ฟังก่อนคิดเสริมสวยเสริมหล่อ...“หมอรี” แพทย์หญิงวารีรัตน์ โขมศิริ ที่ดาราคนดังหลายคนเชื่อมือในฐานะกุนซือด้านความสวยความงาม ในยุคที่ทุกคนสามารถวิ่งเข้าหาความหน้าใสหุ่นสวยได้ด้วยเทคโนโลยี แต่คิดให้ดี ก่อนชีวิตจะพังเพราะบ้าความงาม |
ค่านิยมเรื่องความสวยความงาม เป็นเทรนด์ฮิตแห่งยุคสมัยอย่างที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ เพราะเมื่อให้ค่าความงามเท่ากับความสุข ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายในทุกซีกโลกจึงเลือกที่จะแปลงโฉมตัวเองด้วยมีดหมอหรืออะไรต่อมิอะไร และเราคงได้ยินได้ฟังข่าวอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเสริมแต่งเหล่านั้น
“หมอรี” แพทย์หญิงวารีรัตน์ โขมศิริ” ให้เหตุผลไว้น่าสนใจว่า สาเหตุประการหนึ่งนั้น เพราะบางที หมอก็อาจจะพูดความจริงไม่หมด หรือไม่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
“หมอรี” เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านความสวยความงาม เจ้าของ Neo laser clinic ที่แม้จะไม่เคยปรากฏแบรนด์บนจอโฆษณา แต่ทว่าในแวดวงดาราคนดัง กลับรู้จักศูนย์ความงามแห่งนี้กันอย่างแพร่หลาย เหตุและผลที่แต่ละคนมีให้นั้น เขาว่ากันว่า เป็นเรื่องความจริงใจของหมอที่มีต่อผู้รับบริการ
มีหมอไม่มากคนที่พร้อมจะบอกข้อเสียของการเสริมแต่งความสวย
แต่หมอรี เป็นหนึ่งในจำนวนไม่มากนั้น....
• อยากให้คุณหมอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Neo laser clinic หน่อยค่ะว่ามีความเป็นมาอย่างไร
Neo laser clinic ก่อตั้งมาประมาณสัก 6-7 ปีที่ผ่านมา ตอนแรกเราคิดว่าเราจะทำเรื่องของนวัตกรรมเกี่ยวกับเลเซอร์ เพราะว่าก่อนหน้านี้ คนไม่ค่อยได้ทำเลเซอร์กันมาก ส่วนใหญ่จะมีการทำ IDL หรือผลัดเซลล์ เราก็เลยอยากทำเกี่ยวกับศูนย์เลเซอร์ให้ทันสมัยเข้ากับความต้องการของคนปัจจุบันที่ไม่ชอบอะไรที่ต้องผ่าตัดเยอะและเจ็บ ความนิยมของคนสมัยนี้เปลี่ยนไป ไม่ชอบอะไรที่เจ็บ ไม่ชอบอะไรที่ผ่าเยอะ ทางเราก็เลยลงทุนเลเซอร์ทุกตัว ไม่ว่าจะเลเซอร์ผิว เลเซอร์ขน เลเซอร์หน้าใส เลเซอร์รอยดำ เลเซอร์รอยแดง เลเซอร์เกี่ยวกับยกกระชับแต่เราก็ยังมีฉีดโบทอกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ มีดูแลเรื่องสุขภาพ และก็ลดน้ำหนักด้วย
• ได้ยินมาว่าดาราเข้ามาใช้บริการเยอะเลยเหรอคะ
ใช่ค่ะ เยอะพอควรค่ะ อย่างเบเบ้ ชมพู่ หลุยส์ นุ่น (ยิ้ม) นี่เป็นเรื่องธรรมดานะคะ เพราะว่าดาราเขาต้องมีฐานหน้าตาเป็นหลักในการทำงานอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าหน้าตาคือตัวที่ทำเงินให้กับเขาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ใบหน้าเป็นส่วนสำคัญที่ต้องได้รับความไว้วางใจ ไม่เหมือนกับการทำร่างกายส่วนอื่นๆ เพราะร่างกายทำที่ไหนก็ได้ ข้างบ้านก็ได้ (หัวเราะ) แต่ถ้าที่บริเวณใบหน้า เขาต้องไว้วางใจระดับหนึ่ง เพราะถ้าทำเสียแล้วก็เสียเลย
• ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้างคะ
ตอนนี้ก็โอเคระดับหนึ่ง ก็มีน้องๆ ดาราเซเล็ปเขาก็โฆษณาให้เรา เพราะเราไม่ได้ทำโฆษณา เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราโฆษณาก็อาจจะระดับหนึ่ง และก็มีแค่คนบอกต่อให้เรา น้องดาราเซเล็ปก็ต้องเห็นเพื่อนว่าทำแล้วไม่มีปัญหา อย่างการฉีดโบท็อกซ์ ไม่ใช่ใช้เงินอย่างเดียว เพราะว่าหากฉีดแล้ว หน้าเบี้ยว ตาไม่เท่ากันอย่างนี้จะมีปัญหา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการบอกกันปากต่อปากมากกว่า (ยิ้ม)
• กลุ่มลูกค้าของทางคลินิก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไหนบ้างคะ
ก็มีเกือบทุกวัยค่ะ แต่พูดตรงๆ เลยว่าเลเซอร์มันค่อนข้างราคาสูง เพราะฉะนั้น เด็กก็จะมีระดับหนึ่ง หมอคิดว่าส่วนใหญ่เด็กอาจจะตามไอจีดารา เห็นว่าทำที่ไหนอย่างไร กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยนักเรียนก็มีมาบ้าง แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัยทำงาน หรือคนมีอายุหน่อย
• ในฐานะผู้ที่เปิดศูนย์ความงาม มองว่าปัจจุบันเรื่องค่านิยมความสวยความงามของคนเป็นอย่างไรบ้างคะ
เมื่อก่อนคิดว่าเด็กจะไม่ค่อยเสริมแต่งหรือทำอะไรมาก เพราะว่าเด็กผิวดีอยู่แล้ว แต่เดียวนี้คนรักสวยรักงามมากขึ้น พอมีสิวขึ้นก็เครียดแล้ว เดียวนี้มีการมาเลเซอร์สิวตั้งแต่ 10 กว่าขวบก็มี จี้กระตั้งแต่ 9 ขวบก็มี ซึ่งเดียวนี้ เทรนด์มันค่อนข้างเปลี่ยนไป เพราะคนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เด็กเมื่อก่อนไม่เคยออกกำลังกาย แต่เดียวนี้เด็กออกกำลังกาย มีเทรนเนอร์ส่วนตัว มีหมอส่วนตัว เด็กเมื่อก่อนไม่ต้องอดอาหาร แต่เดียวนี้ เด็กดูแลสุขภาพ อดอาหารตามเทรนด์ (หัวเราะ)
รู้สึกว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพเริ่มตั้งแต่อายุน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อก่อนเราจะเห็นว่าอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันนี้เด็กพอ10 กว่าขวบ ก็เริ่มตามเทรนด์แล้ว เริ่มอยากสวย อยากทำหน้าแล้ว ก็ทำให้การดูแลสุขภาพมันหวือหวามากขึ้น
• ตรงนี้เรามีการแนะนำอย่างไรบ้างคะต่อการใช้บริการของลูกค้า
ก็จะดูเป็นกรณีไป ถ้าเป็นเด็กจะเรียกคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองมาดูแล มาพูดคุยให้เข้าใจข้อดีข้อเสียของการจะทำส่วนต่างๆ แต่ถ้าเขาอยากหายเร็วก็ว่ากัน แต่ที่สำคัญ การฉีด โบท็อกซ์ที่นี่จะไม่ฉีดให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แต่อย่างดารา ถ้าจำเป็นต่อการที่จะใช้หน้า “ถ้าหนูหน้าไม่เล็กวันนี้ หนูจะไม่ได้งาน” ก็จะต้องให้ผู้ปกครองมาคุย เซ็นรับรองไว้ เพราะทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย เราต้องมีการดูแลให้คำแนะนำลูกค้าด้วยความจริงใจ หมอจะอธิบายค่อนข้างเยอะ สร้างความเข้าใจให้กับลูกค้า เพราะคิดว่าหมอส่วนใหญ่ไม่ได้อธิบาย
แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้ ทุกคนเรียนมาเหมือนกัน แต่บางคนไม่อยากอธิบาย ไม่กล้าพูดข้อเสียที่มี แต่ส่วนตัวของหมอ หมอจะบอกข้อดีและข้อเสียแล้วให้ลูกค้าเลือกตามความเหมาะสมเอง ถ้าเรามีความสุขกับการที่จะทำส่วนไหน เราทำได้เลย เพราะว่ามันเป็นความจริง หากต่อไปเกิดมีปัญหาในการทำ เกิดหน้าเบี้ยว หน้าเลเซอร์แล้วหน้ากลับมาดำคล้ำกว่าเดิม หมอก็เคยบอกไปแล้วว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีเลย ทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียเหมือนกัน ลูกค้าจะได้รู้สึกว่าเราจริงใจกับเขา เขาไปอ่านวารสาร หรือนิตยสารทางการแพทย์ เขาก็จะรู้ว่าเราพูดจริง เพราะฉะนั้น ถ้าเราพูดความจริง มันก็จะไม่มีปัญหา ดาราหรือเซเล็ปก็เลยไว้ใจ กล้าบอกต่อ
• ส่วนนี้ถือว่าเป็นจุดยืนของที่นี่เลยหรือเปล่าคะ
ส่วนหนึ่งเลย หมอคิดว่าทุกคนมีความรู้เหมือนกัน แต่เขาไม่อธิบาย พูดทั้งข้อดีข้อเสีย บอกทุกอย่างให้คนไข้เป็นคนเลือก ถ้าเลือกไม่ได้ หมอจะเลือกให้ (หัวเราะ) เพราะว่าจะบอกทุกอย่างที่คนไข้ต้องการ เนื่องจากว่า ถ้าไม่อธิบายให้ความเข้าใจกัน มีคดีฟ้องร้องกัน หมอว่าส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่อธิบาย ไม่ใช่หมอไม่เก่ง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ประนีประนอมกันอยู่แล้ว แต่บางทีเมื่อทำไปแล้ว มีคำถามย้อนกลับมา “ทำไมฉันหน้าเบี้ยว ทำไมหมอไม่เคยบอกฉันว่าหน้าจะมีสะเก็ด ทำไมฉันไปโดนแดดแล้วหน้าฉันดำ” เพราะว่าเราไม่ได้สื่อสาร หมอว่ามันเป็นจุดใหญ่ และเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความเข้าใจกันและกัน
• เป็นไปได้ไหมคะว่า ที่ไม่อธิบาย เพราะหมอบางท่านเป็นลูกจ้าง ไม่ได้เป็นเจ้าของคลินิกหรือสถานเสริมความงามเอง
หมอว่ามันไม่เกี่ยวกันค่ะ มันอยู่ที่นิสัยของแต่ละคน หมอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หมอเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ หมอจะเป็นเจ้าของเลย (หัวเราะ) หมอก็อธิบายอย่างนี้มาตั้งแต่หมอเป็นลูกจ้าง ก็เลยรู้สึกว่าคือคนไทยได้ใจกันยิ่งกว่าเงิน ส่วนหนึ่งหมอว่าเป็นที่นิสัยคนมากกว่า แต่ทุกวันนี้หมอก็ตั้งใจอธิบายทุกคนนะ เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องห้ามมีปัญหา เพราะหมออธิบายแล้ว (หัวเราะ)
• คุณหมอคิดว่าตัวเองได้อะไรจากการทำงานแบบนี้บ้างคะ
ส่วนหนึ่งคนไข้เป็นเพื่อนหมอไปแล้วนะ เงินก็ส่วนหนึ่ง อาชีพก็ส่วนหนึ่ง แต่หมอว่าคนไข้เหมือนเป็นเพื่อนเรา เพราะถ้าเราคิดแต่ว่ามันเป็นงานอย่างเดียว มันคงทำไม่ได้นาน หมอจะไม่ได้คุยในเรื่องของเลเซอร์อย่างเดียว เราคุยในทุกๆ เรื่อง เราแชร์กัน มันก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ คือหมอคิดว่าทั้งชีวิตหมอ หมออยู่กับคนไข้มากกว่าครอบครัว หมอมีความสุขกับการทำงาน หมอมีคนไข้เป็นมิตรที่ดี มันคือความสุขทางใจ
