คำว่า “ศาสนา” หากเปรียบในเชิงตามหลักภาษาแล้ว รากฐานของคำคำนี้ น่าจะมาจากความหมายใน ศาสน ซึ่งแปลว่า คำสอนกับข้อบังคับ หรือความหมายในภาษาบาลี นั่นคือ สาสน ที่มีคำอธิบายว่า คำสั่งสอนกับศาสดา และถ้ามาเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษ มันก็คือ "Religion" ที่มีรากจากภาษาละตินว่า "Religare" ตรงกับคำว่า "Together" แปลว่าการรวมเข้าด้วยกัน หรือการรวมตนเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ดังนั้นคำว่า "Religion" หากแปลเป็นเบื้องต้นจริงๆ ศาสนา คือ เรื่องของความสัมพันธ์โดยศรัทธาระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า นั่นเอง
หากเป็นความหมายที่เพิ่มเติมขึ้นไปอีก ราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้คำนิยามเกี่ยวกับคำว่า “ศาสนา” ที่ว่า 'ลัทธิความเชื่อของมนุษย์อันมีหลัก คือ แสดงกำเนิดและความสิ้นสุดของโลก เป็นต้น อันเป็นไปในฝ่ายปรมัถต์ประการหนึ่ง แสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบุญบาป อันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมทั้งลัทธิพิธีที่กระทำตามความเห็น หรือตามคำสั่งสอนในความเชื่อนั้นๆ'

แต่เมื่อกลับมาสู่ในปัจจุบัน อย่างที่ทราบกันดีว่า “ศาสนา” ได้ถูกแปรเปลี่ยนความเข้าใจออกไป โดยในบางครั้ง อย่างที่ทราบกันดี กลับถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทั้งในเรื่องความรุนแรงในการก่อเหตุต่างๆ โดยอ้างอย่างหน้าตาเฉยเลยว่า 'เพื่อศาสดาของตนเอง' ไม่ว่าจะเป็นศาสนา หรือ ถ้าอย่างใกล้ๆ รอบตัว ก็มีไว้แค่เพื่อบ่งบอกสถานะบนบัตรประชาชนเท่านั้น โดยละเลยไม่ได้ใส่ใจถึง 'แก่นแท้และหลักคำสอนของศาสนาเลย' แม้แต่นิดเดียว
อย่างไรก็ดี ในท่ามกลางปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ภาพยนตร์ไทยเพื่อเทิดพระเกียรติศาสดานบีมูฮัมมัด ของศาสนาอิสลาม เรื่อง อมีน ของ “ฮามีซี อัคคี-รัฐ” ผู้ที่เคยผ่านงานเบื้องหลังมากว่า 10 ปี ที่โดดมากำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากการนำเสนอที่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อให้ถูกหลักตามศาสนาแล้ว สารที่เขาได้ตั้งใจกล่าวผ่านแผ่นฟิล์มนั้น เพื่อจุดประสงค์คือ 'ให้ความเข้าใจในศาสนาอิสลามอย่างถูกต้องและออกสื่อในวงกว้าง' และ 'อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข'
บางที ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย จะได้เข้าใจคำ “ศาสนา” อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง เสียที ???

• เหตุใดที่ทำให้คุณผันตัวจากการทำเบื้องหลังต่างๆ มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแรก และดูเหมือนจะเป็นประเด็นอ่อนไหวด้วย เพราะว่าด้วยเรื่องศาสนา
ครับ ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานอยู่ในแวดวงภาพยนตร์โฆษณาและมิวสิกวิดีโอ ได้รู้จักบุคลากรซึ่งเป็นเพื่อนๆ ร่วมวงการ และได้ประสบการณ์ด้านการกำกับ ซึ่งผมว่าทุกคนมันต้องมียุคสมัยหนึ่งซึ่งต้องการค้นหาความหมายของชีวิต ค้นหาความถนัดนะ และก็เรียนรู้ชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็มาเจอคำถามที่ทำให้ชีวิตต้องสะดุดว่า ในช่วงท้ายที่สุดของชีวิต ในวันที่เราแก่เฒ่า ไม่ว่าใครก็ตาม หากมีหลานมาถามว่า คุณปู่ งานอะไรที่คุณปู่ภูมิใจที่สุดในชีวิต งานอะไรที่ถ้าคุณปู่ตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโหลนหรือหลาน ก็ยังเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วภูมิใจไปด้วย ผมรู้สึกว่า มันไม่ธรรมดานะ ผมนึกแล้วคิดว่า ความภูมิใจที่สุดในชีวิต คือการทำมิวสิกวิดีโอที่มีคนมาเต้นเซ็กซี่แหกขา หรือร้องแบบเส้นเสียงโซปราโนเหรอ มันไม่ใช่ ผมว่ามันควรจะเป็นอะไรสักอย่าง ที่แบบว่า ชีวิตคนเปลี่ยน หรือสังคมเปลี่ยน
จากตรงนั้น ก็เลยเป็นการตั้งคำถามให้กับชีวิตว่า แล้วงานชนิดไหนล่ะที่มันมีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ซึ่งผมคิดว่า การเขียนหรือการพูด มันอาจจะไม่เท่ากับภาพยนตร์ เพราะมันคือศาสตร์ที่หลอมรวมเอาความเป็นงานเขียน งานพูด และงานภาพ เข้ามาไว้ด้วยกัน งานวรรณกรรม ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ทุกอย่างมันหลอมรวมภายในระยะเวลา 90-120 นาที มันก็เป็นสิ่งที่ทรงพลัง
• เหมือนกับว่า มันเป็นความทะเยอทะยานที่จะสร้างผลงานที่คิดว่ามีคุณค่าในความนึกคิดของเรา
ด้วยความภาคภูมิใจในชีวิตที่จะภาคภูมิใจต่อการบอกกับลูกหลาน มันสำคัญนะ มันทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย ท้ายที่สุด เราจะจากโลกนี้ไปให้คนคิดถึงเราว่าอย่างไรล่ะ เราอยากจะเป็นคนที่ถูกลืม หรือจะแบบ...เฮ้ยไอ้คนนี้ไง ที่ทำโฆษณาหรือหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้สังคมมีความเปลี่ยนแปลง มันลดช่องว่างระหว่างความรุนแรงได้ ซึ่งไม่ต้องจำผมก็ได้นะ แต่ขอให้งานผมมันมีความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องรู้จักชื่อผมก็ได้ แต่ผมแค่ภูมิใจที่ได้บอกกับลูกหลานว่า เอาไปให้เพื่อนดูว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้นะ

• คล้ายเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน
อันที่จริง สิ่งที่ผมกำลังพูด ก็คือเรื่องพื้นฐาน คือจิตวิญญาณของสื่อ ผมรู้สึกว่าเราทุกคนคือนักสื่อ ทำหน้าที่ส่งสาร ส่งให้ใคร ส่งให้มวลชน เราถึงได้ถูกเรียกว่านักสื่อสารมวลชน ตลอดชีวิตของเรา หรือตลอดชีวิตนักสื่อสารมวลชน สารที่เราสื่อถึงมวลชนคืออะไร ก็เลยคุยกับคุณเรย์ แมคโดนัลด์ (นักแสดงคนหนึ่งในเรื่อง) ว่าผมมีความเชื่อมั่นว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราต้องทำ มันไม่ใช่แค่ตลก สนุก ผี หรือหักมุม คือมันต้องทำอะไรที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นสิ บวกกับการที่ผมได้ไปเจอกับพี่ต่อ ฟีโนมีน่า (ธนญชัย ศรศรีวิชัย) ซึ่งเขามีมุมมองที่โดดเด่นและชัดเจนว่า งานทุกอย่างที่ทำต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าทำแล้วสังคมไม่เปลี่ยนแปลง อย่าทำ
ในความเห็นของผม ถ้าเราไม่ฉีดภูมิคุ้มกันให้กับผู้รับสาร ผมว่าบทบาทของสื่อมวลชนมีปัญหาแล้ว ทั้งผมหรือทุกคนเลย บางที คนดูชอบดูละครที่แม่ผัวทะเลาะกับภรรยานู่นนี่นั่น แต่บางที การฝืนทำอะไรที่มันไม่ถูกจริตกับคนดู มันเป็นการฝืนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แล้วจำเป็นนะที่จะต้องทำ ผมทำหนังเรื่องนี้ ก็มีคนประกาศเลยนะว่าขอสาบานว่าจะไม่ดูหนังเรื่องนี้แม้แต่ฉากเดียว เพราะมีคนต่อต้าน มีคนไล่ผม บางคนก็เป็นมุสลิมด้วยกันด้วย
• เป็นไปได้มั้ยว่า คนมุสลิมคนนั้นเป็นแบบเคร่งจ๋าเลย
ผมว่า หนังเรื่องนี้ถูกตรวจสอบโดยผู้มีความรู้ทางศาสนาแบบเชิงลึกจากนักวิชาการในเมืองไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วนะ ถ้าเขาอ้างว่าไม่ดูหนังผม แล้วตกกลางคืนยังดูละครแม่ผัวตบกันอยู่ ผมว่าเขาก็ไม่ใช่ไง แต่ผมคิดว่าเขาอ้างแบบนี้ด้วยอคติ เขาบอกว่าเอาคนศาสนิกอื่นมาเล่นได้ยังไง ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่คิดแบบนั้น เพราะแม้แต่เวลาคุณเรียกร้องให้คนต่างศาสนิกเปิดใจให้มุสลิม ตัวคุณหรือตัวพวกเราที่เป็นมุสลิม ก็ต้องเปิดใจก่อน
