xs
xsm
sm
md
lg

400 วันเปลี่ยนชีวิต “หมอวีมีกล้าม” จากสาวเจ้าเนื้อ สู่หญิงงามด้วยกล้ามเนื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากผู้หญิงที่น้ำหนักมากถึง 80 กิโลกรัม เธอใช้เวลา 400 วันในการลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 60 กิโลกรัม และเมื่อทำได้ตามเป้าหมายแล้ว แต่เธอยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะเธอตั้งใจเอาไว้ว่าไม่อยากจะเป็นแค่คนผอม แต่เธออยากเป็นผู้หญิงที่มีกล้าม!

หมอวี-สรัลรัสษ์ คงถนอมรักษ์ หรือหลายคนรู้จักในนามว่า “หมอวีมีกล้าม” ไม่เพียงแต่เป็นบุคคลหนึ่งที่เอาชนะใจตัวเองด้วยการลดน้ำหนัก แต่ทว่าเธอยังสามารถอัปเลเวลมากไปกว่านั้น เพราะเธอได้ผลักดันตัวเองขึ้นสู่เวทีประกวดฟิตเนสโมเดลที่ใฝ่ฝันไว้ ในที่สุด...

“ตอนนั้น วีเป็นหมอใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัดแล้วต้องตรวจคนไข้ที่เป็นเบาหวาน ความดัน ซึ่งส่วนมากคนไข้ประเภทนี้จะอ้วน ด้วยความที่เราก็อ้วน เลยคิดว่าจะไปบอกคนไข้ได้อย่างไรว่าให้เขาลดน้ำหนักหรือคุมอาหาร ทั้งๆ ที่หมอก็ยังอ้วนอยู่เลย นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนตัวเอง”

ก่อนหน้านี้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย หมอวีคือนักกีฬาบาสประจำคณะ แต่พอเข้าสู่วงโคจรของการทำงาน ชีวิตก็ห่างหายจากการออกกำลังกาย หนุนน้ำหนักให้พุ่งขึ้นถึงสิบกิโลกรัม จาก 70 ไป 80 พอกลับมาเล่นบาสอีกครั้งก็ได้แต่คอยยืนชูตลูก เพราะวิ่งไม่ไหว

“คนที่เล่นด้วยกัน อายุ 40-50 ปี เขาวิ่งกันสบาย ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นอีกอย่างในการออกกำลังกายค่ะ” (ยิ้ม)

ตอนแรกที่เริ่มลดน้ำหนัก หมอวีก็เหมือนอีกหลายๆ คนที่ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ด้วยสูตร 3 วัน 7 วัน กินน้อย อดอาหาร โหมออกกำลังกาย อะไรที่เขาว่าผิด ทำหมด

“วันหนึ่ง วีจะกินแค่แอปเปิลเขียววันละ 3 ลูก แล้วก็ไข่ต้ม 2 ฟอง ซึ่งถ้าหิวก็จะกินน้ำเปล่าแทน ตอนนั้นเพลียมาก ง่วงตอนกลางวันเวลาทำงาน เลยพยายามหาทางที่มันถูกต้องที่มันไม่โหยขนาดนี้ คือตอนเด็กเราก็เคยใช้วิธีแบบนี้มาก่อนนะคะซึ่งมันได้ผลเราลดไปได้ 20 กิโลกรัม แต่แล้วมันก็พรวดขึ้นมาอ้วนอีก โยโย่ เราก็เลยหาวิธีที่ทำให้เราลดน้ำหนักโดยที่ไม่ต้องอยากกิน เราคิดได้ก็เลยขับรถไปฟิตเนสเลย”

ภายหลังเข้าฟิตเนส จากที่เคยกินน้อย อดอาหาร เธอก็เปลี่ยนวิธีคิดและหันไปกินมากขึ้น เน้นกินแต่สิ่งที่มีประโยชน์ โดยกินทั้งหมดสามมื้อ กินคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ตามปกติ ไม่หลีกเลี่ยงการกินไขมัน แต่ข้าวขาวเปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง โปรตีนก็เปลี่ยนเป็นโปรตีนเนื้อขาว เช่น เนื้อไก่ ปลา ไข่ไก่ ส่วนน้ำมันก็เปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว แม้ว่าน้ำหนักอาจจะไม่ลดลงเร็วเหมือนเมื่อก่อน แต่เธอกลับรู้สึกว่ามีพลังในการออกกำลังกายหนักๆ มีความทนทานมากขึ้น

