xs
xsm
sm
md
lg

สสส.เดินหน้าทวงสิทธิ์ห้ามสูบบุหรี่ ปกป้องสุขภาพคนไทย หลังพบฝ่าฝืน กม.อื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สสส. ผนึกเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพทั่วไทย เดินหน้า “ทวงสิทธิ์ ห้ามสูบ” ปกป้องสุขภาพคนไทย ชี้ คนไทยไม่สูบมากกว่า 80% เร่งรณรงค์ ติดสติ๊กเกอร์สร้างพื้นที่ปลอดควัน ลดการละเมิด กม. หลังพบพื้นที่สาธารณะกว่า 2 ใน 3 มีผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ ตลาดนัด - สถานีขนส่ง - สนามกีฬา หนักสุด ชวนคนรุ่นใหม่ โพสต์รูปสติกเกอร์ - check in ผ่านแอปฯ “ทวงสิทธิ์ ห้ามสูบ” ขยายพื้นที่ปลอดควัน 100%

วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์จิตอาสาขยายพื้นที่ปลอดบุหรี่ “รวมพลัง ทวงสิทธิ์ ห้ามสูบ ในพื้นที่ปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย 100%” โดยมีหน่วยงานต่างๆ 11 หน่วยงานมาร่วมแสดงพลัง “ท้วงสิทธิ์ ห้ามสูบ”

โดย ทพ.กฤษดา กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์การบริโภคยาสูบของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2556 พบว่า คนไทยสูบบุหรี่ 10.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 19.94 ลดลงจากปี 2554 ที่มีคนสูบบุหรี่ 11.5 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 21.4 แต่ปัญหาการรับควันบุหรี่มือสองในที่สาธารณะยังเป็นปัญหาสำคัญ ล่าสุด สสส. ร่วมกับ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้สำรวจสถานการณ์ควันบุหรี่มือสองในประชากรอายุ 15-64 ปี จำนวน 2,089 คนจากทั่วประเทศ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ปี 2557 พบสถานที่สาธารณะ กว่า 2 ใน 3 มีการฝ่าฝืนสูบบุหรี่ โดยสถานที่มีการฝ่าฝืนการสูบบุหรี่มากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ตลาดสด ตลาดนัด ร้อยละ 73.61 รองลงมาคือ สถานีขนส่ง ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟ ท่าเรือ ร้อยละ 72.66 และสนามกีฬา ร้อยละ 67.88 สอดคล้องกับมีประชาชนรู้จักพื้นที่สาธารณะปลอดบุหรี่ตามกฎหมายกำหนดอย่างถูกต้อง ไม่ถึงครึ่งคือ ร้อยละ 45 และมีประชาชนเพียงร้อยละ 46 เท่านั้น ที่เคยเห็นสัญลักษณ์ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ปลอดบุหรี่ตามกฎหมายกำหนด

“ปัจจุบันมีการละเมิดกฎหมายทำให้ผู้ไม่สูบบุหรี่ได้รับควันจากที่สาธารณะจำนวนมาก สสส. และภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาวะทั้งหมด จะบูรณาการงานในเชิงยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบ โดยริเริ่มโครงการรณรงค์จิตอาสาขยายพื้นที่ปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย พร้อมเปิดตัวแคมเปญรณรงค์ “ทวงสิทธิ์ ห้ามสูบ” เพื่อเป็นเครื่องมือเชิงรณรงค์สังคม กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิ์ตนเอง สิทธิ์ของผู้อื่น และไม่ละเมิดสิทธิ์การมีสุขภาพดี โดยให้ความรู้กับประชาชนอย่างเข้มข้นในช่วง 2 เดือนนับจากนี้ และทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายของการรณรงค์ลดจำนวนผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองลงได้ ร้อยละ 10” ทพ.กฤษดา กล่าว

ด้าน ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า การรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “ทวงสิทธิ์ ห้ามสูบ” ดำเนินการอย่างครบวงจร คือ 1. On Ground จัดทำสติกเกอร์ห้ามสูบบุหรี่ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นพื้นที่ห้ามสูบ และรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการไม่ละเมิดสุขภาพผู้อื่น โดยจะมีการแจกสติกเกอร์รณรงค์ตามจุดต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ กทม. เพื่อเชิญชวนประชาชนและเจ้าของสถานที่ต่างๆ ให้เกิดจิตอาสาร่วมกันติดสติกเกอร์รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ตามกฎหมายกำหนด 2. On Line พัฒนาแอปพลิเคชัน “ทวงสิทธิ์ ห้ามสูบ” สามารถใช้ Smart phone ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้แล้ววันนี้ และ IOS (ดาวน์โหลด ได้ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้) โดยถ่ายรูปสติกเกอร์รณรงค์ที่ติดตามสถานที่สาธารณะ และโพสต์รูป พร้อม check in ผ่านแอปพลิเคชัน​ เชื่อมต่อกับ Facebook และ www.nonsmokersright.com ที่จะแสดงแผนที่เขตปลอดบุหรี่ของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่จะรณรงค์ทวงสิทธิ์ขอคืนพื้นที่ปลอดควันบุหรี่ 100% และ 3. On Air โฆษณารณรงค์ทางโทรทัศน์ชุด “ไม่สูบ ก็เหมือนสูบ” ได้ชมพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ สื่อรณรงค์ต่างๆ เช่น สปอตโฆษณาทางวิทยุ ป้ายกลางแจ้ง ฯลฯ

“ปัจจุบันกฎหมายได้กำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ครอบคลุมพื้นที่สาธารณะทั้งหมด ทั้งพื้นที่ภายในอาคาร สิ่งปลูกสร้างที่มีหลังคา ร้านค้า และร้านอาหาร ทั้งที่ติดเครื่องปรับอากาศและไม่ติด สถานที่โล่งที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น สนามกีฬา ตลาดต่างๆ และยานพาหนะสาธารณะทุกชนิด ทั้งนี้ การจัดพื้นที่สูบบุหรี่จะต้องไม่จัดไว้ในอาคาร และต้องคำนึงถึง​ปัจจัยคือ 1. ไม่อยู่ในบริเวณที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียง 2. ไม่อยู่บริเวณทางเข้า - ออก ของสถานที่ที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และ 3. ไม่อยู่ในบริเวณที่เปิดเผย หรือเห็นได้ชัดแก่ผู้มาใช้สถานที่นั้น ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนสูบในที่สาธารณะห้ามสูบ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 มีโทษปรับ 2,000 บาท และฝ่าฝืนสูบบนยานพาหนะสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มีโทษปรับ 5,000 บาท” ดร.นพ.บัณฑิต กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สนใจติดต่อขอรับสติกเกอร์รณรงค์ได้ที่ โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้านทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nonsmokersright.com หรือ www.ทวงสิทธิ์ห้ามสูบ.com
กำลังโหลดความคิดเห็น