...ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้
...อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้
...จิรักหรือจิหลอก
...สาเหตุแท้จริง ที่ทำผู้หญิงเสียใจ
...รักได้ครั้งละคน เชื่อใจได้คนละครั้ง
ไปจนกระทั่ง “แฟนเก็บ”
และอีกหลากหลายบทเพลงฮิต คงบ่งบอกถึงชื่อชั้นและความดังของศิลปินสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี...“ตั๊กแตน ชลดา” ซูเปอร์สตาร์แสงจ้าอีกดวงหนึ่งแห่งวงการเพลงลูกทุ่งไทย
กว่าสิบปีที่ผ่าน นอกจากความสามารถด้านการร้องเพลงซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วสำหรับคอลูกทุ่งไทย ตอนนี้เขาลือกันว่า ตั๊กแตน ชลดา สวยขึ้น น่ารักขึ้น ทำเอาแฟนคลับตื่นตาตื่นใจ
...ในช่วงเวลาไม่นานนักก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต นักร้องสาวลูกทุ่งเปิดโอกาสให้เราเข้าไปหา พร้อมเปิดใจสนทนาในหลากหลายเรื่องราว ทั้งงานเพลงชุดใหม่ การทำงานที่ผ่านมา ความรัก ความฝันในอนาคต
และเสียงลือเสียงเล่าอ้างในความสวยความงามของเธอ...
มาไกลในหน้าตา
เมื่อสาวบ้านนาขอมุ้งมิ้ง
“ทุกวันนี้เขาลือกันว่า ตั๊กแตน ชลดา เดินทางมาไกลมากในเรื่องความสวย” เราออกสตาร์ทบทสนทนาแบบเข้าหาคำถามหลักที่ชักนำให้เรามาเจอ เพราะช่วงหลังมานี้ ใครๆ ก็ว่าเธอน่ารักขึ้น สวยขึ้นเป็นกอง กระทั่งหนุ่มหลายคนเมียงและอาจเผลอร้อง “ขอจองในใจ”
“เดินทางมาไกลจริงๆ ค่ะ” หนึ่งในซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่งอันดับต้นๆ ของประเทศ แย้มยิ้มกับคำกล่าวทักของเราก่อนตอบ
“แต่ถ้าพูดถึงความสวยนี่ ก็ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย เพราะหนูศัลยกรรมมาชัวร์ ล้านเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ” เราไม่ได้อึ้งกับคำตอบของเธอนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมในความเปิดเผยตรงไปตรงมา นี่อาจเป็นบุคลิกของสาวบ้านนาที่จริงใจใสซื่อ เหมือนกับเนื้อหาในบทเพลงของเธอหลายต่อหลายเพลงที่คลี่ความรู้สึกออกมาให้เห็น
“แต่ศัลยกรรมมานานแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่อัลบัมที่สอง “ถนนค้นฝัน” โน่นนน...” นักร้องสาวโยนเสียงยาว ก่อนกล่าวต่อ... “ซึ่งนานมากแล้ว หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ทำอะไรอีกเลย แล้วที่มีการพูดกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่าเอ๊ย ไปศัลยกรรมมาจากเกาหลีเหรอ อันนี้เรียนตามตรงเลยค่ะว่าไม่ได้ไปทำอะไรเพิ่มจริงๆ และถ้าหนูจะทำจริงๆ หนูไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีหรอกค่ะ ทำที่เมืองไทยนี่ล่ะ” น้ำเสียงพูดจาจะแจ้งฉะฉาน ประสานตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
“และที่หลายคนบอกว่า เอ๊ย เราดูสวยขึ้น ดูใหม่ขึ้น จริงๆ แล้วไม่มีอะไร เราก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผม เปลี่ยนการแต่งตัว เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีของการแต่งหน้ามีมากมาย ทั้งคอนแทกต์เลนส์ แว่นตา มีช่างแต่งหน้าฝีมือดีมาช่วยแต่งให้เรา และเพราะเราอยู่ในวงการนาน เราแต่งตัวเป็นมากขึ้น ก็เลยอาจจะทำให้คนมองว่า เอ๊ย เราดูดีขึ้น เราไปศัลยกรรมอะไรมาเพิ่มหรือเปล่า”
“มีคนแอนตี้ไหมกับสิ่งที่เราทำ” เราส่งคำถามให้แก่เธอ เพราะไม่น้อยครั้ง ที่ต้องพบเจอกับแฟนคลับหลากหลายรูปแบบและความคิด
“ก็มีทั้งชอบและไม่ชอบ” หญิงสาวตอบอย่างรวดเร็ว “แต่แอนตี้ไม่มีค่ะ มีแค่มาแสดงความคิดเห็นว่าชอบไม่ชอบ ที่ชอบก็เยอะ อย่างบางคนนี่บอกว่า คุณพี่ขา หนูกราบแทบเท้าล่ะค่ะ อย่าปล่อยผมยาวนะคะ หนูชอบพี่ในลุคผมสั้นมาก ประทับใจมาก หนูขอร้องพี่ พี่อย่าปล่อยผมยาวเลยนะ” สาวเจ้าหัวเราะร่า หลังจากกล่าวจบ
“แล้วส่วนที่ไม่ชอบนี่มายังไงบ้าง” เราซักต่อ
“คนที่ไม่ชอบก็จะมี อย่างเช่นว่า ตั๊กแตนไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่ตั๊กแตนคนเดิม อันนี้ขอยืนยันเลยค่ะว่า ตั๊กแตนคนเดิม นิสัยก็นิสัยเดิม คือเราพยายามอธิบายให้ฟัง อันนี้ต้องแยกแยะนิดนึง ระหว่างคำว่าอธิบายกับเถียงหรือตอบโต้ ไม่เหมือนกัน ซึ่งสำหรับเรา ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอธิบายมากกว่า ก็บอกว่าเราไม่ได้ไปทำใหม่นะ ก็แค่เปลี่ยนทรงผม คือจริงๆ แล้ว คนเรามันอยู่แค่ลุค แค่ใส่คอนแทกต์เลนส์เข้าไป หน้าก็เปลี่ยนแล้ว และที่เราทำแบบนี้ เช่น ตัดผมสั้น ใส่คอนแทกเลนส์บ้าง เราก็ไม่ได้อะไร ตั๊กแตนแค่รู้สึกว่า ไม่อยากให้มันจำเจ เราไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากจำเจเท่านั้นเอง
