xs
xsm
sm
md
lg

หลวงพ่ออุตตมะเผชิญ “โรคสั่งตาย”

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

หลวงพ่ออุตตมะ
โลกตะวันออก โดยเฉพาะในป่าดงพงไพร ยังมีเรื่องลี้ลับน่าพิศวงอยู่มาก ถ้าเชื่ออย่างงมงายโดยไม่ใช้ความคิด (อย่างเรื่องการเมืองก็เหมือนกัน) ก็จะทำให้เข้ารกเข้าพงจนหาทางเดินไม่ถูก เป็นอันตรายถึงตัวได้ แต่ถ้าใช้ “ปัญญา” ก็จะทำให้มองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไรนัก อย่างเรื่องที่หลวงพ่ออุตตมะเผชิญมา และ ท่านได้ใช้ปัญญาขจัดความงมงายในเรื่องนี้ไปได้

หลวงพ่ออุตตมะ คือ พระมอญที่เดินเท้าเข้ามาปักหลักเป็นเสาเอกของพุทธศาสนาทางภาคตะวันตกของไทย ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระราชอุดมมงคล เป็นเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม และเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

หลวงพ่ออุตตมะเล่าไว้ว่า ในสมัยที่ท่านเข้ามาอยู่เมืองไทยใหม่ๆนั้น ที่ ทิมูคี่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงเก่าแก่ในอำเภอสังขละบุรี เกิดมีโรคประหลาดขึ้น โรคนี้เริ่มจากมีใครคนหนึ่งปวดหัวอย่างรุนแรง พอมีคนมาเยี่ยม คนไข้ก็บอกกับคนมาเยี่ยมว่า เขาจะตายในวันพรุ่งนี้ ส่วนคนมาเยี่ยมจะตายในอีก ๒ วันถัดไป

พอวันรุ่งขึ้น คนไข้ก็ตายไปจริงๆ ทำเอาคนที่ไปเยี่ยมซึ่งหวาดผวาคำพูดของคนไข้จนนอนไม่หลับอยู่แล้ว เกิดปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง แล้วก็ตายตามไปในอีก ๒ วันต่อมา แต่ก่อนที่คนไข้รายนี้จะตาย ก็ได้บอกกับคนที่มาเยี่ยมในทำนองเดียวกัน ซึ่งก็ตายตามไปตามที่บอก เลยเรียกกันว่า “โรคสั่งตาย”

โรคนี้ทำให้ชาวบ้านหวาดผวาไปตามๆกัน ไม่มีใครกล้าไปเยี่ยมใคร ต่างทิ้งบ้านทิ้งช่องหลบหนีเข้าป่ากันหมด เพราะกลัวคนที่รับคำสั่งมาแล้วจะมาสั่งต่อ

เล่ากันว่า โรคนี้เกิดจากผีกระหัง ซึ่งเป็นผีผู้ชาย เลยเป็นกันเฉพาะผู้ชาย และเชื่อกันว่าผีประเภทนี้กลัวขมิ้น ชาวบ้านเลยพากันเอาขมิ้นมาทาตัวเหลืองอร่ามไปทั้งหมู่บ้าน

ตอนนั้นมีพระรูปหนึ่งชื่อ พระมองจะไล อายุมากและบวชมาหลายพรรษาแล้ว เป็นพระกะเหรี่ยงที่อาวุโสที่สุด ได้เดินทางมาจากบ้านทิวู ซึ่งอยู่ชายแดนพม่า มาอยู่ที่วัดทิมูคี่แทนพระเม็ง เจ้าอาวาสองค์เก่าที่มรณภาพไป พระมองจะไลเป็นพระที่ชาวกะเหรี่ยงทั่วไปนับถือ และมีชื่อเสียงในเรื่องรักษาคนผีเข้า

เมื่อมาถึงทิมูคี่ พระมองจะไลได้ทราบว่ามีชายคนหนึ่งอายุ ๘๐ กว่าแล้ว ชื่อ นายยังเว นอนป่วยไปไหนไม่ไหว ถูกทอดทิ้งไว้ในบ้านคนเดียว พระมองจะไลเคยรู้จักนายยังเวตั้งแต่สมัยที่ยังบวชเป็นพระด้วยกัน จึงแวะไปเยี่ยม

พอนายยังเวเห็นหน้าพระมองจะไลก็เลยได้โอกาส บอกว่าเขากำลังจะตายใน ๒ วัน ส่วนพระมองจะไลจะตายภายใน ๗ วัน

ตอนแรกพระมองจะไลไม่ค่อยเชื่อ แต่ ๒ วันต่อมานายยังเวก็ตายไปจริงๆ ทำเอาพระมองจะไลตกใจ และใช้ให้เณรองค์หนึ่งถือหนังสือไปหาหลวงพ่ออุตตมะซึ่งกำลังสร้างวัดอยู่ที่สะนีพ่อง ความในจดหมายได้ถามว่า พระมองจะไลจะตายภายใน ๗ วันตามคำพูดของนายยังเวจริงหรือไม่ ควรจะทำอย่างไรในตอนนี้ จะเดินทางมาหาหลวงพ่ออุตตมะที่สะนีพ่องได้หรือไม่

