บทสรุปมหากาพย์ระหว่างนางแบบดัง "บุ๋ม ปนัดดา" กับแอดมินเพจดัง "จ่าพิชิต ขจัดพาลชน" จบลงด้วยดี หลังโต้เถียงประเด็นไม่พอใจเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างหญิงท้องกับภรรยานายพล จ่าพิชิตโบ้ยวิจารณ์ไปตาม "ไทยรัฐทีวี" นำเสนอ ส่วนบุ๋ม ปนัดดา เตือนแอดมินเพจดังต้องศึกษาหาข้อมูลหลายทางและอยู่บนจรรยาบรรณที่ดี และผู้เสพสื่อต้องต้องชั่งใจและอย่ารีบตัดสินด้วยอารมณ์
จากกรณีที่มีสองสามีภรรยา ประกอบด้วยทหารเรือยศนายพล และสาวใหญ่ผู้บริหารธนาคารชื่อดัง ทำร้ายร่างกายหญิงตั้งครรภ์ 4 เดือน เนื่องจากไม่พอใจที่ลูกชายวัย 2 ขวบเศษเปิดประตูรถมาชนเข้ากับรถเบนซ์ป้ายแดง ต่อมาได้มีการแถลงข่าวไกล่เกลี่ย โดยมีอดีตนางสาวไทย และนางแบบสาวอย่าง "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" เข้ามาเป็นตัวกลาง และต่างฝ่ายต่างก็ขอโทษ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ของเธอ โดยเฉพาะมองว่าทางฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้ถูกบังคับมาหรือไม่ เพราะมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดี อีกทั้งยังมีบางช่วงที่หลั่งน้ำตาขณะไกล่เกลี่ย
กระทั่ง อินสตาแกรม @boompanadda ชี้แจงระบุว่า สามีภรรยาไม่ได้บังคับ แต่จะให้ทั้งคู่ยิ้มทันทีก็เป็นไปไม่ได้ ที่ตนไกล่เกลี่ยเพราะฝ่ายหญิงตั้งครรภ์กลัวว่าจะถูกนำยศข้าราชการมาข่มเหง ตนจึงให้เจอกับผู้ใหญ่ เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่เจออย่างนั้นแน่นอน ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกาย เป็นคดีอาญา ก็ต้องดำเนินคดีกันต่อไป การไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้คุยกันเบื้องต้น และการดำเนินคดีจะเป็นไปอย่างยุติธรรม พร้อมยืนยันว่า ไม่สนใจที่มีคนตำหนิว่าตนอยากดัง เอาหน้า ปูทางนักการเมือง
ส่วนการคุยในวันนั้น คุยกันมากกว่าข่าวที่เห็น ส่วนคลิป 5 นาทีเป็นช่วงที่ทางกองทัพเรืออยากขอโทษ และให้เข้าใจว่าสามีทหารเรือไม่ได้แต่งเต็มยศไปเบ่ง เพียงแต่วันนั้นต้องไปต้อนรับ ผบ.ทร. คนใหม่เข้ารับตำแหน่ง พอภรรยามีเรื่องก็เลยต้องไปหา ส่วนที่ไปวันนั้นแค่เรื่องฝั่งหญิงตั้งครรภ์ไม่สบายใจที่จะมีข้าราชการมาข่มขู่ ไม่ใช่การไปบอกว่าใครถูกใครผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจ ตนเข้าใจว่าเจ้าของเพจโกรธเคืองแทนคนท้อง จนพาลด่ามาถึงตน จะโทรศัพท์เคลียร์ก็ไม่เอา จะด่าอย่างเดียว ไม่สนความจริง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าดราม่าจะไม่จบ เพราะแฟนเพจ "Drama-addict" ของแอดมินที่ชื่อว่า "จ่าพิชิต ขจัดพาลชน" หรือ นพ.