“แต่ไม่ว่ายังไง ตั๊กแตนก็ยังรู้สึกขอบคุณทุกคนนะคะที่แสดงความคิดเห็นมา ไม่เคยรู้สึกน้อยใจเลย และรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่แฟนเพลงถามถึงกันมา ยังนึกถึงตั๊กแตนอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม นั่นหมายความว่าเขายังติดตามเรา เขายังรักเรา และบอกได้เลยว่า แฟนๆ ที่ยังจดจำตั๊กแตนได้ ก็มาจากเรื่องผลงาน คนรู้จักตั๊กแตนก็เพราะผลงานทั้งนั้น คนไม่ได้จดจำเราเพราะว่าเราสวยหยดย้อยขนาดไหน” นักร้องสาวผู้แจ้งเกิดจากบทเพลง “หนาวแสงนีออน” ยิ้มอ่อนโยน
นางงามในใจตัวเอง
อย่างที่เราท่านได้รับรู้กันอยู่เรื่อยๆ อีกทั้งสื่อก็มีการเล่นประเด็นนี้กันอย่างไม่ขาดสาย กรณีหน้าตาที่เปลี่ยนไปเพราะศัลยกรรมของนักร้องลูกทุ่ง ซึ่งไม่ใช่มีแค่เพียงเจ้าของเสียงเพลง “อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้” หากแต่ยังมีอีกหลากหลายนามที่ผ่านการศัลยกรรมมาเหมือนกัน
“สำหรับตั๊กแตนมองว่า ถ้าคนที่สวยอยู่แล้ว ไม่อยากให้เขาไปทำตามนะคะ” นักร้องสาวกล่าวถึงค่านิยมคนยุคใหม่ ไม่เว้นคนในเมืองหรือต่างจังหวัด
“แต่เหตุผลที่ตั๊กแตนไปทำ เพราะตั๊กแตนรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่สวยมาตั้งแต่แรก มันก็เหมือนเราแต่งหน้า ถ้าคิ้วไม่เท่ากัน เราจะเขียนคิ้วให้ไม่เท่ากันเหมือนเดิมไหม เราก็ต้องพยายามเขียนคิ้วตัวเองให้เท่ากัน ใช่ไหมคะ เราก็ต้องซ่อมแซม”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีความรักความชอบในเรื่องความสวยความงามเหมือนกับหญิงสาวธรรมดาทั่วไป แต่สาวนักร้องลูกทุ่ง ยังคงยืนยันว่าทำอะไรแต่ละอย่างก็ต้องคิดให้ดีก่อน
“เราต้องมานั่งคิดนั่งคำนึงว่า สิ่งที่เราทำ มันผิดมากมั้ย มันทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า มันเกินไปหรือเปล่า มันผิดศีลธรรม ผิดวัฒนธรรมไหม ซึ่งหนูคิดว่าสิ่งที่หนูทำ ไม่ได้เดือดร้อนใคร ไม่ได้ผิดประเพณี ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หนูมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ หนูก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง อยากเห็นพัฒนาการของตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เหมือนผู้หญิงทุกคนที่อยากสวย หรือจะมีใครปฏิเสธบ้างไหมคะว่าคุณไม่อยากสวย หรือไม่อยากหล่อ หน้าตาดี
“แต่พูดแบบนี้ไม่ได้จะบอกว่านักร้องต้องหน้าตาดีนะ สำหรับตั๊กแตนแล้วไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยค่ะ จริงๆ ในวงการก็มีหลายคนนะคะที่คุณภาพไม่ได้มาจากเรื่องหน้าตา อย่างตั๊กแตนนี่ ถ้าบอกว่ามาจากภาพลักษณ์หรือหน้าตา ก็แย้งเลยเหมือนกันค่ะ เพราะแฟนๆ ให้การต้อนรับตั๊กแตนตั้งแต่ตั๊กแตนยังขี้ริ้วขี้เหร่ตอนออกอัลบัมชุดแรกโน่นแล้ว”
“มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม หลังจากเราสวยขึ้น” เราถาม เพราะเชื่อว่าหญิงสาวเมื่อสวยขึ้น ย่อมมีความแตกต่าง
“หนูว่าเป็นเรื่องของความมั่นใจค่ะ บางทีเวลาเราไปเจอกับใคร หรือพูดคุยกับใคร ถ้าเราสวยขึ้น เราก็จะรู้สึกมั่นใจเหมือนกันนะ อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ คนอื่นเราไม่รู้ แต่เราแต่งตัวดูดีในแบบฉบับของเรา เราอาจจะไม่ได้สวยหยดย้อย แต่เราก็เป็นนางงามในใจของเราเอง
“คือเราต้องดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิวพรรณ เสื้อผ้าหน้าผม ไม่ให้คนอื่นเขารังเกียจได้ ตัวเราก็ต้องสะอาดสะอ้าน ถ้าเข้างานสังคม แต่งได้ก็ดีเหมือนกัน และควรจะรู้ว่างานไหนเราควรแต่งหน้าหรือไม่ควรแต่ง อย่างเข้าวัด ถ้าไปแต่งปากสีแดงแจ๊ด มันก็ดูไม่เหมาะ อะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ”
ต่อให้เป็นแฟน
ก็ทำแทนไม่ได้
จากเรื่องความสวยความงาม เราขยับข้ามไปเรื่องผลงานเพลง...ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีบนเส้นทางสายนี้ ตั๊กแตน ชลดา มีผลงานมาแล้วนับสิบอัลบัม และในเร็ววันนี้ เธอกำลังจะมีอัลบัมชุดใหม่ หลังจากฝากอัลบัมหลังสุด ชุด “นาทีเดียวเพื่อรัก ทั้งชีวิตเพื่อลืม” ไว้เมื่อปี 2556
“ดีใจนะคะที่มีโอกาสได้ทำงานในวงการนี้” นักร้องสาวกล่าวย้อนความรู้สึกนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