“ที่วีเปลี่ยนมากิน จะคล้ายๆ กับการกินคลีนนะคะ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้คำว่าคลีนคืออะไร แต่เราคิดว่ากินแบบนี้แล้วสุขภาพมันดี แต่ก็จะมีเปลี่ยนบ้าง กินมังสวิรัติบ้าง อาทิตย์ละสองวัน น้ำหนักมันลด แต่ช้ามาก ตอนนั้นยอมรับว่าเครียดมากนะ แต่จะบอกว่าทุกคนที่ลดน้ำหนัก จะมีจุดที่ติดอยู่แล้ว ถ้าเราอดทนแล้วเราก็ช่างมัน พอเราทำใจได้แล้ว เราก็จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง พอนานวันเข้า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เราจะรู้ว่าเราไม่ใช่คนเดิมแล้ว เราไม่ต้องไปจับจ้องเรื่องน้ำหนัก ซึ่งวีก็ไม่สนใจตัวเลขบนตาชั่งเหมือนกันค่ะ” (ยิ้ม)

เข้าสู่หนทาง “สร้างกล้าม”

เมื่อการลดน้ำหนักเข้าสู่ปีที่สอง ประจวบกับคำแนะนำของคนรู้ใจที่เป็นเทรนเนอร์ประจำตัว เธอจึงเข้าสู่หนทางการเป็น “หมอวีมีกล้าม” เฉกเช่นทุกวันนี้

“เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนที่อ้วนง่าย ตอนนั้นแฟนที่เป็นเทรนเนอร์ เขาเลยบอกว่าคนที่มีกล้ามเยอะจะอ้วนยาก เพราะเขากินอะไรไปแล้ว ส่วนของกล้ามเนื้อที่มีจะเผาผลาญไปในตัว ตอนนั้นเราก็เลยอยากมีกล้ามเนื้อบ้าง ซึ่งเราก็ศึกษาไปเรื่อยๆ ว่าคนที่เขาเล่นกล้าม เขาไม่ได้กินแค่ 3 มื้อนะ หลังจากนั้นเราเริ่มเปลี่ยนเป็นกิน 4 มื้อ กินมากขึ้น กินคลีนมากขึ้น และเล่นเวตจนเห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไป

“วีชอบผู้หญิงมีกล้ามนะ มันดูเท่ เซ็กซี่และสวยมาก เลยทำให้เปลี่ยนมามุ่งมั่นเล่นเวตตามโปรแกรม และค่อยๆ เล่นหนักขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่เข้ามาเรียนที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพราะตอนนั้นใช้ทุนทำงาน สบายๆ ทำงานเสร็จครึ่งวัน มาออกกำลังกายได้ ตอนนั้นออกกำลังกาย 3 ชั่วโมงทุกวันเลยค่ะ”


เข้าสู่โหมดเดินสายประกวด

จากลดน้ำหนักมาสู่การสร้างกล้าม จากการสร้างกล้ามสู่การเดินสายประกวด โดยการประกวดของเธอนั้นจัดอยู่ในประเภทฟิตเนสโมเดล แถมยังมีรางวัลเป็นตัวการันตีความสำเร็จอีกด้วย

“ครั้งแรกที่ลงประกวด เพราะเราแค่อยากเอาชนะตัวเอง วีเป็นคนที่ไขมันสะสมช่วงหน้าท้องเยอะ มีพุง มีส่วนเกิน ตอนแรกที่แฟนถามว่าประกวดไหม เราก็ยังก้ำกึ่งอยู่ เพราะเราไม่มีเวลาเตรียมตัวซ้อมเลย แต่อยากเอาชนะตัวเองก็เลยลงประกวด ซึ่งตอนนั้นเริ่มจากเวทีเล็กๆ ก่อนค่ะ

“วีประกวดมาแล้วทั้งหมดสองเวที มีเวทีประกวดหนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวยปี 2014 และปี 2015 ซึ่งก็ได้รางวัลมา เวทีที่วีแข่งขันจัดอยู่ในประเภทโมเดลฟิตเนส เป็นแบบกล้ามเนื้อสวยงาม สมส่วน ไม่ได้ใหญ่มากค่ะ แต่ตอนนี้ วีอยู่ในสายแข่งเต็มตัวแล้วนะคะ ความคาดหวังคือทำให้มันดีที่สุด เพราะเรายังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่ และเราก็ไม่ได้เล่นไก่กาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”