วิทวัส ศิริประชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะลันตา ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 8.8 แสนยูสเซอร์ และกำลังมีงานเขียนที่ชื่อว่า "นิทานอีสัส" อันโด่งดัง ได้เข้ามาโพสต์การทำหน้าที่เป็นคนกลางของ บุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า ดูคลิปทั้งสองฝ่ายออกมาพูดแล้วอึดอัด พร้อมตำหนิว่า การเป็นคนกลางไม่ใช่แค่นั่งตรงกลางระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้วเรียกตัวเองว่าเป็นคนกลาง ต้องให้ทั้งสองฝ่ายชี้แจงข้อเท็จจริงของแต่ละฝ่ายอย่างเสมอภาค ไม่ใช่มาแก้ตัวแทนคู่กรณีฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
ต่อมา สามีของ บุ๋ม ปนัดดา อย่าง "เอก เอกริน นิลเศรษฐี" ก็โพสต์คอมเมนต์ชี้แจงว่า มีอะไรเยอะกว่าข่าวที่เห็นกัน ฝ่ายคนท้องตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ เพราะสิ่งที่โพสต์ในโซเชียลไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ฝ่ายสามีหญิงตั้งครรภ์ขอมาทางองค์กรทำดี และฝ่ายผู้บัญชาการทหารเรือให้คนโทรศัพท์หาบุ๋ม ปนัดดา เพราะเคยเรียน พสบ.ทร. รุ่น 1 เลยเป็นสมาชิกกองทัพเรือด้วย ส่วนคลิปในข่าวที่บุ๋มพูดที่เห็นกัน 7 นาที ความจริงได้เคลียร์กันมาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่นักข่าวเข้ามาทีหลัง แล้วตัดคลิปให้เห็นแบบนั้น ส่วนที่บอกว่าฝ่ายคนท้องไม่มีทางถูก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพราะลงคลิปตัวเองถูกทำร้ายนั้น รายละเอียดฝั่งหญิงตั้งครรภ์ตอนแรกสุดไม่ใช่ความจริงทั้งหมด และคลิปที่เกิดขึ้นแค่หญิงคู่กรณีล้มลง กลายเป็นว่าจะโดนฟ้อง เจ้าของโพสต์เลยรีบลบแต่ไม่ทัน บุ๋ม ปนัดดา พยายามจะให้เรื่องจบโดยไม่มีการฟ้อง
ด้านฝั่งจ่าพิชิต กล่าวว่า ที่ผมไม่คุยมือถือกับบุ๋ม ปนัดดา ไม่ใช่หยิ่ง แต่ประเด็นนี้มันควรคุยแบบเปิดเผยให้คนอื่นรู้ด้วย ประเด็นคือที่ เอก เอกริน บอกว่าฝั่งคนท้องกับสามีมีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพราะโพสสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงลงเน็ต ตนก็ยกตัวอย่างให้ดูแล้วว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มันจะใช้กับเรื่องของความมั่นคงเท่านั้น ไปเปิดคำพิพากษาคดีภูเก็ตหวานอ่านได้เลย ขนาดคดีนั้นว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วเพราะเกี่ยวกับกองทัพ หนักกว่าเรื่องนี้เยอะ ศาลยังบอกว่าไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ. นั้นเลย แล้วนี่แค่ป้าทะเลาะกับคนท้อง มันกระทบความมั่นคงของประเทศยังไง
"ประเด็นนี้มันเป็นเรื่องของการหมิ่นประมาทระหว่างบุคคล ซึ่งผมก็โพสไม่รู้กี่สเตตัสแล้วว่าโทษมันไม่หนักและไกล่เกลี่ยได้ ทำไมสามีเจ๊บุ๋มยังยืนยันว่าฝ่าย ญ ท้องผิด 3 กระทงและผิดมากกว่าฝ่ายป้าที่ผิดสองกระทง อันนี้คือเหมือนจะบอกว่าทางฝ่ายคนท้องผิดมากกว่าก็เลยต้องยอมๆ ไปซึ่งตรงนี้แหละที่ผมว่ามันไม่ควรมาก"
อ่าวแฟนเจ๊บุ๋มมา ไหนๆก็มาแล้วมาคุยกันตรงนี้เลยครับคนจะได้อ่านกันด้วย ที่ผมไม่คุยมือถือกับเจ๊บุ๋มไม่ใช่หยิ่ง แต่ประเด็นนี...