“คิดว่าเราเป็นหนึ่งในล้านที่ได้โอกาสดีๆ ต้องขอบคุณผู้ที่ให้โอกาสดีๆ แก่เรามาโดยตลอด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับดีๆ จากแฟนๆ รู้สึกขอบคุณกำไรชีวิตตรงนี้ที่คงหาจากที่อื่นไมได้อีกแล้ว มันหาที่เปรียบไม่ได้ สำหรับกำลังใจที่แฟนๆ ได้มอบให้ค่ะ”
เสียงขับร้องและเนื้อหาของบทเพลงที่กินใจ นั้นคือเสน่ห์ตรึงใจและทำให้แฟนคลับติดตามอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่รับรู้กันอยู่แล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งซึ่งศิลปินลูกทุ่งมองว่าเป็นแรงส่งให้เธอมาได้ไกลถึงจุดนี้ เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเองด้วยส่วนหนึ่ง
“หนูว่าน่าจะเป็นเพราะความติดดินของหนูมั้งคะ” เธอยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อไป “หนูทำตัวเป็นคนติดดินมาโดยตลอด เรื่องเสื้อผ้า หนูก็ยังใส่ 199 เสื้อผ้าตามตลาดนัด เราก็ยังใส่เหมือนเดิม ไม่ได้แบบว่าต้องแบรนด์เนมหรือยี่ห้อดังๆ เท่านั้น และอาหารการกินก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเข้าภัตตาคาร โดยเฉพาะตอนออกทัวร์คอนเสิร์ต ก็จะกินอาหารที่ร้านริมทางตลอด และเวลาไปทัวร์กับแฟนเพลง เราก็เป็นกันเองกับแฟนเพลง ใครมาขอถ่ายรูปด้วยเราก็ไม่ปฏิเสธ ให้เวลากับแฟนเพลงค่อนข้างเยอะมาก”
และอาจเป็นเพราะความเป็นกันเองแบบนี้ ซึ่งกลายเป็นที่มาของประสบการณ์ที่เธอจำไม่รู้ลืม...ครั้งหนึ่ง...
“การอยู่ในวงการนี้ สิ่งที่เราได้พบอยู่ทุกวัน คือการได้เจอะเจอผู้คนไม่ซ้ำหน้า แล้วบางคนก็แบบว่า มาพร้อมกับความคิดแปลกๆ ต่างรูปแบบกันไป เคยเจอแฟนคลับผู้ชายคนหนึ่ง มาถึงปุ๊บ โผเข้ามากอดเลย เราก็อึ๊ยยย...” หญิงสาวหัวเราะร่วน ทำหน้าตาแบบ...อธิบายไม่ได้
“คือเราตั้งตัวไม่ทัน จู่โจม กอดและหอมแก้มเราเลยตกใจมาก แต่เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดชังอะไรนะคะ แค่ตกใจอย่างเดียว พี่ๆ คนดูแลเขาก็ช่วยเราอยู่แล้ว แต่จริงๆ ก็มาดึงตัวไม่ทัน”
ตั๊กแตน ชลดา หัวเราะร่าให้ความหลังครั้งนั้น ก่อนพูดถึงประสบการณ์ที่เธอบอกว่าเป็นเกียรติประวัติแห่งชีวิตในฐานะศิลปินนักร้องคนหนึ่ง
“คงเป็นตอนที่ทำยอดขายได้เกินหนึ่งล้านตลับ จากงานเพลงชุด “ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้” หลังจากนั้นก็ได้เกินล้านดาวน์โหลด จากเพลง “อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้” นี่คือสิ่งที่ประทับใจมากค่ะ รู้สึกว่าตั๊กแตนจะเป็นนักร้องคนสุดท้ายของแกรมมี่เลยมั้งที่มียอดขายได้เกินล้านตลับ หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะว่ามันสู่ยุคเทปผีซีดีเถื่อน และเน้นขายบนออนไลน์เป็นหลัก”
กระนั้นก็ดี ไม่ว่าแวดวงดนตรีจะถูกผีสูบเลือดสูบเนื้ออย่างไร แต่ในฐานะมืออาชีพ ก็จะยังคงทำงานไม่หยุดนิ่ง สาวลูกทุ่งแย้มพรายว่าไม่ช้าไม่นานนี้ อัลบัมชุดที่ 8 จะออกมาทักทายแฟนเพลงอีกแน่นอน
...“การร้องเพลงค่ะ” ลูกทุ่งสาวตอบเสียงจริงจัง เมื่อฟังคำถามถึงสิ่งสำคัญของการเป็นศิลปินนักร้องที่ไม่มีใครสามารถทำแทนใครได้
“เราต้องร้องเพลงเอง ไม่สามารถจะมีตั๊กแตนคนอื่นมาแทนตั๊กแตนคนนี้ได้ ตั๊กแตนคือตัวตนของเราจริงๆ อันนี้เป็นเรื่องเดียวที่ไม่มีใครสามารถทำแทนเราได้จริงๆ ค่ะ”
ความรักของตั๊กแตน
กับ “บองแตน” ตัวแทนของคนทุ่ง
นอกจากเรื่องความสวย นอกจากเรื่องการศัลย์ ที่ผ่านหูผ่านตาสำหรับคนที่ท่องเว็บ อีกภาพหนึ่งซึ่งหลายคนคงจะเห็นเช่นกัน คือภาพของหญิงสาวซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่ง ในเคียงคู่กับชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“ตอนนี้หัวใจก็เป็นสีชมพูค่ะ (หัวเราะ) ยังเรื่อยๆ ความรักความคิดถึงมันก็ยังเดินทางของมันอยู่ ไปเรื่อยๆ แบบนั้นน่ะค่ะ” หญิงสาวเล่าบอก พร้อมอธิบายถึงชายเจ้าของภาพ
“ยังอยู่ในช่วงของการคบกัน ดูใจกันอยู่ค่ะ แต่ถ้าตกลงว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ อันนั้นคือใช่แน่นอน ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เราเรียนรู้กันและกัน และในพาร์ตที่เกี่ยวกับหัวใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนหรอกค่ะที่ดูแลหนู เพราะเพื่อนหนู ทีมงานหนู เขาดูแลใจหนูอยู่แล้ว ทุกคนเต็มที่อยู่แล้วค่ะ”
มีความรัก ก็มีความฝัน...เรื่องอนาคต เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนคิด ชีวิตมีวันนี้ วันวาน และวันข้างหน้า สำหรับตั๊กแตน ชลดา ก็มีแผนคร่าวๆ ในใจเหมือนกัน และบางส่วนก็ได้เริ่มกรุยทางไว้แล้ว
“ความฝันของหนู คือ ทำ-มา-หา-กิน-อา-ชีพ-ที่-สุจริต-ที่สุด (เน้นคำและเสียง) แล้วก็สามารถดูแลครอบครัว ดูแลตัวเองได้ โดยไม่ให้ตัวเองลำบากมากเกินไป ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าทำงานงกๆๆ แล้วก็ตายไป ไม่ได้ใช้เงิน
“หนูว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องรู้จักหาความสุขนะคะ ความสุขก็อย่างเช่น กินอาหารอะไรอร่อยๆ บ้าง หรือไม่เคยได้กิน โอ๊ย หาเงินมา กินมั่งเหอะ อะไรที่เขาบอกกันว่าอร่อยแล้วยังไม่ได้กิน เราก็กินมั่ง กิน เที่ยว ดูแลคนที่เรารัก พี่น้องที่เขายังลำบากก็ช่วยเหลือเจือจุนกันไป แฟนเพลงที่เขาให้กำลังใจเรามาดีๆ เราก็ต้องตอบแทนเขาบ้าง มีงานเพื่อสังคมบ้าง คือมันต้องแบ่งเวลาให้เป็น”
ว่างเว้นจากการทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งมีแทบไม่เว้นแต่ละวัน จากเมืองหลวงถึงต่างจังหวัด ทั่วทุกภูมิภาค แต่ถึงอย่างนั้น มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ ต้องรีบสละให้ปลาร้าสับ!
“ที่จริง ถ้าพูดถึงธุรกิจ ก็มีร่วมทำอสังหาริมทรัพย์กับน้องๆ เพื่อนๆ ที่เขาทำอยู่แล้ว ตั๊กแตนก็ไปเสริมเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ ค่ะ เรากำลังอยู่ในช่วงการเรียนรู้มากกว่า ไม่ถึงขั้นไปนั่งบริหาร ค่อยๆ เรียนรู้ไป แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มีขาย “บองแตน” ค่ะ”
บองแตน เป็นชื่อยี่ห้อของธุรกิจในครัวเรือนเล็กๆ ที่เธอทำเพราะความรักความชอบในกลิ่นและรสของปลาร้า อันเป็นอาหารเมนูโปรดมาแต่เด็ก
“ก็มีน้ำพริกปลาร้าสับทรงเครื่อง และน้ำพริกตาแดงกุ้งสับค่ะ แต่ก็ไม่ได้เปิดเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรนะ เป็นแค่อุตสาหกรรมในครัวเรือนเล็กๆ ทำขำๆ ว่างๆ เราก็ทำ เพราะตัวเองเป็นคนที่ชอบทานปลาร้ามาก ขาดไม่ได้เลย ก็เลยทำบองแตนขึ้นมา เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง”
“ไม่คิดจะขายอาหารเก๋ๆ อย่างอาหารฝรั่งบ้างหรือ” เรากระแซะแหย่เย้า
“โอ๊ะ คงไม่เหมาะกับหนังหน้าหนูมั้งคะ” นักร้องสาวหัวเราะร่วน
“คืออาหารฝรั่ง ให้หนูชิม หนูก็พอใจแล้วค่ะ แต่ว่าถ้าให้ทำเอง อาหารฝรั่งก็จะกลายเป็นอาหารอีสานนะคะ (หัวเราะอีกครั้ง) หนูอาจจะทำเป็นเบอร์เกอร์หน้าบองแตนก็ได้” นักร้องสาวไล่เสียงหัวเราะตามหลัง มุกตลกของเธอทำเอาทีมงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ฮาครืน
สำหรับคนที่ชิดใกล้ จะรู้ว่าอารมณ์ขันเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของสาวคนนี้
สำหรับคนหน้าเวที นอกเหนือจากเสียงร้องที่ไพเราะน่าฟัง จะได้สัมผัสกับความสามารถของเธอในการเอนเตอร์เทนผู้ชมด้วยมุกตลกล้ออำให้ได้ขำเฮฮา
และสำหรับธุรกิจ ชีวิตก็ยังคงผูกติดกับรากเหง้าตัวตน
วันวานเป็นเช่นใด ตอนไม่มีชื่อเสียงเป็นคนแบบไหน วันนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากนั้น
“ตัวตนของหนูเป็นลูกทุ่งและติดดินมากๆ ถึงแม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเป็นยุคดิจิตอล ขายเพลงบนอากาศกันแล้ว หนูก็ยังอยู่กับชีวิตที่ติดดินเหมือนเดิม หนูก็ยังไปเย้วๆๆ กับคนลูกทุ่ง ยังไปงานวัดงานวาเหมือนเดิม ไม่ได้จะรับแค่งานผับ งานเลานจ์ หรืองานโรงแรม ทุกวันนี้ส่วนใหญ่งานคอนเสิร์ตก็ยังเป็นงานวัดอยู่นะจ๊ะ (หัวเราะ) ตัวหนูไม่เคยลืมลูกทุ่งค่ะ”
สัมภาษณ์ : วรัญญา งามขำ
เรียบเรียง : อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
...อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้
...จิรักหรือจิหลอก
...สาเหตุแท้จริง ที่ทำผู้หญิงเสียใจ
...รักได้ครั้งละคน เชื่อใจได้คนละครั้ง
ไปจนกระทั่ง “แฟนเก็บ”
และอีกหลากหลายบทเพลงฮิต คงบ่งบอกถึงชื่อชั้นและความดังของศิลปินสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี...“ตั๊กแตน ชลดา” ซูเปอร์สตาร์แสงจ้าอีกดวงหนึ่งแห่งวงการเพลงลูกทุ่งไทย
กว่าสิบปีที่ผ่าน นอกจากความสามารถด้านการร้องเพลงซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วสำหรับคอลูกทุ่งไทย ตอนนี้เขาลือกันว่า ตั๊กแตน ชลดา สวยขึ้น น่ารักขึ้น ทำเอาแฟนคลับตื่นตาตื่นใจ
...ในช่วงเวลาไม่นานนักก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต นักร้องสาวลูกทุ่งเปิดโอกาสให้เราเข้าไปหา พร้อมเปิดใจสนทนาในหลากหลายเรื่องราว ทั้งงานเพลงชุดใหม่ การทำงานที่ผ่านมา ความรัก ความฝันในอนาคต
และเสียงลือเสียงเล่าอ้างในความสวยความงามของเธอ...
มาไกลในหน้าตา
เมื่อสาวบ้านนาขอมุ้งมิ้ง
“ทุกวันนี้เขาลือกันว่า ตั๊กแตน ชลดา เดินทางมาไกลมากในเรื่องความสวย” เราออกสตาร์ทบทสนทนาแบบเข้าหาคำถามหลักที่ชักนำให้เรามาเจอ เพราะช่วงหลังมานี้ ใครๆ ก็ว่าเธอน่ารักขึ้น สวยขึ้นเป็นกอง กระทั่งหนุ่มหลายคนเมียงและอาจเผลอร้อง “ขอจองในใจ”
“เดินทางมาไกลจริงๆ ค่ะ” หนึ่งในซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่งอันดับต้นๆ ของประเทศ แย้มยิ้มกับคำกล่าวทักของเราก่อนตอบ
“แต่ถ้าพูดถึงความสวยนี่ ก็ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย เพราะหนูศัลยกรรมมาชัวร์ ล้านเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ” เราไม่ได้อึ้งกับคำตอบของเธอนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมในความเปิดเผยตรงไปตรงมา นี่อาจเป็นบุคลิกของสาวบ้านนาที่จริงใจใสซื่อ เหมือนกับเนื้อหาในบทเพลงของเธอหลายต่อหลายเพลงที่คลี่ความรู้สึกออกมาให้เห็น
“แต่ศัลยกรรมมานานแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่อัลบัมที่สอง “ถนนค้นฝัน” โน่นนน...” นักร้องสาวโยนเสียงยาว ก่อนกล่าวต่อ... “ซึ่งนานมากแล้ว หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ทำอะไรอีกเลย แล้วที่มีการพูดกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่าเอ๊ย ไปศัลยกรรมมาจากเกาหลีเหรอ อันนี้เรียนตามตรงเลยค่ะว่าไม่ได้ไปทำอะไรเพิ่มจริงๆ และถ้าหนูจะทำจริงๆ หนูไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีหรอกค่ะ ทำที่เมืองไทยนี่ล่ะ” น้ำเสียงพูดจาจะแจ้งฉะฉาน ประสานตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
“และที่หลายคนบอกว่า เอ๊ย เราดูสวยขึ้น ดูใหม่ขึ้น จริงๆ แล้วไม่มีอะไร เราก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผม เปลี่ยนการแต่งตัว เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีของการแต่งหน้ามีมากมาย ทั้งคอนแทกต์เลนส์ แว่นตา มีช่างแต่งหน้าฝีมือดีมาช่วยแต่งให้เรา และเพราะเราอยู่ในวงการนาน เราแต่งตัวเป็นมากขึ้น ก็เลยอาจจะทำให้คนมองว่า เอ๊ย เราดูดีขึ้น เราไปศัลยกรรมอะไรมาเพิ่มหรือเปล่า”
“มีคนแอนตี้ไหมกับสิ่งที่เราทำ” เราส่งคำถามให้แก่เธอ เพราะไม่น้อยครั้ง ที่ต้องพบเจอกับแฟนคลับหลากหลายรูปแบบและความคิด
“ก็มีทั้งชอบและไม่ชอบ” หญิงสาวตอบอย่างรวดเร็ว “แต่แอนตี้ไม่มีค่ะ มีแค่มาแสดงความคิดเห็นว่าชอบไม่ชอบ ที่ชอบก็เยอะ อย่างบางคนนี่บอกว่า คุณพี่ขา หนูกราบแทบเท้าล่ะค่ะ อย่าปล่อยผมยาวนะคะ หนูชอบพี่ในลุคผมสั้นมาก ประทับใจมาก หนูขอร้องพี่ พี่อย่าปล่อยผมยาวเลยนะ” สาวเจ้าหัวเราะร่า หลังจากกล่าวจบ
“แล้วส่วนที่ไม่ชอบนี่มายังไงบ้าง” เราซักต่อ
“คนที่ไม่ชอบก็จะมี อย่างเช่นว่า ตั๊กแตนไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่ตั๊กแตนคนเดิม อันนี้ขอยืนยันเลยค่ะว่า ตั๊กแตนคนเดิม นิสัยก็นิสัยเดิม คือเราพยายามอธิบายให้ฟัง อันนี้ต้องแยกแยะนิดนึง ระหว่างคำว่าอธิบายกับเถียงหรือตอบโต้ ไม่เหมือนกัน ซึ่งสำหรับเรา ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอธิบายมากกว่า ก็บอกว่าเราไม่ได้ไปทำใหม่นะ ก็แค่เปลี่ยนทรงผม คือจริงๆ แล้ว คนเรามันอยู่แค่ลุค แค่ใส่คอนแทกต์เลนส์เข้าไป หน้าก็เปลี่ยนแล้ว และที่เราทำแบบนี้ เช่น ตัดผมสั้น ใส่คอนแทกเลนส์บ้าง เราก็ไม่ได้อะไร ตั๊กแตนแค่รู้สึกว่า ไม่อยากให้มันจำเจ เราไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากจำเจเท่านั้นเอง
“แต่ไม่ว่ายังไง ตั๊กแตนก็ยังรู้สึกขอบคุณทุกคนนะคะที่แสดงความคิดเห็นมา ไม่เคยรู้สึกน้อยใจเลย และรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่แฟนเพลงถามถึงกันมา ยังนึกถึงตั๊กแตนอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม นั่นหมายความว่าเขายังติดตามเรา เขายังรักเรา และบอกได้เลยว่า แฟนๆ ที่ยังจดจำตั๊กแตนได้ ก็มาจากเรื่องผลงาน คนรู้จักตั๊กแตนก็เพราะผลงานทั้งนั้น คนไม่ได้จดจำเราเพราะว่าเราสวยหยดย้อยขนาดไหน” นักร้องสาวผู้แจ้งเกิดจากบทเพลง “หนาวแสงนีออน” ยิ้มอ่อนโยน
นางงามในใจตัวเอง
อย่างที่เราท่านได้รับรู้กันอยู่เรื่อยๆ อีกทั้งสื่อก็มีการเล่นประเด็นนี้กันอย่างไม่ขาดสาย กรณีหน้าตาที่เปลี่ยนไปเพราะศัลยกรรมของนักร้องลูกทุ่ง ซึ่งไม่ใช่มีแค่เพียงเจ้าของเสียงเพลง “อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้” หากแต่ยังมีอีกหลากหลายนามที่ผ่านการศัลยกรรมมาเหมือนกัน
“สำหรับตั๊กแตนมองว่า ถ้าคนที่สวยอยู่แล้ว ไม่อยากให้เขาไปทำตามนะคะ” นักร้องสาวกล่าวถึงค่านิยมคนยุคใหม่ ไม่เว้นคนในเมืองหรือต่างจังหวัด
“แต่เหตุผลที่ตั๊กแตนไปทำ เพราะตั๊กแตนรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่สวยมาตั้งแต่แรก มันก็เหมือนเราแต่งหน้า ถ้าคิ้วไม่เท่ากัน เราจะเขียนคิ้วให้ไม่เท่ากันเหมือนเดิมไหม เราก็ต้องพยายามเขียนคิ้วตัวเองให้เท่ากัน ใช่ไหมคะ เราก็ต้องซ่อมแซม”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีความรักความชอบในเรื่องความสวยความงามเหมือนกับหญิงสาวธรรมดาทั่วไป แต่สาวนักร้องลูกทุ่ง ยังคงยืนยันว่าทำอะไรแต่ละอย่างก็ต้องคิดให้ดีก่อน
“เราต้องมานั่งคิดนั่งคำนึงว่า สิ่งที่เราทำ มันผิดมากมั้ย มันทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า มันเกินไปหรือเปล่า มันผิดศีลธรรม ผิดวัฒนธรรมไหม ซึ่งหนูคิดว่าสิ่งที่หนูทำ ไม่ได้เดือดร้อนใคร ไม่ได้ผิดประเพณี ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หนูมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ หนูก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง อยากเห็นพัฒนาการของตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เหมือนผู้หญิงทุกคนที่อยากสวย หรือจะมีใครปฏิเสธบ้างไหมคะว่าคุณไม่อยากสวย หรือไม่อยากหล่อ หน้าตาดี
“แต่พูดแบบนี้ไม่ได้จะบอกว่านักร้องต้องหน้าตาดีนะ สำหรับตั๊กแตนแล้วไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยค่ะ จริงๆ ในวงการก็มีหลายคนนะคะที่คุณภาพไม่ได้มาจากเรื่องหน้าตา อย่างตั๊กแตนนี่ ถ้าบอกว่ามาจากภาพลักษณ์หรือหน้าตา ก็แย้งเลยเหมือนกันค่ะ เพราะแฟนๆ ให้การต้อนรับตั๊กแตนตั้งแต่ตั๊กแตนยังขี้ริ้วขี้เหร่ตอนออกอัลบัมชุดแรกโน่นแล้ว”
“มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม หลังจากเราสวยขึ้น” เราถาม เพราะเชื่อว่าหญิงสาวเมื่อสวยขึ้น ย่อมมีความแตกต่าง
“หนูว่าเป็นเรื่องของความมั่นใจค่ะ บางทีเวลาเราไปเจอกับใคร หรือพูดคุยกับใคร ถ้าเราสวยขึ้น เราก็จะรู้สึกมั่นใจเหมือนกันนะ อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ คนอื่นเราไม่รู้ แต่เราแต่งตัวดูดีในแบบฉบับของเรา เราอาจจะไม่ได้สวยหยดย้อย แต่เราก็เป็นนางงามในใจของเราเอง
“คือเราต้องดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิวพรรณ เสื้อผ้าหน้าผม ไม่ให้คนอื่นเขารังเกียจได้ ตัวเราก็ต้องสะอาดสะอ้าน ถ้าเข้างานสังคม แต่งได้ก็ดีเหมือนกัน และควรจะรู้ว่างานไหนเราควรแต่งหน้าหรือไม่ควรแต่ง อย่างเข้าวัด ถ้าไปแต่งปากสีแดงแจ๊ด มันก็ดูไม่เหมาะ อะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ”
ต่อให้เป็นแฟน
ก็ทำแทนไม่ได้
จากเรื่องความสวยความงาม เราขยับข้ามไปเรื่องผลงานเพลง...ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีบนเส้นทางสายนี้ ตั๊กแตน ชลดา มีผลงานมาแล้วนับสิบอัลบัม และในเร็ววันนี้ เธอกำลังจะมีอัลบัมชุดใหม่ หลังจากฝากอัลบัมหลังสุด ชุด “นาทีเดียวเพื่อรัก ทั้งชีวิตเพื่อลืม” ไว้เมื่อปี 2556
“ดีใจนะคะที่มีโอกาสได้ทำงานในวงการนี้” นักร้องสาวกล่าวย้อนความรู้สึกนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
