ด้วยความที่หลงใหลในประเทศญี่ปุ่นแบบจับจิตจับใจชนิดที่ว่าหายใจเข้าก็เจแปน หายใจออกก็เจแปน บวกกับประสบการณ์ใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมานาน จึงทำให้พวกเขาเข้าถึงมุมมองและไลฟ์สไตล์ของคนที่นั่น ก่อนจับมือกันถ่ายทอดออกมาในนามเพจชื่อดัง “ไม่ใช่กรูรู แต่กรูรู้ ของถูกในโตเกียว”
“เพจนี้เกิดจากแอดมิน “นะนะ” และแอดมิน “เมย์” ซึ่งทำขึ้นมาเล่นๆ เพียงเพราะอยากจะแชร์ข้อมูลให้เพื่อนๆ ที่คิดอยากไปเที่ยวโตเกียวให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่นี่ไม่ได้มีแต่ของแพง อีกอย่างจะมีเรื่องวัฒนธรรมเข้าไปแทรก อย่างเรื่องการใช้ห้องน้ำ, การขึ้นรถไฟ, การขึ้นบันไดเลื่อน หรือบางทีก็จะมีเรื่องแบบ How-to เป็นเคล็ดลับการซื้อสินค้าว่าซื้อเท่าไหร่ที่จะไม่ให้เสียภาษี” แอดมินดาว-ลักขณา จริตกูล หนึ่งในสมาชิกแอดมินของเพจดังกล่าวตอบคำถามกับเราด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนเสริมบทสนทนาขึ้นมาอีกว่า
“ตอนนี้แอดมินมีทั้งหมดหกคน มีสี่คนที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นและอีกสองคนอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งคือตัวดาวกับเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อออย ส่วนคนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเขาทำงานแล้วก็เรียนอยู่ที่นั่น อย่างแอดมินเมย์ก็จะเรียนที่โรงเรียนภาษาซึ่งตอนนี้ทำงานเป็นไกด์อยู่ที่นั่น แอดมินนะนะเป็นพนักงานบริษัททำเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว อีกสองคนก็จะมี “พัตโตะ” ซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเรา ทำงานในบริษัทที่ญี่ปุ่น ส่วนคนสุดท้ายโซระก็ทำงานบริษัทอยู่ที่ญี่ปุ่นและมีสามีเป็นคนญี่ปุ่น ทุกคนจะเกี่ยวพันกับเรื่องของญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ” (หัวเราะ)
แม้ว่าตอนแรก เพจนี้จะทำขึ้นมาเล่นๆ เพราะความอยากสนุก แต่ทว่ามันกลับส่งผลให้ยอดคนเข้ามาติดตามมีมากขึ้นและมากขึ้นเป็นเรือนแสน จนล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ยังได้ออกหนังสือกับทางสำนักพิมพ์และรวมเล่มขึ้นมาในชื่อ “ถูกและฟรี มีที่โตเกียว”
• ก่อนอื่นต้องเริ่มถามก่อนว่าทำไมถึงหลงรักประเทศญี่ปุ่นคะ
ตรงนี้ต้องบอกก่อนนะคะว่าแต่ละคนจะชอบแตกต่างกัน ส่วนตัวดาวชอบญี่ปุ่นเพราะเราทำบริษัทส่งออกแล้วลูกค้าที่เราต้องติดต่อเป็นคนญี่ปุ่นหมดเลย ดาวเลยอยากรู้ภาษาญี่ปุ่น พอเราได้เรียนภาษาก็เลยได้รู้เรื่องอื่นๆ ด้วย อย่างเรื่องวัฒนธรรม เราเลยรู้สึกชอบ ส่วนคนอื่นๆ บางคนก็มีไอดอลเป็นนักร้องญี่ปุ่น บางคนก็ชอบดูละครญี่ปุ่น จึงทำให้ทุกคนเริ่มเหมือนกันคือเริ่มจากเรียนภาษาญี่ปุ่น มันมีแรงจูงใจเลยกลายเป็นความชอบค่ะ (ยิ้ม)
• ญี่ปุ่นมีตั้งหลายจังหวัด ทำไมถึงเลือกโตเกียว
จริงๆ แล้วจะมีสี่คนที่เขาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นและอีกสองคนที่อาศัยอยู่ที่ไทยซึ่งคนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นจะอยู่ที่โตเกียวกันทั้งหมด จะมีอยู่ที่ไทยคือดาวกับออย เวลาจะไปหาเพื่อนๆ ก็เลยต้องไปโตเกียว (ยิ้ม) อีกอย่างเวลาไปญี่ปุ่นยังไงก็อยากไปโตเกียวก่อนค่ะแล้วค่อยไปเมืองอื่น คือโตเกียวเป็นที่ที่เราไปบ่อย เป็นเมืองที่เรารู้ว่าที่นั่นมีอะไรบ้าง จุดไหนมีอะไรบ้างมากกว่าที่อื่น เพราะว่าเราคุ้นเคยดี โตเกียวเป็นเมืองเล็กก็จริงนะคะ แต่ว่ามันรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียวกัน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว ชอปปิ้ง วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งวัดต่างๆ
• เห็นมาว่าเพจนี้มักจะแชร์เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโตเกียวทั้งวัฒนธรรมรวมไปถึงของถูก ของดีแบบนี้หายากไหมคะกว่าจะเจอ
ไม่ยากนะคะ เพราะตอนนี้ที่ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินก็ลดลง เงินเยนที่เมื่อก่อน 100 เยนแลกเกือบ 40 บาท แต่ตอนนี้ 27 บาทก็แลกได้แล้ว ทำให้พอเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ดี เขาก็พยายามที่จะลดราคาสินค้าที่บ้านเขาเพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อของได้ง่ายขึ้น มันก็เลยกลายเป็นผลพลอยได้ไปด้วย พอต่างชาติไปเที่ยวก็เลยซื้อของได้ง่ายสบาย อีกอย่าง ทุกสถานที่ที่เราเอามาลง เราไปมาจริงค่ะ อย่างร้านขายของเราดูแล้วว่าราคาที่นี่ถูกกว่าที่อื่น หรือร้านอาหารเราก็ลองไปชิมมาแล้วว่ามันอร่อยแล้วก็ราคาไม่แพง อย่างสถานที่ที่เราเอามาลงเราไปมาแล้ว ไปกิน ไปซื้อของมาจริงๆ เลยอยากบอกต่อ (ยิ้ม)
• แบบนี้มีเคล็ดลับไหมคะว่าเลือกของอย่างไรถึงจะได้ทั้งดีและถูก
จริงๆ แล้วต้องให้เครดิตที่ญี่ปุ่นเขาเลยนะคะเพราะว่าของที่เขาขายส่วนมากจะเป็นของที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ต่อมาจะแบ่งตามย่านค่ะว่าย่านนี้เป็นย่านแบบ Hi-end ของแพง ซึ่งตรงนั้น เราจะไม่ยุ่ง (หัวเราะ) ที่นี่มันเลยทำให้เวลาเรารู้แหล่งแล้วว่าที่ไหนมีของถูก มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะไปเจอร้านถูกและดี (ยิ้ม)
เราจะมีแหล่งชอปปิ้งที่เป็นของถูกตามร้านอื่นๆ อย่างพวกตลาดเปิดท้ายที่ญี่ปุ่นก็มีเหมือนกันนะคะซึ่งเราไปเดินเล่นแต่กลับได้ของดีๆ มาก็มี ราคาถูกมาก (เสียงสูง) อย่างดาวไปซื้อของที่นั่นบ่อยเหมือนกันเพราะรู้สึกว่ามันถูก บางอย่างมันถูกกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ เอาแค่ร้าน 100 เยน จริงๆ ร้าน 100 เยนที่เมืองไทยก็มีนะคะ ทุกอย่าง 60 บาทซึ่งดาวมองว่าก็ยังแพงกว่าที่นี่ซึ่งที่นี่ 27 บาทเองค่ะ ดาวเคยโดนเพื่อนท้วงมาประจำว่าอันนี้ที่ไทยก็มี (หัวเราะ) ที่นี่มันถูกกว่าไหนๆ ก็มาแล้วก็ซื้อไป อย่างเครื่องสำอางก็เหมือนกัน เครื่องสำอางที่ญี่ปุ่นราคาต่างจากไทยแทบจะครึ่งหนึ่งเลย มันก็เหมาะแก่การขนกลับมาใช่ไหมล่ะ (หัวเราะ)
• แล้วเคยได้ของไม่ดีมาบ้างไหมคะ หรือเคยโดนหลอกบ้างหรือเปล่า
อันนี้อยากจะแนะนำสำหรับคนที่อยากซื้อของพวกแบรนด์เนมหรืออยากซื้อสินค้าที่มีราคาหน่อย จะแนะนำให้ไปซื้อในห้างสรรพสินค้าจะดีกว่าค่ะเพราะว่าบางคนอาจเคยได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นไม่มีของปลอม แต่ดาวจะบอกเลยว่ามันก็มีบ้างเหมือนกันนะ อย่างเช่นที่ตลาดอะเมะโยโกะหรือที่ที่ออกแนวตลาดสดหน่อย ซึ่งถ้าเราไปตลาดแบบนั้น ดาวแนะนำให้ซื้อของกิน ของใช้ ของฝากจะดีกว่า แต่แบรนด์เนมเข้าห้างเลยค่ะเพื่อความปลอดภัย ความชัวร์เพราะว่าจ่ายเงินแพงแล้ว ก็ควรจะได้ของดีๆ (ยิ้ม)
ส่วนตัวดาวยังไม่เคยถูกหลอกหรือได้ของปลอมนะคะ เพราะดาวเป็นคนที่ไม่ค่อยใช้ของแบรนด์เนมเท่าไหร่อยู่แล้ว ปกติจะซื้อแต่ของทั่วไปเลย แต่ว่าก็มีบ้างที่เคยไปซื้อนาฬิกาแบรนด์เนมที่ BOOK OFF แต่ที่นั่นเขามีใบรับประกันให้มาด้วยค่ะ แต่จริงๆ แล้วถ้าใครที่อยากซื้อสินค้าแบรนด์เนมในสภาพกิ๊กๆ ไม่โดนหลอก ควรซื้อที่ห้างสรรพสินค้าจะดีที่สุด
• แสดงว่าที่ญี่ปุ่นก็มีของปลอมใช่ไหมคะ
ดาวคิดว่าก็มีบ้างนะคะแต่ดาวไม่เคยเจอกับตัวเอง จะเคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตมากกว่า อย่างบางคนเขาไปซื้อของแบรนด์เนมแล้วดันไปเจอสินค้าที่คล้ายกับของปลอมก็มีเหมือนกันค่ะ
• ที่ญี่ปุ่นมีการต่อรองราคาสินค้าหรือเปล่าคะ
ส่วนมากจะไม่มีนะคะ (ตอบเร็ว) เพราะว่าเขาจะติดราคาชัดเจนเป็นราคาตามป้ายเลยค่ะ นอกจากในมุมที่ลดราคาก็จะแสดงไว้เลยว่าราคาเดิมเท่าไหร่ ลดลงเหลือเท่าไหร่แต่จะมีลดราคาบ้าง ถ้าไปเดินตลาดที่เป็นตลาดสด อย่างที่ตลาดอะเมะโยโกะจะมีบ้างนะคะอย่างเวลาที่ตลาดใกล้ปิด บ่ายแก่ๆ เขาก็จะลดราคาแต่จะเป็นการลดราคาที่เจ้าของร้านจะบอกเองว่าเหลือราคาเท่าไหร่ แต่จะไม่มีคนไปต่อรองราคาค่ะ
• ในฐานะที่ชอบซื้อของและรีวิวร้านค้า รีวิวร้านอาหารบ่อยๆ เคยเจอพ่อค้า แม่ค้าที่ขี้โกงบ้างหรือเปล่า
ไม่เคยเจอนะคะ (ตอบเร็ว) เพราะส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะซื่อสัตย์กับงานที่ตัวเองทำ ค่อนข้างชัดเจนเหมือนกันทุกที่ อย่างเช่น ของไม่ดีไม่เอามาขาย ติดราคาชัดเจน ถ้าซื้อของมั่นใจได้เลยค่ะว่าเขาจะซื่อตรง ไม่มีปัญหาเรื่องโกงค่ะ
• เคยซื้อสินค้าที่ญี่ปุ่นราคาถูกที่สุดเท่าไหร่
ถูกที่สุดของดาวไปซื้อที่ BOOK OFF มาค่ะ ตอนนั้นซื้อกระโปรงมา 100 เยนซึ่งถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ราวๆ 27 บาทเองค่ะ ร้านนี้จะมีขายของตั้งแต่ของแบรนด์เนมอย่างกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ นาฬิกาทุกยี่ห้อมีหมด แล้วก็จะมีเสื้อผ้า ที่นั่นจะมีเสื้อผ้าที่มีมุม 100 เยน 200 เยนด้วยค่ะ ซึ่งไปดูบางตัวยังมีป้ายราคาติดอยู่เลย อย่างกระโปรงที่ดาวซื้อมา 100 เยน สภาพก็ยังดีอยู่เลยนะคะ แถมยังมีป้ายติดอยู่ด้วย เป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้เลยค่ะ
ขอเล่านิดหนึ่งนะคะว่าคนญี่ปุ่นบ้านเขาแคบ อย่างถ้าเปลี่ยนฤดู เขาก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ฤดูหนาวพอเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน เสื้อผ้าที่ใช้ในฤดูหนาวก็จะถูกเก็บไว้ อย่างบางคนถ้าซื้อมาได้ในราคาถูกเขาก็จะเอาไปขายต่อ
แบรนด์เนมก็เช่นกัน หลายคนสงสัยว่าทำไมที่ BOOK OFF มีแบรนด์เนมมาขายเยอะจัง ตรงนี้บอกก่อนค่ะว่าที่ญี่ปุ่นแบรนด์เนมไม่ได้แพง เขาซื้อมา พอใช้เบื่อ ก็เอาตัวเก่ามาขายต่อ มันก็เลยทำให้มีธุรกิจแบบนี้เกิดขึ้นค่ะ (ยิ้ม)
• อย่างนี้ต้องตาดีได้ ตาร้ายเสียหรือเปล่าคะ ของมีตำหนิบ้างไหม หรือว่าอยู่ในสภาพดีหมดเลย
ตรงนี้จะบอกว่าดีหมดเลยก็ไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาขายของตามสภาพจริงๆ อย่างถ้าสมมติว่าเราอยากได้กระเป๋าหลุยส์ วิตตองมือสองสักใบ คนหนึ่งไปซื้ออาจได้ราคาที่หนึ่งหมื่นบาท หรืออีกคนหนึ่งไปซื้ออาจได้ราคาห้าพันบาท แบบเดียวกัน ราคาต่างกัน สภาพก็คนละอย่างกัน แล้วแต่คนซื้อเลยค่ะว่าเขาสบายใจที่จะซื้อแบบไหนซึ่งเขามีของให้เลือกเยอะมาก
• มีสถานที่เลือกซื้อเสื้อผ้าที่อยากแนะนำเป็นพิเศษไหมคะ
มีค่ะ (ตอบเร็ว) ที่ชิโมะคิตะซะวะเลยค่ะ บรรยากาศจะคล้ายๆ กับจตุจักรบ้านเราเลยค่ะ ซึ่งที่นี่คนไทยจะยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ว่ามีแหล่งชอปปิ้ง เขาเน้นขายของแนววัยรุ่นแนววินเทจ ฮิปๆหน่อย (ยิ้ม) จะมีแนวเสื้อผ้าแบรนด์เนมซึ่งไม่ใช่แบรนด์เนมแพงๆ ตามห้างนะคะ แต่จะเป็นยี่ห้อของคนญี่ปุ่นทำขึ้นมาค่ะ เป็นแนว DIY ของใช้ก็เช่นกันค่ะ จะออกแนว DIY ซึ่งรับรองว่าไปแล้ว เดินสนุกแถมของขายไม่แพงด้วยค่ะ
• แล้วร้านอาหารล่ะคะมีที่ไหนน่าไปลิ้มลองบ้าง
จริงๆ ร้านอาหารอยากแนะนำทุกที่เลยนะคะ (หัวเราะ) แต่เอาอาหารที่ขึ้นชื่อและที่เราชอบแล้วกันค่ะอย่างร้าน SUSHI NO MIDORI เป็นร้านซูชิที่ราคาไม่แพงและเทพมาก อีกอย่างเป็นร้านดั้งเดิมด้วยค่ะ ร้านนี้ประทับใจเพราะของดีมาก ปลามาเป็นคืบเลยค่ะ ซึ่งถ้าเทียบราคาเซตที่เราซื้อทานที่เมืองไทยจะแพงราคาพันกว่าบาท แต่ที่นู่น 2,500 เยน หรือราวๆ 600 บาท ได้เซตสิบคำ โอ้โหปลาไหลยาวปื๊ด โอโทโร่ชิ้นยักษ์ ของสดมากซึ่งราคามันก็ต่างกันครึ่งๆ เลย
• นอกจากโตเกียวแล้ว อยากไปแสวงหาของถูกที่อื่นบ้างหรือเปล่า
จริงๆ เคยคิดเหมือนกันนะคะ เคยคิดจะไปประเทศอื่นเหมือนกัน แต่พอซื้อตั๋วทีไรมันก็ไปญี่ปุ่นทุกที (หัวเราะ) เพราะเรามีความรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ ตอนนี้ก็จะอยากลองไปทำจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่นดูบ้างเพราะอยากจะรู้เรื่องญี่ปุ่นให้มันเชี่ยวชาญมากกว่านี้ ซึ่งโตเกียวมันก็เป็นแค่จังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นยังจะขอทำที่ญี่ปุ่นก่อนค่ะเพราะที่ญี่ปุ่นมันก็ยังมีเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะ ตอนนี้เลยคิดว่ายังไงก็ยังจะญี่ปุ่นอยู่ดี อาจจะเป็นที่โอซาก้าร้านถูกและดีมีที่ไหนบ้าง ที่ฮอกไกโดร้านอร่อยแหล่งชอปปิ้งที่ไม่ใช่ร้านดังๆ ที่คนส่วนใหญ่ไปกันอยู่แล้ว แต่จะเน้นเป็นร้านที่คนญี่ปุ่นไปกินกัน อยากพาไปร้านแนวๆ นั้นมากกว่าค่ะ
• ถ้าจะพูดถึงเรื่องอื่นนอกจากของถูก ประทับใจอะไรที่ญี่ปุ่นอีกบ้างคะ
อย่างแรก ดาวรู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นเขาเป็นบ้านเมืองที่สะอาดและคนก็มีระเบียบ ส่วนมากผู้คนเขาจะถูกฝึกมาอยู่แล้วให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ง่ายๆ อย่างการซื้อของ เขาก็จะเข้าคิว เขาจะทำกันอัตโนมัติเลย อย่างเวลาที่มีแผ่นดินไหว อย่างการซื้อของเขาจะเผื่อแผ่กัน อีกอย่างหนึ่งก็คือไม่ว่ามีภัยพิบัติหรืออะไรกี่ครั้งก็เริ่มใหม่ได้ทุกครั้ง ดาวรู้สึกว่าเขาเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่อภัยธรรมชาติง่ายๆ
ดาวได้ไปทาคายามาเมื่อธันวาคมที่ผ่านมาแล้วมีพายุที่หนักมาก ไม่เคยมีหนักเท่านี้มาก่อนในรอบสิบปี ทำให้ถนนตัด รถบัสจะวิ่งบนถนนก็อันตราย ต้องเอาโซ่มาลากทำให้มีคนตกค้างซึ่งเขาบอกไม่มีรถแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามหารถมาจากที่อื่นเพื่อจะให้นักท่องเที่ยวออกไปได้หมด เขาเป็นเจ้าบ้านที่น่ารักนะคะ เขาช่วยเหลือคนที่มาบ้านเขาดีมาก ประทับใจจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• ในอนาคตวางเป้าหมายอย่างไรต่อไปบ้างคะ
เราคิดกันว่าอยากจะทำทัวร์ เป็นทัวร์แบบง่ายๆ เที่ยวแบบไม่ใช่กูรูก็คือไปตามร้านเหมือนที่เราได้ลงหนังสือหรือเพจไป ทัวร์เราแตกต่างจากทัวร์อื่นๆ ด้วยก็ตรงเราไปร้านที่ไม่ใช่ทัวร์ทั่วไปเขาไปกัน จะเน้นเป็นกรุ๊ปเล็กๆ เหมือนเพื่อนพาเพื่อนเที่ยว ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นกำลังวางแผนกันอยู่ค่ะว่าจะเป็นช่วงเมื่อไหร่ดี ส่วนเรื่องหนังสือก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีเล่มที่สองอีกซึ่งเน้นร้านที่ถูกและดีเหมือนเดิม แต่อาจจะเป็นแหล่งอื่นๆ ซึ่งวางแผนไว้ว่าอาจจะเป็นเที่ยวตามรถไฟสายยะมะโนะเตะ เพราะเป็นสายรถไฟที่คนไทยรู้จักกันดี เป็นรถไฟที่วิ่งเป็นวงกลมซึ่งจะง่ายในการทำความเข้าใจ ไม่เหมือนรถใต้ดินจะต้องมีต่อที่นั่นที่นี่
• ท้ายนี้อยากนำเสนอข้อมูลถูกและดีในไทยบ้างไหม
ดีนะคะเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน (หัวเราะ)
Tip เล็กๆ น้อยๆ ประหยัดเงินในกระเป๋า
1. ซื้อเสื้อผ้าตอนเปลี่ยนฤดูกาล
ที่ญี่ปุ่นจะมี 4 ฤดูกาลได้แก่ ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ทำให้ทุกคนที่นี่แต่งตัวตามฤดูกาลซึ่งพอหมดฤดูก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ช่วงที่เปลี่ยนฤดูกาล ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าก็จะนำเสื้อผ้าของฤดูกาลที่ผ่านมา มาลดราคา
**ช่วงที่ลดราคาเยอะ จะเป็นช่วงกลางปี (มิถุนายน-กรกฎาคม) และลดกระหน่ำอีกทีในช่วงสิ้นปี
2. จ่ายถูกลงกับแบรนด์เนมมือสอง
ถ้าอยากซื้อของแบรนด์เนมในราคาที่ถูกลงมันก็มีแหล่งซื้อเหมือนกันนะคะชื่อร้านว่า BOOK OFF ซึ่งร้านที่ญี่ปุ่นจะมีลงท้ายด้วยคำว่า OFF ให้สังเกตคำลงท้ายนี้ไว้ดีๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นร้านมือสอง แต่ว่าเป็นมือสองที่เขาคัดคุณภาพ อีกอย่างทางร้านจะมีการตรวจสอบจากคนที่เขาเอาของมาขายก่อนว่าเป็นของจริงไหม มีป้ายรับรองไหมหรือว่ามีซองมีกล่องไหม จากนั้นก็จะขายตามสภาพ ประมาณว่าเขาเป็นตัวกลาง มีคนมาขายที่เขา เขาก็รับซื้อแล้วนำมาขายต่อ ขายตามสภาพเลยค่ะ เกรด A เกรด B ราคาก็ลดหลั่นกันลงไป ที่นี่มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้ของแบรนด์เนมในราคาที่ไม่แพงและเป็นของแท้แน่นอนค่ะ อีกอย่างร้าน BOOK OFF ดาวแนะนำเลยค่ะเพราะร้านนี้ไม่ได้มีแค่ของแบรนด์เนม เพราะเขามีเสื้อผ้ารองเท้า กระเป๋า ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์กีฬา ของใช้เด็ก มีทุกอย่าง เป็นร้านที่ควรไปอย่างยิ่งค่ะ (หัวเราะ)
3. ไม่ต้องเสียค่าโรมมิ่งเพราะมี Free Wifi
เดี๋ยวนี้เวลาที่คนไทยไปเที่ยวไม่ต้องเปิดโรมมิ่งแล้วนะคะเพราะว่าราคาแพง ส่วนใหญ่จะนิยมเช่าเป็น Wifi Pocket แทน แต่ในกรณีที่เราเพิ่งไปถึงที่สนามบิน แต่ละแห่งเขาก็จะมี Free Wifi ให้ใช้อย่างที่สนามบินนาริตะและสนามบินฮาเนะดะ หรืออย่างสถานีรถไฟใต้ดินก็จะมีให้ใช้เช่นเดียวกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถไปรับการ์ด Free Wifi จากค่าย NTT ได้ ซึ่งเขาจะมีให้ใช้ฟรี 14 วัน
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ปวริศร์ แพงราช
“เพจนี้เกิดจากแอดมิน “นะนะ” และแอดมิน “เมย์” ซึ่งทำขึ้นมาเล่นๆ เพียงเพราะอยากจะแชร์ข้อมูลให้เพื่อนๆ ที่คิดอยากไปเที่ยวโตเกียวให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่นี่ไม่ได้มีแต่ของแพง อีกอย่างจะมีเรื่องวัฒนธรรมเข้าไปแทรก อย่างเรื่องการใช้ห้องน้ำ, การขึ้นรถไฟ, การขึ้นบันไดเลื่อน หรือบางทีก็จะมีเรื่องแบบ How-to เป็นเคล็ดลับการซื้อสินค้าว่าซื้อเท่าไหร่ที่จะไม่ให้เสียภาษี” แอดมินดาว-ลักขณา จริตกูล หนึ่งในสมาชิกแอดมินของเพจดังกล่าวตอบคำถามกับเราด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนเสริมบทสนทนาขึ้นมาอีกว่า
“ตอนนี้แอดมินมีทั้งหมดหกคน มีสี่คนที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นและอีกสองคนอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งคือตัวดาวกับเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อออย ส่วนคนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเขาทำงานแล้วก็เรียนอยู่ที่นั่น อย่างแอดมินเมย์ก็จะเรียนที่โรงเรียนภาษาซึ่งตอนนี้ทำงานเป็นไกด์อยู่ที่นั่น แอดมินนะนะเป็นพนักงานบริษัททำเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว อีกสองคนก็จะมี “พัตโตะ” ซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเรา ทำงานในบริษัทที่ญี่ปุ่น ส่วนคนสุดท้ายโซระก็ทำงานบริษัทอยู่ที่ญี่ปุ่นและมีสามีเป็นคนญี่ปุ่น ทุกคนจะเกี่ยวพันกับเรื่องของญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ” (หัวเราะ)
แม้ว่าตอนแรก เพจนี้จะทำขึ้นมาเล่นๆ เพราะความอยากสนุก แต่ทว่ามันกลับส่งผลให้ยอดคนเข้ามาติดตามมีมากขึ้นและมากขึ้นเป็นเรือนแสน จนล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ยังได้ออกหนังสือกับทางสำนักพิมพ์และรวมเล่มขึ้นมาในชื่อ “ถูกและฟรี มีที่โตเกียว”
• ก่อนอื่นต้องเริ่มถามก่อนว่าทำไมถึงหลงรักประเทศญี่ปุ่นคะ
ตรงนี้ต้องบอกก่อนนะคะว่าแต่ละคนจะชอบแตกต่างกัน ส่วนตัวดาวชอบญี่ปุ่นเพราะเราทำบริษัทส่งออกแล้วลูกค้าที่เราต้องติดต่อเป็นคนญี่ปุ่นหมดเลย ดาวเลยอยากรู้ภาษาญี่ปุ่น พอเราได้เรียนภาษาก็เลยได้รู้เรื่องอื่นๆ ด้วย อย่างเรื่องวัฒนธรรม เราเลยรู้สึกชอบ ส่วนคนอื่นๆ บางคนก็มีไอดอลเป็นนักร้องญี่ปุ่น บางคนก็ชอบดูละครญี่ปุ่น จึงทำให้ทุกคนเริ่มเหมือนกันคือเริ่มจากเรียนภาษาญี่ปุ่น มันมีแรงจูงใจเลยกลายเป็นความชอบค่ะ (ยิ้ม)
• ญี่ปุ่นมีตั้งหลายจังหวัด ทำไมถึงเลือกโตเกียว
จริงๆ แล้วจะมีสี่คนที่เขาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นและอีกสองคนที่อาศัยอยู่ที่ไทยซึ่งคนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นจะอยู่ที่โตเกียวกันทั้งหมด จะมีอยู่ที่ไทยคือดาวกับออย เวลาจะไปหาเพื่อนๆ ก็เลยต้องไปโตเกียว (ยิ้ม) อีกอย่างเวลาไปญี่ปุ่นยังไงก็อยากไปโตเกียวก่อนค่ะแล้วค่อยไปเมืองอื่น คือโตเกียวเป็นที่ที่เราไปบ่อย เป็นเมืองที่เรารู้ว่าที่นั่นมีอะไรบ้าง จุดไหนมีอะไรบ้างมากกว่าที่อื่น เพราะว่าเราคุ้นเคยดี โตเกียวเป็นเมืองเล็กก็จริงนะคะ แต่ว่ามันรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียวกัน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว ชอปปิ้ง วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งวัดต่างๆ
• เห็นมาว่าเพจนี้มักจะแชร์เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโตเกียวทั้งวัฒนธรรมรวมไปถึงของถูก ของดีแบบนี้หายากไหมคะกว่าจะเจอ
ไม่ยากนะคะ เพราะตอนนี้ที่ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินก็ลดลง เงินเยนที่เมื่อก่อน 100 เยนแลกเกือบ 40 บาท แต่ตอนนี้ 27 บาทก็แลกได้แล้ว ทำให้พอเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ดี เขาก็พยายามที่จะลดราคาสินค้าที่บ้านเขาเพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อของได้ง่ายขึ้น มันก็เลยกลายเป็นผลพลอยได้ไปด้วย พอต่างชาติไปเที่ยวก็เลยซื้อของได้ง่ายสบาย อีกอย่าง ทุกสถานที่ที่เราเอามาลง เราไปมาจริงค่ะ อย่างร้านขายของเราดูแล้วว่าราคาที่นี่ถูกกว่าที่อื่น หรือร้านอาหารเราก็ลองไปชิมมาแล้วว่ามันอร่อยแล้วก็ราคาไม่แพง อย่างสถานที่ที่เราเอามาลงเราไปมาแล้ว ไปกิน ไปซื้อของมาจริงๆ เลยอยากบอกต่อ (ยิ้ม)
• แบบนี้มีเคล็ดลับไหมคะว่าเลือกของอย่างไรถึงจะได้ทั้งดีและถูก
จริงๆ แล้วต้องให้เครดิตที่ญี่ปุ่นเขาเลยนะคะเพราะว่าของที่เขาขายส่วนมากจะเป็นของที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ต่อมาจะแบ่งตามย่านค่ะว่าย่านนี้เป็นย่านแบบ Hi-end ของแพง ซึ่งตรงนั้น เราจะไม่ยุ่ง (หัวเราะ) ที่นี่มันเลยทำให้เวลาเรารู้แหล่งแล้วว่าที่ไหนมีของถูก มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะไปเจอร้านถูกและดี (ยิ้ม)
เราจะมีแหล่งชอปปิ้งที่เป็นของถูกตามร้านอื่นๆ อย่างพวกตลาดเปิดท้ายที่ญี่ปุ่นก็มีเหมือนกันนะคะซึ่งเราไปเดินเล่นแต่กลับได้ของดีๆ มาก็มี ราคาถูกมาก (เสียงสูง) อย่างดาวไปซื้อของที่นั่นบ่อยเหมือนกันเพราะรู้สึกว่ามันถูก บางอย่างมันถูกกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ เอาแค่ร้าน 100 เยน จริงๆ ร้าน 100 เยนที่เมืองไทยก็มีนะคะ ทุกอย่าง 60 บาทซึ่งดาวมองว่าก็ยังแพงกว่าที่นี่ซึ่งที่นี่ 27 บาทเองค่ะ ดาวเคยโดนเพื่อนท้วงมาประจำว่าอันนี้ที่ไทยก็มี (หัวเราะ) ที่นี่มันถูกกว่าไหนๆ ก็มาแล้วก็ซื้อไป อย่างเครื่องสำอางก็เหมือนกัน เครื่องสำอางที่ญี่ปุ่นราคาต่างจากไทยแทบจะครึ่งหนึ่งเลย มันก็เหมาะแก่การขนกลับมาใช่ไหมล่ะ (หัวเราะ)
• แล้วเคยได้ของไม่ดีมาบ้างไหมคะ หรือเคยโดนหลอกบ้างหรือเปล่า
อันนี้อยากจะแนะนำสำหรับคนที่อยากซื้อของพวกแบรนด์เนมหรืออยากซื้อสินค้าที่มีราคาหน่อย จะแนะนำให้ไปซื้อในห้างสรรพสินค้าจะดีกว่าค่ะเพราะว่าบางคนอาจเคยได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นไม่มีของปลอม แต่ดาวจะบอกเลยว่ามันก็มีบ้างเหมือนกันนะ อย่างเช่นที่ตลาดอะเมะโยโกะหรือที่ที่ออกแนวตลาดสดหน่อย ซึ่งถ้าเราไปตลาดแบบนั้น ดาวแนะนำให้ซื้อของกิน ของใช้ ของฝากจะดีกว่า แต่แบรนด์เนมเข้าห้างเลยค่ะเพื่อความปลอดภัย ความชัวร์เพราะว่าจ่ายเงินแพงแล้ว ก็ควรจะได้ของดีๆ (ยิ้ม)
ส่วนตัวดาวยังไม่เคยถูกหลอกหรือได้ของปลอมนะคะ เพราะดาวเป็นคนที่ไม่ค่อยใช้ของแบรนด์เนมเท่าไหร่อยู่แล้ว ปกติจะซื้อแต่ของทั่วไปเลย แต่ว่าก็มีบ้างที่เคยไปซื้อนาฬิกาแบรนด์เนมที่ BOOK OFF แต่ที่นั่นเขามีใบรับประกันให้มาด้วยค่ะ แต่จริงๆ แล้วถ้าใครที่อยากซื้อสินค้าแบรนด์เนมในสภาพกิ๊กๆ ไม่โดนหลอก ควรซื้อที่ห้างสรรพสินค้าจะดีที่สุด
• แสดงว่าที่ญี่ปุ่นก็มีของปลอมใช่ไหมคะ
ดาวคิดว่าก็มีบ้างนะคะแต่ดาวไม่เคยเจอกับตัวเอง จะเคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตมากกว่า อย่างบางคนเขาไปซื้อของแบรนด์เนมแล้วดันไปเจอสินค้าที่คล้ายกับของปลอมก็มีเหมือนกันค่ะ
• ที่ญี่ปุ่นมีการต่อรองราคาสินค้าหรือเปล่าคะ
ส่วนมากจะไม่มีนะคะ (ตอบเร็ว) เพราะว่าเขาจะติดราคาชัดเจนเป็นราคาตามป้ายเลยค่ะ นอกจากในมุมที่ลดราคาก็จะแสดงไว้เลยว่าราคาเดิมเท่าไหร่ ลดลงเหลือเท่าไหร่แต่จะมีลดราคาบ้าง ถ้าไปเดินตลาดที่เป็นตลาดสด อย่างที่ตลาดอะเมะโยโกะจะมีบ้างนะคะอย่างเวลาที่ตลาดใกล้ปิด บ่ายแก่ๆ เขาก็จะลดราคาแต่จะเป็นการลดราคาที่เจ้าของร้านจะบอกเองว่าเหลือราคาเท่าไหร่ แต่จะไม่มีคนไปต่อรองราคาค่ะ
• ในฐานะที่ชอบซื้อของและรีวิวร้านค้า รีวิวร้านอาหารบ่อยๆ เคยเจอพ่อค้า แม่ค้าที่ขี้โกงบ้างหรือเปล่า
ไม่เคยเจอนะคะ (ตอบเร็ว) เพราะส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะซื่อสัตย์กับงานที่ตัวเองทำ ค่อนข้างชัดเจนเหมือนกันทุกที่ อย่างเช่น ของไม่ดีไม่เอามาขาย ติดราคาชัดเจน ถ้าซื้อของมั่นใจได้เลยค่ะว่าเขาจะซื่อตรง ไม่มีปัญหาเรื่องโกงค่ะ
• เคยซื้อสินค้าที่ญี่ปุ่นราคาถูกที่สุดเท่าไหร่
