กทม. เจรจาผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพง ขอคืนพื้นที่ทางเท้าเพื่อคืนความสุข ความปลอดภัยให้ประชาชนที่ใช้เส้นทาง ทั้งนี้ จะอนุญาตให้ขายได้จนถึงสิ้นเดือน ก.ย. นี้ ก่อนห้ามขายเด็ดขาดช่วงกลางวัน และผ่อนผันขายกลางคืน
วันนี้ (21 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่โรงเรียนวัดหัวลำโพง นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.สำนักเทศกิจ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัวแทนจาก คสช. ร่วมทำการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจนโยบายจัดระเบียบผู้ค้าบริเวณหน้าวัดหัวลำโพง เขตบางรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้มีผู้ค้าได้ร้องเรียน นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภา กทม. ส.ก.เขตบางรัก ว่า มีพฤติกรรมเรียกรับเงินเก็บค่าส่วยแม่ค้าบริเวณดังกล่าว
นายวัลลภ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณหน้าวัดหัวลำโพง กทม. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มผู้ค้าได้ตั้งวางแผงค้ากีดขวางการสัญจรบนทางเท้าและผิวการจราจร กทม. จึงต้องดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่จุดผ่อนผันให้สามารถตั้งวางแผงค้าได้ โดย กทม. จะขอความร่วมมือกลุ่มผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพงจำนวน 37 ราย ห้ามตั้งวางขายสินค้าใดๆ บนทางเท้าในช่วงกลางวันโดยเด็ดขาด โดยผู้ค้าจะสามารถขายสินค้าได้ในช่วงกลางคืนตั้งแต่เวลา 19.00 - 24.00 น. เท่านั้น
โดย กทม. จะทำการจัดระเบียบแผงค้าช่วงกลางคืนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งนี้ กทม. จะกำหนดให้ผู้ค้าขายสินค้าในช่วงกลางวันได้จนถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ เท่านั้น และหลังจากนั้น จะต้องตั้งวางขายสินค้าในช่วงกลางคืนเพียงช่วงเวลาเดียวโดยหากครบกำหนดแล้วยังมีผู้ค้าฝ่าฝืนตั้งแผงค้าในช่วงกลางวัน กทม. ก็จะเข้าดำเนินการตามกฎหมายทันที นอกจากนี้ กทม. ยังมีแนวทางการเยียวยา ซึ่งจะจัดพื้นรองรับอื่นๆ ให้แก่ผู้ค้า อาทิ ตลาดเทวราช สนามหลวง 2 ที่ว่างหน้าสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ตลาดพลู แต่ผู้ค้าส่วนใหญ่มักไม่ต้องการ เนื่องจากไม่เคยชินที่จะไปขายสินค้าในพื้นที่อื่นๆ
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม โครงการจัดระเบียบพื้นที่หน้าวัดหัวลำโพง มีแนวทางจะดำเนินการมานานแล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ผู้ค้าร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงพฤติกรรมของ นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภา กทม. ที่มีการเรียกเก็บค่าดูแลพื้นที่จากผู้ค้าบริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ หาก กทม. พบว่ามีข้าราชการของ กทม. ดำเนินการโดยมิชอบ หรือเรียกเก็บเงินจากผู้ค้า กทม. จะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด คือ การให้ออกจากราชการ ซึ่งได้ดำเนินการกับข้าราชการที่กระทำผิดมากแล้วในหลายราย อีกทั้ง กทม. จะเร่งดำเนินการจัดระเบียบผู้ค้าในบริเวณอื่นๆซึ่งหากบริเวณใดไม่ใช่จุดผ่อนผันให้สามารถตั้งวางแผงค้าได้ กทม. ก็จะเข้าดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ไม่ให้มีการตั้งวางแผงค้าอย่างเด็ดขาดโดยปัจจุบันมีจุดผ่อนผันในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งสิ้น จำนวน 713 จุด และมีผู้ค้าที่ขึ้นทะเบียนกับ กทม. อย่างถูกต้องจำนวนกว่า 20,000 คน
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการมารังแกผู้ค้า แต่เป็นจุดที่มีผู้คนสัญจรมาก และมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาให้ กทม. แก้ปัญหา เพราะต้องลงไปเดินบนถนน ทำให้เกิดอันตราย ซึ่ง กทม. จะจัดสถานที่ขายให้ต่อไป และจะอนุญาตผ่อนผันให้ขายในช่วงเวลากลางคืน ติดไฟส่องสว่างให้ แต่ห้ามขายกลางวันเด็ดขาด ซึ่งเวลาในช่วงกลางคืน จะเริ่มตั้งแต่กี่โมงนั้น ต้องไปดูในระเบียบข้อบังคับแต่จะต้องเลิกก่อน 05.00 น. ท้ายที่สุดเพื่อให้เวลาแก่ผู้ค้าได้ตัดสินใจ จะอนุญาตให้ขายของได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้
ด้านกลุ่มผู้ค้าบริเวณหน้าวัดหัวลำโพง กล่าวว่า โดยปกติตนจะจ่ายค่าแผงค้า ซึ่งจะผู้มีอิทธิพลมาเก็บโดยแต่ละแผงค้าจะมีราคาไม่เท่ากันเริ่มต้ังแต่ประมาณ 400 บาท ถึงหลักพันบาท ซึ่งหาก กทม. ไม่อนุญาตให้ตั้งวางแผงค้าในช่วงกลางวันกลุ่มผู้ค้าจะลำบากมาก เพราะสินค้าที่ขายของตนคือดอกไม้ธูปเทียนเพื่อให้ผู้ที่มาไหว้พระในวัดหัวลำโพงถ้าไปขายในช่วงกลางคืนคงไม่สามารถขายได้อย่างไรก็ตามตนและกลุ่มผู้ค้ายืนยันจะไม่ทำตามนโยบายจอง กทม. โดยเด็ดขาดโดยจะยังคงขายสินค้าในช่วงกลางวันต่อไป