ถึงแม้ว่าหลายคนอาจมองว่าด้วยอาชีพที่เธอทำนั้นค่อนข้างหนักเอาการอยู่ ไหนจะต้องเจียดเวลามาทำงานอดิเรกที่หนักไม่แพ้กัน เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันและเป็นคำตอบได้ดี

• การทำงานถือเป็นอุปสรรคในการที่จะหันมาดูแลตัวเองไหมคะ

ไม่นะ แต่คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นแบบนั้น เพราะวีไม่เคยทำอะไรที่มันกระทบต่อการงาน ทุกอย่างทำแบบปกติ มีกระทบนิดหน่อยที่เราต้องตัดคาร์โบไฮเดรตก่อนวันแข่ง อาจจะทำให้เบลอๆ บ้าง แต่เราใช้สติในการทำงาน มันไม่หิวแต่มันโหย มันจะต้องตัดน้ำด้วย ตอนนั้นก็จะพยายามไม่พูดกับใคร เนื้องานเราจะไม่เสียนะ แต่เราจะต้องต่อสู้กับตัวเองหนักหน่อยช่วง 2-3 วันสุดท้าย

• บางคนอาจมองว่าเป็นหมอก็หนักอยู่แล้ว ต้องมาดูเล่นกล้ามประกวดอีก ไม่เหนื่อยไปเหรอ

ไม่เหนื่อยนะคะ เราถือว่าเป็นงานอดิเรก และจะต้องไม่มากินงานหลักของเรา เราก็เอางานเป็นหลักก่อน ส่วนการเล่นเวตก็คือส่วนประกอบที่สำคัญในชีวิต เราก็จะทำของเราไปเรื่อยๆ จุดนี้บอกเลยว่าอนาคตไม่แน่นอน ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่วีเคยคิดนะคะ เพราะบางคนที่แข่งแบบวี ก็มีลาออกจากงานมาแข่งเต็มตัว มาเป็นเทรนเนอร์บ้าง แต่เรารู้สึกเรายังรักงานที่เป็นหมออยู่

ความรักมันเกิดจากสองสิ่งในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เราเลือกไม่ได้ เราก็ทำในสองสิ่งไปทีเดียวก่อน ตอนนี้เรายังแบ่งเวลาได้ เคยคิดว่าถ้าเดินไปถึงจุดจุดหนึ่ง แล้วเรารู้ว่าเรารักอะไรมากกว่ากัน เราจะเลือกสิ่งสิ่งนั้น

• เราหลงเสน่ห์อะไรในการเล่นกล้ามจนถึงขั้นอยากลงแข่งขันคะ

เราเหมือนจะมีคอนเซ็ปต์มาตั้งแต่เด็กแล้วว่า ถ้าเราอยากเป็นอะไร ก็ต้องทำให้ได้ เรามีความรู้สึกว่าคนทุกคนอยากเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากเป็น สมมติมีเด็กคนหนึ่งเดินมาบอกว่าเขาอยากเป็นนักบินอวกาศ วีเชื่อว่าเขาทำได้ แม้มันจะดูตลกในสายตาบางคน แต่เขาจะมีวิธีการในชีวิตที่เขาจะหาทางเพื่อเป็นสิ่งสิ่งนั้นให้ได้ ที่วีไม่ท้อเพราะว่าวีอยากเป็น และวีมีความสุข แต่จะมีช่วงที่เราท้อ แต่เราก็ผ่านมาได้ เพราะมันคือสิ่งที่เรารัก


• สุดท้าย ในฐานะที่เป็นหมอด้วย อยู่ในสายสุขภาพด้วย อยากให้ช่วยเชิญชวนคนหันมาดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

สุขภาพเป็นอะไรที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ถ้าอยากจะเห็นบั้นปลายชีวิตตัวเองดี ก็เริ่มตอนนี้ ถ้าอยากเห็นเราเป็นอย่างไรให้เรามองคนแบบนั้นและทำตาม ในอนาคตเราก็จะได้เป็น ความทรมานของสุขภาพนั้นมันทรมานจริงๆ