ถูกที่สุดของดาวไปซื้อที่ BOOK OFF มาค่ะ ตอนนั้นซื้อกระโปรงมา 100 เยนซึ่งถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ราวๆ 27 บาทเองค่ะ ร้านนี้จะมีขายของตั้งแต่ของแบรนด์เนมอย่างกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ นาฬิกาทุกยี่ห้อมีหมด แล้วก็จะมีเสื้อผ้า ที่นั่นจะมีเสื้อผ้าที่มีมุม 100 เยน 200 เยนด้วยค่ะ ซึ่งไปดูบางตัวยังมีป้ายราคาติดอยู่เลย อย่างกระโปรงที่ดาวซื้อมา 100 เยน สภาพก็ยังดีอยู่เลยนะคะ แถมยังมีป้ายติดอยู่ด้วย เป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้เลยค่ะ
ขอเล่านิดหนึ่งนะคะว่าคนญี่ปุ่นบ้านเขาแคบ อย่างถ้าเปลี่ยนฤดู เขาก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ฤดูหนาวพอเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน เสื้อผ้าที่ใช้ในฤดูหนาวก็จะถูกเก็บไว้ อย่างบางคนถ้าซื้อมาได้ในราคาถูกเขาก็จะเอาไปขายต่อ
แบรนด์เนมก็เช่นกัน หลายคนสงสัยว่าทำไมที่ BOOK OFF มีแบรนด์เนมมาขายเยอะจัง ตรงนี้บอกก่อนค่ะว่าที่ญี่ปุ่นแบรนด์เนมไม่ได้แพง เขาซื้อมา พอใช้เบื่อ ก็เอาตัวเก่ามาขายต่อ มันก็เลยทำให้มีธุรกิจแบบนี้เกิดขึ้นค่ะ (ยิ้ม)
• อย่างนี้ต้องตาดีได้ ตาร้ายเสียหรือเปล่าคะ ของมีตำหนิบ้างไหม หรือว่าอยู่ในสภาพดีหมดเลย
ตรงนี้จะบอกว่าดีหมดเลยก็ไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาขายของตามสภาพจริงๆ อย่างถ้าสมมติว่าเราอยากได้กระเป๋าหลุยส์ วิตตองมือสองสักใบ คนหนึ่งไปซื้ออาจได้ราคาที่หนึ่งหมื่นบาท หรืออีกคนหนึ่งไปซื้ออาจได้ราคาห้าพันบาท แบบเดียวกัน ราคาต่างกัน สภาพก็คนละอย่างกัน แล้วแต่คนซื้อเลยค่ะว่าเขาสบายใจที่จะซื้อแบบไหนซึ่งเขามีของให้เลือกเยอะมาก
• มีสถานที่เลือกซื้อเสื้อผ้าที่อยากแนะนำเป็นพิเศษไหมคะ
มีค่ะ (ตอบเร็ว) ที่ชิโมะคิตะซะวะเลยค่ะ บรรยากาศจะคล้ายๆ กับจตุจักรบ้านเราเลยค่ะ ซึ่งที่นี่คนไทยจะยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ว่ามีแหล่งชอปปิ้ง เขาเน้นขายของแนววัยรุ่นแนววินเทจ ฮิปๆหน่อย (ยิ้ม) จะมีแนวเสื้อผ้าแบรนด์เนมซึ่งไม่ใช่แบรนด์เนมแพงๆ ตามห้างนะคะ แต่จะเป็นยี่ห้อของคนญี่ปุ่นทำขึ้นมาค่ะ เป็นแนว DIY ของใช้ก็เช่นกันค่ะ จะออกแนว DIY ซึ่งรับรองว่าไปแล้ว เดินสนุกแถมของขายไม่แพงด้วยค่ะ
• แล้วร้านอาหารล่ะคะมีที่ไหนน่าไปลิ้มลองบ้าง
จริงๆ ร้านอาหารอยากแนะนำทุกที่เลยนะคะ (หัวเราะ) แต่เอาอาหารที่ขึ้นชื่อและที่เราชอบแล้วกันค่ะอย่างร้าน SUSHI NO MIDORI เป็นร้านซูชิที่ราคาไม่แพงและเทพมาก อีกอย่างเป็นร้านดั้งเดิมด้วยค่ะ ร้านนี้ประทับใจเพราะของดีมาก ปลามาเป็นคืบเลยค่ะ ซึ่งถ้าเทียบราคาเซตที่เราซื้อทานที่เมืองไทยจะแพงราคาพันกว่าบาท แต่ที่นู่น 2,500 เยน หรือราวๆ 600 บาท ได้เซตสิบคำ โอ้โหปลาไหลยาวปื๊ด โอโทโร่ชิ้นยักษ์ ของสดมากซึ่งราคามันก็ต่างกันครึ่งๆ เลย
• นอกจากโตเกียวแล้ว อยากไปแสวงหาของถูกที่อื่นบ้างหรือเปล่า
จริงๆ เคยคิดเหมือนกันนะคะ เคยคิดจะไปประเทศอื่นเหมือนกัน แต่พอซื้อตั๋วทีไรมันก็ไปญี่ปุ่นทุกที (หัวเราะ) เพราะเรามีความรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ ตอนนี้ก็จะอยากลองไปทำจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่นดูบ้างเพราะอยากจะรู้เรื่องญี่ปุ่นให้มันเชี่ยวชาญมากกว่านี้ ซึ่งโตเกียวมันก็เป็นแค่จังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นยังจะขอทำที่ญี่ปุ่นก่อนค่ะเพราะที่ญี่ปุ่นมันก็ยังมีเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะ ตอนนี้เลยคิดว่ายังไงก็ยังจะญี่ปุ่นอยู่ดี อาจจะเป็นที่โอซาก้าร้านถูกและดีมีที่ไหนบ้าง ที่ฮอกไกโดร้านอร่อยแหล่งชอปปิ้งที่ไม่ใช่ร้านดังๆ ที่คนส่วนใหญ่ไปกันอยู่แล้ว แต่จะเน้นเป็นร้านที่คนญี่ปุ่นไปกินกัน อยากพาไปร้านแนวๆ นั้นมากกว่าค่ะ
• ถ้าจะพูดถึงเรื่องอื่นนอกจากของถูก ประทับใจอะไรที่ญี่ปุ่นอีกบ้างคะ
อย่างแรก ดาวรู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นเขาเป็นบ้านเมืองที่สะอาดและคนก็มีระเบียบ ส่วนมากผู้คนเขาจะถูกฝึกมาอยู่แล้วให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ง่ายๆ อย่างการซื้อของ เขาก็จะเข้าคิว เขาจะทำกันอัตโนมัติเลย อย่างเวลาที่มีแผ่นดินไหว อย่างการซื้อของเขาจะเผื่อแผ่กัน อีกอย่างหนึ่งก็คือไม่ว่ามีภัยพิบัติหรืออะไรกี่ครั้งก็เริ่มใหม่ได้ทุกครั้ง ดาวรู้สึกว่าเขาเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่อภัยธรรมชาติง่ายๆ
ดาวได้ไปทาคายามาเมื่อธันวาคมที่ผ่านมาแล้วมีพายุที่หนักมาก ไม่เคยมีหนักเท่านี้มาก่อนในรอบสิบปี ทำให้ถนนตัด รถบัสจะวิ่งบนถนนก็อันตราย ต้องเอาโซ่มาลากทำให้มีคนตกค้างซึ่งเขาบอกไม่มีรถแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามหารถมาจากที่อื่นเพื่อจะให้นักท่องเที่ยวออกไปได้หมด เขาเป็นเจ้าบ้านที่น่ารักนะคะ เขาช่วยเหลือคนที่มาบ้านเขาดีมาก ประทับใจจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• ในอนาคตวางเป้าหมายอย่างไรต่อไปบ้างคะ
เราคิดกันว่าอยากจะทำทัวร์ เป็นทัวร์แบบง่ายๆ เที่ยวแบบไม่ใช่กูรูก็คือไปตามร้านเหมือนที่เราได้ลงหนังสือหรือเพจไป ทัวร์เราแตกต่างจากทัวร์อื่นๆ ด้วยก็ตรงเราไปร้านที่ไม่ใช่ทัวร์ทั่วไปเขาไปกัน จะเน้นเป็นกรุ๊ปเล็กๆ เหมือนเพื่อนพาเพื่อนเที่ยว ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นกำลังวางแผนกันอยู่ค่ะว่าจะเป็นช่วงเมื่อไหร่ดี ส่วนเรื่องหนังสือก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีเล่มที่สองอีกซึ่งเน้นร้านที่ถูกและดีเหมือนเดิม แต่อาจจะเป็นแหล่งอื่นๆ ซึ่งวางแผนไว้ว่าอาจจะเป็นเที่ยวตามรถไฟสายยะมะโนะเตะ เพราะเป็นสายรถไฟที่คนไทยรู้จักกันดี เป็นรถไฟที่วิ่งเป็นวงกลมซึ่งจะง่ายในการทำความเข้าใจ ไม่เหมือนรถใต้ดินจะต้องมีต่อที่นั่นที่นี่
• ท้ายนี้อยากนำเสนอข้อมูลถูกและดีในไทยบ้างไหม
ดีนะคะเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน (หัวเราะ)
Tip เล็กๆ น้อยๆ ประหยัดเงินในกระเป๋า
1. ซื้อเสื้อผ้าตอนเปลี่ยนฤดูกาล
ที่ญี่ปุ่นจะมี 4 ฤดูกาลได้แก่ ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ทำให้ทุกคนที่นี่แต่งตัวตามฤดูกาลซึ่งพอหมดฤดูก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ช่วงที่เปลี่ยนฤดูกาล ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าก็จะนำเสื้อผ้าของฤดูกาลที่ผ่านมา มาลดราคา
**ช่วงที่ลดราคาเยอะ จะเป็นช่วงกลางปี (มิถุนายน-กรกฎาคม) และลดกระหน่ำอีกทีในช่วงสิ้นปี
2. จ่ายถูกลงกับแบรนด์เนมมือสอง
ถ้าอยากซื้อของแบรนด์เนมในราคาที่ถูกลงมันก็มีแหล่งซื้อเหมือนกันนะคะชื่อร้านว่า BOOK OFF ซึ่งร้านที่ญี่ปุ่นจะมีลงท้ายด้วยคำว่า OFF ให้สังเกตคำลงท้ายนี้ไว้ดีๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นร้านมือสอง แต่ว่าเป็นมือสองที่เขาคัดคุณภาพ อีกอย่างทางร้านจะมีการตรวจสอบจากคนที่เขาเอาของมาขายก่อนว่าเป็นของจริงไหม มีป้ายรับรองไหมหรือว่ามีซองมีกล่องไหม จากนั้นก็จะขายตามสภาพ ประมาณว่าเขาเป็นตัวกลาง มีคนมาขายที่เขา เขาก็รับซื้อแล้วนำมาขายต่อ ขายตามสภาพเลยค่ะ เกรด A เกรด B ราคาก็ลดหลั่นกันลงไป ที่นี่มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้ของแบรนด์เนมในราคาที่ไม่แพงและเป็นของแท้แน่นอนค่ะ อีกอย่างร้าน BOOK OFF ดาวแนะนำเลยค่ะเพราะร้านนี้ไม่ได้มีแค่ของแบรนด์เนม เพราะเขามีเสื้อผ้ารองเท้า กระเป๋า ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์กีฬา ของใช้เด็ก มีทุกอย่าง เป็นร้านที่ควรไปอย่างยิ่งค่ะ (หัวเราะ)
3. ไม่ต้องเสียค่าโรมมิ่งเพราะมี Free Wifi
เดี๋ยวนี้เวลาที่คนไทยไปเที่ยวไม่ต้องเปิดโรมมิ่งแล้วนะคะเพราะว่าราคาแพง ส่วนใหญ่จะนิยมเช่าเป็น Wifi Pocket แทน แต่ในกรณีที่เราเพิ่งไปถึงที่สนามบิน แต่ละแห่งเขาก็จะมี Free Wifi ให้ใช้อย่างที่สนามบินนาริตะและสนามบินฮาเนะดะ หรืออย่างสถานีรถไฟใต้ดินก็จะมีให้ใช้เช่นเดียวกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถไปรับการ์ด Free Wifi จากค่าย NTT ได้ ซึ่งเขาจะมีให้ใช้ฟรี 14 วัน
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ปวริศร์ แพงราช