“คิดว่าเราเป็นหนึ่งในล้านที่ได้โอกาสดีๆ ต้องขอบคุณผู้ที่ให้โอกาสดีๆ แก่เรามาโดยตลอด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับดีๆ จากแฟนๆ รู้สึกขอบคุณกำไรชีวิตตรงนี้ที่คงหาจากที่อื่นไมได้อีกแล้ว มันหาที่เปรียบไม่ได้ สำหรับกำลังใจที่แฟนๆ ได้มอบให้ค่ะ”
เสียงขับร้องและเนื้อหาของบทเพลงที่กินใจ นั้นคือเสน่ห์ตรึงใจและทำให้แฟนคลับติดตามอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่รับรู้กันอยู่แล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งซึ่งศิลปินลูกทุ่งมองว่าเป็นแรงส่งให้เธอมาได้ไกลถึงจุดนี้ เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเองด้วยส่วนหนึ่ง
“หนูว่าน่าจะเป็นเพราะความติดดินของหนูมั้งคะ” เธอยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อไป “หนูทำตัวเป็นคนติดดินมาโดยตลอด เรื่องเสื้อผ้า หนูก็ยังใส่ 199 เสื้อผ้าตามตลาดนัด เราก็ยังใส่เหมือนเดิม ไม่ได้แบบว่าต้องแบรนด์เนมหรือยี่ห้อดังๆ เท่านั้น และอาหารการกินก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเข้าภัตตาคาร โดยเฉพาะตอนออกทัวร์คอนเสิร์ต ก็จะกินอาหารที่ร้านริมทางตลอด และเวลาไปทัวร์กับแฟนเพลง เราก็เป็นกันเองกับแฟนเพลง ใครมาขอถ่ายรูปด้วยเราก็ไม่ปฏิเสธ ให้เวลากับแฟนเพลงค่อนข้างเยอะมาก”
และอาจเป็นเพราะความเป็นกันเองแบบนี้ ซึ่งกลายเป็นที่มาของประสบการณ์ที่เธอจำไม่รู้ลืม...ครั้งหนึ่ง...
“การอยู่ในวงการนี้ สิ่งที่เราได้พบอยู่ทุกวัน คือการได้เจอะเจอผู้คนไม่ซ้ำหน้า แล้วบางคนก็แบบว่า มาพร้อมกับความคิดแปลกๆ ต่างรูปแบบกันไป เคยเจอแฟนคลับผู้ชายคนหนึ่ง มาถึงปุ๊บ โผเข้ามากอดเลย เราก็อึ๊ยยย...” หญิงสาวหัวเราะร่วน ทำหน้าตาแบบ...อธิบายไม่ได้
“คือเราตั้งตัวไม่ทัน จู่โจม กอดและหอมแก้มเราเลยตกใจมาก แต่เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดชังอะไรนะคะ แค่ตกใจอย่างเดียว พี่ๆ คนดูแลเขาก็ช่วยเราอยู่แล้ว แต่จริงๆ ก็มาดึงตัวไม่ทัน”
ตั๊กแตน ชลดา หัวเราะร่าให้ความหลังครั้งนั้น ก่อนพูดถึงประสบการณ์ที่เธอบอกว่าเป็นเกียรติประวัติแห่งชีวิตในฐานะศิลปินนักร้องคนหนึ่ง
“คงเป็นตอนที่ทำยอดขายได้เกินหนึ่งล้านตลับ จากงานเพลงชุด “ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้” หลังจากนั้นก็ได้เกินล้านดาวน์โหลด จากเพลง “อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้” นี่คือสิ่งที่ประทับใจมากค่ะ รู้สึกว่าตั๊กแตนจะเป็นนักร้องคนสุดท้ายของแกรมมี่เลยมั้งที่มียอดขายได้เกินล้านตลับ หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะว่ามันสู่ยุคเทปผีซีดีเถื่อน และเน้นขายบนออนไลน์เป็นหลัก”
กระนั้นก็ดี ไม่ว่าแวดวงดนตรีจะถูกผีสูบเลือดสูบเนื้ออย่างไร แต่ในฐานะมืออาชีพ ก็จะยังคงทำงานไม่หยุดนิ่ง สาวลูกทุ่งแย้มพรายว่าไม่ช้าไม่นานนี้ อัลบัมชุดที่ 8 จะออกมาทักทายแฟนเพลงอีกแน่นอน
...“การร้องเพลงค่ะ” ลูกทุ่งสาวตอบเสียงจริงจัง เมื่อฟังคำถามถึงสิ่งสำคัญของการเป็นศิลปินนักร้องที่ไม่มีใครสามารถทำแทนใครได้
“เราต้องร้องเพลงเอง ไม่สามารถจะมีตั๊กแตนคนอื่นมาแทนตั๊กแตนคนนี้ได้ ตั๊กแตนคือตัวตนของเราจริงๆ อันนี้เป็นเรื่องเดียวที่ไม่มีใครสามารถทำแทนเราได้จริงๆ ค่ะ”
ความรักของตั๊กแตน
กับ “บองแตน” ตัวแทนของคนทุ่ง
นอกจากเรื่องความสวย นอกจากเรื่องการศัลย์ ที่ผ่านหูผ่านตาสำหรับคนที่ท่องเว็บ อีกภาพหนึ่งซึ่งหลายคนคงจะเห็นเช่นกัน คือภาพของหญิงสาวซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่ง ในเคียงคู่กับชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“ตอนนี้หัวใจก็เป็นสีชมพูค่ะ (หัวเราะ) ยังเรื่อยๆ ความรักความคิดถึงมันก็ยังเดินทางของมันอยู่ ไปเรื่อยๆ แบบนั้นน่ะค่ะ” หญิงสาวเล่าบอก พร้อมอธิบายถึงชายเจ้าของภาพ
“ยังอยู่ในช่วงของการคบกัน ดูใจกันอยู่ค่ะ แต่ถ้าตกลงว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ อันนั้นคือใช่แน่นอน ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เราเรียนรู้กันและกัน และในพาร์ตที่เกี่ยวกับหัวใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนหรอกค่ะที่ดูแลหนู เพราะเพื่อนหนู ทีมงานหนู เขาดูแลใจหนูอยู่แล้ว ทุกคนเต็มที่อยู่แล้วค่ะ”
มีความรัก ก็มีความฝัน...เรื่องอนาคต เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนคิด ชีวิตมีวันนี้ วันวาน และวันข้างหน้า สำหรับตั๊กแตน ชลดา ก็มีแผนคร่าวๆ ในใจเหมือนกัน และบางส่วนก็ได้เริ่มกรุยทางไว้แล้ว
“ความฝันของหนู คือ ทำ-มา-หา-กิน-อา-ชีพ-ที่-สุจริต-ที่สุด (เน้นคำและเสียง) แล้วก็สามารถดูแลครอบครัว ดูแลตัวเองได้ โดยไม่ให้ตัวเองลำบากมากเกินไป ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าทำงานงกๆๆ แล้วก็ตายไป ไม่ได้ใช้เงิน
“หนูว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องรู้จักหาความสุขนะคะ ความสุขก็อย่างเช่น กินอาหารอะไรอร่อยๆ บ้าง หรือไม่เคยได้กิน โอ๊ย หาเงินมา กินมั่งเหอะ อะไรที่เขาบอกกันว่าอร่อยแล้วยังไม่ได้กิน เราก็กินมั่ง กิน เที่ยว ดูแลคนที่เรารัก พี่น้องที่เขายังลำบากก็ช่วยเหลือเจือจุนกันไป แฟนเพลงที่เขาให้กำลังใจเรามาดีๆ เราก็ต้องตอบแทนเขาบ้าง มีงานเพื่อสังคมบ้าง คือมันต้องแบ่งเวลาให้เป็น”
ว่างเว้นจากการทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งมีแทบไม่เว้นแต่ละวัน จากเมืองหลวงถึงต่างจังหวัด ทั่วทุกภูมิภาค แต่ถึงอย่างนั้น มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ ต้องรีบสละให้ปลาร้าสับ!
“ที่จริง ถ้าพูดถึงธุรกิจ ก็มีร่วมทำอสังหาริมทรัพย์กับน้องๆ เพื่อนๆ ที่เขาทำอยู่แล้ว ตั๊กแตนก็ไปเสริมเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ ค่ะ เรากำลังอยู่ในช่วงการเรียนรู้มากกว่า ไม่ถึงขั้นไปนั่งบริหาร ค่อยๆ เรียนรู้ไป แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มีขาย “บองแตน” ค่ะ”
บองแตน เป็นชื่อยี่ห้อของธุรกิจในครัวเรือนเล็กๆ ที่เธอทำเพราะความรักความชอบในกลิ่นและรสของปลาร้า อันเป็นอาหารเมนูโปรดมาแต่เด็ก
“ก็มีน้ำพริกปลาร้าสับทรงเครื่อง และน้ำพริกตาแดงกุ้งสับค่ะ แต่ก็ไม่ได้เปิดเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรนะ เป็นแค่อุตสาหกรรมในครัวเรือนเล็กๆ ทำขำๆ ว่างๆ เราก็ทำ เพราะตัวเองเป็นคนที่ชอบทานปลาร้ามาก ขาดไม่ได้เลย ก็เลยทำบองแตนขึ้นมา เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง”
“ไม่คิดจะขายอาหารเก๋ๆ อย่างอาหารฝรั่งบ้างหรือ” เรากระแซะแหย่เย้า
“โอ๊ะ คงไม่เหมาะกับหนังหน้าหนูมั้งคะ” นักร้องสาวหัวเราะร่วน
“คืออาหารฝรั่ง ให้หนูชิม หนูก็พอใจแล้วค่ะ แต่ว่าถ้าให้ทำเอง อาหารฝรั่งก็จะกลายเป็นอาหารอีสานนะคะ (หัวเราะอีกครั้ง) หนูอาจจะทำเป็นเบอร์เกอร์หน้าบองแตนก็ได้” นักร้องสาวไล่เสียงหัวเราะตามหลัง มุกตลกของเธอทำเอาทีมงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ฮาครืน
สำหรับคนที่ชิดใกล้ จะรู้ว่าอารมณ์ขันเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของสาวคนนี้
สำหรับคนหน้าเวที นอกเหนือจากเสียงร้องที่ไพเราะน่าฟัง จะได้สัมผัสกับความสามารถของเธอในการเอนเตอร์เทนผู้ชมด้วยมุกตลกล้ออำให้ได้ขำเฮฮา
และสำหรับธุรกิจ ชีวิตก็ยังคงผูกติดกับรากเหง้าตัวตน
วันวานเป็นเช่นใด ตอนไม่มีชื่อเสียงเป็นคนแบบไหน วันนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากนั้น
“ตัวตนของหนูเป็นลูกทุ่งและติดดินมากๆ ถึงแม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเป็นยุคดิจิตอล ขายเพลงบนอากาศกันแล้ว หนูก็ยังอยู่กับชีวิตที่ติดดินเหมือนเดิม หนูก็ยังไปเย้วๆๆ กับคนลูกทุ่ง ยังไปงานวัดงานวาเหมือนเดิม ไม่ได้จะรับแค่งานผับ งานเลานจ์ หรืองานโรงแรม ทุกวันนี้ส่วนใหญ่งานคอนเสิร์ตก็ยังเป็นงานวัดอยู่นะจ๊ะ (หัวเราะ) ตัวหนูไม่เคยลืมลูกทุ่งค่ะ”
สัมภาษณ์ : วรัญญา งามขำ
เรียบเรียง : อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
ภาพ : พลภัทร วรรณดี