การได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่น้องต่างศาสนิก บางคนผมยอมรับน้ำใจเขาเลยนะ อย่างเช่น เรย์ แมคโดนัลด์ ความเป็นกัลยาณมิตรที่มีต่อผม สูงและมีค่ามาก เขาพยายามเรียนรู้และวิเคราะห์อิสลาม เพื่อให้เค้าเข้าถึงการแสดง และบางฉากต้องยอมเจ็บตัว ต้องกลิ้งไปตามพื้นดิน เขากลิ้งจนเจ็บน่ะ ทุ่มเทมาก

• รู้สึกอย่างไรที่คนในศาสนาเดียวกันต่อต้าน
ผมว่า ผู้กำกับหนังที่ควรขับไล่นะ ควรจะเป็นคนที่ดูถูกนบี ไม่ควรจะเป็นผม ผู้กำกับที่ควรถูกด่าในเฟซบุ๊กด้วยถ้อยคำที่รุนแรงนะควรจะเป็นคนนั้น ไม่ควรจะเป็นผม และตัวหนังจะพิสูจน์ตัวของมันเอง แต่ ณ วันนี้ ผมก็ต้องยอมรับ แน่นอนว่าการขึ้นมาทำอะไรที่มันเป็นครั้งแรก มันต้องฝ่าฟันหรืออาจจะเจ็บปวดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
• เนื่องจากงานชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา ขั้นตอนการทำงาน มีอุปสรรคหรือความยุ่งยากอย่างไรหรือไม่
ถือว่ามีความซับซ้อนมากครับ แต่ผมสามารถบอกได้เบื้องต้นตรงนี้เลยว่า นี่คือภาพยนตร์เรื่องแรกของโลกที่ถูกตามหลักศาสนาแบบเป๊ะทุกเม็ดเลย ดังนั้น ขั้นตอนการเขียนบทก็ต้องถูกปรับแก้ ถูกรื้อ หลายวาระหลายรอบ บทเสร็จตรวจสอบ สตอรี่บอร์ดเสร็จตรวจสอบ ถูกรื้อถูกแก้ เสร็จปุ๊บออกไปถ่ายทำ ระหว่างถ่ายทำก็มีบอร์ดชารีอะห์เข้าไปตรวจสอบ ตัดต่อเสร็จรอบแรกบอร์ดตรวจสอบ ฝั่งอิสลามตรวจสอบเสร็จปุ๊บ เชิญพี่น้องศาสนิกอื่น เชิญนักวิจารณ์ตรวจสอบ ตรวจหลายรอบ กระบวนการทั้งหมด กินเวลายาวนานถึง 2-3 ปี

• จริงหรือไม่ที่ว่า ภาพยนตร์เรื่อง Innocence of Muslim นั้นคือต้นทางอันหนึ่งซึ่งทำให้เกิดมีหนังอย่าง ‘อมีน’ ขึ้นมา
ใช่ครับ นี่คือเป้าหมายสำคัญเลย เพราะเราคิดว่าน่าจะมีวิธีการตอบโต้แบบสุภาพชน คือศาสนาสอนว่าให้ตอบโต้ด้วยสิ่งที่ดีกว่า ไม่งั้นด่ากันไปมา ก็ดำดิ่ง ไม่มีอะไรดีขึ้น หากเราขุดเอาคำหยาบมาสาดใส่กัน แต่ถ้าเราตอบโต้แบบที่สุภาพกว่า บางทีเขาอาจจะมีสติก็ได้ หนังเรื่องดังกล่าว (Innocence of Muslim) กล่าวหาคนมุสลิมว่าเป็นคนกระหายสงคราม บ้าเซ็กซ์ หรืออะไรที่เขาไม่มีความรู้ ซึ่งจริงๆ อย่างการมีภรรยาหลายคน มันไม่ได้ต้องการจะมีนะ คือไปเช็กได้เลยว่ามี แต่จะเป็นที่คนอายุเยอะแล้ว แล้วเป็นหญิงม่าย บางทีสามีตายในสงครามก็มี หรือมีเพราะลูกเยอะหลายคน แล้วสามีจะได้ช่วยเขา แต่การตีความของหนังเรื่องนั้นมันผิดไปจากหลักคำสอนศาสนาเลย แม้แต่นักแสดงในเรื่องยังฟ้องผู้กำกับเลยว่า ไปพากย์เสียงเพิ่มเติมในสิ่งที่เขาไม่ได้พูด ซึ่งเนื้อหามันหยาบคายรุนแรงและบิดเบือนอย่างสุดโต่งเลย
• ดูรายชื่อนักแสดง ล้วนแล้วก็ตัวเป้งๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เรย์ แมคโดนัลด์, ชุมพร เทพพิทักษ์ ฯลฯ
บางคนออกแค่ฉากสั้นๆ นะ แต่เป็นฉากสั้นๆ ที่มีพลังมาก ทั้งเรื่องวิธีการพูด บางอย่างผมว่ามันเป็นการเตรียมของพระเจ้าน่ะ ผมเชื่ออย่างนั้น คือผมอาจจะกำกับการของแสดงคนได้ แต่ผมไม่มีทางกำกับแสงของฟากฟ้าได้ ให้แสงในช่วงนั้นมันสาดทะลุใบไม้ แล้วมันสวย อย่างฉากตอนที่รถกำลังถอยเข้าไปพอดี ผมกำกับฟ้าหรือเมฆไม่ได้ ผมกำกับอุณหภูมิแสงแบบนั้นไม่ได้ แต่สุดท้ายมันก็มีผู้ที่ยิ่งใหญ่ไง ที่กำกับทุกสิ่งอย่าง
แต่อย่างบทของอาเดียร์ (ชุมพร เทพพิทักษ์) จะถ่ายอยู่แล้ว ผมยังไม่มีคนมาเล่นเลย แล้วมีน้องคนพุทธคนนึงเป็นฝ่ายอาร์ต เขาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขายังหนุ่ม อาเขาเคยทำปืนลั่นใส่พ่อเขา เดี๋ยวผมจะเอาเหตุผลนี้ไปอ้าง แล้วขอให้เขามาช่วยเล่นให้ ปรากฏว่าอาเดียร์แกจำได้จริงๆ เขาก็มาเล่นให้ (หัวเราะเบาๆ) เหมือนกับว่าชำระความผิดนั้น ประมาณนั้นก็ได้ครับ คือผมก็บอกอาท่านว่า ไม่ค่อยมีเงินนะครับ แต่อาเดียร์บอกไม่เป็นไร มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น ก็ได้มาเล่น หรืออย่างวิธีได้เรย์ แมคโดนัลด์ มา ในความเชื่อของผม ผมไม่มีทางรวบรวมคนเหล่านี้ได้ มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้าว่า แต่ละคนเหมาะกับตำแหน่งนี้ กับวันและเวลาในช่วงแบบนี้
อย่างคุณเรย์ ตอนแรกเขาจะไม่เล่นด้วยซ้ำ เพราะเขารู้สึกว่าหนังมันมีความเป็นปรัชญาและศาสนาเกินไปสำหรับเขา แต่เราก็คุยกับโปรดิวเซอร์ว่า ถ้าหนังมันยัดเยียดเกินไป แต่มีหนังบางเรื่องที่ยัดเยียดกว่านี้ อย่างหนังที่มีฉากปล้นธนาคาร คือมันสอนวิธีการปล้นเลย หรือหนังบางเรื่องมีฉากเสพยาเสพติด จบปุ๊บทำได้เลยก็มี หรือมีหลายเรื่องที่มีฉากเซ็กซ์กัน อันนี้ไม่ยัดเยียดเหรอ เรายังมีเด็กมีเยาวชนดูอยู่นะ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่ควรจะเห็นนะ

• คุณรู้สึกสิ้นหวังมั้ย ที่เราอุตส่าห์ทำหนังเรื่องนี้มา 3 ปี แต่ไม่มีใครสนใจเลย
(นิ่งคิด) ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังนะครับ ก็พยายามอยู่ ถ้าสมมติผมสิ้นหวังหรือล้มเหลวนะ ผมจะเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังว่าอย่าสู้เพื่อความถูกต้องนะ อย่าริอาจทำอะไรใหม่ให้สังคมนะ เพราะมีหลายคนที่ทำมาแล้วแต่ล้มเหลว อันนี้น่ากลัวนะ เพราะฉะนั้นผมต้องสู้ต่อ ไม่งั้นผมจะกลายเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังเห็นว่า ทำหนังที่ฝืนจริตคนไทยแล้วไปไม่รอด ฉะนั้น เราก็ต้องสู้ ไม่ใช่แค่รุ่นเรา จากนี้ไป ไม่ว่าเราจะคิดอะไรก็ตาม เราต้องมองไปที่คนรุ่นที่ 10 เลย เราจะคิดอะไรเพื่อคนรุ่นถัดไปไม่พอแล้ว ต้องคิดไปถึงรุ่นที่ 10 เลยว่า เค้าจะอยู่ต่อยังไง ถ้าวันนี้เราไม่สำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
• ในประเด็นหนังที่อ่อนไหว เพราะโยงใยกับเรื่องศาสนา ตั้งเป้าหมายว่าเราอยากจะบอกหรือสื่อสารอะไรผ่านหนังเรื่องนี้
อยากให้คนดูหนังเรื่องนี้ ลดความไม่เข้าใจต่ออิสลาม ผมขอยกตัวอย่างแบบนี้ว่า ในอดีต มันจำเป็นด้วยหรือที่อเมริกาต้องทำแบบนั้นกับอินเดียนแดง มันจำเป็นมั้ยว่าพอไปมีชีวิตที่อเมริกา ใครก็ตามที่เป็นอินเดียนแดงจะต้องถูกขับไล่และฆ่าทิ้งแบบล้างเผ่าพันธุ์ ชาติพันธุ์คุณบรรพบุรุษคุณบัญญัติคำว่าผู้ก่อการร้ายครั้งแรก แล้วเอาไปใช้กับอินเดียนแดง อเมริกาเรียกพวกเขาชาวอินเดียนแดงซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เป็นเจ้าของที่ดินด้วยคำแบบนั้น มันเคยมีสารคดีชิ้นหนึ่งนะ ที่ชาวอินเดียนแดงพูดว่า ทำไมเราแบ่งกันอยู่ไม่ได้เหรอ ต้องเอาทั้งหมดเลยเหรอ มันเจ็บนะคำนี้
ในทำนองเดียวกัน ผมรู้สึกว่า การที่เรียกมุสลิมว่าผู้ก่อการร้าย ซึ่งไม่ต่างจากการเรียกอินเดียนแดงเลยนะ คุณเรียกแล้วคุณก็ขโมยน้ำมันเขาไป คุณก็ย่ำยีลูกสาวเขา ผู้หญิงในประเทศเขา ผมก็รู้สึกว่าเราต้องการให้ดูและให้รู้ข้อเท็จจริงบางอย่าง และจากนี้ไปมันจะเชื่อมรอยต่อของความขัดแย้ง แล้วก็อยู่กันอย่างสันติได้

• ไหนๆ ก็พูดไปถึงเรื่องการก่อการร้าย ในฐานะมุสลิมคนหนึ่ง คุณมองเรื่องราวนี้อย่างไรบ้าง
มันต้องมองที่หลักคำสอนนะ ศาสนาอิสลามบอกว่าห้ามฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าความรุนแรงหรือการก่อความรุนแรง มันก็ต้องดูว่ามันเกิดจากการตีความของลัทธิหรือกลุ่มไหน ถ้าเขาอ้างว่าศาสดา อันนี้เคลียร์ง่ายชัดเจนเลย ไปดูซิ คำสอนของศาสดาว่ามีมั้ยสักบท สักโองการหรือประโยคหนึ่งหรือเปล่า ที่สอนให้ทำแบบนั้น ปรากฏว่าไม่มี เช็กได้ ตรวจสอบได้ งั้นแสดงว่าคุณคิดเอง มันไม่ยาก
แต่มันก็มีวิธีแบบจนตรอกนะ โดยที่คำสอนศาสนาไม่มีก็ตาม เช่นสมมติว่า ผมจนตรอก ผมโดนอเมริกันคุกคามแบบชาวอิรัก ถูกข่มขืน ไม่เหลือบ้าน ถูกคุมคามระเบิดรถถัง อะไรหลายอย่าง แล้วทั้งชีวิตผมเหลือคนเดียว ไม่มีอาวุธ ไม่มีอะไร ไม่รู้จะแก้ไขยังไง ผมก็ติดระเบิดที่ตัวเอง แล้วก็เข้าไปที่ทหาร คือมันเหมือนจนตรอกอ่ะ พอไม่มีหนทางก็ไม่รู้จะทำไง ทำไงที่จะสู้กับอเมริกาที่มีขีปนาวุธได้ ก็ต้องระเบิดพลีชีพ คุณทำลายทุกสิ่งอย่าง ผมก็แลกกันกับคุณ ซึ่งมันไม่ใช่หลักการศาสนานะ แต่มันคือขีดสุดของความเป็นมนุษย์แล้ว เพราะฉันไม่รู้จะสู้ยังไง การที่นักข่าวคนหนึ่งเขวี้ยงรองเท้าใส่จอร์จ บุช ก็เพราะมันจนตรอก ผมไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับคุณแล้ว แต่สุดท้าย คนพวกนี้ก็ถูกมองว่า พวกบ้า พวกคลั่ง พวกหัวรุนแรง แต่ก่อนที่จะตราหน้าเขา ดูหรือยังว่ามีมูลเหตุมาจากอะไร เพราะเขาสูญเสียอย่างรุนแรงหรือเปล่า
• คือเหมือนกับเรายังไม่เข้าอกเข้าใจกันอย่างดีพอ?
ใช่ครับ และนอกจากพื้นที่สื่อแล้ว พื้นที่ในการศึกษาก็ยังน้อยมาก อันนี้ไม่ใช่แค่ที่บ้านเรานะครับ พี่แทน (ฐิติ พุ่มอ่อน หนึ่งในนักแสดงหนังเรื่อง 'อมีน') เล่าให้ผมฟังว่า มิเชล โอบามา (ภรรยาของบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา) จะไปจับมือกับกษัตริย์ของประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่พระองค์แค่ยิ้มให้และจับมือกับแค่บารัค ซึ่งนั่นหมายถึงการที่กษัตริย์กำลังให้เกียรติแบบมุสลิม มุสลิมทุกคนไม่สัมผัสหรือจับมือสตรีอื่น เว้นแต่เขาจะเป็นภรรยา แม่ หรือญาติพี่น้องเรา แต่เว้นจากผู้หญิงคนอื่นที่เขากำลังประสบเหตุ อันนี้เราต้องช่วยเขา แต่ถ้าใครยื่นมือมาจับ เราจะให้เกียรติเขาด้วยการไม่จับมือ แต่แค่ยิ้มเพื่อเป็นการเคารพ
คือเราลองนึกถึงตอนเรามีภรรยาที่น่ารักหรือสวยดู แล้วก็มีใครต่อใครไม่รู้มาจับมือภรรยาเราได้หมด บางประเทศถึงขั้นจับแล้วก็จูบด้วยนะ ผมว่าการให้เกียรติของมุสลิมมันเลอค่ามากเลย เพราะเขาเห็นว่าผู้หญิงทุกคนเปรียบเป็นเหมือนเจ้าหญิง ทุกคนจะอยู่ในบ้านด้วยความมีเกียรติ เรายกย่อง เราให้เกียรติ อะไรแบบนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า มุสลิมเป็นศาสนาที่ไปบังคับให้ผู้หญิงต้องคลุมผมหรือแต่งตัวมิดชิด แต่ถ้าเราไปถามผู้หญิงที่เขามีความรู้จริงๆ เขาจะตอบเลย นี่คือความภูมิใจของเขา เขาไม่ต้องวิ่งตามแฟชั่น
จริงๆ ผู้หญิงเหนื่อยนะที่ต้องใช้ลิปสติกใช้เสื้อผ้าให้ทันตามกระแสน่ะ ซึ่งแต่ละปีจะมีเทรนด์ออกมาเลยว่า ปีนี้ต้องใส่รองเท้าส้นสูงขนาดไหน กระโปรงสั้นแค่ไหน หรือเสื้อสีอะไร ลิปสติกสีอะไร ถึงจะอยู่ในเทรนด์ ไม่อย่างงั้น เขาจะบอกว่าปีนี้สีนี้เอาต์ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเห็นว่ามันเป็นการช่วยคุ้มครองผู้หญิงให้พ้นจากลัทธิทุนนิยมที่แบบว่ากัดจิกเราอย่างรุนแรงด้วย แต่คนส่วนหนึ่งก็ยังมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

• ความเข้าใจผิดของคนไทยต่อมุสลิม ที่โดนบ่อยที่สุดคือ
คนในเมืองไทยส่วนใหญ่ชอบคิดว่าคนที่โพกผ้าเป็นมุสลิมหมด ซึ่งจริงคนที่โพกผ้าจะเป็นคนที่นับถือศาสนาซิกซ์ที่คอยเก็บดอกเบี้ย และด้วยความไม่รู้ มันก็จะมีคำที่ว่า ถ้าเจอแขกกับงูให้ตีแขกก่อน เพราะแขกจะเป็นพวกกระหายดอกเบี้ย เป็นพวกหิวเงิน ซึ่งไม่ใช่มุสลิมนะ มีอาจารย์ที่เป็นไทยพุทธคนหนึ่งที่จุฬาฯ เขาบอกว่า ถ้าคุณไปเรียกจิกมุสลิมว่าแขก เหมือนที่เรียกคนจีนว่าเจ๊กน่ะ เขาบอกเลยว่า เลิกนิสัยเรียกคนแบบจิกกัดได้มั้ย ถ้าคุณเรียกมุสลิมว่าแขก คุณก็ต้องเรียกพระพุทธเจ้าว่าแขกด้วย เพราะพระพุทธเจ้านี่คือแขกเลย ไปดูรูปได้เลย คือหน้าของท่านนี่แขกมากเลย คือท่านเกิดในเนปาล แล้วเผยแพร่ในอินเดีย คือเขาพูดดีมากเลย มันเป็นมุมมองที่ผมก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
• สรุปโดยรวมคือ คนทั่วไปยังไม่เข้าใจศาสนาอิสลามมากพอ
ก็ด้วย ซึ่งมันมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกันด้วย อย่าง 3 จังหวัดภาคใต้ ที่มีช่วงหนึ่งที่มีปัญหามาก เค้าก็เลยบอกว่า งั้นเอาพระพุทธรูปไปไว้ทุกโรงเรียน เพื่อจะได้มีศาสนาและจริยธรรมบ้าง และก็เพิ่มพระพุทธศาสนา คือมันเหมือนกับทหารเข้าไปในมัสยิดน่ะครับ คุณจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่อย่างน้อยคุยกันสักหน่อยได้มั้ย แบบ ขอโทษจริงๆ แต่มีคนบอกว่าที่นี่มีระเบิด ซึ่งเราไม่มีความสามารถที่จะค้นหา ผมว่าใครก็ต้องยอม เพื่อให้สังคมและหมู่บ้านปลอดภัย แต่วิธีที่คุณทำมันสะท้อนให้เห็นเลยว่า คุณไม่เข้าใจอิสลามมากๆ เลย และยิ่งในอิรักนี่หนักเลย กลางคืนเค้าต้องขุดหลุมแล้วเอาผู้หญิงไว้ใต้บ้าน เพราะมันจะดูเลยว่า ทหารอเมริกันดูว่าบ้านไหนสวยแล้วบุกเลย แล้วโดนกันมาแล้ว จนเป็นที่รู้กันเลยว่า ลูกสาวต้องเก็บไว้ใต้ดิน ความโหดเหี้ยมในการคุกคามทรัพยากรในอิรักหรือตะวันออกกลาง มันก็คือที่มาในโลกภาพยนตร์ที่ว่า ทำไมถึงต้องเป็นคนเลวในการผูกขาดของหนังฮอลลีวูด
ผมไม่ค่อยแปลกใจเรื่องไอเอสนะ ไม่ค่อยกังวลเรื่องโปรดักชันที่แบบสวยกริบเลย เพราะตั้งแต่วันที่อเมริกาเหยียบดวงจันทร์จนถึงวันนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าไปจริงรึเปล่า ขนาดการถ่ายทำนอกโลกเค้ายังเซตได้เลย แล้วทำไมในโลกมันจะทำให้เนียนไม่ได้ ธงอเมริกันที่ปลิวแต่เค้ายังยืนยันว่าไม่มีลมอ่ะนะ ทำไมเรามองตาเปล่าเราเห็นดาวเต็มไปหมดเลย แต่ทำไมแบ็กกราวนด์ในการเหยียบดวงจันทร์ครั้งนี้ มันไม่มีดาวแม้แต่ดวงเดียว เป็นไปได้ไง ผมเลยรู้สึกว่าไม่กังวลกับทักษะโปรดักชันของอเมริกันเลย
กรณี 911 ที่ตึกเวิลด์เทรดระเบิด ตอนประมาณ 6 โมงครึ่งหรือ 7 โมงเช้า มีกล้องรับทุกมุม เหมือนรู้นะ ซึ่งกล้องก็ไม่ใช่แบบบังเอิญที่นักท่องเที่ยวเงยหน้าขึ้นไปแล้วเจอ แต่มันมีกล้องจากตึกฝั่งนั้น กล้องรับจากมุมฝั่งนี้ กล้องรับจากมุมผ่านหลัง รับทุกมุมเลยฉากที่เครื่องบินพุ่งชนตึก แล้วนักวิศวกรรมอเมริกันก็ยืนยันว่า วิถีระเบิดในแต่ละชั้น มันคือวิถีของการระเบิดตึก ซึ่งตึกมันเป็นเหล็กที่แข็งแรงมากนะ ซึ่งปกติในการระเบิดตึกมันจะเป็นแนวระนาบ ในขณะที่เครื่องบินระเบิดตึก มันก็แค่มอดไหม้แค่นั้น มันไม่ใช่การถล่มของตึกไง ซึ่งหลายอย่างมันเหมือนทฤษฎีสมคบคิดไง ถูกเซตอัพในการถ่ายไว้ เพื่อเป็นใบเบิกทางหรือข้ออ้างในการโจมตี ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เจออาวุธในอิรักตามที่เขาอ้างเลย

• คือคุณจะบอกว่า การกระทำของสหรัฐอเมริกา มันเหมือนกับส่งผลทางจิตวิทยา ?