ตอนนั้น โรคสั่งตายได้ระบาดไป ๔ หมู่บ้านแล้ว คือ ทิมูคี่ ไล่โว่ มีเชิงจะเตอะ และทิวูซอง กำนันเลเตอะ ของสะนีพ่อง ได้สั่งห้ามคนจาก ๔ หมู่บ้านนี้เข้าสะนีพ่องอย่างเด็ดขาด จะเดินผ่านหมู่บ้านไปหมู่บ้านอื่นก็ไม่ได้ ต้องเดินอ้อมภูเขาไป พอกำนันเลเตอะรู้เรื่องจดหมายของพระมองจะไลที่มีมาถึงหลวงพ่ออุตตมะ เลยรีบห้ามไม่ให้หลวงพ่อไป และห้ามพระมองจะไลมาที่สะนีพ่องด้วย ถ้าหลวงพ่อไป ก็จะกลับมาที่สะนีพ่องอีกไม่ได้

หลวงพ่ออุตตมะว่า “เราจะไปดูเฉยๆ ขากลับเราจะแวะนิเถะ วังกะ แล้วค่อยกลับมาสะนีพ่องใหม่”

กำนันก็ว่า “หลวงพ่อจะไปไงองค์เดียว พระมองจะไลตอนนี้ก็อยู่องค์เดียว ต้องต้มข้าวฉันเอง พระเณรในวัดก็หนีไปหมดแล้ว เพราะกลัวว่าท่านจะสั่งต่อ”

หลวงพ่ออุตตมะจึงไปชวนพระอื่นๆให้ไปด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะไปชวนองค์ไหน ก็ล้วนแต่บอกว่าปวดหัวเป็นไข้ ไม่มีใครยอมไปด้วย ในที่สุดหลวงพ่ออุตตมะเลยต้องไปองค์เดียวตามลำพัง

ในช่วงก่อนที่หลวงพ่อจะไปถึงทิมูคี่ มีพระจากหมู่บ้านมองกั๊วะในพม่าผ่านมา เห็นพระแก่นอนอาพาธอยู่องค์เดียวไม่มีใครดูแล เลยช่วยต้มน้ำให้ พระมองจะไลเลยได้โอกาส บอกว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะตายแล้ว ให้พระจากมองกั๊วะรับโรคสั่งตายไว้ด้วย พระจากมองกั๊วะไม่เชื่อ แต่พอรู่งขึ้นพระมองจะไลก็ตายไปจริงๆ พระจากมองกั๊วะเลยตกใจหนีเตลิดกลับเข้าพม่า เอาโรคสั่งตายไปแพร่ในพม่าต่อไป

เมื่อหลวงพ่ออุตตมะมาถึงทิมูคี่ พระมองจะไลมรณภาพไป ๒วันแล้ว ศพถูกทิ้งไว้ไม่มีใครจัดการ หลวงพ่อจึงกลับมาที่วัดเคี่ยวเข็ญเอาพระมอญไปด้วยอีก ๔ รูป เพื่อสวดศพและเก็บศพพระมองจะไล ใช้เวลาเดินทางไปกลับ ๒ วัน รวมเวลา ๔ วันหลังพระมองจะไลมรณภาพจึงได้จัดการศพ หลวงพ่อเห็นมีเรือขุดลำหนึ่งยาว ๕ ศอกทำด้วยไม้งิ้ววางทิ้งอยู่ เข้าใจว่าชาวบ้านขุดไว้ทำที่ล้างเท้า แต่ขุดยังไม่เสร็จก็ทิ้งไป จึงขุดต่อเอาใส่ศพพระมองจะไล โดยใช้เสื่อห่อแล้วปิดทับด้วยฟาก เอาปูนขาวผสมกับน้ำอ้อยยาทับ ยกขึ้นตั้งบนศาลา แล้วรื้อศาลารอบนอกออก เหลือแต่ตรงกลางไว้ตั้งศพ เพื่อป้องกันสัตว์ขึ้น จัดการสวดให้เรียบร้อยแล้วจึงกลับ

ในระหว่างจัดการศพพระมองจะไลอยู่นั้น มีกะเหรี่ยง ๒ คนทาขมิ้นเหลืองอ๋อยโผล่เข้ามา พอเห็นหลวงพ่อก็คิดว่ารับโรคสั่งตายมาจากพระมองจะไลแล้ว เตรียมจะเผ่นหนี หลวงพ่อจึงขู่ว่า ถ้าหนีจะสั่งให้ตาย กะเหรี่ยง ๒ คนกลัวเลยต้องอยู่คอยรับใช้หุงข้าวปลาอาหารให้ในขณะที่หลวงพ่ออุตตมะกับพระอีก ๔ รูปทำงานกัน

หลวงพ่อพักอยู่ที่ทิมูคี่ ๓ คืนจึงกลับสะนีพ่อง เจอหลานกำนันเลเตอะ ๓ คนยืนเฝ้าปากทางไม่ยอมให้ใครเข้าหมู่บ้าน กำนันกำชับไว้ว่าแม้แต่หลวงพ่ออุตตมะก็เข้าไม่ได้ หลวงพ่อจึงขู่ว่า

“ถ้าไม่ให้เราเข้า เราจะสั่งนะ”

ทั้ง ๓ หน้าซีดยืนอ้ำอึ้ง พอดีกำนันเลเตอะมา หลวงพ่อจึงว่า

“เราจะสั่งกำนันละนะ”

กำนันกลัวลนลานรีบร้องว่า

“อย่าๆ ให้ท่านเข้าแล้ว”

หลวงพ่อกลับมาถึงสะนีพ่องก็ทำพิธีสวดไล่ผีและรดน้ำมนต์ให้ชาวบ้าน จนถึงกลางเดือน ๔ ก็กลับไปทิมูคี่กับพระหนุ่มอีก ๒ รูป ลำเลียงศพพระมองจะไลล่องแพมาเผาที่นิเถะ

“โรคสั่งตาย” ก็หายไปตั้งแต่บัดนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น