สุขภาพไม่มีคำว่าสายเกินไป เปรียบคนเป็นดอกบัวสี่เหล่า เราไม่ได้คิดว่าตัวเองดีที่สุด แต่ว่าคิดว่าเราอยู่ในช่วงที่พัฒนา บางคนยังไม่คิดพัฒนา มันก็คือชีวิตเขาแล้วปล่อยเขาไป กรรมใครกรรมมัน การเปลี่ยนแปลงตัวเองมันมีบันได 5 ขั้น เรารู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว แต่ไม่มีแรงจูงใจ ก็อาจจะมองหาแรงจูงใจ จากรอบตัวของคุณก็ได้ หาคนที่เขาป่วยก็ได้ อย่างบ้านวีคนเป็นมะเร็งทั้งบ้าน มะเร็งมันชอบกินของหวาน คนไทยจะกินน้ำตาลเยอะ ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น เราก็ลดความเสี่ยงลง ลดตอนนี้วันนี้เลย ไม่ต้องรอว่าพรุ่งนี้ค่อยทำ หาแรงจูงใจทั้งด้านลบและด้านบวก ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอะไรดีไม่ดี เราเรียนรู้เอา ไม่ต้องไปเสียตังค์ คนเราต้องมีก้าวแรกเสมอ

ส่วนคนที่เริ่มแล้ว วีอยากให้คิดถึงสุขภาพก่อนเรื่องรูปร่าง เราจะได้เป็นคนสุขภาพดี กีฬามันคือยาวิเศษอยู่แล้ว ให้คิดถึงสุขภาพเป็นสำคัญ อย่างน้อยเล่นกีฬาอะไรก็ได้ค่ะ อย่างน้อยๆ 5 วันต่อสัปดาห์ได้ยิ่งดี”


**เคล็ดลับฉบับหมอวีมีกล้าม **

เคล็ดลับการกิน

การกินระหว่างคนลดน้ำหนักกับคนสร้างกล้าม

“จริงๆ คนลดน้ำหนักกับคนสร้างกล้ามจะกินคล้ายๆ กัน แต่ปริมาณสัดส่วนจะแตกต่างกัน ถ้าคนลดน้ำหนักให้กิน 1,200-1,300 แคลอรี ผู้ชายอาจจะมากกว่านั้นหน่อย ให้ลดคาร์โบไฮเดรต แต่ไม่ได้ตัดเลย สามารถกินข้าวได้อาจจะมื้อละ 1 ทัพพี กินกับอะไรก็ได้ที่เป็นอาหารประเภท ต้ม นึ่ง หรือย่าง ลดอาหารจุกจิก ลดของหวาน 1 เดือน รับรองว่าน้ำหนักลงแน่ๆ

แต่คนสร้างกล้ามต้องกินโปรตีนให้เพียงพอ ไม่กินของทอด ของมัน ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ ก็จะเดินไปร้านส้มตำไก่ย่างซื้อไก่มากิน เอาหนังออกแค่นี้ก็ได้แล้วค่ะ”

อาหารเสริมก็สำคัญ

“อาหารเสริมวีจะกินเวย์ แต่จะกินแค่ตอนที่ยกหนักจริงๆ แล้วก็วิตามินต่างๆ เพราะเราเรียนโภชนาการมาด้วย เราต้องใส่ใจจริงๆ เพราะมันคือร่างกายเรา ซึ่งคนที่เล่นเวตหนักร่างกายจะดึงวิตามินเกลือแร่มาใช้มากกว่าคนปกติ 100 เท่า”

เคล็ดลับการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักอย่างถาวร
“ถ้าคนลดน้ำหนัก วีแนะนำให้เล่นเวตและคาร์ดิโอควบคู่กันไป ช่วงแรกแนะนำให้เล่นเวตทั้งร่างกายก่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อปรับสภาพ แต่เล่นเบาๆ เป็นระยะเวลา 1 เดือน แล้วคาร์ดิโอ ประมาณ 40-50 นาที เล่นทุกวันอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์

การออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด
“สำหรับคนที่มีเวลาจำกัดจริงๆ ให้หาพื้นที่ส่วนตัวและเวลาสัก 30 นาที ใช้พื้นที่ที่พอเหมาะกับตัวเอง อาจจะใช้เตียงนอน วิดพื้น ซิตอัพ บิดเอว หรือจะเล่นบอดี้เวตก็ได้”






Profile

ชื่อ : สรัลรัสษ์ คงถนอมรักษ์
ชื่อเล่น : วี
วันเกิด : 8 พฤศจิกายน 2529
การศึกษา : ศึกษาต่อแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี (เฉพาะทางศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ)

เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : พลภัทร วรรณดี และ Facebook : Veevie Kong

กำลังโหลดความคิดเห็น