ้าเมืองนาย เหล่านางข้าไทกำลังทำความสะอาด และจัดวางข้าวของเตรียมรับขบวนดำหัวที่จะมาถึงในวันพญาวัน เจ้านางปิ่นเมืองเดินดูความเรียบร้อย สำรวจข้าวของต่างๆที่จัดไว้กำนัลแขก"เอ๊ะ กำปั่นนี่...มัน"
"มีอะไรหรือเจ้าข้า" ฟองถาม
ปิ่นเมืองถือวิสาสะเปิดกำปั่นออกดูให้แน่ใจ รัตนมณีต่างๆ แลเครื่องประดับอยู่ในกำปั่นใบนั้น นางโลภอยากได้
"ใครใช้ให้เอากำปั่นนี่ออกมา" ปิ่นเมืองหมายจะเอาเรื่องกับนางข้าไทคุ้มเจ้าฟ้า " ใคร ใครกันบอกมาบะเดี๋ยวนี้"
เจ้าฟ้าเมืองนายเข้ามา
"พ่อเอง พ่อสั่งเองแหละปิ่นเมือง"
"เป็นไปได้อย่างใด เจ้าพ่อเจ้า"
ปิ่นเมืองไม่อยากเชื่อ
"ปีใหม่นี้ พ่อจะเอาแก้วแหวนแสนสมบัติของแม่มันให้... ละอองคำ"
"แต่ว่า..."
"มันจะได้มีของดีๆใช้กับเขาบ้าง สมกับฐานะลูกเจ้าลูกนาย"
"แต่ว่ามันไม่สมควร เจ้าพ่อลืมเรื่องอัปยศอดสูนั่นหมดแล้วหรือเจ้าข้า ที่แม่มันคบชู้สู่ชาย เจ้าพ่อจะเอาสมบัติที่ยึดมานั่นให้ละอองคำ ก็เท่ากับเจ้าพ่อยกโทษให้แม่มันแล้ว"
"เรื่องมันตัดสินจบไปด้วยชีวิตนั่นแล้ว ...ละอองคำ มันก็ลูกคนนึง มันควรจะได้"
"ลูกไม่ยอมหรอก เจ้าพ่อกำลังจะเชิดชูคนผิด ลูกไม่เห็นงามด้วยสักนิดเจ้าข้า"
"ปิ่นเมือง พ่อขอละนะเจ้า"
"เจ้าพ่อ"
"ฟังพ่อสักครั้งเถอะลูกรัก นะเจ้านะ"
เจ้านางปิ่นเมืองจำเป็นต้องสะกดความคลุ้มคลั่งไว้ในใจ เพราะพ่อยืนกรานดังนั้น
เจ้าราบฟ้าก้าวเข้ามา จะรีบไปเฝ้าเจ้าพ่อที่ให้หา
ขณะที่เจ้านางปิ่นเมืองในอาการโกรธ นำขบวนออกมา พบกันเข้าพอดี
"เจ้าพี่เจ้าข้า เจ้าพี่เจ้าข้า ช่วยน้องด้วย น้องไม่ยอม"
"เรื่องอะไรกันหรือเจ้า ดูสิน้ำหูน้ำตาเลอะไปหมดแล้ว จะหมดงามนะปิ่นเมือง"
"เจ้าพี่ต้องช่วยห้ามเจ้าพ่อไว้ น้องไม่อยากให้ละอองคำมันได้สมบัติแม่มันไป น้องไม่ยอม น้องไม่ยอม"
ที่คุ้มเจ้าฟ้า
"เจ้าต้องออกเดินทางทันที คนของเจ้าฟ้าหลวงมารอรับอยู่แล้ว"
"รับใส่เศียรเกล้าเจ้าข้า"
"ไอ้พวกฟ้าหลั่งดั้งขอ ไปอยู่ทางไหน ก็จะเอาบ้านเอาเมืองของเขาหมด เจ้าเห็นหรือไม่ ราบฟ้าลูกพ่อ"
"เจ้าข้า"
"เจ้าต้องเอาตาดูหูใส่ เรียนรู้ตำราพิชัยสงครามให้แจ้ง ถ้าเราไม่มีเขี้ยวเล็บ ก็จะรักษาบ้านเมืองเอาไว้ไม่ได้ อย่างพวกกุลา พวกตะโก้งก็ต้องตกเป็นข้าทาสพวกฟ้าหลั่งหมด"
"ลูกจะฝึกการรบให้จงหนักเจ้าข้า จะไม่ทำให้เจ้าพ่อผิดหวัง จะรักษาเมืองนายเอาไว้ให้ลูกหลานอย่างมั่นคงเจ้าข้า"
เจ้านางปิ่นเมืองเข้ามาดักหน้าเจ้าราบฟ้า
"ได้ห้ามเจ้าพ่อหรือเปล่าเจ้าพี่"
"ปิ่นเมืองพี่รีบ"
"เรื่องละอองคำนะ เจ้าพี่พูดกับเจ้าพ่อหรือหาไม่ มันไม่สมควร"
"น้องปิ่นเมือง ฟังพี่นะ เมืองนายของเรายังมีปัญหาที่จะต้องแก้ไขมากมายหลายเรื่อง"
"เรื่องความผิดของแม่นังละอองคำเป็นเรื่องสำคัญ ทำไมเจ้าพ่อลืมไปได้ ไม่ถูกไม่ต้อง น้องไม่ยอมเจ้าข้า ยังไงน้องก็ไม่ยอม"
"เรื่องใหญ่ในตอนนี้นะปิ่นเมือง คือการที่เราจะหลุดพ้นจากอำนาจไอ้พวกฟ้าหลั่งได้อย่างใด ส่วนเรื่องในพี่ในน้อง เจ้าอย่าทำให้เป็นศึกภายในกวนใจเจ้าพ่อเลย เชื่อพี่เถอะนะเจ้า"
เจ้าราบฟ้าแยกไป เจ้านางปิ่นเมืองยิ่งโกรธ
"โอ๊ย ทำไม ทำไมไม่มีใครฟังเสียงข้าเลยอีฟอง อีฝน"
ฟอง-ฝนขานรับ
"ใช่แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
เจ้านางปิ่นเมืองระบายอารมณ์ด้วยการยันอีฟองอีฝนเข้าให้
ละอองคำกับรุ้งแก้วช่วยกันทำความสะอาดข้าวของที่จะใช้ในกระบวนดำหัว อย่างขะมักเขม้นอยู่
เจ้าราบฟ้ารีบเข้ามา
"เจ้าพี่" รุ้งแก้วเรียก
"พี่มาลาเจ้า"
"อันใดกันเจ้าข้า"
บริเวณหน้าคุ้มละอองคำ เจ้าราบฟ้าบอก
"เจ้าฟ้าหลวงท่านระดมเหล่าเชื้อเครือไทเราไปฝึกรบ ไว้รับมือกับพวก กุลาฟ้าหลั่ง พี่ต้องไปก่อนแล้วคนดีของพี่"
"ทำไมเรื่องมันกะทันหันอย่างนี้"
"อยู่ทางนี้รักษาตัวให้อยู่ดีนะเจ้า อย่าลืมที่พี่บอกไว้ เอาใจเจ้าพ่อให้มาก"
"น้องไม่มีวันลืมคำของเจ้าพี่เลยเจ้าข้า"
"พี่ก็เหมือนกัน จะเอาน้องประดับไว้กับใจตลอดเวลา แม้ว่าเราจะห่างไกลกัน"
"แล้วเรื่องไม้ค้ำสะหรี ไว้รอพี่กลับมาก่อนแล้วค่อยถวายดีมั๊ยเจ้าข้า"
"เรื่องการบุญการกุศลอย่ารออันใดอีกเลยเจ้า วันพญาวันแต่เช้า น้องเจ้าก็ช่วยพาไปค้ำจุนพระศาสนา ถึงพี่จะไม่อยู่ แต่ก็เหมือนเราทำบุญร่วมกันละเจ้า"
"น้องจะอธิษฐานให้ผลบุญคุ้มครองเจ้าพี่ ให้ปลอดภัยกลับมา"
"ชื่นดวงใจพี่นัก ทูนหัวของพี่"
"น้องจะนับวันคอยวันที่เจ้าพี่คืนกลับมาเมืองนายเจ้าข้า"
บริเวณหน้าวัดหลวง ทหารม้า 4 นาย
อยู่แวดล้อมอารักขาสี่ทิศเจ้าราบฟ้า ต่างควบม้ามุ่งหน้าออกไปจากเมืองนาย เจ้าราบฟ้าควบม้าหันกลับมามองหลังอย่างอาลัย
เจ้านางปิ่นเมืองครุ่นคิดอยู่ในคุ้ม ฟอง - ฝนรีบมาเฝ้า
"ได้เรื่องมาแล้วเจ้าข้าเจ้านาง" ฟองบอก
"ว่าใดอีฟอง"
"เจ้านางละอองคำคิดจะมาร่วมดำหัวเจ้าฟ้าด้วยเจ้าข้า"
"เห็นตระเตรียมเป็นการใหญ่เลยเจ้าข้า ทำนั่น ทำนี่ ทำโน่น สารพัดจัดประจง" ฝนบอก
"มันคงรู้เรื่องที่เจ้าพ่อใจอ่อนก็เลยคิดประจบใหญ่ คงกลัวว่าจะไม่ได้แก้วแหวนแสนสมบัติของแม่มันละมั๊ง"
ฟอง-ฝนบอก
"แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
"เฮอะเหอนังละอองคำ มันไม่เจียมเนื้อเจียมใจ จะขึ้นมาเป็นคนโปรดเจ้าพ่ออย่างกับแม่มันนะหรือก็ให้มันรู้ไปสิ กูไม่ยอมหรอกเฮ้ย"
หมู่บ้านชนบท ในเวลากลางวัน เสียงแม่ร้องเพลง "อือจา" ซึ่งเป็นกล่อมลูกแบบล้านนา
...อืออือจาจา หลับสองต๋า แม่นายมาก่อยตื่น
ตื่นบ่มีใคร๋อู้ ป้อมันมัวเส๊าะหาแม่ใหม่
อืออืออืออือ หลับติ๊บติ๊บ แมงก็ลิบต๋อมต๋า
อืออืออืออือ หลับบ่ชื่น แม่นายจ้างตี๋ หลับบ่ดี แม่นายจ้างด่า...