Posted by Drama-addict on Tuesday, October 20, 2015
ด้านเอก เอกริน คอมเมนต์ว่า ตนบอกอยู่ว่า ภรรยาตนไม่เล่นเฟซบุ๊ก จะให้คุยยังไง แล้วถ้าคุยในโซเชียล ก็ต้องเอามาโพสต์กระตุ้นเรื่องอีก ภรรยาตนอยากให้เคลียร์กันจบก่อนก็ไม่ฟัง ส่วนเรื่อง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ผิดจริงหรือไม่ก็ต้องให้ศาลตัดสิน ที่สำคัญคือ ถ้าแจ้งความ ตำรวจรับแจ้ง จะมาขึ้นศาลแทนคนท้องไหม กว่าจะจบคดี และแม้สรุปสุดท้าย ไม่โดนเรื่อง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ก็โดนเรื่องหมิ่นประมาทอยู่ดี สู้ให้มันจบๆ โดยไม่ฟ้องดีกว่าไหม
"สิ่งที่คุณปลุกปั่นลุกเพจให้ด่าเมียผม ที่คุณเรียกเมียผมว่า อี คุณรับผิดชอบ ... อะไรมั่ง อีกอย่าง ใช่โทษมันไม่หนักไกล่เกลี่ยได้ แต่ถ้ามันไกล่เกลี่ยได้เอง ทั้ง2 ฝ่ายจะมาติดต่อบุ๋มทำไม"
จากนั้นก็มีการโต้เถียงกันไปมาระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่ชาวเน็ตต่างตำหนิพฤติกรรมของจ่าพิชิต ที่ยกเหตุผลของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ด้านเดียวเพื่อปกป้องตัวเอง ทั้งๆ ที่สาระสำคัญคนละอนุมาตรากับที่พูดถึงความมั่นคง แค่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ใครก็ได้ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเสียหาย ไม่ต้องประชาชนทั่วไป ก็อาจจะถูกศาลตัดสินว่าผิดแล้ว พร้อมระบุว่า จ่าพิชิตก็ไม่เป็นกลาง ใช้อารมณ์ตัดสิน ด้านเจ้าตัวก็ท้า บุ๋ม ปนัดดา ให้เอา พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฟ้อง ด้านฝั่ง เอก เอกริน ได้โพสต์ภาพหลักฐานว่า ตนได้พยายามติดต่อทางเพจ Drama-addict เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้ว แต่แอดมินกลับบอกว่า "ขี้คร้านครับ มีอะไรแชทมาได้ เล่นไอจีได้น่าจะเล่นเฟซบุ๊กได้มั้ง
จริงๆก็มีคนมาเตือนให้ไปคุยกับเจ๊บุ๋มดีๆ ผมก็คิดๆอยู่นะแต่พอเห็นเจ๊แกขึ้นประกาศแบบนี้ มาเลยเจ๊ ไม่ต้องรอเที่ยงคืนเอา พร...
Posted by Drama-addict on Wednesday, October 21, 2015
คงเป็นสันดานจริงๆ
Posted by Akekarin Nilsettee on Wednesday, October 21, 2015
เพจนี้ คิดว่าผมควรจะฟ้องไหม? กับการหาว่าจัดฉาก เสี้ยมหนักจับคู่กับ เพจดราม่ามาเลย
Posted by Akekarin Nilsettee on Wednesday, October 21, 2015
อย่างไรก็ตาม มหากาพย์เรื่องนี้ก็จบลง โดยฝั่ง "จ่าพิชิต ขจัดพาลชน" โพสต์ข้อความขออภัยต่อบุ๋ม ปนัดดา ที่กล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง อ้างว่าวิจารณ์ไปตามที่สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวีนำเสนอ ณ เวลานั้น ทำให้รู้สึกว่า บุ๋ม ปนัดดา ไม่เป็นกลาง แต่พอฟัง บุ๋ม ปนัดดา อธิบายตอนหลังกฌรู้สึกว่าตนรีบด่วนตัดสินเกินไปจริงๆ ส่วนเรื่องการดำเนินคดี ถ้าจะทำจริงๆ ก็เคารพการตัดสินใจ เดี๋ยวไปว่าต่อกันในศาล
