xs
xsm
sm
md
lg

รับรองว่าต้องรัก..ว่าที่พยาบาลผู้น่ารัก "เม-พิมพ์ชนก"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รู้จักให้ลึกซึ้ง...สาวน้อยผู้มีความเจ็บป่วยเป็นแรงผลักดันให้ก้าวสู่การเรียนรู้วิชาชีพพยาบาล “เม-พิมพ์ชนก ชุมพูไชย” ว่าที่พยาบาลที่น่ารักมากที่สุดคนหนึ่ง ณ ชั่วโมงนี้...

ดูจากรูปลักษณ์หน้าตาแล้ว หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อาจรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เผลอๆ โรคหัวใจ(ง่าย)ก็พลอยกำเริบ อยากเขยิบหัวใจให้ว่าที่พยาบาลช่วยเยียวยา อย่ากระนั้นเลย ก่อนจะปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านไปไกล เรามาทำความรู้จักกับเธอให้แจ่มแจ้งยิ่งขึ้นสักหน่อยดีกว่า

• ทำไมเราถึงเลือกที่จะเรียนวิชาชีพพยาบาล
 
เป็นความประทับใจจนเกิดเป็นความฝันค่ะ เพราะตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เมเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดี เจ็บป่วยง่าย เป็นหอบหืด ทำให้ต้องไปโรงพยาบาล นอนโรงพยาบาลเป็นประจำ แล้วเราก็ได้รับการปฏิบัติจากคุณหมอ ได้รับการดูแลจากพี่ๆ พยาบาลใจดีเป็นอย่างดี คอยอยู่เป็นเพื่อน ก็เลยรู้สึกชอบ (ยิ้ม) แล้วอีกอย่างที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนเพราะว่าเห็นคุณน้าคุณป้าก็เป็นพยาบาล เราก็เหมือนมีต้นแบบตรงนี้ด้วย เพราะท่านก็จะชอบพาเราไปนั่งทำงาน ไปฟัง ไปดู แล้วก็คอยบอกว่าถ้าเป็นพยาบาลโตขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเป็นแบบนี้ๆ ได้ช่วยเหลือคน

• มันไม่ดูโหดร้ายสำหรับเด็กอย่างเราในตอนนั้นหรือ ยิ่งโดยเฉพาะกับกลิ่นโรงพยาบาล เลือด คนเจ็บ คนตายด้วยแล้ว
 
เมเฉยๆ นะคะ เพราะนิสัยเมเป็นคนลุยๆ ไม่ค่อยกลัวอะไรอยู่แล้ว อย่างเลือดหรือคนเจ็บ คนตาย ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์

• แล้วสิ่งที่มองไม่เห็นล่ะ เรากลัวไหม...
 
ส่วนตัวไม่กลัวค่ะ (ยิ้ม) ก็เคยเข้าเวรตอนกลางคืนเหมือนกัน ตอนนั้นที่ฝึกงาน บรรยากาศก็เงียบกริบ แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล คือที่น่ากังวลเป็นตอนแรกๆ ที่เริ่มฝึกงานใหม่ๆ มากกว่า (หัวเราะ) เพราะตอนประมาณ ปี 2 เทอม 3 เรายังไม่ชินกับการตื่นเช้าไปเข้าแผนก ไปทำหัตถการ ก็ต้องปรับตัวตอนนี้อยู่ปี 4 เทอมสุดท้ายแล้ว ก็ชินแล้วค่ะ

• พูดถึงแผนก ส่วนตัวเราชอบเป็นพยาบาลที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับอะไรเป็นพิเศษไหม
 
แผนกที่เมชอบที่สุดก็เป็นแผนกที่เกี่ยวข้องกับเด็กค่ะ (ยิ้ม) แต่จริงๆ ตอนที่เรียนเราก็ต้องเวียนไปหมดทุกแผนกเลย แล้วเราก็เรียนรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ คืออาจารย์ท่านจะคอยสอนคอยบอกอยู่ตลอดเวลาว่า 'พยาบาล' เราคือผู้ช่วยหมอ ผู้คอยซัพเพอร์ตหมอ เพราะหมอไม่ได้อยู่กับผู้ป่วยตลอดเวลา แต่เราอยู่กับผู้ป่วยตลอดเวลา ดังนั้นเราต้องเป็นคนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ป่วย เพื่อที่จะรายงานอาการได้อย่างถูกต้อง

• ตอนแรกนึกว่าวิชาชีพพยาบาล เรียนกันแค่เรื่องการช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น แล้วก็คอยอำนวยความสะดวกผู้ป่วยแค่นั้น
 
ไม่ใช่ค่ะ...ต้องเรียนเรื่องไข้เรื่องโรคอย่างที่บอกเราต้องคลุกคลีกับผู้ป่วย คือเรียนทุกโรคทุกระบบของร่างกาย คล้ายๆ หมอเหมือนกัน แต่เราจะเน้นไปทางเรื่องการพยาบาลช่วยเหลือเขาอย่างไรมากกว่า ก็ต้องอาศัยความจำ การท่องจำ ก็ไม่ใช่เรียนกันง่ายๆ คือส่วนตัวคิดว่าเรียนทุกอย่างก็มันไม่ง่าย มันอยู่ที่ความตั้งใจมากกว่า วิชาชีพพยาบาลก็เช่นกันค่ะ ต้องใช้ความพยายามแล้วก็ตั้งใจ

• ไม่ใช่ง่ายๆ นี่ร่วมไปถึงการขึ้นมาเป็น 'พยาบาลสาว' ที่สวยติดอันดับของบ้านเราด้วยหรือไม่
 
(หัวเราะ) อันนี้ไม่เกี่ยวค่ะ เดี๋ยวนี้คนสวยๆ ก็เยอะนะคะ มันก็เลยกระจายกันมั่ง (ยิ้ม) ก็มีมาทำงานพยาบาลบ้าง แต่หลักๆ เขาสวยกันอยู่แล้วทั้งประเทศ สวยกว่าหนูมีอีกเยอะค่ะ แต่ก็รู้สึกดีใจนะคะ ที่มีคนชื่นชอบ

• ส่วนตัวคิดไหมว่า เรื่องตรงนี้จะทำให้เขามองข้ามความสามารถเราในฐานะพยาบาล อย่างที่หลายๆ คนอาจกังวล
 
สำหรับเม เมคิดว่ามันก็ต้องมาคู่กันค่ะสมัยนี้ อย่างสมมุติว่าถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน เขาก็ไม่ได้เน้นแค่หน้าตาหรือบุคลิกอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เขาก็จะเน้นเรื่องความรู้ เรื่องภาษา เป็นหลักด้วยค่ะ แล้วนอกจากนี้ เราก็จะมีระบบระเบียบ ต้องเรียบร้อย ใส่กระโปรงยาว มัดผม รวบตึง ติดเน็ตที่ผม ในเวลาทำงาน ส่วนตัวถ้าเราเป็นคนชอบแต่งตัว เราก็แต่งเฉพาะอยู่บ้าน ไม่ได้ทำงาน คือหน้าที่ก็หน้าที่ ชีวิตส่วนตัวจริงๆ ก็ของเราค่ะ

• อย่างนี้ถ้าเกิดคนไข้หรือคนที่ไม่ใช่คนไข้อยากจีบคุณพยาบาล จำเป็นไหมที่ต้องท่องตำราแพทย์ถึงจะคุยกันได้
 
ฮืม...ไม่จำเป็นค่ะ (หัวเราะ) ก็คุยธรรมดา ไม่ต้องเป็นศัพท์ภาษาหมอ เพราะถ้าภาษาหมอคงต้องใช้เวลาเป็นปี สองปี กว่าจะเข้าใจ (ยิ้ม) ต้องให้พี่พยาบาลบอกอยู่นาน จริงๆ เรื่องลายมือก็เป็นคำเดิมๆ เราเรียนมาเราก็จะรู้ว่าคุณหมอเขาหมายถึงอะไร ยาตัวไหน อุปกรณ์อะไร

• แล้วหนุ่มๆ ต้องมีสเปกแบบไหนถึงจะได้รับการเยียวยาจากพยาบาลคนสวยคนนี้
 
(หัวเราะ) เรื่องหน้าตาไม่มีสเปกค่ะ ขอแค่สูงสัก 180 ซม.ขึ้นไป คุยกันรู้เรื่อง คุยกันเข้าใจ (เน้นเสียง) ก็พอค่ะ (ยิ้ม)

• พูดน้ำเสียงอย่างนี้ แสดงว่ามีเจอมาจีบแบบแปลกๆ เยอะ
 
ก็มีๆ ค่ะ อย่างที่จำได้เลยก็คือพี่ผู้ป่วยคนหนึ่งเขาเขียนถึงเราลงพันทิปยาวเลยค่ะ (หัวเราะ) ตรงนี้รับมือยากกว่าคนไข้จริงๆ แต่เมก็มีวิธี คือเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยด้วยก็ได้ถ้าเขามีจุดประสงค์อย่างนั้น แล้วเราก็แนะนำให้เขาไปตรวจกับคุณหมอดีกว่า (ยิ้ม)

• แล้วนอกจากเรื่องนี้ ตอนเราไปฝึกมีเหตุการณ์อะไรเพิ่มบ้างไหม ที่แบบว่า... อย่างเจออุบัติเหตุครั้งแรกประมาณนั้น
 
ก็ไม่นะคะ เพราะตอนเราฝึก ก็ยังฝึกแบบพื้นฐานก่อนค่ะ ห้องฉุกเฉินเมก็เพิ่งไปฝึกตอนอยู่เทอมที่ผ่านมานี้ แต่เนื่องจากโรงพยาบาลเล็ก ส่วนมากก็ทำแผล เย็บแผล จากที่เย็บฟองน้ำ พอเวลาไปเย็บจริงๆ ก็ตื่นเต้น เพราะว่าผิวหนังคนไม่เหมือนฟองน้ำ ฟองน้ำ อยากจิ้มตรงไหนก็จิ้ม แต่ถ้าเป็นผู้ป่วย เราก็ต้องทีเดียว จิ้มพลาดไม่ได้เลยค่ะ ต้องมีสมาธิมากๆ พี่ๆ พยาบาลก็จะค่อยดูแล คอยช่วยจับมือเรา 

• อาชีพพยาบาลเขาว่าเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกรณีที่เราไม่สามารถยื้อชีวิต หรือช่วยเหลือผู้ป่วยให้รอดได้
 
ส่วนตัวยังไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนั้นค่ะ ย่างมากก็จะเป็นอยู่ในการควบคุมของพี่พยาบาล อย่างเวลามีเหตุการณ์ฉุกเฉินผู้ป่วยหนัก พี่ๆ พยาบาลเขาก็กั้นม่านให้เรานักศึกษาอยู่ข้างนอก แต่ว่าก็เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นไปฝึกอยู่ที่ห้องไอซียูเป็นผู้ป่วยหนัก พี่เขาก็ให้ดูค่ะ แต่ดูอยู่ห่างๆ ตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น คอยสังเกตว่าถ้าเป็นเรา เราจะคุมสติ เราจะช่วยให้เขารอดได้อย่างที่คุณหมอและพี่พยาบาลช่วยให้เขารอดได้อย่างไร

• ในเรื่องอุดมคติของการเป็นพยาบาลสำหรับเป็นอย่างไร
 
คือเมมีคติประจำใจอยู่แล้วค่ะว่า 'impossible is nothing' ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ แล้วอาจารย์ท่านก็จะพูดตลอดเลยค่ะ ตั้งแต่ปี1 การที่เราจะเป็นพยาบาลที่ดีได้ก็คืออย่างแรกเลยต้องซื่อสัตย์ อันนี้สำคัญที่สุด เพราะสมมุติว่าถ้าเกิดเราให้ยาผู้ป่วยไม่ครบ ถ้าเกิดเรารู้ไว้คนเดียว ถ้าเราไม่บอกคนอื่น มันก็จะเป็นผลต่อผู้ป่วยได้ เขาก็จะไม่รู้ว่าใคร แต่ถ้าเรามีความซื่อสัตย์มันจะดีกว่า ผู้ป่วยคนนั้นก็อาจจะไม่เป็นอะไร อาจารย์จะคอยย้ำตั้งแต่เริ่มเรียนแรกๆ ยังไม่เข้าสาขาวิชา

• ท้ายที่สุดวิชาชีพพยาบาลหรือการเป็นพยาบาลให้อะไรกับเราบ้าง...
 
ทำให้เรารู้จักการช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ต้องมีเหตุผล โดยไม่หวังผลตอบแทน และอาชีพพยาบาลก็เป็นอาชีพที่ทำให้ได้รู้ว่าเราสามารถทำความดีทุกวันค่ะ (ยิ้ม)








ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก : Pimchanok Chumpuchai (Maypim)

กำลังโหลดความคิดเห็น