ณ เรือนแม่ลูกอ่อน มีทารกเกิดใหม่ไม่นาน แม่คอยประคบประหงม พร้อมกับฮัมเพลงกล่อมแบบพื้นเมืองเบาๆ เพลินอยู่ที่ชานเรือน
หญิงเฒ่าขายผีขึ้นบันไดมามองเด็กเขม็ง เลียรีมฝีปาก แล้วกลืนน้ำลายด้วยความหิว แม่เด็กหันมาเห็นก็สะดุ้ง
"อุ๊ย ยายมาแต่ไหน ทางใด ข้าไม่เคยเห็นหน้าเลย"
"ลูกเอ็งท่าจะเลี้ยงง่ายอยู่นะ ไหนขอข้าอุ้มข้าชมเด็กหน่อยสิ ส่งมา..." หญิงชราบอก
"เอ้อ..." แม่เด็กขยับออกห่างไปอีก
"ข้าสั่งให้เอ็งเอาเด็กมา ส่งเด็กมาให้ข้า เอามาสิ...ส่งมา ไม่ได้ยินรึ"
แม่ลูกอ่อนตกอยู่ในการสะกด ลุกเอาลูกไปยื่นให้หญิงขายผี หญิงเฒ่ากำลังจะรับเด็ก
เด็กร้องไห้จ้าขึ้นทันที แม่ลูกอ่อนได้สติ ดึงลูกกลับกอดไว้ ถอยห่างจากหญิงเฒ่า
"ส่งลูกมา"
"ไม่ ไม่...ข้าไม่ให้"
แม่เด็กหันหนีหญิงเฒ่าจะพาลูกเข้าห้องเสีย แต่หญิงเฒ่ามาดักอยู่ที่หน้าห้อง"เอ็งหนีข้าไม่พ้นหรอก ส่งเด็กมา ข้าหิว...ได้ยินมั๊ยอีแม่ลูกอ่อน"
"ไม่ ไม่ อย่าทำอะไรลูกข้า อีพ่อมัน อีพ่อมันมาช่วยลูกช่วยเมียด้วย ช่วยด้วยช่วยที อีพ่อมัน ไปอยู่ทางไหนทางใดกันหมด ช่วยที"
หญิงเฒ่าล้มลงกองกับพื้นดินบริเวณหน้าเรือน กลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาล้อมกรอบพร้อมมีดไม้ในมือ พร้อมเอาเรื่องเต็มที่ ฝ่ายแม่ลูกอ่อนดูอยู่บนเรือน
"ข้าหิว...อย่ามาขัดขวางข้า ไปให้พ้น ข้าหิว"
ชาย1บอก "อีผีกละ บอกมาบะเดี๋ยวนี้ ใครเป็นเจ้าของมึง"
"ไม่ กูไม่บอก กูหิว ส่งเด็กมาให้กูกินได้แล้ว กูหิว"
ชาย2 บอก "หิวมากเหรอ กินมือกินไม้ไปก่อนแล้วกัน อีผีกละ นี่แน่ะ นี่แนะ"
"โอ๊ย โอ๊ย"
ชาย1ถามซ้ำ "จะบอกหรือว่าไม่บอก ใครเป็นเจ้าของมึง บอกมาถ้าไม่อยากเจ็บตัว"
"โอ๊ย"
ผีกละพุ่งดิ่งกลับเรือน เสียงหญิงขายผีดัง "โอ๊ย" ต่อเนื่องมา จากพื้นดิน ผ่านบันได เข้าตัวเรือน แล้วลอยไปบนเพดานเรือน
“หม้อผีกละ” ที่ซ่อนอยู่บนเพดานของเรือน เป็นที่อยู่ที่เลี้ยงผีกละ
เจ้านาง ตอนที่ 1 (ต่อ)
กลุ่มชายฉกรรจ์ตามปู่อาจารย์เข้ามาหยุดที่หน้าเรือนร้าง
แล้วลากคุมพาหญิงเฒ่ามาด้วย หญิงเฒ่าดูอ่อนแรงเต็มทีทำมารยาเหมือนใกล้ตาย
"มันต้องอยู่ที่นี่แน่ ขึ้นไปเอาหม้อผีกละลงมา จะได้ทำพิธีฝัง ไม่ให้มันเที่ยวไปทำร้ายกินใครได้อีก" ปู่อาจารย์บอก
ชาย1บอก "ไปพวกเราค้นให้ทั่ว หาให้เจอให้ได้ มันร้ายนัก ปู่อาจารย์จะได้ฝังมัน"
ชายฉกรรจ์ต่างพากันกรูจะขึ้นเรือนด้วยความฮึกเหิม
พายุและเมฆผีจากบนเรือนพุ่งออกมา ปะทะพาร่างชายฉกรรจ์จนกระเจิงตกจากเรือน หญิงเฒ่าได้ลมผีปะทะเข้าหน้าก็ลืมตาโพลง อาศัยความชุลมุนที่ผีบันดาล ลุกวิ่งหนี หลบเร้นไปอย่างว่องไวปู่อาจารย์บริกรรมคาถา แล้วล้วงมีดหมอออกมาจากย่าม ขว้างลงปักดินหน้าบันได
พายุสงบ กลุ่มเมฆผีกระเจิดกระเจิงหายไปในที่สุด
"ผีกละมันอยู่ที่นี่แน่ รีบขึ้นเรือนไปเสาะหา ไม่ต้องกลัวมัน"
ทั้งหมดพากันขึ้นเรือนไปด้วยความกระตือรือร้น
จ้านางละอองคำและรุ้งแก้วช่วยกันติดสายหมากไหมเข้ากับโครง เพื่อทำพุ่มหมากสุ่ม อันเป็นเครื่องสักการะดำหัว มีขันดอก(พานดอกไม้) ต้นดอก หมากสุ่ม หมากเบ็ง สวยหมากสวยพลู ละอองคำสอนรุ้งแก้วด้วยความเอ็นดู
"ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย" เสียงหญิงขายผีดังเข้ามา
"ฟังสิรุ้งแก้ว ใครมาร้องให้ช่วย"
เสียงหญิงนั้นร้องไห้โฮอย่างเจ็บปวด รุ้งแก้วขยับเข้าหาละอองคำ อย่างหวาดๆ
ละอองคำนำรุ้งแก้วก้าวออกมาจากคุ้ม มองหาต้นเสียงที่นอกเรือน
"ใคร"
"เจ้าพี่เจ้าข้า"
"เจ้ากลัวอันใดนะ รุ้งแก้ว"
ละอองคำชะเง้อมองไม่เห็นอะไร ก็ก้าวไป รุ้งแก้วกำลังจะก้าวตาม แต่ต้องสะดุ้งเพราะมองไปเห็น
หญิงเฒ่าที่นอกเรือน
"ช่วยด้วย ช่วยผีข้าด้วย แล้วผีจะตอบแทนเจ้า ผีจะตอบแทนเจ้าทุกอย่าง"
รุ้งแก้วยิ่งกลัว
บริเวณเรือนร้างผีกละ ชาย1 เอา “หม้อผีกละ”มาส่งให้ปู่อาจารย์
"ใช่หรือหาไม่ท่านปู่อาจารย์"
"นี่ละ หม้อผีกละ ที่อยู่ที่สิงสถิตของพวกมันละ ต้องหาป่าช้าทำพิธีฝัง"
ชาย2 บอก "มันร้ายนัก จะกินแม้กระทั่งเด็กแดงๆ"
"มันคงหิวเพราะลูกหลานไม่ได้เลี้ยงดูเซ่นไหว้ ปล่อยเอาไว้ มันจะยิ่งร้ายกาจ จะยิ่งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนมากขึ้น"
ชาย1บอก "อีผีกละเหย คราวนี้ละมึง จะถูกโทษถูกทัณฑ์ ขังอยู่ใต้พระแม่ธรณี ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกแล้ว"
หญิงขายผีนั่งคุดคู้ร้องไห้ครวญครางโหยหวนอยู่ที่บริเวณคุ้มละอองคำ ภายในมุ้ง รุ้งแก้วจิตอ่อนขยับเข้าใกล้เจ้านางละอองคำเป็นที่พึ่ง
"เจ้าพี่เจ้าข้า เสียงนั่นยังไม่หยุด"
"รุ้งแก้ว น้องจะกลัวไปถึงไหนกันเจ้า"
"ก็...ก็"
"เราเกิดมาเป็นหญิงแล้วอย่างหนึ่ง แล้วจะยังขวัญอ่อนขวัญแขวนอย่างนี้ต่อไปวันข้างหน้า จะไม่โดนหลอกอยู่ร่ำไปรึ"
"น้อง...น้องกลัว..ผีเจ้าข้า"
"ถ้ารู้ว่าเจ้ากลัว ผีมันก็จะมีฤทธิ์เดชอยู่ต่อไป น้องต้องเข้มแข็งสิ รุ้งแก้วที่น่ากลัวยิ่งกว่าอันใดในโลกหล้า ก็คือคนเรานี่แหละ น้องต้องระวังให้ดี"
"เจ้าข้า"
"ทำใจให้สบายหลับเสียเถอะนะเจ้า พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง...พี่อยู่นี่ อย่ากลัวไปเลยนะเจ้า"
บริเวณคุ้มเจ้าฟ้า มีพระญาติวงศ์ใกล้ชิดมาร่วมงาน
อาทิ ละอองคำ ปิ่นเมือง รุ้งแก้ว เจ้านางเมีย-ลูกต่างๆ ตลอดจนข้าทาสบริวาร อาทิ ฟอง ฝน
เจ้าฟ้าปล่อยนกให้กรูจากกรง แล้วกล่าวว่า
"สรรพเคราะห์ สรรพภัย สรรพโศก สรรพโรคทั้งหลาย"
โดยมีปิ่นเมืองช่วยอยู่ใกล้ชิด ละอองคำและรุ้งแก้วอยู่ห่างพ่อ
"ขอให้ตกลงไปในกาลปีใหม่แก้วนี้"
เจ้าฟ้าสลัดน้ำขมิ้นส้มป่อยใส่หัวปิ่นเมืองพร้อมอวยพร
"เคราะห์ภายหลังอย่าอยู่ ถ้าเคราะห์ภายหน้าอย่าให้มี"
แล้วเดินต่อมาเจ้านางอื่นๆ จนถึงละอองคำและรุ้งแก้ว
"หื้อตกลงไปกับปูกับปลา กับสกุณานกน้อยใหญ่ทั้งหลาย"
เจ้าฟ้าลังเลเล็กน้อยแต่ก็พรมน้ำให้
"ในทีฆากาละบัดนี้ สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาภัง ภวตุเม"
ปิ่นเมืองมองอยู่ด้วยความหมั่นไส้
ความยิ่งใหญ่ของต้นโพธิ์โบราณ(ล้านนาเรียก-ไม้สะหรี) ในวัดหลวง ไม้ค้ำลงรับที่ละอองคำและรุ้งแก้วที่ช่วยกันจัดกระบอกน้ำกระบอกทราย และสวยดอกให้ไม้ค้ำสะหรี(ค้ำต้นโพธิ์แล้ว)ที่นำมาถวายค้ำจุนพระศาสนา
รุ้งแก้วบอก
"น่าเสียดายที่เจ้าพี่ราบฟ้าไม่อยู่นะเจ้าข้า เพราะเจ้าพี่ตั้งใจทำไม้ค้ำสะหรีนี้มาก ไม่ยอมให้ใครช่วยเลย นอกจากเจ้าพี่ละอองคำคนเดียว"
