xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพงโวยเขตบางรักห้ามตั้งแผงค้า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพง คู่กรณี ปธ.สภา กทม. ที่ถูกจับดำเนินคดีฐานเรียกค่าคุ้มครอง ร้องนายทหารพระธรรมนูญ ช่วยเหลือกรณีพนักงานเขตบางรักเรียกประชุม เชื่อประกาศให้เป็นเขตห้ามตั้งแผงค้าขาย

วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.30 น. นายกฤชวัฎ หรือ ศุภชัย วงศ์ธีรานุภาพ และ น.ส.พยงค์ สุพสอน อายุ 30 ปี ผู้ค้าแผงขายน้ำส้มบริเวณหน้าวัดหัวลำโพง แขวงสี่พระยา เขตบางรัก พร้อมด้วยผู้ค้าบริเวณดังกล่าว รวม 6 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. ว่า ในวันเดียวกันนี้ ได้รับเอกสารประกาศสำนักงานเขตบางรัก เรื่อง จัดระเบียบผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพง ลงนามโดย นางนภาจันทร์ ไพศาลสุทธิ รักษาการ ผอ.เขตบางรัก มีเนื้อหาสรุปว่า จะมีการเรียกประชุมผู้ค้าที่บริเวณหน้าวัดหัวลำโพงทั้งหมด ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานเขตบางรัก ซึ่งกลุ่มผู้ค้าเชื่อว่าน่าจะมีการสั่งให้ยกเลิกหรือเคลื่อนย้ายแผงค้าออกจากจุดดังกล่าว หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ ทั้งที่แต่เดิมไม่เคยมีปัญหาเพราะยอมจ่ายส่วย

นายกฤชวัฎ กล่าวว่า หลังจากมีข่าวทางสื่อมวลชนในกรณีที่พวกตนได้ร้องเรียนว่า นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และ ส.ก.เขตบางรัก กับ นายประเสริฐ พรมมิ เลขานุการมูลนิธิประชาอุปถัมภ์บางรัก มีการเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครอง เพื่อสามารถวางแผงขายสินค้าที่หน้าวัดหัวลำโพงได้ โดยจะไม่ถูกรบกวนจากเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตบางรัก กระทั่งต่อมาทั้งสองได้ถูกพนักงานสอบสวน บก.ป. แจ้งข้อกล่าวหา 4 ข้อหา และได้รับการประกันตัวในชั้นศาลแล้ว ในวันเดียวกันนี้ กลับมีประกาศจากทางเขตบางรัก เรียกให้พวกตนไปประชุม ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะต้องถูกห้ามขายในบริเวณแผงค้าเดิมอย่างแน่นอน

นายกฤชวัฎ กล่าวต่อว่า หากเป็นเช่นนั้น พวกตนก็คงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะจะต้องเสียลูกค้าที่เคยขายอยู่เป็นประจำ และเป็นพื้นที่ซึ่งสามารถวางแผนขายมาได้ตลอด จริงๆ ก็เคยคิดอยู่เสมอว่าเมื่อตนร้องเรียนเรื่องนี้ ไม่นานก็อาจจะต้องได้รับผลกระทบถูกห้ามไม่ให้ขายของอีกต่อไป ที่ผ่านมาพวกตนเคยเสียเงินค่าที่ซึ่งมีการเรียกเก็บเป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์ ในอัตราตารางเมตรละ 200 บาทต่อวัน และคิดค่าไฟฟ้าดวงละ 20 บาทต่อวัน ก็สามารถขายได้ แล้วเหตุใดนับจากนี้จะมาห้ามกัน

“พวกผมเข้าใจว่าบริเวณที่ขายของกันอยู่นั้น ทางเขตไม่ได้กำหนดเป็นจุดผ่อนผัน แม้ว่าจะเคยไปขอให้เขตอนุญาตให้เป็นจุดผ่อนผันมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองหากนับจากนี้จะมาห้ามไม่ให้พวกผมขายของก็คงจะเดือดร้อน เพราะมีลูกค้าประจำและอาจจะขาดรายได้ไป และถ้าเขตจะหาสถานที่ใหม่ให้ย้ายไปผมกับผู้ค้าทุกคนก็ปรึกษากันแล้วว่าพวกเราคงไม่ย้ายไปไหนนายกฤชวัฎ กล่าว

ผู้เสียหายรายนี้ กล่าวอีกว่า พวกตนเชื่อว่าทางเขตและผู้แทนของกรุงเทพมหานคร จะต้องอ้างเรื่องการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้ผู้ใช้ทางเท้าสัญจรไปมา แล้วจะยกเลิกแผงค้าพวกตนไป แต่นั่นคงไม่เป็นเหตุผลที่น่ารับฟัง เพราะแต่เดิมก็มีแผงค้าวางขายกันมานาน ทำไมจึงเพิ่งคิดจะมาขอคืนพื้นที่ทางเท้าดังกล่าว นอกจากนี้ พวกตนเคยยอมเสียเงิน โดยตนเป็นผู้รวบรวมไปมอบให้กับนายประเสริฐ ซึ่งก็ทราบว่ามีการส่งให้กับทางฝ่ายเทศกิจเขตบางรัก ด้วย

“ผมได้รับข้อมูลเรื่องการออกใบเสร็จรับเงินของเจ้าหน้าที่เทศกิจเป็นค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด 500 - 1,000 บาท เพื่อเอาเป็นผลงาน หรือผลการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน แต่กลับมีการปลอมลายมือชื่อในใบเสร็จดังกล่าว เพราะบรรดาผู้ค้ายืนยันได้ว่าไม่เคยเซ็นชื่อในใบเสร็จแต่อย่างใด หากทางทหารไม่ช่วยเหลือพวกผมคงแย่แน่ๆ ต่อไปคงไม่มี่ใครกล้าร้องเรียนเรื่องแบบนี้” นายกฤชวัฎ กล่าว

แหล่งข่าวซึ่งเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ และประสานกับทาง พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. เพื่อหาวิธีการช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำ หากเกิดกรณีดังกล่าวตามที่ผู้ค้าร้องเรียนเพราะทั้งหมดต่างเป็นผู้เสียหายที่ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายพิพัฒน์ และ นายประเสริฐ เอาไว้นั่นเอง อย่างไรก็ดี คงต้องรอดูท่าทีของทางเขตบางรัก ต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังจากมีการเรียกประชุมผู้ค้าในจุดดังกล่าวแล้ว

แหล่งข่าวรายเดิม เปิดเผยอีกว่า กรณีแบบนี้คงไม่ต่างกับสมัยที่ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. ผู้ล่วงลับ เคยแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่เทศกิจเรียกรับเงินจากผู้ค้าที่ด้านหน้า รพ.จุฬาลงกรณ์ เมื่อหลายปีก่อน แบบขวานผ่าซาก โดยให้ยกเลิกแผงค้าบริเวณดังกล่าว ทั้งที่กรณีนั้นเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่ผู้ค้ายื่นเงินให้เจ้าหน้าที่เทศกิจ อย่างชัดเจน ซึ่งทางทหารหวั่นเกรงว่ากรณีที่เกิดกับผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพง จะซ้ำรอยกับเหตุการณ์ในอดีต และต่อไปผู้ค้าในพื้นที่อื่นๆ อาจจะไม่กล้าร้องทุกข์ เพราะกลัวจะถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้นั่นเอง

กำลังโหลดความคิดเห็น