• พูดเรื่องความสวยความงาม หมอก็ตามเทรนด์ดังกล่าวด้วยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ (หัวเราะ) ก็มีบ้างที่เราต้องเปลี่ยนไปตามเทรนด์ความต้องการของลูกค้า (ยิ้ม) เราก็เลยมาหันทำแบรนด์สุขภาพมากขึ้น คือตอนนี้เราทำศูนย์เลเซอร์แล้ว มีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านเลเซอร์ เราก็เลยมาทำอีกช่องทางหนึ่ง คือขายอาหารเกี่ยวกับคลีนฟู้ด เป็นอาหารที่รักษาภายใน เมื่อก่อนคนต้องการอะไรที่เร็ว เลเซอร์เสร็จ เห็นเลยว่าสิวยุบ ยิงเลเซอร์เสร็จหน้าใส ยิงเลเซอร์เสร็จขนหลุด แต่เดี๋ยวนี้บางคนไม่ต้องการอะไรที่ดูรุนแรง คนก็เลยหันกลับมาดูแลตัวเอง เราก็เลยมาทำแบรนด์สไลด์เซอร์ซึ่งเกี่ยวกับสุขภาพขึ้นบ้าง
อย่างแบรนด์ Swizer ที่เป็นเมล็ดเจีย เราก็นำเข้าจากประเทศเม็กซิโก เป็นเมล็ดธัญพืชเพื่อสุขภาพ ช่วงนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ใครๆ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพกันมาก ซึ่งนอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สงบ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็สำคัญเหมือนกัน เมล็ดเจียจึงตอบโจทย์
เนื่องจากช่วงนี้สาวๆ หลายคนนิยมรับประทาน เพราะมันมีชื่อเสียงที่โดดเด่นทางด้านการลดน้ำหนัก นอกจากนี้ เมล็ดเจียยังมีโอเมก้าดีช่วยบำรุงสมองมากว่าปลาเซลมอล 7 เท่า มีแคลเซียมมากกว่านม 5 เท่า มีสารตัวหนึ่งซึ่งช่วยเบิร์นแป้งเบิร์นน้ำตาล ดังนั้น ทานแล้วโรคเบาหวาน เราจะไม่ค่อยมีปัญหา มีพวกวิตามินเกลือแร่มีมากว่า 3 เท่า ทำให้ไม่ต้องฉีด โบทอกซ์ก็ได้ ถ้าเราทานตั้งแต่แรกๆ และก็มีวิตามินเอ แมกนีเซียม โปเทสเซียมทานตัวนี้ก็จะไม่ขาดสารอาหารเท่าไร เพราะสมัยก่อนเขาลดน้ำหนักโดยการอดอาหาร หรือทานยาซึ่งใครๆ ก็รู้ว่ามันไม่ดี ไม่ถูกต้องแต่บางคนก็ยังทำ เพราะมันไม่มีตัวเลือกอื่น ซึ่งตอนนี้เราก็เลยมาลองทำคลีนฟู้ดที่ทานอย่างมีสุขภาพที่ดี ทำให้ผอมสวยสุขภาพดีด้วย
นอกจากนี้ เรายังมี “ควินัว” และต่อไปเราอาจจะทำน้ำมันออยเจีย แล้วก็เพาว์เดอร์เจียทำขนมซึ่งรู้สึกว่าต่างประเทศมีความสนใจในการดูแลเรื่องอาหารจำพวกคลีนมานานแล้ว แต่เมืองไทยเราเองเพิ่งมี เลยคิดว่าในส่วนนี้จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้กับลูกค้าในการดูแลตัวเองแต่ภายในได้
• แล้วเคล็ดลับความสวยของคุณหมอมีอะไรบ้างคะ ทำอย่างไรให้ตัวเองสวยได้ขนาดนี้
(ยิ้ม) หมอเป็นคนรักสวยรักงามมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าหมอไม่อยากแก่ (หัวเราะ) โดยส่วนตัวหมอคิดว่าไม่ว่าจะรวยแค่ไหน แต่ถ้าเกิดว่ารูปร่างท้วม ไม่สวยก็จะรู้สึกไม่โอเค (ยิ้ม) ก็เลยจะเป็นคนที่รักสวยรักงามมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเยอะนะ เพราะหมอกลัวเจ็บ (หัวเราะ) อย่างการทำเลเซอร์แต่ละครั้งก็จะบอกคนไข้เสมอว่าตัวหมอเองไม่เคยทำเลเซอร์แรงเลย หมอจะทำแต่เลเซอร์เบาๆ