ละอองคำยิ้มคิดย้อน
ทั้งคู่ช่วยกันย้อมไม้ค้ำสะหรีด้วยน้ำขมิ้น เจ้าราบฟ้าแอบมองดูคนรักทำงาน
"งามแท้ๆ งามจริงๆ"
"พอย้อมแล้ว ไม้ค้ำสะหรีสีสุกดังทอง งามจริงๆอย่างเจ้าพี่ว่า"
"พี่ไม่ได้ชมไม้ค้ำสะหรีดอกเจ้า"
ละอองคำเขินอาย
"เจ้าพี่"
"ยิ่งมอง พี่ก็ยิ่งเห็นว่าเจ้า...งามแท้ๆ ละอองคำ เนื้อทองของพี่"
เจ้านางละอองคำยิ้มปลาบปลื้ม พนมมือไหว้ต้นโพธิ์
"ข้าขอไหว้สาเทวะตาที่รักษาไม้สะหรีเป็นเจ้า ขอได้ช่วยอำนวยอวยพรให้เจ้าพี่อยู่รอดปลอดภัย อย่าได้มีอันใดทำให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจได้เลยเจ้าข้า ให้เจ้าพี่กลับมาไวไวด้วยเจ้าข้า อย่าไปเนิ่นไปนานนักเลยเจ้าข้า"
ฟองและฝนลับๆล่อๆรีบลงจากคุ้ม หลังจากทำธุระบนเรือนเสร็จแล้ว
"เร็วเข้าสิ ประเดี๋ยวเจ้านางละอองคำกลับจากวัดมาพบเข้า เสร็จกันเลยเชียว" ฟองบอก
"ก็รีบอยู่นี่ละ จะปากเปียกปากแฉะอันใดนักหนา อีฟอง"
"รีบกลับไปคุ้มเราดีกว่า"
หญิงขายผีเข้ามาดักหน้า
"ว้าย ผีหลอก" ฟองร้อง
"ยายนี่ มาเงียบๆไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย" ฝนว่า
"ช่วยด้วย"
"เอ๊ะ พวกคนทุกข์คนยาก มาเกะกะเพ่นพ่านในคุ้มหลวงนี่ได้ยังไง" ฟองว่า
"นั่นนะสิ ไปนะ ไปเลยไปให้พ้น ไม่งั้นข้าจะพาบ่าวแก้ว ขุนหาญมาลากตัวออกไป"
หญิงเฒ่าจึงก้าวจากไป
"เราก็เหมือนกัน รีบไปจากที่นี่ ไวไวอีฝน"
คณะนางช่างฟ้อนรำนำหน้าขบวนดำหัวเข้ามา
บ้างฟ้อนโปรยปรายข้าวตอกกลีบดอกไม้ ใส่เครื่องสักการะที่แห่แหนกันมา เจ้าฟ้านั่งชมกระบวนลูกๆอยู่อย่างสดชื่นยิ้มแย้มกับบรรดาเมียๆ
เจ้านางปิ่นเมืองประคองอูปเงินใส่น้ำขมิ้นส้มป่อยมาในขบวน ตามด้วยเจ้านางลูกต่างๆ ล้วนถืออูปเงินแล้วจึงเป็นละอองคำและรุ้งแก้วอยู่ท้ายขบวน
เครื่องสักการะที่แห่มาตั้งเข้าที่ถวายเจ้าฟ้าแล้วรับอูปเงินจากปิ่นเมืองเข้ามาวาง ปิ่นเมืองกราบลงที่ตักเจ้าฟ้า
"วันนี้ฤกษ์ดีเป็นศรีพญาวัน ในฐานะลูก บุญคุณของพ่อแม่ยิ่งใหญ่กว่าภูผาหลวงยากที่ลูกจะตอบแทนทั้งปวงได้หมดได้สิ้นเจ้าข้า"
"ปิ่นเมืองลูกรักของพ่อ"
"ลูกได้เตรียมน้ำทิพย์สุคนธา ขอให้ลูกได้ดำหัวเจ้าพ่อ เพื่อเป็นสิริมงคลปีใหม่ด้วยเถอะเจ้าข้า"
"ได้สิ ได้สิเจ้า"
เจ้านางปิ่นเมืองเปิดฝาอูปออก น้ำขมิ้นส้มป่อย ลอยดอกไม้พื้นเมืองในอูป ปิ่นเมืองตักน้ำรดลงที่มือเจ้าฟ้า เจ้าฟ้าพรมน้ำให้พร
"จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง"
ปิ่นเมืองกราบแทบเท้าพ่อ เงยหน้ามาก็พบปิ่นรัตนชาติรออยู่แล้ว
"เจ้าชื่อปิ่นเมืองเป็นมงคลนาม พ่ออยากให้ปิ่นนี้แก่เจ้า ลูกรักของพ่อ"
"รับใส่เศียรเกล้าเจ้าข้า"
อีกมุมหนึ่ง ฟองและฝนตาโตพาปิ่นเข้ามาชม
"งามเหลือเกิน งามแท้ๆเจ้าข้า ปิ่นแก้วปิ่นคำค่าควรเมืองอันนี้"
"สวยสมกับเจ้านางเป็นที่สุดเลยเจ้าข้า เกิดมาไม่เคยเห็นปิ่นใดงามเท่านี้มาก่อน"
"พวกเอ็งคิดเห็นกันได้แค่นี้เองหรอกหรือ"
ฟองร้อง "อ้าว"
"อย่างใดกันเล่าเจ้าข้า" ฝนว่า
"ปิ่นอันนี้น่ะ มันไม่ได้เท่าขี้เล็บของสมบัติในกำปั่นของแม่นังละอองคำเลย"
"จริงๆด้วยเจ้าข้า" ฟองว่า
"นั่นสิเจ้าข้า" ฝนสอพลอ
"แล้วเจ้าพ่อกำลังจะให้ทั้งหมดกับมัน มันจะมีบุญพอได้รับแก้วแหวนแสนสิ่งทั้งกำปั่นของแม่มันไหมหนอ กูยังสงสัยอยู่อีฟอง อีฝนเหย"
ละอองคำลงกราบแทบเท้าพ่อในมุมพิธีดำหัว เจ้าฟ้าเปิดกำปั่นอย^j
"เป็นอย่างใดบ้าง หลายปีมานี่เจ้าคงกินอยู่อย่างลำบากสินะ"
"ไม่เลยเจ้าข้า ลูกสุขสบายทุกอย่างทุกประการ"
"เจ้ามันเข้มแข็งเหมือน...."
"ลูกเตรียมน้ำขมิ้นส้มป่อยมาเจ้าข้า ลูกจะขอดำหัวเจ้าพ่อเจ้าข้า"
"ได้สิลูก"
ละอองคำจึงยื่นมือไปเปิดฝาอูปของตัวเอง เจ้าฟ้าตกใจกลายเป็นโกรธ
"อีละอองคำ"
ปิ่นเมืองเข้ามาสมทบทันที
"เจ้าพ่อ"
"ไม่นึกเลยว่ามันจะร้ายกาจอย่างนี้"
"เจ้าพ่อเจ้าข้า"
ปิ่นเมืองขยายแผล
"ตายแล้วตายจริงละอองคำ วันนี้วันดีศรีวันพญาวัน เจ้ากลับเอาเลือดมาดำหัวเจ้าพ่อเสียได้"
ละอองคำรีบดูในอูป เป็นเลือดข้น ละอองคำตกใจ
"ไม่..ไม่ใช่"
"ไปเดี๋ยวนี้นะ ข้าไม่อยากเห็นหน้า นังลูกนอกคอก"
"เจ้าพ่อเจ้าข้า ฟังลูกก่อน เจ้าพี่" รุ้งแก้วว่า
ปิ่นเมืองขัด
"ไม่ต้องพูด ไม่ต้องแก้ตัวแทนทั้งสิ้นรุ้งแก้ว"
"ลูกไม่ได้ทำ ลูกไม่..." ละอองคำพยายามปฏิเสธ
"ไปให้พ้นนะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก เอาของสกปรกกลับไปให้หมดด้วย มันเสนียดจัญไรทั้งนั้น ไปให้พ้น"
เจ้าฟ้าก้าวออกไป บรรดาเมียๆลูกๆตาม ปิ่นเมืองยิ้มเยาะสะใจ กับฟองและฝน แล้วก้าวตามพ่อไปจากอูปเลือด ละอองคำช้ำใจ
ภายในคุ้ม เจ้าฟ้าโกรธและผิดหวังในตัวละอองคำมาก
"นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะทำได้ถึงขนาดนี้ นี่มันคงผูกใจแค้นแทนแม่มัน นังลูกงูเห่าถึงเอาเลือดมาดำหัวกูอย่างนี้ อีละอองคำ"
ปิ่นเมืองเข้ามาสมทบ
"เจ้าพ่อเจ้าข้า ใจเย็นก่อนนะเจ้าข้า อย่าให้เสียฤกษ์ สะหรีวัน พญาวันปีใหม่เลยเจ้าข้า"
"พ่อไม่สั่งโบยมันก็บุญรักษานักแล้ว...ปิ่นเมือง"
"เจ้าข้าเจ้าพ่อ"
"ลูกอย่าได้เอาอย่างมันเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นพ่อคงอายุสั้นเสียแน่"
"เจ้าพ่อเจ้าข้า"
"มีลูกดี เหมือนมีแก้วต่ออายุให้พ่อแม่นะเจ้านะ"
ละอองคำปิดอูบเงิน จะลุกพาอูบไปแต่เซ รุ้งแก้วเข้าประคอง
"เจ้าพี่"
ปิ่นเมืองนำฟอง ฝน เข้ามาเยาะ
"นี่ขนาดไม่ถูกสั่งโบยสั่งเฆี่ยน ยังเข่าอ่อนเข่าทรุดเลยเชียวหรือ ละอองคำเหย คนที่คอแข็งแกร่งกล้าหายไปหลบอยู่ทางใดเสียเล่ารึเอ็งเห็น ฮึอีฟอง อีฝน ช่วยกันดูทีสิ"
"ข้าเจ้าไม่เห็นเลยเจ้าข้า" ฟองบอก
"นั่นสิเจ้าข้า ไม่เห็น ไม่เห็นเจ้าข้า"
รุ้งแก้วกลัวมีเรื่อง
"กลับกันดีกว่าเจ้าข้า เจ้าพี่"
"อย่าให้ข้ารู้ได้เชียวว่าอีนังตนใดใจสกปรก ทำเรื่องอัปรีย์ โสโครกได้ถึงเพียงนี้" ละอองคำว่า
"นั่นสิ โสโครก อัปรีย์ บัดสีบัดเถลิงสกปรก เร็วเข้าอีฟอง อีฝนพรมน้ำขมิ้นส้มป่อยล้างไล่เสนียดจัญไรออกให้หมด พญาวันทั้งทีนะมึงเหย ไม่งั้นความทุกข์ความยากจะเกาะติดมึงไปทั้งตาปีสีตาชาติเลยเชียว พรมเข้าพรมให้ทั่ว ล้างความชั่วความทราม"
ละอองคำขยับฝาอูบเปิดออก แล้วมองชั่งใจ เลือดในอูบสั่นตามมือของละอองคำ ปิ่นเมืองจีบปากจีบคอ ขยับปากเป็นพูดว่าด่าเหน็บต่างๆ ละอองคำตัดสินใจแล้วที่จะสาดเลือดใส่ปิ่นเมือง
บริเวณป่าช้า แมวดำทิ้งตัวลงไปยังดินที่ปู่อาจารย์เอาหม้อผีกละมาทำพิธีฝังไว้ แมวดำพยายามตะกุยดินช่วยเจ้านายมันที่อยู่ข้างใต้ดิน เสียงแมวโพงมาพร้อมกับเสียงผีกละที่โกรธแค้น
ฝ่ายผีกละที่โดนขังในหม้อใต้ดิน กำลังคลั่งทุบผนัง ตีอกชกหัวทรมาน
"โอ๊ย...ข้าหิว โอ๊ย...ข้าหิวได้ยินมั๊ย ข้าหิว ข้าอยู่อย่างนี้ไม่ได้ เอาข้าออกไปจากที่นี่ ข้าหิว ได้ยินกันมั๊ย..ข้าหิว...ข้าทรมาน โอ๊ย" เสียงสะท้อนของผีกละดังก้องไป
หญิงเฒ่าผุดลุกเข้ามาอย่างงันงกร้องไห้ มองไปทางบนคุ้มละอองคำ
"ช่วยผีข้าด้วย แล้วผีข้าจะช่วยเจ้าทุกอย่าง ช่วยด้วยเถอะ"
ละอองคำ อุ้มอูบเลือดปราดเข้ามาหาปิ่นเมือง แต่รุ้งแก้วขวางไว้
"เจ้าพี่อย่าเจ้าข้า อย่าเจ้าข้า"
"หลีกไปรุ้งแก้ว พี่บอกให้หลีก"
"อย่าขวางพี่เขาเลยรุ้งแก้ว ไหนๆก็เตรียมมาแล้วนี่นะ จำไว้ด้วย ละอองคำ ถ้าเลือดมันสะดุ้งสะเด็นมาถูกข้าแม้แต่เพียงหยดเดียว หลังเจ้าลายแน่ เจ้าพ่อคงไม่ปล่อยเจ้าอีกคราวนี้" ปิ่นเมืองว่า
"ใช่แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง" ฟองว่า
"เห็นกันตั้งหลายตา" ฝนบอก
นางข้าไทพยักเพยิดตามนาย พร้อมเป็นพยาน
"อย่าทำนะเจ้าข้า น้องขอร้องเจ้าข้าเจ้าพี่ เราพี่น้องกันทั้งนั้น" รุ้งแก้วบอก
"พี่น้องเหรอ" ละอองคำพูดอย่างขมขื่น
"เรา..พี่น้องกันทั้งนั้น" ปิ่นเมืองย้ำเยาะ
ฟอง-ฝนสอพลอ "ใช่แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
ปิ่นเมืองท้าทาย
"อ้าว พรมเข้าสิ หยุดเสียทำไม อีฟอง อีฝน เดี๋ยวเสนียดจัญไรก็กินหัวพวกเอ็งจนได้หรอก อีพวกนี้นี่เฮ่ย อยากขวัญกุดขวัญเน่าก็ตามใจ ข้าไม่เอาด้วยหรอก มันน่ารังเกียจเดียดฉันท์"
ละอองคำกลับมาที่คุ้มพร้อมอูบอัปยศ
"เลือดเหยเลือด ข้าไม่ได้เบียดเบียนชีวิตผู้ใดให้เลือดรินไหล แม้เพียงสเล็กสน้อยข้าไม่ได้ตั้งปรารถนาให้พญาวันเริ่มต้นอย่างนี้...เลือดเหย กลับไปผูกเวรพยาบาทกับคนที่มันคิดการชั่วช้า ในวันนี้ด้วยเถิดเลือด"
ละอองคำสาดเลือดทิ้งบนพุ่มไม้แล้วก้าวไป
หญิงเฒ่ารีบเข้ามาหาเลือด ตาลีตาเหลือกเพราะได้กลิ่นเลือด หญิงเฒ่ารีบเด็ดใบไม้ที่รับเลือดมากองรวมไว้เพื่อจะไปส่วยผีกละ
"เลือด" หญิงขายผีหัวเราะอย่างพอใจ
ที่คุ้มปิ่นเมือง ฟองสำลักอยู่นานแล้ว จนน่ารำคาญ
"อันใดกันอีฟอง ถ้ามึงยังไม่หยุดสำลัก กูจะให้คนจับมึงโยนลงไปจากคุ้มกูประเดี๋ยวนี้เลย จะหายหรือว่าไม่หาย"
ฟองหยุดกึก กลัวถูกโยนมากกว่า
"สงสัยว่า ไก่ที่โดนเอ็งเชือดคอเมื่อเช้า มันจะแช่งเอ็งฮึฟอง" ฝนบอก
"ถ้าไก่มันจะพยาบาทคาดโทษ มันก็ถูกกันหมดทั้งเจ้า ทั้งข้านั่นแหละสูเหย"
"อีฟอง เดี๋ยวเถอะมึง ได้กระเด็นลงไปจริงๆจนได้ ปากมากปากดี"
คืนนั้น พระจันทร์เสี้ยวถูกเมฆดำลอยมาบดบัง
เจ้านาง ตอนที่ 1 (ต่อ)
เจ้านางละอองคำหวีผมให้รุ้งแก้ว ทั้งคู่เตรียมเข้านอน บรรยากาศในห้องมีแสงตะเกียงดูอบอุ่น
"น้องอยากเห็นเจ้าพี่รักกันดีกันเจ้าข้า ไม่อยากเห็นเจ้าพี่ผิดกันชังกัน"
"รุ้งแก้ว น้องยังเป็นเด็ก"
"ถ้าต้องโตขึ้นมาเพื่อเกลียดกันแกล้งกัน น้องไม่ขอโตดีกว่า ไม่เห็นว่าดีเลย"
"เจ้านี่ เราจะห้ามวันเวลาได้อย่างใด วันหนึ่งน้องก็ต้องโตเป็นสาว พี่ก็กลายเป็นคนแก่คนเฒ่าไปตามเรื่อง"
รุ้งแก้วลงนอนหนุนตัก
"ยามนั้นน้องจะดูแลเจ้าพี่เองเจ้าข้า ตอบแทนที่เจ้าพี่ได้ดูแลน้องมาทุกอย่าง"
"จำคำนี้ไว้นะรุ้งแก้ว พี่จะไม่มีวันลืม"
"น้องจะไม่จากเจ้าพี่ไปไหนเลยเจ้าข้า" แล้วรุ้งแก้วก็หลับ
ละอองคำขำ
"เด็กน้อยของพี่ วันนี้ถ้าไม่เป็นเพราะเจ้า พี่อาจหลังขาดไปแล้วก็ได้ ขอบใจเจ้ามาก ถ้าจะนับถือว่าเป็นพี่เป็นน้อง ก็แลเห็นแต่เพียงเจ้า..หาใช่อีปิ่นเมืองไม่"
หญิงเฒ่าเอาใบไม้เปื้อนเลือดมากองเซ่นผีกละใต้ดิน
"ลูกหลานเอาเลือดมาส่วยมาสู่ เชิญผีเจ้ามาสู่มากิน อย่าโกรธลูกโกรธหลานนักเลย"
ผีกละทะลึ่งพรวดเข้ามา
"เลือดแค่นี้ไม่ได้พอยาไส้ กูจะต้องถูกขังอยู่นี่ไปอีกนานเท่าใด คอยดูเถิด กูออกไปได้วันใด กูจะกินพวกสูให้หมด ลูกหลานเหย"
"ข้าเองก็อกไหม้ไส้ขม ไม่ได้นอนใจ คิดหาว่าใครนะ จะมาช่วยผีเจ้าได้"
"ต้องคนมีวิชาสิเว่ย ถึงจะล้างอาถรรพ์ไอ้ปู่อาจารย์นั่นได้ จับข้ามาขังมาสะกดไว้อย่างนี้ ข้าไม่ยอม มันหิว มันทรมาน ได้ยินกันมั๊ย โอ๊ย....ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน เห็นใจข้ากันบ้างหรือไม่ โอ๊ย...ลูกหลานเหย โอย...."
หญิงเฒ่าสะอื้นไห้อย่างอับจนหนทาง เสียงผีกละโอดโอยต่อเนื่อง แมวดำเลียเลือดที่ใบไม้ใน บรรยากาศวังเวง
สายหมอกมุงเมือง ยามเช้าของเมืองนาย พระเดินรับบาตรมาเป็นทิว รุ้งแก้วและละอองคำใส่บาตรอย่างประณีต ยิ้มแย้ม ผู้คนหมสไบผ้าด้วยทั้งหมดเป็นธรรมเนียม
รุ้งแก้วมีความสุข
"น้องคิดออกแล้วเจ้าข้าเจ้าพี่ ต้องเป็นมรรคเป็นผลแน่ๆเจ้าข้า"
"เรื่องอันใดกันหรือเจ้า มีมรรคมีผล"
"ก็วิธีที่จะทำให้เจ้าพี่ไม่โกรธไม่เกลียดใครเจ้าข้า"
"เอ้า ไหนว่าไปสิว่า พี่ควรจะทำอย่างใดจึงจะดี"
"ก็...ก็...ก็"
"ก็ เยอะจริง แล้วพี่จะได้รู้วิธีเมื่อใดเล่าน้องเหย"
"ก็เวลาเจ้าพี่กำลังโกรธ หรือจะโกรธจะเกลียดใคร ให้เจ้าพี่คิดถึง... เจ้าพี่ราบฟ้าสิเจ้าข้า"
ละอองคำขำ
"รุ้งแก้ว"
"เห็นมั๊ยเล่าเจ้าข้า เพียงแค่นี้เจ้าพี่ก็ยิ้มได้แล้ว"
"เจ้านี่มันเด็กเจ้าปัญญา ระวังเถอะจะเฒ่าเร็ว พี่จะบอกให้ฟัง"
"เจ้าพี่ต้องเอาไปใช้นะเจ้าข้า จะได้ไม่โกรธเกลียดใครให้เป็นเรื่องอีกเจ้าข้า คิดถึงใบหน้าเจ้าพี่ราบฟ้ากำลังยิ้มกว้างๆเข้าไว้เจ้าข้า เวลาโกรธ"
"เจ้าข้าเจ้า"
ละอองคำหยักหน้าหงึกๆ เล่นหัวแล้วพากันก้าวหายไปในสายหมอกเมืองนาย
ที่ดอยหมอกมุงเจ้าราบฟ้าตบมะผาบ ฟ้อนเชิง(มือเปล่า)ออกมาจากสายหมอก เหงื่อชุ่ม
"ละอองคำน้องเหย พี่หวังว่าเรื่องทุกอย่าง มีท่าต่างๆเป็นการทบทวนวิชาการต่อสู้ และอุ่นเครื่องร่างกายยามเช้า ทางเมืองนายจะเรียบร้อย อยู่ทางนี้พี่ตั้งใจที่จะฝึกการต่อสู้ทุกอย่าง ถึงจะเหนื่อยยากอย่างใด"
เจ้าราบฟ้ามีม้าคู่ใจ ท่ามกลางธรรมชาติ ...พระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก
ชาวเผ่าชาวดอยเดินมาตามทางราบฟ้าควบม้าผ่านไปอย่างคล่องแคล่ว
"แต่พอคิดว่าเจ้าตั้งตารอพี่อ พี่ก็หายเหนื่อย คิดว่าต้องตั้งใจให้มากขึ้น จะได้กลับไปหาน้องของพี่ในเร็ววัน"
บริเวณลานต่อสู้ ส้มโอผูกห้อยระดับสายตา แกว่งไปมาเรียงราย ราบฟ้าย่างหลบหลีกขุมต่างๆที่แขวนกับดักส้มโอเข้ามา คนอื่นๆที่ฝึกตามมา ตาไม่ไวก็ชนเข้ากับส้มโอ มึนกันไป
เหล่าครูโยนลูกผ้าใส่ระดับขาผู้ฝึก ให้มีอุปสรรคมากขึ้นอีก ราบฟ้าทำได้ดี ผ่านพ้นการทดสอบออกมาได้ในที่สุด
อีกมุมหนึ่ง เหล่าเจ้าไทลงเอนกายพักเหนื่อย
เจ้าไท 1บอก "ไอ้พวกฟ้าหลั่งดั้งขอ บ้านเมืองตัวก็มี ไม่รู้จักกลับไปอยู่ อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเล มาเที่ยวสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้บ้านเมืองเขา"
เจ้าไท 2 บอก "นั่นสิ ทำให้พวกเราต้องมาฝึกลำบากตรากตรำ โดนด่านย่างขุมส้มโอมึนหัวไปหมดแล้ว"
"เอาน่า อย่าบ่นให้มากไปเลย ตั้งใจฝึกบ่อยๆเจ้าก็เก่งไปเองแหละ" ราบฟ้าบอก
เจ้าไท 1บอก "ข้าสงสัยว่าเมืองไทเรามีดีอันใดหนักหนา ไอ้พวกฟ้าหลั่งถึงจ้องตาเป็นมัน"
เจ้าไท 2 บอก"อยากได้เมียไทซะละมัง"
"มากกว่านั้น ใต้หมื่นแสนแดนดอยของเรา ยิ่งขึ้นเหนือขึ้นไป ล้วนมีแก้วแสงแพงเมือง เป็นดอยแก้วดอยคำทั้งนั้น มันก็เลยจะแย่งเอาแก้วของเราไป"
เจ้าไท 2 บอก "นี่มันโจรชัดๆ จะมาคราบไหนอย่างใดก็คือโจร"
เจ้าไท 1บอก "ข้าไม่ยอมให้พวกมันมาปล้นเอาไปง่ายๆหรอก อย่างใดก็ไม่ยอม"
"นี่ละ ที่เราต้องมาฝึกรบกันที่นี่ ต่อไปก็อย่าบ่นกันอีก บ้านเมืองของเรา เราต้องรักษาเอาไว้ชั่วชีวิต"
คุ้มหลวงเจ้าฟ้าเมืองนาย นางข้าไทลำเลียงอัญมณีออกมาจากกำปั่นวางเรียงบนผ้ากำมะหยี่ ปิ่นเมืองตาวาวกับแก้วแสงต่างๆ
"พวกเอ็งถอยออกไปสิ ข้าจะได้ดูให้ถนัดแก่ตา ว่ามีแก้วถนิมพิมพาอันใดบ้าง"
"ถอยไปเร็วๆเข้าสิ ไม่ทันใจเลยจริงๆ ไปกองอยู่ที่ประตูโน่นเลย" ฟองบอก
"นี่ถ้า เจ้านางละอองคำได้แก้วแหวนแสนสิ่งกำปั่นนี้ไปละก็ น่าเสียดายแย่เชียวเจ้าข้า" ฝนว่า
"นั่นสิเจ้าข้า มันเป็นการพิสูจน์แล้วว่าเจ้านางละอองคำมีบุญไม่พอได้"
ปิ่นเมืองเข้าลูบไล้อัญมณีที่เรียงรายบนผ้ากำมะหยี่ด้วยความโลภ อัญมณีนั้นมีทับทิม มรกต ประพาฬ นิล เป็นต้น
"ปัทมราชแก้วก๊อ...แก้วบัวรกฏ.. แก้วปัพภา....แก้วมหานิล ทำไมถึงได้งามอย่างนี้หนอ งามแท้งามว่าดังหยาดฟ้ามาดิน"
ฟอง/ฝนบอก"งามแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
เวลาต่อมา เจ้านางละอองคำและรุ้งแก้วดำหัวกู่
"เจ้าแม่เจ้าข้า ลูกกับรุ้งแก้วมาดำหัว ขอให้เจ้าแม่ได้ช่วยปกป้องคุ้มครอง"
เสียงผีกละร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด รุ้งแก้วหวาดเช่นเคย
"เจ้าพี่"
"ไม่มีอันใดดอกเจ้า อาจเป็นเสียงร้องของสัตว์ ที่ติดบ่วงพรานก็ได้ เจ้าอย่าขวัญอ่อนไปเลยรุ้งแก้ว"
"เจ้า...เจ้าข้า"
บริเวณคุ้มหลวง ฟองและฝนชูอัญมณีรำฟ้อนสวนกันไปมา ให้ปิ่นเมืองได้พอใจ
"ให้ทับทิมแก้วก๊อเป็นพ่อเอ็ง อีฟองอีฝน"
"เจ้าข้าเจ้านาง" ทั้งคู่ว่า
"แล้วแก้วมหามุกดาเป็นแม่พวกเอ็ง ดีหรือหาไม่"
"ดีแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง พ่อแม่เป็นแก้วลอยเลิศฟ้า"
"แต่พวกเอ็งจะมีวาสนาพอหรือ เอามา เอาคืนมา พวกเอ็งถือไว้ก็อย่างงั้นละเหมือนลิงได้แก้วไม่มีผิด ไม่เหมาะไม่ควรกันสักนิด อย่าฝันไปเลย"
เสียงผีกละ ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เสียงนั้นระงมไปทั่วบริเวณกู่แม่ละอองคำรุ้งแก้วรีบเก็บข้าวของ
"รีบกลับกันดีกว่าเจ้าข้าเจ้าพี่"
"เจ้านี่นะจะลนลานไปถึงไหนกัน"
"เสียงนั่น"
"จะเสียงนั่นเสียงไหน พี่ก็เห็นเจ้าเป็นอย่างนี้ทุกทีละ ไม่รู้จะกลัวอันใดนักหนาสิ"
"กลับกันเลยนะเจ้าข้า"
"ตามใจเจ้า"
รุ้งแก้วรีบขึ้นหน้า หวังจะนำไปจากป่านี้เร็วๆ หญิงเฒ่าเข้ามาดักหน้ารุ้งแก้วไว้
"ว้าย"
"ช่วยด้วย"
หญิงเฒ่าล้มพับลง
"อ้าวยาย เร็วเข้ารุ้งแก้ว ช่วยกัน เป็นลมไปแล้ว ยาย ยาย" ละอองคำว่า
เจ้าฟ้าก้าวเข้ามาในคุ้มหลวง
"พวกแก้วแสงต่างๆในกำปั่นนี้ ถ้าลูกอยากได้ ก็เอาไปเถอะปิ่นเมือง"
"เจ้าพ่อ" ปิ่นเมืองดีใจมาก
"ในเมื่อเจ้าของมันจิตใจร้ายกาจนัก ก็ไม่ต้องได้สมบัติอันใดจากข้า"
"ทั้งกำปั่นนี่เลยหรือเจ้าข้า"
"พ่อให้เจ้าทั้งหมดนั่นละ เก็บเอาไว้ไม่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์อันใด สู้ให้เจ้าเอาไปคิดทำเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ไว้ประดับตนยังดีกว่า"
"เป็นบุญของลูกนักหนาเจ้าข้า ที่เจ้าพ่อเมตตา ลูกจะไม่มีวันลืมเลยเจ้าข้า"
"แก้วงามๆน้ำดีๆ เหมาะสมที่จะอยู่กับลูกมากที่สุด ปิ่นเมืองเจ้าคนงามของพ่อ"
"ลูกรักเจ้าพ่อมากที่สุดเลยเจ้าข้า ทูนขวัญทูนเกล้าของลูก"
"นี่ถ้าเพียง..นังละอองคำมันได้สักครึ่งของเจ้าก็ยังดี...ช่างมันเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ป่วยการไปคิดถึงมัน ว่าแต่เจ้าคิดจะเอาไปทำอะไรบ้าง บอกพ่อสิเจ้า"
ละอองคำและรุ้งแก้วต่างช่วยกันเช็ดหน้าเช็ดตัวให้หญิงเฒ่าที่เป็นลมหมดสติไป ชั่วครู่ หญิงเฒ่าเบิกตาโพลง คว้ามือรุ้งแก้วไว้หมับ
"ว้าย"
"ช่วยข้าด้วย"
"รู้สึกตัวแล้วหรือ ยาย" ละอองคำถาม
"ช่วยคนทุกข์คนยากด้วยเถอะเจ้าน้อยเจ้านาง ข้าไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้แล้ว"
"เอาเถอะ เอาเถอะยาย ข้าจะช่วยยายเอง อย่าร้องไห้ไปเลยนะ ยายนะ"
ละอองคำและรุ้งแก้วประคองพาหญิงเฒ่าเข้ามาที่หน้าคุ้ม
"มามา ขึ้นเรือนข้าก่อน ประเดี๋ยวข้าจะหาข้าวหาน้ำมาให้ยายกินนะ แข็งใจอีกหน่อยนะยาย"
"เจ้าสองคนช่างดีกับข้าเหลือแสน วันข้างหน้าข้าคงได้ตอบแทน"
"ไม่เป็นไรหรอกยาย เราต่างเกิดมาใต้ฟ้าหล้าเดียวกัน ใครมีทุกข์มาก็ต้องช่วยเหลือกันไป มาเถอะขึ้นเรือนข้า จะได้เอนหลังนั่งสบายๆ"
ยายเฒ่าขายผีก้าวขึ้นบันไดเรือน พายุพัดจากในบ้านพุ่งออกมา ผีเรือนไม่ยอมให้หญิงเฒ่าขึ้นเรือน
มีลูกไฟขว้างใส่ร่างหญิงเฒ่าคนเดียวโดยตรง
"ไม่ ไม่...เขาไม่ยอมให้ข้าขึ้นเรือน ไม่...ไม่"
"ยาย ยาย" ละอองคำเรียก
"ข้ากลัวแล้ว....โอ๊ย...กลัวแล้ว"
หญิงเฒ่าสะบัดมือจากละอองคำและรุ้งแก้ว วิ่งหัวซุกหัวซุนหนีลูกไฟ หกล้มหกลุก
ลมพาละอองพัดเข้าตาละอองคำ และรุ้งแก้ว ทำให้มองไม่เห็น จนพายุสงบลง"ยาย ยาย... เร็วเข้า รุ้งแก้วช่วยกันดูสิยายแกวิ่งไปทางไหน ทางใดแล้ว"
ละอองคำว่า
ฝ่ายฟองและฝนช่วยกันยกกำปั่นมาวางลง
"เห็นมั้ยละ ในที่สุด สมบัติกำปั่นนี้มันก็เป็นของข้าทั้งหมด"
"ถ้าเจ้านางละอองคำรู้จะว่าจะใดนะสู" ฟองว่า
"นั่นสิ ของของแม่เขาทั้งนั้น ไม่ได้ตกถึงลูกตัวสักสิ่ง"
"ซุบซิบอันใดกันอีฟองอีฝน ประเดี๋ยวเถอะมึงจะโดนกะลาตบปาก"
"เปล่าเจ้าข้า ไม่ได้ซุปซิบ"
"เรากำลังพูดถึงว่า เจ้านางช่างมีบุญหนักถึงได้เป็นเจ้าของแก้ว แหวนแสนสิ่งทั้งหมดนี้เจ้าข้า" ฝนพลิกลิ้น
"ให้รู้กันซะบ้าง ว่าข้าเป็นใคร สิ่งใดที่ข้าปรารถนาแล้วไซร้ จักต้องได้ ใครอย่าได้มาหมายชิง ไม่ว่าสิ่งใดทั้งนั้น"
"ไม่มีใครหาญกล้า มาแข่งบุญบารมีกับเจ้านางหรอกเจ้าข้า"
"วันหน้าแม้นว่า ข้าอยากได้สิ่งใด พวกเอ็งก็อย่าได้ช้า ต้องรีบไปเสาะไปหาให้ทันอกทันใจ รู้มั้ย"
"เจ้าข้า เว้นไว้แต่ดาวกับเดือน ข้าเจ้าจะไปเอามาให้หมดเลยเจ้าข้า" ฝนรับคำ
"แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
ปิ่นเมืองหัวเราะชอบใจ
"ใครอย่าได้เผยอมาแข่งขัน ประชันกับข้าเลยเชียว"
หญิงขายผีนั่งปวดแสบปวดร้อนทรมานอยู่ที่ป่าช้า
"ผีเจ้า ช่วยข้าด้วย ข้าเจ็บร้อนไปถึงกระดูก"
"เพราะกูถูกขังอยู่ในนี้ สูถึงถูกผีอื่นมันรังแกเอาได้ เห็นหรือไม่" ผีกละบอก
"ข้าจะหาคนมาช่วยผีเจ้า แต่ผีเรือนมันแรง มันไม่ยอม โอ๊ย"
"มันต้องมีวิธีสิน่า วิธีที่จะล้างอาถรรพ์ที่มันครอบขังกูอยู่ ไอ้ปู่อาจารย์ตัวดี"
ผีกละอาฆาต
"มึงทำให้กูลำบากอย่างนี้ มึงต้องลำบากยากเหลือกว่ากูหลายเท่า กูไม่ยอมหรอก"
บนท้องฟ้า มีดวงดาวทอแสงดารดาษสวยงาม เจ้าราบฟ้าก้าวเข้าเมาชมดาว
"น่าเสียดาย...ที่เจ้าไม่ได้อยู่ชมดาวดวง บนดอยกับพี่ด้วย"
ท้องฟ้าแจ่มดาวระยับ
เวลาเดียวกัน ละอองคำมองท้องฟ้าอยู่ที่ระเบียง คิดถึงคนรักยิ้มอยู่ รุ้งแก้วขับโคลงสี่จากพับสาร่วมเฟรม
๐ สิริดาวน้อยใหญ่งามตา
ขอแบ่งพรเทวะตาท่านช่วย
ดวงดาวเด่นเวหาคือห่วง ดวงใจเฮย
ลิบอยู่ไกลลับด้วยรักแท้ดาวไท ฯ
ละอองคำน้ำตาไหล โคลงช่างแทนความในใจ
เจ้าไท 1และ2 เข้ามาคะยั้นคะยอราบฟ้า มีซึงมาด้วย
เจ้าไท 2 บอก "น่า กลางวันเราก็ฝึกหนักกันแล้ว ค่ำๆอย่างนี้น่าจะไปแอ่วสาวผ่อนคลายกันบ้าง เจ้าพี่"
"พวกเจ้าไปกันเถอะ ข้าอยากนอนพัก"
เจ้าไท 1บอก "ข้าบอกเจ้าก็ไม่เชื่อ เจ้าพี่ไม่สนหรอกเรื่องแอ่วสงแอ่วสาว เพราะเจ้าพี่มีที่หมายแล้ว"
เจ้าไท 2 บอก "ถ้าเจ้าพี่ไม่ไปด้วย ฉวยข้าสองคนมีเหตุต้องเป็นอะไรไปเล่า ท่านไม่เป็นห่วงละหรือ"
"พวกเจ้าต้องสัญญากับข้าก่อน ถ้าข้าบอกให้กลับ พวกเจ้าก็ต้องกลับทันที"
เจ้าไท 2 บอก"ได้สิเจ้าข้า พวกเราให้สัญญา เจ้าพี่คนเก่งไปด้วย อุ่นใจขึ้นเยอะเลย"
เจ้าไท 1บอก"เราจะไปแอ่วสาวบ้านเหนือก่อนดี หรือว่าบ้านใต้ก่อนดีกว่า"
ราบฟ้าส่ายหน้าแล้วก้าวตามหลุดตามไปอีกคน
เสียงหมาหอนยามค่ำคืน
กลุ่มเจ้าราบฟ้าเข้ามาหน้าเรือนชาวบ้าน เจ้าไท1-2 ดีดซึง หัวเราะกันมา
เจ้าไท 1กระแอมบอก "แหม บ้านนี้เรือนนี้ดับไฟนอนแต่หัวค่ำ สงสัยว่าเราคงจะเก้อเสียแล้วคืนนี้" เจ้าไท 2 บอก "อย่าพูดเป็นลางสิ สาวๆเหย เจ้าหายไปไหนกันหมด ไม่เห็นใจพี่บ่าวบ้างเลย พี่อุตส่าห์มาเที่ยวแอ่วหา"
"เงียบเชียบอย่างนี้ เรากลับกันดีกว่า"
เจ้าไท 1บอก "มาเก้อจริงๆด้วย กลับก็กลับ"
แล้วสาวบนเรือนหลังหนึ่งพูดขึ้น
"พี่บ่าวเจ้าข้า จะไปไหนกัน จะไม่แวะขึ้นเรือนก่อนหรือเจ้าข้า"
สาวเอาน้ำมาให้กลุ่มชายหนุ่ม
เจ้าไท 2 บอก
"น้ำขันนี้คงจะหวานหอมชื่นใจ เพราะเจือไว้ด้วยไมตรีจิตไมตรีใจ"
"เชิญตามสบายนะเจ้าข้า พ่อกับแม่ไม่ค่อยสบาย แกนอนอยู่ข้างใน นี่ข้าเจ้าก็ไปขอปันยาจากปู่หมอมา"
เจ้าไท 1บอก "อ๋อ ลูกรักลูกกตัญญู น่าเห็นใจ แล้วแกเป็นอะไรมากหรือเปล่า พี่พอจะช่วยอะไรบ้าง ก็บอกนะ"
สองคนแข่งกันทำคะแนน
เจ้าไท 2 บอก "นั่นสิ น้องต้องรีบบอก อย่าได้เกรงใจ อยากให้ช่วยอะไรก็บอกมาเถอะเจ้า"
เจ้านาง ตอนที่ 1 (ต่อ)
ฝ่ายราบฟ้าลงจากเรือนมา ไม่อยากแข่งจีบสาวด้วย
เขาเดินเล่นมองไป แล้วค่อยๆหันกลับไปมองที่เรือน เห็นเป็นผีนั่งอยู่บนจั่วหลังคา ราบฟ้าสะดุ้ง รีบขยี้ตามองใหม่ ครั้งนี้เป็นเรือนปกติ ไม่เห็นผีแล้ว
สาวนั่งสอยผ้า ชายหนุ่มแข่งกันก้อร่อก้อติก
เจ้าไท 1บอก"สงสัยว่าขากลับไปนี่ ขวัญพี่คงไม่ครบสามสิบสองแน่ เพราะว่าขวัญของหัวใจพี่มันอยากอยู่ที่นี่กับน้องนะ"
"แท้แท้กะเจ้า จะเชื่อได้หรือ"
"พวกปากดีปากหวานเชื่อไม่ค่อยได้หรอกน้อง ต้องอย่างพี่ พูดจริงทำจริง เชื่อได้ทุกสิ่งอย่าง เรื่องผิดผีไม่ทำ" เจ้าไท 2 ว่า
ราบฟ้ามาสังเกตที่เชิงบันได แล้วเห็นชะนีดำกำลังเลียหน้าให้สาวอยู่ (เป็นความเชื่อ-ยิ่งเลียยิ่งสวยขึ้นๆ)
เจ้าไทขยับใกล้สาว
เจ้าไท 1บอก "นี่ไม่ได้ชมนะน้องนะ หัวค่ำว่าน้องงามแล้ว ยิ่งตกดึกกลับ ซ้ำงามขึ้นงามขึ้น เมื่อใดเจ้าถึงจะหยุด.. จะหยุดงามนะน้องเจ้า"
เจ้าไท 2 บอก"นั่นสิ หน้าผุดผ่องเป็นนวลใย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครงาม ซ้อนงามซับเท่าน้องเจ้ามาก่อน"
ชะนีดำหันมาแยกเขี้ยวใส่ราบฟ้าที่แอบดูอยู่ เจ้าราบฟ้าเซถอยไปปะทะกับร่างผีที่แลบลิ้นยาวออกมา
พระประธานศิลปะเมืองนาย
ยามเช้า ละอองคำ รุ้งแก้วและชาวเมืองสไบผ้ากราบพระ
"พี่จะเอาดอกไม้ไปขอสมาต่อเจ้าพ่อดีหรือไม่"
"ดีสิเจ้าข้า น้องว่าดีที่สุดเลยเจ้าข้าเจ้าพี่"
"แล้ว...แล้วถ้าเจ้าพ่อไม่รับขันสมาเล่า"
"รับสิเจ้าข้า น้องจะช่วยพูด เรื่องอูบใส่เลือดนั่นเจ้าพี่ไม่ได้ทำ น้องจะเป็นพยานเองเจ้าข้า"
"พี่อาจทำให้เจ้าลำบากไปอีกคนนะ"
"เจ้าพี่เจ้าข้า เจ้าพี่ไม่ได้ทำผิดอันใดสักหน่อย พระท่านจะช่วย เจ้าพี่ทำใจให้สบายเถอะเจ้าข้า"
"ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะเจ้า"
"น้องจะไปกราบพระอีกรอบ ขอให้เจ้าพ่อใจอ่อนเจ้าข้า" รุ้งแก้วแยกไป
ละอองคำครุ่นคิด
ในคุ้มหลวง ละอองคำและรุ้งแก้วนั่งรอเฝ้าอยู่นานแล้ว ละอองคำดูขันสมาที่จัดมา แล้วถอนหายใจ เจ้าพ่อยังไม่ให้เข้าเฝ้า
ละอองคำเสียใจ น้ำตาไหลออกมา
"เจ้าพี่เจ้าข้า"
ละอองคำรีบเช็ดน้ำตา ไม่อยากให้รุ้งแก้วเห็นว่าตัวเสียใจ
"พรุ่งนี้แต่เช้า น้องจะใส่บาตรให้มากกว่าเก่า พระท่านจะได้ช่วย เจ้าพี่อย่าเสียใจไปเลยเจ้าข้า"
รุ่งขึ้นอีกวัน ละอองคำและรุ้งแก้วตั้งใจใส่บาตรพระ
ขันสมาถูกจัดขึ้นใหม่ แต่ละอองคำและรุ้งแก้วก็ยังรอต่อไป ละอองคำกังวลใจ
บริเวณป่าช้า ผีกละที่หมดอิสรภาพ นั่งยองๆอยู่ก้นหม้อใช้ความคิด ดูสงบขึ้นบ้าง คร่ำเคร่งกับความคิดแก้อาถรรพ์
ปิ่นเมืองนำเข้ามาในคุ้มหลวง
"อันใดกันหนอนี่ คล้ายๆขันสมา ความผิดพิสดารใหญ่โต จะแลกด้วยขันดอกเนี่ยนะ เจ้าพ่อถึง.."
ละอองคำลุกขึ้น
"วันนี้กลับก่อนเถอะรุ้งแก้ว"
"เจ้าพี่เจ้าข้า"
"อ้าว จะรีบไปไหน ก็ไหนทำท่าเหมือนสำนึกตัวขึ้นมาได้แล้ว อย่างใดนี่ ไม่อยู่เฝ้าก่อนละ"
"ไม่ใช่กงการใดของเจ้า ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า"
"แต่ถ้าข้าจะเพ็ดทูลเจ้าพ่อให้ละ จะไม่ดีกว่าต้องคอยไป คอยไปอย่างนี้หรอกหรือ รีบขอร้องข้าสิ ขันดอกไม้สมาจะได้ไม่เก้ออีกวันนี้"
"ช่างขันสมามันเถิด เรื่องอันใดที่ข้าจะต้องออกปากขอร้องเจ้า อย่ามาทำตัวสำคัญไปเลยปิ่นเมืองเหย ไม่ใช่กับข้าหรอกเฮย"
ละอองคำนำรุ้งแก้วแยกไป
"อุ๊ย เจ้านางละอองคำคงคิดว่าตัวเองเป็น แก้วตาแก่นใจ ของเจ้าหลวงเจ้าข้า" ฟองบอก
"ทำมาเชิดใส่เจ้านาง ของข้าเจ้า" ฝนว่า
"วันนึงพวกเอ็งจะได้เห็นอีฟอง อีฝน วันที่มันถูกเหยียบจมดิน แล้วซมซานมาขอให้ข้าช่วย ข้าจะให้มันเอาน้ำมาส่วยตีนข้า ให้จงได้"
"ต้องขนาดนั้นเลยเจ้าข้า ข้าเจ้าจะติดตามดู ตาไม่กระพริบเลยทีเดียวเจ้าข้า" ฟองว่า
"แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง มาเชิดใส่เจ้านางได้จะใด ตัวไม่มีดีจะอวด แม้แต่สักน้อย" ฝนว่า
ละอองคำกลับเข้ามาในคุ้ม
"พี่ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วรุ้งแก้ว" ละอองคำบอก
"เจ้าพี่เจ้าข้า ใจเย็นๆ"
"พี่จะไม่สนใจแล้วว่าเจ้าพ่อจะโกรธจะเกลียดพี่เพียงใดแค่ไหน พี่จะไม่จัดขันสมาไปอีกขอเฝ้าอีก"
"เจ้าพี่เจ้าข้า เจ้าพี่ลืมคำที่เจ้าพี่ราบฟ้าสั่งไว้นักหนาก่อนไปแล้วหรือเจ้าข้า"
"ข้า...ไม่ได้ลืม เจ้าพี่บอกให้เอาใจเจ้าพ่อมากๆ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"
"คำเจ้าพี่เถอะเจ้าข้า วันนึงเจ้าพ่อจะใจอ่อน ยอมรับขันสมาของเจ้าพี่เจ้าข้า"
ในป่าช้า ผีกละผุดลุก ยิ้มเจ้าเล่ห์คิดแผนการได้แล้ว
"เรื่องในใต้หล้าเรานี้ ก็มีแต่เรื่องแม่หญิงกับพ่อชายเท่านั้น ข้าจะใช้เรื่องนี้แหละ แก้อาถรรพ์ที่กักขังข้า" ผีกละหัวเราะชอบใจที่คิดออกเสียที "ไอ้ปู่อาจารย์เหย กูจะอดทนรอวันนั้นวันหนึ่ง"
ที่พักเมืองป๋อนดอยหมอกมุง เจ้าไท 1 เหม่อลอยเพราะขวัญกระเจิงอยู่ มีรอยแผลเล็บชะนีที่ใบหน้า เจ้าไท 2 ก็เช่นกัน พลางคิดถึงภาพอดีต
เมื่อผีลิ้นยาวออกมา ตวัดพุ่งหาราบฟ้าเพื่อทำร้าย
"พวกเรา ระวังตัวด้วย" ราบฟ้ายกดาบออกถอดฝัก
บนเรือน เจ้าไท1-2 ยังไม่รู้เรื่อง
เจ้าไท 1บอก
"อันใดกันเจ้าพี่ ไม่ใช่เวลาซ้อมรบสักหน่อย"
เจ้าไท 2 บอก"น้องๆกำลังมีความสุข ได้อู้ได้แอ่วกับอีน้องคนงาม"
เจ้าไท 1บอก"แท้แท้นะน้องนะ งามแท้งามว่า ดังองค์อินทาท่านลงมาเหลา"
สาวงามยิ้ม สาวหน้าสวยกลายเป็นหน้าผี มีชะนีดำเกาะบ่าอยู่ด้วย
"งามแท้งามว่า ดังองค์อินทาลงเหลา พี่บ่าวเฮย" ผีสาวหัวเราะเยาะ "อยู่เลี้ยงอี่บุยด้วยกันกับน้องเน้อเจ้า มันน่ารักจะตาย" ผีสาวหัวเราะดัง
ชะนีดำแยกเขี้ยวใส่อย่างน่ากลัว เจ้าไทเหวอต่างขวัญกระเจิง กระโดดเกาะกันกลม
(คำไทใหญ่ ชะนีเรียก-อี่บุย)
เจ้าราบฟ้าพยายามตั้งสติ รวบรวมสมาธิ ท่องมนต์ แล้วฟันดาบออกไปใส่ลิ้นผีขาดสะบั้นผีกุมปากชักดิ้นชักงอ กรีดร้องอย่างเจ็บปวด
เจ้าไททั้ง 2 หลับหูหลับตากอดกันกลม ไม่มีแรงลุกหนี สาวผีและชะนีดำเข้ามา
"กอดกันเองทำไม ไม่อุ่นสักหน่อย สู้กอดน้องดีกว่า นะพี่นะ อุ่นกว่ากันนัก"
เจ้าไท 1บอก "ไม่ดีหรอกเจ้า จะผิดผี"
เจ้าไท 2 บอก"ผิดประเพณีโบราณ"
"ไม่ผิดหรอกเจ้า น้องนี่ผีแท้ๆเลยเจ้า"
ผีสาวอยู่ซ้าย ชะนีอยู่ขวา ต่างเข้ามารวมกัน ไม่มีชะนีดำแล้ว มีแต่ผีสาวแยกเขี้ยวแบบชะนีผี
"น้องหิวแล้วละ"
สาวผีรวบคอสองเจ้าไท แลบลิ้นจะกัดกิน ราบฟ้าถือดาบวิ่งขึ้นบันไดเรือนมา
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด"
"ดี มาตายพร้อมๆกัน ให้อิ่มไปเลย" ผีสาวหัวเราะ
ราบฟ้าเอาดาบขึ้นพนมมือ แล้วท่องมนต์ ฝ่ายเจ้าไทกำลังสติแตก เพราะกำลังจะโดนฝังเขี้ยวอยู่รอมร่อ ราบฟ้าพุ่งดาบเข้าใส่ จนผีเซถอยเพราะแรงพุ่ง ปล่อยให้เจ้าไท1-2 ร่ำร้องอย่างเจ็บปวด
เจ้าไท 1-2 รีบกระโดดเข้าเกาะราบฟ้าเป็นที่พึ่ง
"เจ้าพี่...เจ้าพี่ช่วยข้าด้วย"
ผีสาวทรมานคลานหาเจ้าไท มารยาขอความเห็นใจ
"พี่บ่าวเจ้าไม่รัก ไม่เอ็นดู ไม่สงสารน้องแล้วหรือเจ้า โอย"
ร่างสาวผีกลายเป็นโครงกระดูกในที่สุด เนื่องจากตายมานานแล้ว กลุ่มผู้ชายเหม็นสาบสางผี พากันปิดจมูก แล้วโครงกระดูกนั้นก็สลายยุ่ยเป็นผง
เจ้าไท1-2 ถอนหายใจโล่งอกที่ผีสลายไปได้
ชะนีดำกระโดดใส่เจ้าไท จนมีรอยแผล
เจ้าไท1-2 ทะลึ่งพรวดเข้ามาด้วยความหวาดกลัว
"ผีอี่บุย...อี่บุย"
ปู่อาจารย์พรมน้ำมนต์ใส่เจ้าไท1-2 ทั้งคู่จึงค่อยสงบ เงียบไป
"ช่วยรักษาพวกเราด้วยเถอะท่านอาจารย์"
"ข้าจะรักษาให้จนหายขวัญเสียทั้งคู่ ไม่ต้องวิตกไป"
"พวกเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจอกับเรื่องพวกนี้ ผีมันร้ายจริงๆ" ราบฟ้าบอก
"ผีที่พวกเจ้าประสบกันมายังฤทธิ์น้อย ถ้าไปพบผีกละที่มันมีตบะเดชะแก่กล้า ละก็นะ พวกเจ้าคงไม่ได้กลับมากันหรอก คงกลายเป็นอาหารของพวกมันไปแล้ว"
"โชคยังดีที่ข้าพอมีวิชาอยู่บ้าง จึงได้รอดกันมา"
"อีผีกละตัวร้าย ข้าได้จับฝังขังไว้ใต้แม่ธรณีเสียเยอะแล้ว ไม่งั้นพวกผีกละคงลอยว่อนร่อนเร่ สร้างความเดือดร้อน รบกวนไปทั่วหล้าแน่ อีผีตะกละมันกินได้"
เจ้าราบฟ้ารับรู้เรื่องผีกละจากปู่อาจารย์
"กินหมด"
ท่ามกลางบรรยากาศป่าสวยๆ สายหมอกลอยไล้สายน้ำ สาวเจ้ากระโจมอกลงธารน้ำ มีดอกไม้ป่าร่วงลอยลมลงเป็นสาย
กลีบดอกไม้มากมายลอยตามน้ำ สาวเจ้าก็ค่อยๆถกผ้าซิ่นออกทางศีรษะ เกี่ยวฝากกิ่งไม้ไว้
สาวเจ้าเริงร่าว่ายธารกลีบดอกไม้อย่างสุขใจ
พระธาตุสีขาวบนดอย อวลไอหมอกยามเช้า บรรยากาศใสสะอาด รุ้งแก้วพนมมือไหว้พร้อมดอกไม้และฉัตรกระดาษ
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มีพระธาตุเป็นเจ้า ช่วยดลจิตดลใจให้เจ้าพ่อใจอ่อนด้วยเถอะเจ้าข้า ขอให้เรื่องร้ายๆที่เกิดแก่เจ้าพี่ละอองคำได้ผ่านได้พ้นไปด้วยเถอะเจ้าข้า สาธุ"
เจ้าฟ้าใช้ความคิดกำลังตัดสินใจว่าเรื่องละอองคำจะเอายังไงดี นางข้าไทหมอบรอคำตอบอยู่
ละอองคำอดทนรอเฝ้า พร้อมขันสมาจัดใหม่ รุ้งแก้วคอยชะเง้อมองทางข้างใน เป็นกังวลใจ
เจ้าฟ้าตัดสินใจแน่แล้ว
"จะอย่างใด ก็ลูก ตัดไม่ตายขายไม่ขาด ให้มันเข้ามา"
ข้าไทบอก "รับใส่เกล้าเจ้าข้า" แล้วแยกไป
เจ้านางปิ่นเมืองกับเครื่องประดับใหม่ดูตัวเองในกระจก มีกำปั่นแม่ของละอองคำวางอยู่ด้วย
"เห็นมั๊ยเล่า แก้วแสงแพงเมืองงามเลิศล้ำเหลือ มันเหมาะที่จะอยู่กับข้าแต่ผู้เดียวเท่านั้น"
"งามที่สุดเจ้าข้า เจ้านางของข้าเจ้า งามดังหยาดลงมาจากฟากฟ้าเมืองบน เสียดายแต่ว่าข้าเจ้ามีเพียงสองตา จึงมองได้ไม่ทั่วมองได้ไม่หมดเจ้าข้า" ฟองประจบ
ปิ่นเมืองหัวเราะชอบใจ
"เจ้านางเปรียบดังหงส์ทองอยู่แล้ว ได้แก้วเก้าวาวงามประดับเข้าไปอีก ซ้ำงามเจ้านางใดใดในหล้า อย่าได้มาหาญเทียบหาญประชัน" ฝนบอก
"นี่ถ้าเครื่องประดับงามอย่างนี้ไปอยู่กับนังละอองคำเล่า พวกเอ็งคิดดู"
"เสียของเจ้าข้า ดวงแก้วต้องมีเรือนทองรองรับเจ้าข้า มันถึงจะส่องประกาย" ฟองบอก
"แต่...แต่ถ้าเจ้าหลวงท่านรับขันสมาของเจ้านางละอองคำแล้ว เจ้านางของข้าเจ้าไม่ต้องเอาแก้วแหวนแสนสิ่งพวกนี้ไปคืนด้วยหรือเจ้าข้า" ฝนว่า
ปิ่นเมืองจับเครื่องประดับไว้มั่น
"ไม่มีวันเสียละ"
ละอองคำกราบแทบเท้าเจ้าพ่อ
"ลูกไหว้สาบาทเจ้าข้า"
"วันนี้จะทำเรื่องอันใดอีก"
"มิได้เจ้าข้า ลูกจัดขัน ข้าวตอกดอกไม้มากราบสมา"
"เจ้าเห็นรึยังว่ามันยุ่งยากมากมายเพียงใดในการแก้ สู้เราไม่ผูกเสียแต่แรกก็ไม่ต้องมาขอสมากันอย่างนี้"
รุ้งแก้วบอก
"เจ้าพ่อเจ้าข้า เจ้าพี่ได้สำนึก รู้สึกตัวแล้ว เจ้าพ่อรับขันสมาด้วยนะเจ้าข้า"
เจ้าฟ้าถอนหายใจ
"เจ้าพ่อเจ้าข้า"
"รับปากพ่อได้หรือไม่ ว่าต่อไป จะไม่ทำเรื่องเหลวไหลอีก ละอองคำ"
"เจ้าข้า"
"พ่อทุกคนนั่นแหละ ไม่อยากให้ลูกมีตำหนิ หรือพันพัวกับเรื่องมัวหมอง เจ้าจะทำเรื่องใด คิดถึงหัวอกหัวใจพ่อบ้าง ว่าพ่อจะรู้สึกอย่างใด"
เจ้าฟ้ารับขันสมาของละอองคำ
รุ้งแก้วค่อยยิ้มได้หลังลุ้นอยู่นาน ละอองคำกราบบาทเจ้าพ่ออีกครั้ง
ภายในคุ้มปิ่นเมือง
"ก่อนเจ้าแม่ข้าจะสิ้นใจ ได้สั่งไว้นักหนา อย่าให้นังละอองคำมันเผยอหน้าขึ้นมาเสมอข้าได้ จะอยู่ลำบาก เพราะฉะนั้นต้องเหยียบมันให้จมดินไว้เสมอเสมอ"
"แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
"แก้วงามน้ำดี น่าเสียดายเหลือเกิน ถ้าตกไปอยู่ในมือลิงมือวอก"
"แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง"
"แต่ว่าเราก็ต้องแสดงน้ำใจ รู้จักแบ่งปันบ้างเหมือนกัน ก็เราพี่น้องกันนี่นะ"
"อันใดนะเจ้าข้า" ฟองถาม
"หรือหูข้าเจ้าจะฟังผิดไปฮึสู" ฝนถาม
"เพื่อแสดงความยินดีที่เจ้าพ่อยอมรับสมา ดูสิ จะให้อันใดดี แก้วมหานิล หรือวชิรเพกดี หรือว่าปัทมราชแก้วก๊อดีเล่า ล้ำเหลือไปหมด ช่วยดูกันสิ" ปิ่นเมืองหัวเราะเจ้าเล่ห์
(แก้วก๊อ หมายถึง ทับทิม - เพก หมายถึง เพชร)
ละอองคำนั่งอยู่ รุ้งแก้วเข้ามาสมทบ
"เจ้าพ่อยอมรับขันสมาแล้ว เจ้าพี่สบายใจได้เจ้าข้า"
"นี่เป็นความดีของเจ้า ที่คอยช่วยเหลือพี่ทุกอย่าง รุ้งแก้ว"
"ถ้าไม่ช่วยเจ้าพี่แล้ว น้องจะไปช่วยใครได้ เจ้าพี่ดีกับน้องเหลือเกิน น้องก็ต้องยิ่งทำดีตอบแทนเจ้าพี่มากมากเจ้าข้า"
"วันพรุ่ง เจ้าอยากกินกับกินแกง หรือข้าวหนมข้าวต้มอันใด บอกพี่มาเถอะเจ้า ข้าวปุ๊ก คือข้าวตำกับงามน กินพร้อมน้ำอ้อยเคี่ยว พี่จะเสาะหามาให้เจ้ากินให้ได้ เป็นรางวัลน้ำใจ ข้าวปุ๊กดีหรือข้าวยาคู หรือว่าข้าวมุ้นจ้อก"
(ข้าวยาคู คือข้าวหุงกับกะทิ,น้ำอ้อย,ฯลฯ ข้าวมุ้นจ้อก คล้ายขนมใส่ใส้)
"เจ้าพี่เจ้าข้า แค่น้องได้เห็นว่าเจ้าพี่มีสุขสบายใจ น้องก็อิ่มอกนักเหลือแล้วเจ้าข้า"
"รุ้งแก้ว...คนดีของพี่ ยามทุกข์ก็ได้เจ้านี่แหละคอยเป็นเพื่อน เราต้องไม่ทิ้งกันนะเจ้า"
"เจ้าข้า น้องจะไม่ทิ้งเจ้าพี่ไปไหนเจ้าข้า"
"พี่จะดูแลเจ้าตลอดไป เจ้าเฮย พี่ให้สัญญา"
ปู่อาจารย์ผูกด้ายขวัญให้ที่ข้อมือและว่าคาถากำกับ เป่ามนต์ใส่ เจ้าไท1-2 อาการปกติแล้ว ในพิธีมีขันฝ้าย หรือบายศรีเรียกขวัญตั้งอยู่
ปู่อาจารย์นำขบวนมา เจ้าไทต่างๆตามมาส่ง
"ต้องขอบคุณท่านปู่อาจารย์ ที่ช่วยรักษาพวกเรา"
เจ้าไท 1บอก "ข้าอยากตอบแทนท่านบ้าง" แล้วเอาถุงเงินให้
เจ้าไท 2 บอก"ของข้าก็มี" เอาถุงเงินให้ "ท่านจะได้เอาไว้ใช้สอยไม่ติดขัด"
"ท่านคิดจะเดินทางไปทางไหนทางใด ต่อไป" ราบฟ้าถาม
"ข้าคิดจะขึ้นไปทางเหนือ หาปู่ครูผู้มีวิชาอาคมขลัง จะได้เรียนรู้เพิ่มเติม"
เจ้าไท 1 ถาม "เก่งอย่างท่านแล้วยังต้องเสาะหาครู หาวิชาอีกหรือนี่"
เจ้าไท 2 "นั่นสิ"
"เรื่องวิชาความรู้ เรียนไม่มีวันจบหรอก พวกเจ้าก็อย่าประมาทว่าตัวเก่ง ต้องหมั่นฝึก วิชาจะได้งอกงาม"
"พวกเราจะจำคำท่านไว้"
"แล้วสิ่งที่ประมาทไม่ได้อีกอย่าง สำหรับพ่อชายอย่างเรา ก็คือเรื่องมารยาแม่หญิง หลายร้อยเล่มเกวียน เราต้องเรียนรู้ให้เท่าให้ทัน"
ในกระท่อม ผีกละกำลังทอผ้าด้วย “กี่เอว” นางท่องมนต์ดำไปด้วยอย่างมีจุดหมาย แล้วดึงเอาด้ายชายผ้าซิ่นที่ตัวเองนุ่งขึ้นเพ่ง ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วผสมทอเข้าไปในผ้าผืนนั้น
เย็นวันนั้น ปู่อาจารย์เข้ามาล้างหน้าล้างตาที่ธารน้ำชายป่า ผีกละสวยกำลังถอดผ้านุ่ง พาดกับกิ่งไม้
ปู่อาจารย์เห็นนางแหวกว่ายธาร เลยก้าวติดตามดู ประสาชาย แต่มีสติขึ้นมาจึงตัดใจ หันหลัง รีบก้าวแยกไปอีกทาง นางผีกละกรีดร้อง คว้าผ้านุ่ง วิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีจะขึ้นฝั่ง
ปู่อาจารย์หันกลับมา ก้าวไปหานาง นางวิ่งเข้าซบอก ในบรรยากาศสวยงาม
ในกระท่อม นางนำโตกสำรับอาหารบ้านป่า มาให้ปู่อาจารย์
"กินข้าวเถอะ ข้ามัวแต่ช้า ท่านคงจะหิวแย่"
"เจ้ากินเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะจัดการของข้าเอง"
"หรือว่าท่านจะรังเกียจ น้ำพริกน้ำผัก ของป่าของดอย"
"ข้าไม่ได้รังเกียจอะไรทั้งนั้น ...เป็นแต่ปู่ครูข้าสั่งห้ามกันมา"
ผีกละร้องไห้
"ท่านกลัวอาคมท่านจะเสื่อม เพราะกินข้าวกินแกงจากน้ำมือข้า"
"ข้ารู้ว่าเจ้ามีน้ำใจ อย่าร้องไห้ไปเลยนะ อาหารโตกนี้เจ้ากินเสียเองเถอะ วันนี้เจ้าเหนื่อยมาไม่น้อย ไม่ต้องห่วงข้า"
ณ ป่าช้า แมวดำกระโดดเข้ามาบนพื้นดินที่ฝังหม้อผีกละเพื่อส่งข่าว
"มันระวังตัวทุกฝีก้าว แล้วถ้าอาคมมันไม่เสื่อม ข้าก็คงถูกขังอยู่อย่างนี้ ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ ทำอะไรสักอย่างสิ ให้ข้าได้ออกไปจากที่นี่ลูกหลานเหย"
แมวดำแยกเขี้ยว เสียงแมวโพงดัง
ชาวบ้านขับเกวียนมาตามทางขรุขระ ปู่อาจารย์ขออาศัยมาด้วย ในมือมีผ้าผืนใหม่แนบอก ปู่อาจารย์คิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อเช้า
ที่หน้ากระท่อม ผีสาวเข้ามาพร้อมผ้าทอใหม่
"ผ้าผืนนี้ข้าทอเอง ท่านเอาไว้ใช้ด้วยเถอะ จะเอาโพกหัว หรือว่ารองนั่ง มามอบให้ปู่อาจารย์ หรือจะเอาเช็ดมือเช็ดตีน ก็สุดแล้วแต่ท่านจะใช้เถอะ"
"อย่ารบกวนเจ้าเลย เจ้าเก็บไว้ใช้เถอะนะ"
"ท่านรังเกียจข้า ข้าวปลาก็ไม่กินน้ำมือข้า ผ้านี่ก็จะไม่รับอีก" ผีสาวทำมารยาร้องไห้ "ข้ามันคนน่าชัง น่ารังเกียจ"
ปู่อาจารย์จำตัดใจหญิงงาม พลางเช็ดน้ำตาให้
"ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้าเลย เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าต้อง...ลาไปก่อน"
ปู่อาจารย์แกะผ้าโพกหัวของตัวลงแล้วหยิบผ้าใหม่ที่สาวให้มาดูยิ้มๆ
"ถ้าเราได้เคยมีวาสนากันมา ข้าคงจะได้กลับมา"
ปู่อาจารย์เอาผ้าผืนนั้นดมแทนแก้มสาว
"ปลูกข้าวปลูกฝ้ายอยู่กับเจ้าที่นี่"
หน้ากระท่อม ผีกละหันมารับแมวดำไปกอดอุ้ม
ฝ่ายปู่อาจารย์ตัดสินใจแน่แล้ว เอาผ้าใหม่ขึ้นโพกหัวอย่างตั้งใจ
บริเวณป่าช้า ก้อนเมฆผีปั่นป่วนมารวมตัวกัน จนมืดคลุ้มไปทั้งท้องฟ้า ฟ้าผ่าลงบนดินที่ฝังหม้อผีกละ การปลดปล่อยสู่แสงอิสรภาพเริ่มขึ้นแล้ว ผีกละหัวเราะ
"กูรอวันนี้ วันนี้ ไอ้ปู่อาจารย์เหย กูรอวันนี้"
ผีกละสวยอุ้มแมวดำอยู่ บัดนี้กลายเป็นหญิงชราอุ้มแมวดำแทน
จบตอนที่ 1