"พักไปสงบสติอยู่คืนนึง หายหัวร้อนแล้ว เรื่องเจ๊บุ๋มนี่ ในประเด็นที่จ่าวิจารณ์ว่าเจ๊ไม่เป็นกลางนั้น ประเด็นนี้ก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เพราะจ่าก็วิจารณ์ไปตามที่สื่อ (ไทยรัฐทีวี) นำเสนอ ณ เวลานั้น คือย้อนกลับไปดูกี่ที ที่คลิปนั้นมันนำเสนอดูยังไงก็รู้สึกว่าเจ๊ไม่เป็นกลางนะ แต่พอฟังที่เจ๊อธิบายตอนหลังก็รู้สึกว่าจ่ารีบด่วนตัดสินเจ๊เกินไปจริงๆ ตรงนี้ต้องขอโทษเจ๊ด้วย จะเก็บไปปรับปรุงในภายภาคหน้า ส่วนเรื่องการดำเนินคดี ถ้าเจ๊จะทำจริงๆก็เคารพการตัดสินใจของเจ๊ครับ เดี๋ยวไปว่ากันต่อในศาลนะ ส่วนชาวเน็ททุกทั่น ขอโทษและขออภัยอย่างสูง รวมถึงขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเตือนเพราะเป็นห่วงด้วยครับ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน"
ด้าน บุ๋ม ปนัดดา โพสต์อินสตาแกรม รับทราบคำขอโทษของจ่าพิชิต และให้อภัย ระบุว่าติดต่อทนายและเตรียมเอกสารไว้แล้ว เพราะขอโทษช้ากว่ากำหนด แต่ก็ดีกว่าไม่ขอโทษเลย งานโรงพยาบาลคงยุ่ง แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น คงเตือนใจอะไรหลายอย่าง แอดมินเพจที่ดังต้องศึกษาหาข้อมูลหลายทางและอยู่บนจรรยาบรรณที่ดี เพราะเป็นสื่อสาธารณะที่มีอิทธิพล นำกระแส เป็นผู้นำทางความคิด ต้องยิ่งระวังและความยิ่งใหญ่ ความนิยม ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคม การเสพสื่อ ต้องชั่งใจและอย่ารีบตัดสินด้วยอารมณ์ เพราะ คำพูด มันทำร้ายคนอื่นกลายเป็นตราบาปตลอดชีวิตได้
"ค่ะ รับทราบและให้อภัยค่ะ ☺ ขอสารภาพว่าติดต่อทนายและเตรียมเอกสารไว้แล้ว (เรื่องนี้กุเร็ว) เพราะขอโทษช้ากว่ากำหนด แต่ก็ดีกว่าไม่ขอโทษเลย งานรพ.คงยุ่ง เจ๊เข้าใจ! แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น คงเตือนใจอะไรหลายอย่างให้กับพวกเราทุกคน
1. Admin เพจทั้งหลายที่ดังๆ (แกก็ดังนี่อีเจี๊ยบ เลียด่วน) ต้องศึกษาหาข้อมูลหลายทางและอยู่บนจรรยาบรรณที่ดี เพราะคุณคือสื่อสาธารณะที่มีอิทธิพล นำกระแส เป็นผู้นำทางความคิด ต้องยิ่งระวังและความยิ่งใหญ่ ความนิยม ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคมนะคะ
2. การเสพสื่อ ต้องชั่งใจและอย่ารีบตัดสินด้วยอารมณ์ เพราะ คำพูด มันทำร้ายคนอื่นกลายเป็นตราบาปตลอดชีวิตได้
3. ขอโทษ ขอบคุณ เป็นคำมหัศจรรย์ที่ทำให้สังคมไทยน่าอยู่ขึ้นนะคะ
4. ในอนาคต ถ้ามีอะไรข้องใจ สงสัย ถามกันก่อน แต่ก็ขออย่ามีอะไรอีกดีกว่า ครั้งนี้เครียดมากเหลือเกิน อยากจะไปพักผ่อนที่ เกาะลันตา จะมีใครดูแลไหมน้อ???
5. อีเจี๊ยบ แกติดกาแฟชั้น 1 แก้วมานานแล้ว ชาตินี้จะได้กินไหม? วันนี้ยอมเพราะแกส่วนนึง! ดังนั้นเอาหุ่นโทนี่มาให้ตัวนึงเลยนะว้อย! ห้ามปฏิเสธ!!! (สบายใจ ไปไหว้พระต่อละนะ)"