มันก็สุดจะหยั่งถึงนะ คือวิธีคิดมันก็แล้วแต่เขา แต่ผมว่าคงมีปัจจัยหลายอย่างด้วย คงเป็นการข่มขวัญ หรือแบบว่าสูญเสียชื่อเสียงในวันที่รื่นเริงกัน ผมยกตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ เลยนะ วันที่ตึกระเบิดน่ะ เวลาที่ต่างกันกับตะวันออกกลาง แต่พอตึกระเบิดปุ๊บ เค้าไปตัดภาพที่ผู้หญิงมุสลิมคนนึงที่ดีใจในวันอีด ซึ่งเป็นคนละกาลเวลา เอามาตัดใช้กับภาพตึกระเบิด ให้เหมือนกับเขาออกมาตามท้องถนนแล้วดีใจที่ตึกระเบิด ทั้งๆ ที่เวลาตอนเช้าของอเมริกา มันไม่ใช่ช่วงแดดสว่างจ้าของตะวันออกกลาง อะไรแบบนี้
แต่ถ้าหากให้พูดกันจริงๆ นะ คนที่ควบคุมโลก คือ ยิว มีประเทศไหนบ้างที่เลือกตั้งประธานาธิบดีต้องมาหาเสียงนอกประเทศ อเมริกาประเทศเดียวนะ คือถ้าใครจะเป็นผู้นำต้องมาอิสราเอล แล้วยิวก็จะตรวจสอบว่า ถ้าคนนี้ให้สัตยาบันว่าสนับสนุนเขานะ คุณมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นประธานาธิบดี โลกนี้อยู่ในกำมือของยิว ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในตะวันออกกลาง แต่มีบทบาทต่อคนทั้งโลกมากเลย ทุกสาขาอาชีพ ยกตัวอย่าง ผู้กำกับระดับโลก อย่าง จอร์จ ลูคัส หรือ สปีลเบิร์ก ก็ยิว จอร์จ ลูคัส ทำหนังที่ตบหน้าคริสเตียนแต่เขาไม่รู้เรื่องเลยคือ สตาร์ วอร์ส ให้อนาคินสกายวอล์กเกอร์เป็นเด็กที่เกิดมาไม่มีพ่อ เกิดมาจากหญิงพรหมจรรย์ที่ไม่มีพ่อ อย่างเดียวกับพระแม่มารีเลย ซึ่งคนทั่วไปไม่น่าจะเข้าใจได้ คิดดู คนที่เกิดจากพระแม่มารีโดยไม่มีพ่อนะ กำเนิดด้วยคำสั่งใช้ของพระเจ้า และกลายเป็นศาสดาที่มีเกียรติและยิ่งใหญ่ แต่ จอร์จ ลูคัส เล่าเรื่องพลิกเลย ให้เกิดแบบเดียวกัน แล้วเกิดมาให้เป็นคนเลวที่สุดในจักรวาลคือ ดาร์ธเวเดอร์ พวกนี้ไม่ธรรมดานะ นัยที่เขาซ่อนน่ะ ถ้าเราไม่ศึกษาศาสนาหรือปรัชญา ก็จะไม่รู้เลยแต่ละห้วงเวลาหรือแต่ละที่
• จากกรณีข่าวในศาสนาปัจจุบัน ทั้งกรณีไม่ให้สร้างมัสยิดที่น่าน คุณคิดว่า เป็นเพราะการคลั่งศาสนาเกินไปมั้ย
เรื่องของชาวน่านที่เขาประท้วง ซึ่งผมก็ตามข่าว ปรากฏว่ามันเป็นความไม่เข้าใจที่เค้าไล่คนมุสลิมที่น่านให้ไปอยู่ 3 จังหวัดภาคใต้ อย่าสร้างมัสยิดที่นั่น คือคนมุสลิมในประเทศไทยก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนแผ่นดินนี้เช่นเดียวกัน เพราะเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่ปรากฏว่า วัดในเมืองไทยมีเป็นพันเลยนะ ขอพื้นที่เล็กๆ ในมัสยิด ปรากฏว่าไม่ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ไม่ว่า แต่ทำไมต้องไล่ให้ไปอยู่ 3 จังหวัด
สุดท้ายผมพบว่ามันคือความแตกต่างสำคัญมาก ทำไมยุคสมัยหนึ่งถึงห้ามคนผิวสีเรียนในมหาวิทยาลัยเพราะสีผิวคือความแตกต่าง ทำไมอเมริกาต้องฆ่าคนอินเดียนแดง เพราะเขาแต่งตัว การพูดและมีชีวิตที่แตกต่าง เมื่อไหร่ที่มีความแตกต่างขึ้นปุ๊บนะ มันจะถูกมองเป็นความผิดเฉยเลย ในจังหวัดน่าน คนมุสลิมถูกมองว่า คุณเริ่มสร้างความแตกต่าง คุณผิด คุณต้องคิดและใช้ชีวิตเหมือนฉัน สุดท้ายมันก็เจรจาและคลี่คลายไปได้ด้วยดีด้วยการไม่สร้าง แต่สร้างแค่มุมเล็กๆ ก่อนได้ ก็เลยจบไป

• แล้วอย่าง “กรณีธรรมกาย” ล่ะ
ส่วนเรื่องธรรมกาย แน่นอนว่า เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา แก่นแท้ของพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าบอก แต่เขาละเมิดเอง เขาละเมิดไปสู่พุทธเชิงพาณิชย์ เช่นคุณบริจาคเท่านี้ คุณจะได้ไปชั้นนี้ ซึ่งถ้าเปรียบ มันคือการล่มสลายของคริสเตียน วาติกัน อย่างโป๊ปในยุคนั้นบอกว่า ถ้าบริจาค คุณก็จะได้สวรรค์ แล้วไม่ใช่พูดธรรมดานะ มีเอกสารด้วย ว่าคุณได้พื้นที่บนสวรรค์ มันเหมือนว่า ถ้าคุณทำดีกับผม ผมให้พื้นที่บนดาวอังคาร ผมรู้สึกว่า มันไม่ควรเอาศาสนามาค้า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแลกเศษเงินกับสัจธรรมนะ สุดท้ายมันจะล่มสลายเลย คือกลยุทธ์ของธรรมกาย มันแน่นอนสุดท้ายมันน่าจะกัดกินตัวเอง แต่มันมีเชิงลึกนะ มันมีเรื่องของการเมืองด้วย
• ในท่ามกลางปัญหาของศาสนาในปัจจุบัน คุณคิดว่าเราควรจะอยู่กับมันยังไง โดยที่ไม่สิ้นศรัทธา
มันยากนะ เพราะแต่ละคนในแต่ละศาสนา มันก็มีชุดความคิด พื้นฐานการศึกษา และชีวิตที่แตกต่างกัน จนหลอมรวมมาเป็นวันนี้ แต่ในการที่ให้หลายคนไม่สูญสิ้นศรัทธา มันก็ยาก ผมเคยคุยกับหลายๆ คน เลยนะ แบบ คำถามว่าจะศึกษาศาสนาเมื่อไหร่ เขาก็วิเคราะห์เลยนะ ว่า 1. เมื่อธุรกิจล้มเหลว 2. เมื่ออกหัก จริงเช่นกัน ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย พอเจอปุ๊บ ก็ไปบวชเลย 3. เมื่อแก่ แก่จนทำชั่วไม่ไหว ถึงจะศึกษาศาสนา
ส่วนการให้คนมาสนใจศาสนา พูดกันตรงๆ มันยากมากที่เขาจะสนใจ แต่สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อเลย ไม่ว่าใครก็ตาม เขาก็ต้องพึ่งศาสนา ต่อให้คนที่ไม่นับถือพระเจ้านะ ผมกล้าประกันเลย หลายคนที่ไม่นับถือพระเจ้า หรือ ไม่นับถือศาสนาใดเลยก็ตาม สมมติว่า ถ้าเขาเจอพายุกลางทะเลหรือมหาคลื่นกลางทะเล เขาจะเรียกหาพระเจ้า แต่เค้าไม่รู้ชื่อแค่นั้นเอง หรือจะ ‘แบบคุณพ่อช่วยผมด้วยหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สากลโลกช่วยผมด้วย อย่าให้ผมต้องเรืออับปาง’ คือคนที่มันจนตรอกสุดๆ แล้ว มันจะเรียกหาอะไรบางอย่าง อยู่ท่ามกลางทะเลที่เวิ้งว้างเลยนะในคลื่นพายุที่บ้าคลั่ง สุดท้ายเค้าจะเรียกหาพระเจ้า แต่เขาไม่รู้ตัว
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
หากเป็นความหมายที่เพิ่มเติมขึ้นไปอีก ราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้คำนิยามเกี่ยวกับคำว่า “ศาสนา” ที่ว่า 'ลัทธิความเชื่อของมนุษย์อันมีหลัก คือ แสดงกำเนิดและความสิ้นสุดของโลก เป็นต้น อันเป็นไปในฝ่ายปรมัถต์ประการหนึ่ง แสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบุญบาป อันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมทั้งลัทธิพิธีที่กระทำตามความเห็น หรือตามคำสั่งสอนในความเชื่อนั้นๆ'
แต่เมื่อกลับมาสู่ในปัจจุบัน อย่างที่ทราบกันดีว่า “ศาสนา” ได้ถูกแปรเปลี่ยนความเข้าใจออกไป โดยในบางครั้ง อย่างที่ทราบกันดี กลับถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทั้งในเรื่องความรุนแรงในการก่อเหตุต่างๆ โดยอ้างอย่างหน้าตาเฉยเลยว่า 'เพื่อศาสดาของตนเอง' ไม่ว่าจะเป็นศาสนา หรือ ถ้าอย่างใกล้ๆ รอบตัว ก็มีไว้แค่เพื่อบ่งบอกสถานะบนบัตรประชาชนเท่านั้น โดยละเลยไม่ได้ใส่ใจถึง 'แก่นแท้และหลักคำสอนของศาสนาเลย' แม้แต่นิดเดียว
อย่างไรก็ดี ในท่ามกลางปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ภาพยนตร์ไทยเพื่อเทิดพระเกียรติศาสดานบีมูฮัมมัด ของศาสนาอิสลาม เรื่อง อมีน ของ “ฮามีซี อัคคี-รัฐ” ผู้ที่เคยผ่านงานเบื้องหลังมากว่า 10 ปี ที่โดดมากำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากการนำเสนอที่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อให้ถูกหลักตามศาสนาแล้ว สารที่เขาได้ตั้งใจกล่าวผ่านแผ่นฟิล์มนั้น เพื่อจุดประสงค์คือ 'ให้ความเข้าใจในศาสนาอิสลามอย่างถูกต้องและออกสื่อในวงกว้าง' และ 'อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข'
บางที ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย จะได้เข้าใจคำ “ศาสนา” อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง เสียที ???
• เหตุใดที่ทำให้คุณผันตัวจากการทำเบื้องหลังต่างๆ มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแรก และดูเหมือนจะเป็นประเด็นอ่อนไหวด้วย เพราะว่าด้วยเรื่องศาสนา
ครับ ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานอยู่ในแวดวงภาพยนตร์โฆษณาและมิวสิกวิดีโอ ได้รู้จักบุคลากรซึ่งเป็นเพื่อนๆ ร่วมวงการ และได้ประสบการณ์ด้านการกำกับ ซึ่งผมว่าทุกคนมันต้องมียุคสมัยหนึ่งซึ่งต้องการค้นหาความหมายของชีวิต ค้นหาความถนัดนะ และก็เรียนรู้ชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็มาเจอคำถามที่ทำให้ชีวิตต้องสะดุดว่า ในช่วงท้ายที่สุดของชีวิต ในวันที่เราแก่เฒ่า ไม่ว่าใครก็ตาม หากมีหลานมาถามว่า คุณปู่ งานอะไรที่คุณปู่ภูมิใจที่สุดในชีวิต งานอะไรที่ถ้าคุณปู่ตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโหลนหรือหลาน ก็ยังเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วภูมิใจไปด้วย ผมรู้สึกว่า มันไม่ธรรมดานะ ผมนึกแล้วคิดว่า ความภูมิใจที่สุดในชีวิต คือการทำมิวสิกวิดีโอที่มีคนมาเต้นเซ็กซี่แหกขา หรือร้องแบบเส้นเสียงโซปราโนเหรอ มันไม่ใช่ ผมว่ามันควรจะเป็นอะไรสักอย่าง ที่แบบว่า ชีวิตคนเปลี่ยน หรือสังคมเปลี่ยน
จากตรงนั้น ก็เลยเป็นการตั้งคำถามให้กับชีวิตว่า แล้วงานชนิดไหนล่ะที่มันมีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ซึ่งผมคิดว่า การเขียนหรือการพูด มันอาจจะไม่เท่ากับภาพยนตร์ เพราะมันคือศาสตร์ที่หลอมรวมเอาความเป็นงานเขียน งานพูด และงานภาพ เข้ามาไว้ด้วยกัน งานวรรณกรรม ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ทุกอย่างมันหลอมรวมภายในระยะเวลา 90-120 นาที มันก็เป็นสิ่งที่ทรงพลัง
• เหมือนกับว่า มันเป็นความทะเยอทะยานที่จะสร้างผลงานที่คิดว่ามีคุณค่าในความนึกคิดของเรา
ด้วยความภาคภูมิใจในชีวิตที่จะภาคภูมิใจต่อการบอกกับลูกหลาน มันสำคัญนะ มันทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย ท้ายที่สุด เราจะจากโลกนี้ไปให้คนคิดถึงเราว่าอย่างไรล่ะ เราอยากจะเป็นคนที่ถูกลืม หรือจะแบบ...เฮ้ยไอ้คนนี้ไง ที่ทำโฆษณาหรือหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้สังคมมีความเปลี่ยนแปลง มันลดช่องว่างระหว่างความรุนแรงได้ ซึ่งไม่ต้องจำผมก็ได้นะ แต่ขอให้งานผมมันมีความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องรู้จักชื่อผมก็ได้ แต่ผมแค่ภูมิใจที่ได้บอกกับลูกหลานว่า เอาไปให้เพื่อนดูว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้นะ
• คล้ายเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน
อันที่จริง สิ่งที่ผมกำลังพูด ก็คือเรื่องพื้นฐาน คือจิตวิญญาณของสื่อ ผมรู้สึกว่าเราทุกคนคือนักสื่อ ทำหน้าที่ส่งสาร ส่งให้ใคร ส่งให้มวลชน เราถึงได้ถูกเรียกว่านักสื่อสารมวลชน ตลอดชีวิตของเรา หรือตลอดชีวิตนักสื่อสารมวลชน สารที่เราสื่อถึงมวลชนคืออะไร ก็เลยคุยกับคุณเรย์ แมคโดนัลด์ (นักแสดงคนหนึ่งในเรื่อง) ว่าผมมีความเชื่อมั่นว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราต้องทำ มันไม่ใช่แค่ตลก สนุก ผี หรือหักมุม คือมันต้องทำอะไรที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นสิ บวกกับการที่ผมได้ไปเจอกับพี่ต่อ ฟีโนมีน่า (ธนญชัย ศรศรีวิชัย) ซึ่งเขามีมุมมองที่โดดเด่นและชัดเจนว่า งานทุกอย่างที่ทำต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าทำแล้วสังคมไม่เปลี่ยนแปลง อย่าทำ
ในความเห็นของผม ถ้าเราไม่ฉีดภูมิคุ้มกันให้กับผู้รับสาร ผมว่าบทบาทของสื่อมวลชนมีปัญหาแล้ว ทั้งผมหรือทุกคนเลย บางที คนดูชอบดูละครที่แม่ผัวทะเลาะกับภรรยานู่นนี่นั่น แต่บางที การฝืนทำอะไรที่มันไม่ถูกจริตกับคนดู มันเป็นการฝืนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แล้วจำเป็นนะที่จะต้องทำ ผมทำหนังเรื่องนี้ ก็มีคนประกาศเลยนะว่าขอสาบานว่าจะไม่ดูหนังเรื่องนี้แม้แต่ฉากเดียว เพราะมีคนต่อต้าน มีคนไล่ผม บางคนก็เป็นมุสลิมด้วยกันด้วย
• เป็นไปได้มั้ยว่า คนมุสลิมคนนั้นเป็นแบบเคร่งจ๋าเลย
ผมว่า หนังเรื่องนี้ถูกตรวจสอบโดยผู้มีความรู้ทางศาสนาแบบเชิงลึกจากนักวิชาการในเมืองไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วนะ ถ้าเขาอ้างว่าไม่ดูหนังผม แล้วตกกลางคืนยังดูละครแม่ผัวตบกันอยู่ ผมว่าเขาก็ไม่ใช่ไง แต่ผมคิดว่าเขาอ้างแบบนี้ด้วยอคติ เขาบอกว่าเอาคนศาสนิกอื่นมาเล่นได้ยังไง ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่คิดแบบนั้น เพราะแม้แต่เวลาคุณเรียกร้องให้คนต่างศาสนิกเปิดใจให้มุสลิม ตัวคุณหรือตัวพวกเราที่เป็นมุสลิม ก็ต้องเปิดใจก่อน
การได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่น้องต่างศาสนิก บางคนผมยอมรับน้ำใจเขาเลยนะ อย่างเช่น เรย์ แมคโดนัลด์ ความเป็นกัลยาณมิตรที่มีต่อผม สูงและมีค่ามาก เขาพยายามเรียนรู้และวิเคราะห์อิสลาม เพื่อให้เค้าเข้าถึงการแสดง และบางฉากต้องยอมเจ็บตัว ต้องกลิ้งไปตามพื้นดิน เขากลิ้งจนเจ็บน่ะ ทุ่มเทมาก
• รู้สึกอย่างไรที่คนในศาสนาเดียวกันต่อต้าน
ผมว่า ผู้กำกับหนังที่ควรขับไล่นะ ควรจะเป็นคนที่ดูถูกนบี ไม่ควรจะเป็นผม ผู้กำกับที่ควรถูกด่าในเฟซบุ๊กด้วยถ้อยคำที่รุนแรงนะควรจะเป็นคนนั้น ไม่ควรจะเป็นผม และตัวหนังจะพิสูจน์ตัวของมันเอง แต่ ณ วันนี้ ผมก็ต้องยอมรับ แน่นอนว่าการขึ้นมาทำอะไรที่มันเป็นครั้งแรก มันต้องฝ่าฟันหรืออาจจะเจ็บปวดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
• เนื่องจากงานชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา ขั้นตอนการทำงาน มีอุปสรรคหรือความยุ่งยากอย่างไรหรือไม่
ถือว่ามีความซับซ้อนมากครับ แต่ผมสามารถบอกได้เบื้องต้นตรงนี้เลยว่า นี่คือภาพยนตร์เรื่องแรกของโลกที่ถูกตามหลักศาสนาแบบเป๊ะทุกเม็ดเลย ดังนั้น ขั้นตอนการเขียนบทก็ต้องถูกปรับแก้ ถูกรื้อ หลายวาระหลายรอบ บทเสร็จตรวจสอบ สตอรี่บอร์ดเสร็จตรวจสอบ ถูกรื้อถูกแก้ เสร็จปุ๊บออกไปถ่ายทำ ระหว่างถ่ายทำก็มีบอร์ดชารีอะห์เข้าไปตรวจสอบ ตัดต่อเสร็จรอบแรกบอร์ดตรวจสอบ ฝั่งอิสลามตรวจสอบเสร็จปุ๊บ เชิญพี่น้องศาสนิกอื่น เชิญนักวิจารณ์ตรวจสอบ ตรวจหลายรอบ กระบวนการทั้งหมด กินเวลายาวนานถึง 2-3 ปี
• จริงหรือไม่ที่ว่า ภาพยนตร์เรื่อง Innocence of Muslim นั้นคือต้นทางอันหนึ่งซึ่งทำให้เกิดมีหนังอย่าง ‘อมีน’ ขึ้นมา
ใช่ครับ นี่คือเป้าหมายสำคัญเลย เพราะเราคิดว่าน่าจะมีวิธีการตอบโต้แบบสุภาพชน คือศาสนาสอนว่าให้ตอบโต้ด้วยสิ่งที่ดีกว่า ไม่งั้นด่ากันไปมา ก็ดำดิ่ง ไม่มีอะไรดีขึ้น หากเราขุดเอาคำหยาบมาสาดใส่กัน แต่ถ้าเราตอบโต้แบบที่สุภาพกว่า บางทีเขาอาจจะมีสติก็ได้ หนังเรื่องดังกล่าว (Innocence of Muslim) กล่าวหาคนมุสลิมว่าเป็นคนกระหายสงคราม บ้าเซ็กซ์ หรืออะไรที่เขาไม่มีความรู้ ซึ่งจริงๆ อย่างการมีภรรยาหลายคน มันไม่ได้ต้องการจะมีนะ คือไปเช็กได้เลยว่ามี แต่จะเป็นที่คนอายุเยอะแล้ว แล้วเป็นหญิงม่าย บางทีสามีตายในสงครามก็มี หรือมีเพราะลูกเยอะหลายคน แล้วสามีจะได้ช่วยเขา แต่การตีความของหนังเรื่องนั้นมันผิดไปจากหลักคำสอนศาสนาเลย แม้แต่นักแสดงในเรื่องยังฟ้องผู้กำกับเลยว่า ไปพากย์เสียงเพิ่มเติมในสิ่งที่เขาไม่ได้พูด ซึ่งเนื้อหามันหยาบคายรุนแรงและบิดเบือนอย่างสุดโต่งเลย
• ดูรายชื่อนักแสดง ล้วนแล้วก็ตัวเป้งๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เรย์ แมคโดนัลด์, ชุมพร เทพพิทักษ์ ฯลฯ
บางคนออกแค่ฉากสั้นๆ นะ แต่เป็นฉากสั้นๆ ที่มีพลังมาก ทั้งเรื่องวิธีการพูด บางอย่างผมว่ามันเป็นการเตรียมของพระเจ้าน่ะ ผมเชื่ออย่างนั้น คือผมอาจจะกำกับการของแสดงคนได้ แต่ผมไม่มีทางกำกับแสงของฟากฟ้าได้ ให้แสงในช่วงนั้นมันสาดทะลุใบไม้ แล้วมันสวย อย่างฉากตอนที่รถกำลังถอยเข้าไปพอดี ผมกำกับฟ้าหรือเมฆไม่ได้ ผมกำกับอุณหภูมิแสงแบบนั้นไม่ได้ แต่สุดท้ายมันก็มีผู้ที่ยิ่งใหญ่ไง ที่กำกับทุกสิ่งอย่าง
แต่อย่างบทของอาเดียร์ (ชุมพร เทพพิทักษ์) จะถ่ายอยู่แล้ว ผมยังไม่มีคนมาเล่นเลย แล้วมีน้องคนพุทธคนนึงเป็นฝ่ายอาร์ต เขาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขายังหนุ่ม อาเขาเคยทำปืนลั่นใส่พ่อเขา เดี๋ยวผมจะเอาเหตุผลนี้ไปอ้าง แล้วขอให้เขามาช่วยเล่นให้ ปรากฏว่าอาเดียร์แกจำได้จริงๆ เขาก็มาเล่นให้ (หัวเราะเบาๆ) เหมือนกับว่าชำระความผิดนั้น ประมาณนั้นก็ได้ครับ คือผมก็บอกอาท่านว่า ไม่ค่อยมีเงินนะครับ แต่อาเดียร์บอกไม่เป็นไร มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น ก็ได้มาเล่น หรืออย่างวิธีได้เรย์ แมคโดนัลด์ มา ในความเชื่อของผม ผมไม่มีทางรวบรวมคนเหล่านี้ได้ มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้าว่า แต่ละคนเหมาะกับตำแหน่งนี้ กับวันและเวลาในช่วงแบบนี้
อย่างคุณเรย์ ตอนแรกเขาจะไม่เล่นด้วยซ้ำ เพราะเขารู้สึกว่าหนังมันมีความเป็นปรัชญาและศาสนาเกินไปสำหรับเขา แต่เราก็คุยกับโปรดิวเซอร์ว่า ถ้าหนังมันยัดเยียดเกินไป แต่มีหนังบางเรื่องที่ยัดเยียดกว่านี้ อย่างหนังที่มีฉากปล้นธนาคาร คือมันสอนวิธีการปล้นเลย หรือหนังบางเรื่องมีฉากเสพยาเสพติด จบปุ๊บทำได้เลยก็มี หรือมีหลายเรื่องที่มีฉากเซ็กซ์กัน อันนี้ไม่ยัดเยียดเหรอ เรายังมีเด็กมีเยาวชนดูอยู่นะ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่ควรจะเห็นนะ
• คุณรู้สึกสิ้นหวังมั้ย ที่เราอุตส่าห์ทำหนังเรื่องนี้มา 3 ปี แต่ไม่มีใครสนใจเลย
(นิ่งคิด) ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังนะครับ ก็พยายามอยู่ ถ้าสมมติผมสิ้นหวังหรือล้มเหลวนะ ผมจะเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังว่าอย่าสู้เพื่อความถูกต้องนะ อย่าริอาจทำอะไรใหม่ให้สังคมนะ เพราะมีหลายคนที่ทำมาแล้วแต่ล้มเหลว อันนี้น่ากลัวนะ เพราะฉะนั้นผมต้องสู้ต่อ ไม่งั้นผมจะกลายเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังเห็นว่า ทำหนังที่ฝืนจริตคนไทยแล้วไปไม่รอด ฉะนั้น เราก็ต้องสู้ ไม่ใช่แค่รุ่นเรา จากนี้ไป ไม่ว่าเราจะคิดอะไรก็ตาม เราต้องมองไปที่คนรุ่นที่ 10 เลย เราจะคิดอะไรเพื่อคนรุ่นถัดไปไม่พอแล้ว ต้องคิดไปถึงรุ่นที่ 10 เลยว่า เค้าจะอยู่ต่อยังไง ถ้าวันนี้เราไม่สำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
• ในประเด็นหนังที่อ่อนไหว เพราะโยงใยกับเรื่องศาสนา ตั้งเป้าหมายว่าเราอยากจะบอกหรือสื่อสารอะไรผ่านหนังเรื่องนี้
อยากให้คนดูหนังเรื่องนี้ ลดความไม่เข้าใจต่ออิสลาม ผมขอยกตัวอย่างแบบนี้ว่า ในอดีต มันจำเป็นด้วยหรือที่อเมริกาต้องทำแบบนั้นกับอินเดียนแดง มันจำเป็นมั้ยว่าพอไปมีชีวิตที่อเมริกา ใครก็ตามที่เป็นอินเดียนแดงจะต้องถูกขับไล่และฆ่าทิ้งแบบล้างเผ่าพันธุ์ ชาติพันธุ์คุณบรรพบุรุษคุณบัญญัติคำว่าผู้ก่อการร้ายครั้งแรก แล้วเอาไปใช้กับอินเดียนแดง อเมริกาเรียกพวกเขาชาวอินเดียนแดงซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เป็นเจ้าของที่ดินด้วยคำแบบนั้น มันเคยมีสารคดีชิ้นหนึ่งนะ ที่ชาวอินเดียนแดงพูดว่า ทำไมเราแบ่งกันอยู่ไม่ได้เหรอ ต้องเอาทั้งหมดเลยเหรอ มันเจ็บนะคำนี้
ในทำนองเดียวกัน ผมรู้สึกว่า การที่เรียกมุสลิมว่าผู้ก่อการร้าย ซึ่งไม่ต่างจากการเรียกอินเดียนแดงเลยนะ คุณเรียกแล้วคุณก็ขโมยน้ำมันเขาไป คุณก็ย่ำยีลูกสาวเขา ผู้หญิงในประเทศเขา ผมก็รู้สึกว่าเราต้องการให้ดูและให้รู้ข้อเท็จจริงบางอย่าง และจากนี้ไปมันจะเชื่อมรอยต่อของความขัดแย้ง แล้วก็อยู่กันอย่างสันติได้
• ไหนๆ ก็พูดไปถึงเรื่องการก่อการร้าย ในฐานะมุสลิมคนหนึ่ง คุณมองเรื่องราวนี้อย่างไรบ้าง
มันต้องมองที่หลักคำสอนนะ ศาสนาอิสลามบอกว่าห้ามฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าความรุนแรงหรือการก่อความรุนแรง มันก็ต้องดูว่ามันเกิดจากการตีความของลัทธิหรือกลุ่มไหน ถ้าเขาอ้างว่าศาสดา อันนี้เคลียร์ง่ายชัดเจนเลย ไปดูซิ คำสอนของศาสดาว่ามีมั้ยสักบท สักโองการหรือประโยคหนึ่งหรือเปล่า ที่สอนให้ทำแบบนั้น ปรากฏว่าไม่มี เช็กได้ ตรวจสอบได้ งั้นแสดงว่าคุณคิดเอง มันไม่ยาก
แต่มันก็มีวิธีแบบจนตรอกนะ โดยที่คำสอนศาสนาไม่มีก็ตาม เช่นสมมติว่า ผมจนตรอก ผมโดนอเมริกันคุกคามแบบชาวอิรัก ถูกข่มขืน ไม่เหลือบ้าน ถูกคุมคามระเบิดรถถัง อะไรหลายอย่าง แล้วทั้งชีวิตผมเหลือคนเดียว ไม่มีอาวุธ ไม่มีอะไร ไม่รู้จะแก้ไขยังไง ผมก็ติดระเบิดที่ตัวเอง แล้วก็เข้าไปที่ทหาร คือมันเหมือนจนตรอกอ่ะ พอไม่มีหนทางก็ไม่รู้จะทำไง ทำไงที่จะสู้กับอเมริกาที่มีขีปนาวุธได้ ก็ต้องระเบิดพลีชีพ คุณทำลายทุกสิ่งอย่าง ผมก็แลกกันกับคุณ ซึ่งมันไม่ใช่หลักการศาสนานะ แต่มันคือขีดสุดของความเป็นมนุษย์แล้ว เพราะฉันไม่รู้จะสู้ยังไง การที่นักข่าวคนหนึ่งเขวี้ยงรองเท้าใส่จอร์จ บุช ก็เพราะมันจนตรอก ผมไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับคุณแล้ว แต่สุดท้าย คนพวกนี้ก็ถูกมองว่า พวกบ้า พวกคลั่ง พวกหัวรุนแรง แต่ก่อนที่จะตราหน้าเขา ดูหรือยังว่ามีมูลเหตุมาจากอะไร เพราะเขาสูญเสียอย่างรุนแรงหรือเปล่า
• คือเหมือนกับเรายังไม่เข้าอกเข้าใจกันอย่างดีพอ?
ใช่ครับ และนอกจากพื้นที่สื่อแล้ว พื้นที่ในการศึกษาก็ยังน้อยมาก อันนี้ไม่ใช่แค่ที่บ้านเรานะครับ พี่แทน (ฐิติ พุ่มอ่อน หนึ่งในนักแสดงหนังเรื่อง 'อมีน') เล่าให้ผมฟังว่า มิเชล โอบามา (ภรรยาของบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา) จะไปจับมือกับกษัตริย์ของประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่พระองค์แค่ยิ้มให้และจับมือกับแค่บารัค ซึ่งนั่นหมายถึงการที่กษัตริย์กำลังให้เกียรติแบบมุสลิม มุสลิมทุกคนไม่สัมผัสหรือจับมือสตรีอื่น เว้นแต่เขาจะเป็นภรรยา แม่ หรือญาติพี่น้องเรา แต่เว้นจากผู้หญิงคนอื่นที่เขากำลังประสบเหตุ อันนี้เราต้องช่วยเขา แต่ถ้าใครยื่นมือมาจับ เราจะให้เกียรติเขาด้วยการไม่จับมือ แต่แค่ยิ้มเพื่อเป็นการเคารพ
คือเราลองนึกถึงตอนเรามีภรรยาที่น่ารักหรือสวยดู แล้วก็มีใครต่อใครไม่รู้มาจับมือภรรยาเราได้หมด บางประเทศถึงขั้นจับแล้วก็จูบด้วยนะ ผมว่าการให้เกียรติของมุสลิมมันเลอค่ามากเลย เพราะเขาเห็นว่าผู้หญิงทุกคนเปรียบเป็นเหมือนเจ้าหญิง ทุกคนจะอยู่ในบ้านด้วยความมีเกียรติ เรายกย่อง เราให้เกียรติ อะไรแบบนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า มุสลิมเป็นศาสนาที่ไปบังคับให้ผู้หญิงต้องคลุมผมหรือแต่งตัวมิดชิด แต่ถ้าเราไปถามผู้หญิงที่เขามีความรู้จริงๆ เขาจะตอบเลย นี่คือความภูมิใจของเขา เขาไม่ต้องวิ่งตามแฟชั่น
จริงๆ ผู้หญิงเหนื่อยนะที่ต้องใช้ลิปสติกใช้เสื้อผ้าให้ทันตามกระแสน่ะ ซึ่งแต่ละปีจะมีเทรนด์ออกมาเลยว่า ปีนี้ต้องใส่รองเท้าส้นสูงขนาดไหน กระโปรงสั้นแค่ไหน หรือเสื้อสีอะไร ลิปสติกสีอะไร ถึงจะอยู่ในเทรนด์ ไม่อย่างงั้น เขาจะบอกว่าปีนี้สีนี้เอาต์ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเห็นว่ามันเป็นการช่วยคุ้มครองผู้หญิงให้พ้นจากลัทธิทุนนิยมที่แบบว่ากัดจิกเราอย่างรุนแรงด้วย แต่คนส่วนหนึ่งก็ยังมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
• ความเข้าใจผิดของคนไทยต่อมุสลิม ที่โดนบ่อยที่สุดคือ
คนในเมืองไทยส่วนใหญ่ชอบคิดว่าคนที่โพกผ้าเป็นมุสลิมหมด ซึ่งจริงคนที่โพกผ้าจะเป็นคนที่นับถือศาสนาซิกซ์ที่คอยเก็บดอกเบี้ย และด้วยความไม่รู้ มันก็จะมีคำที่ว่า ถ้าเจอแขกกับงูให้ตีแขกก่อน เพราะแขกจะเป็นพวกกระหายดอกเบี้ย เป็นพวกหิวเงิน ซึ่งไม่ใช่มุสลิมนะ มีอาจารย์ที่เป็นไทยพุทธคนหนึ่งที่จุฬาฯ เขาบอกว่า ถ้าคุณไปเรียกจิกมุสลิมว่าแขก เหมือนที่เรียกคนจีนว่าเจ๊กน่ะ เขาบอกเลยว่า เลิกนิสัยเรียกคนแบบจิกกัดได้มั้ย ถ้าคุณเรียกมุสลิมว่าแขก คุณก็ต้องเรียกพระพุทธเจ้าว่าแขกด้วย เพราะพระพุทธเจ้านี่คือแขกเลย ไปดูรูปได้เลย คือหน้าของท่านนี่แขกมากเลย คือท่านเกิดในเนปาล แล้วเผยแพร่ในอินเดีย คือเขาพูดดีมากเลย มันเป็นมุมมองที่ผมก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
• สรุปโดยรวมคือ คนทั่วไปยังไม่เข้าใจศาสนาอิสลามมากพอ
ก็ด้วย ซึ่งมันมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกันด้วย อย่าง 3 จังหวัดภาคใต้ ที่มีช่วงหนึ่งที่มีปัญหามาก เค้าก็เลยบอกว่า งั้นเอาพระพุทธรูปไปไว้ทุกโรงเรียน เพื่อจะได้มีศาสนาและจริยธรรมบ้าง และก็เพิ่มพระพุทธศาสนา คือมันเหมือนกับทหารเข้าไปในมัสยิดน่ะครับ คุณจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่อย่างน้อยคุยกันสักหน่อยได้มั้ย แบบ ขอโทษจริงๆ แต่มีคนบอกว่าที่นี่มีระเบิด ซึ่งเราไม่มีความสามารถที่จะค้นหา ผมว่าใครก็ต้องยอม เพื่อให้สังคมและหมู่บ้านปลอดภัย แต่วิธีที่คุณทำมันสะท้อนให้เห็นเลยว่า คุณไม่เข้าใจอิสลามมากๆ เลย และยิ่งในอิรักนี่หนักเลย กลางคืนเค้าต้องขุดหลุมแล้วเอาผู้หญิงไว้ใต้บ้าน เพราะมันจะดูเลยว่า ทหารอเมริกันดูว่าบ้านไหนสวยแล้วบุกเลย แล้วโดนกันมาแล้ว จนเป็นที่รู้กันเลยว่า ลูกสาวต้องเก็บไว้ใต้ดิน ความโหดเหี้ยมในการคุกคามทรัพยากรในอิรักหรือตะวันออกกลาง มันก็คือที่มาในโลกภาพยนตร์ที่ว่า ทำไมถึงต้องเป็นคนเลวในการผูกขาดของหนังฮอลลีวูด
ผมไม่ค่อยแปลกใจเรื่องไอเอสนะ ไม่ค่อยกังวลเรื่องโปรดักชันที่แบบสวยกริบเลย เพราะตั้งแต่วันที่อเมริกาเหยียบดวงจันทร์จนถึงวันนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าไปจริงรึเปล่า ขนาดการถ่ายทำนอกโลกเค้ายังเซตได้เลย แล้วทำไมในโลกมันจะทำให้เนียนไม่ได้ ธงอเมริกันที่ปลิวแต่เค้ายังยืนยันว่าไม่มีลมอ่ะนะ ทำไมเรามองตาเปล่าเราเห็นดาวเต็มไปหมดเลย แต่ทำไมแบ็กกราวนด์ในการเหยียบดวงจันทร์ครั้งนี้ มันไม่มีดาวแม้แต่ดวงเดียว เป็นไปได้ไง ผมเลยรู้สึกว่าไม่กังวลกับทักษะโปรดักชันของอเมริกันเลย
กรณี 911 ที่ตึกเวิลด์เทรดระเบิด ตอนประมาณ 6 โมงครึ่งหรือ 7 โมงเช้า มีกล้องรับทุกมุม เหมือนรู้นะ ซึ่งกล้องก็ไม่ใช่แบบบังเอิญที่นักท่องเที่ยวเงยหน้าขึ้นไปแล้วเจอ แต่มันมีกล้องจากตึกฝั่งนั้น กล้องรับจากมุมฝั่งนี้ กล้องรับจากมุมผ่านหลัง รับทุกมุมเลยฉากที่เครื่องบินพุ่งชนตึก แล้วนักวิศวกรรมอเมริกันก็ยืนยันว่า วิถีระเบิดในแต่ละชั้น มันคือวิถีของการระเบิดตึก ซึ่งตึกมันเป็นเหล็กที่แข็งแรงมากนะ ซึ่งปกติในการระเบิดตึกมันจะเป็นแนวระนาบ ในขณะที่เครื่องบินระเบิดตึก มันก็แค่มอดไหม้แค่นั้น มันไม่ใช่การถล่มของตึกไง ซึ่งหลายอย่างมันเหมือนทฤษฎีสมคบคิดไง ถูกเซตอัพในการถ่ายไว้ เพื่อเป็นใบเบิกทางหรือข้ออ้างในการโจมตี ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เจออาวุธในอิรักตามที่เขาอ้างเลย
• คือคุณจะบอกว่า การกระทำของสหรัฐอเมริกา มันเหมือนกับส่งผลทางจิตวิทยา ?