เราก็จะพูดตรงไปตรงมา เพราะหมอว่าไม่มีใครหลอกใครได้ตลอดไป อย่างหมอกินเจียไม่ใช่ว่าหมอกินเพื่อให้ผอม แต่เพราะหมอไม่อยากอ้วน หมอไม่อยากกินยาลดน้ำหนัก หมอก็เลยหาทางว่าหมอชอบทานขนม หมอก็จะเอาเจียมาทานเล่นแทนขนม เป็นทางเลือกอีกทาง
จริงๆ หมอเคยน้ำหนักเยอะสุด 50 กว่ากิโลกรัมเลยนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นปล่อยตัว เพราะทำงานหนัก ทำงาน 7 วันเลย แรกๆ ที่เปิดคลินิก งานเลิก 3 ทุ่ม พอ 4 ทุ่มกว่าๆ เราก็ทานข้าว ซึ่งไม่เคยมองตัวเองเลย พอนานๆ เริ่มเห็นว่ามันไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ) แต่ทุกวันนี้หมอจะดูแลตัวเองโดยที่หมอจะทานอาหารเช้าทุกวัน เพราะอาหารเช้าสำคัญสุด ตอนเที่ยงหมอจะทานอาหารสุขภาพ อย่างเช่น ทานเจียบ้าง ตอนเย็นก็พยายามทานให้น้อยที่สุด แต่หมอเป็นคนที่ไม่ชอบทานผักผลไม้นะคะ ก็จะหาอย่างอื่นทานแทน อย่างเจียก็จะมีไฟเบอร์สูง หมอเลยเลือกรับประทาน เอาใส่สลัดบ้าง ฝืนทานผักค่ะ แล้วก็มีการออกกำลังกาย อาหารว่างไม่ค่อยทาน แต่หมอก็จะทานกาแฟใส่เมล็ดเจีย (ยิ้ม)
• ท้ายนี้ คุณหมออยากฝากอะไรกับเทรนด์นิยมความสวยความงามบ้างคะ
หมออยากฝากให้คนไข้ดูแลตัวเองก่อน อยากให้ทุกคนมองตัวเองเป็นหลักว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องมาเสียเงินกับเรา ต้องดูแลตัวเอง ไม่ต้องมากินเจียหมอก็ได้ ไม่ต้องมาเลเซอร์กับหมอก็ได้ แต่ควรจะพักผ่อน ห้ามเครียด ออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดี เราก็รู้ว่าถ้าเราทำได้ทุกอย่างมันก็จะดีกับเรา ถ้าเราดีทุกอย่างแล้ว เราก็อาจจะไม่ต้องทำอะไรเลย อยากจะลดน้ำหนักลองทำด้วยตัวเองดูก่อน ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องมาดูดไขมัน ไม่ต้องเลเซอร์ แต่หากอะไรที่ทำไม่ได้ค่อยว่ากัน เพราะอะไรที่มันเยอะไป เราคิดว่าอาจจะดีแต่กลับไม่ดีก็ได้ ขนาดวิตามินทานเยอะๆ ก็ใช่ว่าจะดีเลย อาหารทานเยอะๆ ก็อ้วน
เพราะฉะนั้น ทุกอย่าง อยากให้เดินทางสายกลาง แล้วถ้าอะไรที่มันสุดความสามารถแล้วค่อยหาตัวช่วย เพราะคนเรามีศักยภาพของแต่ละคนอยู่แล้ว ดึงมันออกมาใช้ ถ้าเราใช้ตัวเองก่อน แล้วต่อไปประเทศของเราเก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับต่างชาติด้วย เพราะว่าคนไทยมีดี แต่คนไทยชอบใช้แต่ตัวช่วย อยากให้พึ่งพาตัวเองก่อน ถ้าเราดี ครอบครัวดี สังคมดี ประเทศเราก็จะดีตามไปด้วย
• เคล็ดลับความสวย ฉบับ “หมอรี” • “ตัวเราเอง สุขภาพเราเอง ควรดูแลสุขภาพตัวเองจากภายใน เมื่อภายในเราดีแล้ว จะส่งผลต่อภายนอกอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่สำคัญ ไม่ควรเครียด แม้ความเครียดเราจะไปห้ามมันไม่ได้ แต่เราสามารถหยุดสร้างมันขึ้นมาได้ ผลที่เห็นได้ชัดเจนคือ สุขภาพจิตดี สุขภาพกายดี ผิวพรรณดี เราก็จะสวยโดยไม่ต้องพึ่งตัวช่วย เพราะตัวเราเองคือตัวช่วยที่ดีที่สุด” |
เรื่อง : อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร