ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” ตอบกลับสมาชิกพันทิป แจงหลังชาวเน็ตติ่ง “ฟาสต์ แอนด์ ฟีเรียส” บอยคอต “เสี่ยเจียง” ยันหนัง “สุริโยทัย - นเรศวร” สร้างเอง กู้เงินธนาคาร ให้สหมงคลฟิล์มจัดจำหน่ายกินเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ได้รัฐบาลช่วยไม่ใช่แค่รายเดียว หลายเรื่องได้เงินจากรัฐบาลแล้วไม่สร้าง ไม่ได้ฉาย โอดถึงได้เงินมาก็หักเงินจากตอนอื่นจนล้มละลาย ย้ำไม่มีปัญญาเกณฑ์เด็กไปดู ส่วนทหารก็ขอให้ฉายฟรี ชี้ปัญหาหนังถูกแบนเป็นเรื่องของเสี่ยเจียงกับจา พนม แต่ไม่รู้เพราะไม่ได้เจอกันเป็นปี
วันนี้ (27 มี.ค.) ในเว็บไซต์พันทิป ดอต คอม ผู้ใช้นามแฝง “สสารนิยม” ได้โพสต์กระทู้ในหัวข้อ “ท่านคิดว่าถ้าท่านมุ้ยจะรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวการแบนหนัง Furious 7 ครับ” โดยระบุดังนี้
“ถ้าวิเคราะห์กันลึกๆ ตามเกมกันจริงๆ เรื่องการแบน Furious 7 มีความเป็นไปได้ที่จะมีการหวังผลประโยชน์ทางด้านโรงฉายเกี่ยวข้องด้วย เพราะว่า อวสานหงสา นั้น เข้าฉายหลัง Furious 7 เพียงหนึ่งสัปดาห์ เหมือนเป็นการตัดขาหนังฟอร์มใหญ่และเพิ่มโรงฉายของ อวสานหงสา ให้มากขึ้น ซึ่งนั้นหมายถึงการมีโอกาสทำรายได้ให้มากขึ้นของ อวสานหงสา
ในฐานะผู้กำกับหนังทุกคนคงคาดหวังการประสบผลสำเร็จของหนังที่ตัวเองสร้างขึ้นมา การมีรายได้มากขึ้นนั่นก็หมายถึงความประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง แต่ถ้าในวิธีข้างต้นในฐานะคนดู คงจะรู้สึกว่าเป็นวิธีที่สกปรกแถมกระแสหนังอวสานหงสาตอนนี้ตีกลับไปทางด้านลบ มีผู้คนมากมายแบนหนังดังกล่าวและค่ายสหมงคล
ท่านมุ้ยเขาจะรู้สึกอย่างไรครับ หนังตัวเองที่อยู่ในค่ายสหมงคลที่ตอนนี้ผู้คนจำนวนมากต่างโจษจันกันในแง่ลบ หนังตัวเองกำลังจะกลายเป็นเหมือนตัวโกงแย่งพื้นที่โรงฉายไปจากหนังที่หลายคนรอคอย หนังของตัวเองกำลังจะโดนคนไทยมากมายแบนไม่ไปดูเพราะค่ายหนัง
ถ้าผมเป็นท่านมุ้ยนี่คงนั่งกุมขมับครับ เรื่องนี้ตัวเองไม่ได้สร้างแท้ๆ กลับมาโดนผลกระทบเต็มๆ (ผู้กำกับท่านอื่นที่อยู่ในสังกัดสหมงคลเช่นกัน)
แต่ Furious 7 ไม่ได้ฉายเนี่ยผมโกรธนะครับ โมโหมากด้วย ไม่ได้ตั้งใจจะแบนหนังท่านมุ้ยหรอกนะครับ แต่นี่น่าจะเป็นไม่กี่วิธีที่โต้ตอบทางสหมงคลได้อย่างรวดเร็วและค่อนข้างได้ผล ผลิตภัณฑ์ของทางสหมงคลผมจะแบนให้หมดเลยครับ
อย่าได้คิดเอาผู้ชมเป็นตัวประกันนะครับ สหมงคล”
หลังจากกระทู้นี้ได้โพสต์ออกไป มีสมาชิกแสดงความคิดเห็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งบางคนเหน็บแนมโยงไปยังเรื่องการเมือง เปรียบเทียบไปถึงภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีการเกณฑ์เยาวชนไปดู หรือมีทหารแจกตั๋วฟรีเพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาไม่นานนัก ผู้ใช้นามแฝง “Cinephile” ที่ชาวพันทิปรู้จักกันดีในชื่อของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้ตอบกลับกระทู้นี้ ระบุว่า
“ไม่ว่าจะเป็นสุริโยทัย หรือ นเรศวร ทุกภาคไม่ใช่หนังของสหมงคล สหมงคลไม่เคยลงทุนในหนังเลยแม้แต่ภาคเดียว สหมงคลเพียงแต่เป็นผู้จัดจำหน่ายแล้วชักเปอร์เซ็นต์จากรายได้
สุริโยทัยกับนเรศวรเป็นหนังของพร้อมมิตร ค่าสร้างมาจากเงินที่กู้จากธนาคาร
ส่วนเงินที่ได้จากการช่วยเหลือจากรัฐบาลไม่ใช่เพียงแต่บริษัท พร้อมมิตร เพียงบริษัทเดียว ที่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ยังมีอีกหลายบริษัทที่ได้รับส่วนแบ่ง มีหลายเรื่องที่ได้รับเงินไปแล้วแต่ไม่สร้าง มีหลายเรื่องที่สร้างไปแล้วแต่ไม่ได้ฉาย แต่มีเพียงบริษัทเดียวที่ต้องคืนเงินให้รัฐบาลก็คือบริษัทของผม เงินที่ได้รับช่วยเหลือต้องส่งคืนให้รัฐบาล ที่ได้รับช่วยเหลือก็เพียงแค่ตอนสาม แต่ต้องหักเงินจากตอนสี่กับตอนห้า (และตอนหก) ถึงโดนฟ้องร้องล้มละลายอย่างไรล่ะครับ
แล้วเรื่องเกณฑ์เด็กไปดูหนังทางบริษัทไม่มีปัญญาเกณฑ์ให้ใครไปดูได้หรอกครับ แต่ถ้าโรงเรียนต่างๆ อย่ากซื้อตั๋วเหมาเราก็จะจัดการให้ เหมารวมราคาถูก (ทางโรงเขาจะคิดราคาเต็ม) ส่วนเรื่องให้ดูฟรีนั่นก็เพราะทางทหารเคยช่วยเหลือเราในการสร้าง เขาขอร้องให้เราฉายฟรีเพื่อคืนความสุขให้ประชาชน เราก็ยินยอมโดยให้หนังไปฉายฟรี ไม่ใช่เพื่อการพีอาร์หรืออะไรทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องแบนหนัง FF7 เป็นเรื่องของเสี่ยเจียงกับจาพนม เสี่ยเจียงลงทุนไปมากเพื่อให้จาพนมเป็นจาพนมที่คนรู้จักกันทั้งโลก เมื่อจาไปเล่นหนัง FF7 โดยไม่มาปรึกษาก่อนเสี่ยเจียงก็คงแค้นแทบกระอักเลือด แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ได้เจอเสี่ยเจียงมาเป็นปีแล้วครับ”