มันก็สุดจะหยั่งถึงนะ คือวิธีคิดมันก็แล้วแต่เขา แต่ผมว่าคงมีปัจจัยหลายอย่างด้วย คงเป็นการข่มขวัญ หรือแบบว่าสูญเสียชื่อเสียงในวันที่รื่นเริงกัน ผมยกตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ เลยนะ วันที่ตึกระเบิดน่ะ เวลาที่ต่างกันกับตะวันออกกลาง แต่พอตึกระเบิดปุ๊บ เค้าไปตัดภาพที่ผู้หญิงมุสลิมคนนึงที่ดีใจในวันอีด ซึ่งเป็นคนละกาลเวลา เอามาตัดใช้กับภาพตึกระเบิด ให้เหมือนกับเขาออกมาตามท้องถนนแล้วดีใจที่ตึกระเบิด ทั้งๆ ที่เวลาตอนเช้าของอเมริกา มันไม่ใช่ช่วงแดดสว่างจ้าของตะวันออกกลาง อะไรแบบนี้
แต่ถ้าหากให้พูดกันจริงๆ นะ คนที่ควบคุมโลก คือ ยิว มีประเทศไหนบ้างที่เลือกตั้งประธานาธิบดีต้องมาหาเสียงนอกประเทศ อเมริกาประเทศเดียวนะ คือถ้าใครจะเป็นผู้นำต้องมาอิสราเอล แล้วยิวก็จะตรวจสอบว่า ถ้าคนนี้ให้สัตยาบันว่าสนับสนุนเขานะ คุณมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นประธานาธิบดี โลกนี้อยู่ในกำมือของยิว ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในตะวันออกกลาง แต่มีบทบาทต่อคนทั้งโลกมากเลย ทุกสาขาอาชีพ ยกตัวอย่าง ผู้กำกับระดับโลก อย่าง จอร์จ ลูคัส หรือ สปีลเบิร์ก ก็ยิว จอร์จ ลูคัส ทำหนังที่ตบหน้าคริสเตียนแต่เขาไม่รู้เรื่องเลยคือ สตาร์ วอร์ส ให้อนาคินสกายวอล์กเกอร์เป็นเด็กที่เกิดมาไม่มีพ่อ เกิดมาจากหญิงพรหมจรรย์ที่ไม่มีพ่อ อย่างเดียวกับพระแม่มารีเลย ซึ่งคนทั่วไปไม่น่าจะเข้าใจได้ คิดดู คนที่เกิดจากพระแม่มารีโดยไม่มีพ่อนะ กำเนิดด้วยคำสั่งใช้ของพระเจ้า และกลายเป็นศาสดาที่มีเกียรติและยิ่งใหญ่ แต่ จอร์จ ลูคัส เล่าเรื่องพลิกเลย ให้เกิดแบบเดียวกัน แล้วเกิดมาให้เป็นคนเลวที่สุดในจักรวาลคือ ดาร์ธเวเดอร์ พวกนี้ไม่ธรรมดานะ นัยที่เขาซ่อนน่ะ ถ้าเราไม่ศึกษาศาสนาหรือปรัชญา ก็จะไม่รู้เลยแต่ละห้วงเวลาหรือแต่ละที่
• จากกรณีข่าวในศาสนาปัจจุบัน ทั้งกรณีไม่ให้สร้างมัสยิดที่น่าน คุณคิดว่า เป็นเพราะการคลั่งศาสนาเกินไปมั้ย
เรื่องของชาวน่านที่เขาประท้วง ซึ่งผมก็ตามข่าว ปรากฏว่ามันเป็นความไม่เข้าใจที่เค้าไล่คนมุสลิมที่น่านให้ไปอยู่ 3 จังหวัดภาคใต้ อย่าสร้างมัสยิดที่นั่น คือคนมุสลิมในประเทศไทยก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนแผ่นดินนี้เช่นเดียวกัน เพราะเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่ปรากฏว่า วัดในเมืองไทยมีเป็นพันเลยนะ ขอพื้นที่เล็กๆ ในมัสยิด ปรากฏว่าไม่ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ไม่ว่า แต่ทำไมต้องไล่ให้ไปอยู่ 3 จังหวัด
สุดท้ายผมพบว่ามันคือความแตกต่างสำคัญมาก ทำไมยุคสมัยหนึ่งถึงห้ามคนผิวสีเรียนในมหาวิทยาลัยเพราะสีผิวคือความแตกต่าง ทำไมอเมริกาต้องฆ่าคนอินเดียนแดง เพราะเขาแต่งตัว การพูดและมีชีวิตที่แตกต่าง เมื่อไหร่ที่มีความแตกต่างขึ้นปุ๊บนะ มันจะถูกมองเป็นความผิดเฉยเลย ในจังหวัดน่าน คนมุสลิมถูกมองว่า คุณเริ่มสร้างความแตกต่าง คุณผิด คุณต้องคิดและใช้ชีวิตเหมือนฉัน สุดท้ายมันก็เจรจาและคลี่คลายไปได้ด้วยดีด้วยการไม่สร้าง แต่สร้างแค่มุมเล็กๆ ก่อนได้ ก็เลยจบไป
• แล้วอย่าง “กรณีธรรมกาย” ล่ะ
ส่วนเรื่องธรรมกาย แน่นอนว่า เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา แก่นแท้ของพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าบอก แต่เขาละเมิดเอง เขาละเมิดไปสู่พุทธเชิงพาณิชย์ เช่นคุณบริจาคเท่านี้ คุณจะได้ไปชั้นนี้ ซึ่งถ้าเปรียบ มันคือการล่มสลายของคริสเตียน วาติกัน อย่างโป๊ปในยุคนั้นบอกว่า ถ้าบริจาค คุณก็จะได้สวรรค์ แล้วไม่ใช่พูดธรรมดานะ มีเอกสารด้วย ว่าคุณได้พื้นที่บนสวรรค์ มันเหมือนว่า ถ้าคุณทำดีกับผม ผมให้พื้นที่บนดาวอังคาร ผมรู้สึกว่า มันไม่ควรเอาศาสนามาค้า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแลกเศษเงินกับสัจธรรมนะ สุดท้ายมันจะล่มสลายเลย คือกลยุทธ์ของธรรมกาย มันแน่นอนสุดท้ายมันน่าจะกัดกินตัวเอง แต่มันมีเชิงลึกนะ มันมีเรื่องของการเมืองด้วย
• ในท่ามกลางปัญหาของศาสนาในปัจจุบัน คุณคิดว่าเราควรจะอยู่กับมันยังไง โดยที่ไม่สิ้นศรัทธา
มันยากนะ เพราะแต่ละคนในแต่ละศาสนา มันก็มีชุดความคิด พื้นฐานการศึกษา และชีวิตที่แตกต่างกัน จนหลอมรวมมาเป็นวันนี้ แต่ในการที่ให้หลายคนไม่สูญสิ้นศรัทธา มันก็ยาก ผมเคยคุยกับหลายๆ คน เลยนะ แบบ คำถามว่าจะศึกษาศาสนาเมื่อไหร่ เขาก็วิเคราะห์เลยนะ ว่า 1. เมื่อธุรกิจล้มเหลว 2. เมื่ออกหัก จริงเช่นกัน ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย พอเจอปุ๊บ ก็ไปบวชเลย 3. เมื่อแก่ แก่จนทำชั่วไม่ไหว ถึงจะศึกษาศาสนา
ส่วนการให้คนมาสนใจศาสนา พูดกันตรงๆ มันยากมากที่เขาจะสนใจ แต่สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อเลย ไม่ว่าใครก็ตาม เขาก็ต้องพึ่งศาสนา ต่อให้คนที่ไม่นับถือพระเจ้านะ ผมกล้าประกันเลย หลายคนที่ไม่นับถือพระเจ้า หรือ ไม่นับถือศาสนาใดเลยก็ตาม สมมติว่า ถ้าเขาเจอพายุกลางทะเลหรือมหาคลื่นกลางทะเล เขาจะเรียกหาพระเจ้า แต่เค้าไม่รู้ชื่อแค่นั้นเอง หรือจะ ‘แบบคุณพ่อช่วยผมด้วยหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สากลโลกช่วยผมด้วย อย่าให้ผมต้องเรืออับปาง’ คือคนที่มันจนตรอกสุดๆ แล้ว มันจะเรียกหาอะไรบางอย่าง อยู่ท่ามกลางทะเลที่เวิ้งว้างเลยนะในคลื่นพายุที่บ้าคลั่ง สุดท้ายเค้าจะเรียกหาพระเจ้า แต่เขาไม่รู้ตัว
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร