“จตุพร” แสดงความคิดเห็นถึงแถลงการณ์ 7 ข้อของ “พล.อ.ประยุทธ์” สนับสนุนแนวทางสงบสันติแก้ปัญหาประเทศ แต่ตั้งข้อสงสัยเกรงแนวทางการใช้กำลังทหารเบิกทางใช้กฎอัยการศึกรัฐประหาร
วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่า ที่เวที นปช. ถนนอักษะ จังหวัดนครปฐมบรรยากาศการชุมนุมเริ่มคึกคัก มวลชนทยอยออกจากเต็นท์ที่พัก จับจองพื้นที่ด้านหน้าเพื่อรอฟังการปราศรัยจากแกนนำ โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวปราศรัยตอบโต้แถลงการณ์ 7 ข้อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นั้น มีสิ่งที่เราเห็นด้วย และสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง จึงขอขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า นปช. เราประกาศจุดยืนชัดเจน ว่า เราจะต่อสู้ในแนวทางสันติวิธี ในแนวทางการเมือง ไม่ใช่ทางการทหาร ส่วนที่บอกว่าการใช้ช่องทางกฎหมายอาจไม่ทันต่อสถานการณ์นั้น คำพูดนี้ไปสอดคล้องกับวุฒิสภา นปช. ขอยืนยันว่า ประเทศนี้ต้องแก้ไขโดยแนวทางสันติวิธี นอกจากนี้ ล่าสุด มีการเจรจาผ่านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อให้ ครม. รักษาการปรับครม. โดยปรับให้บุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่รองนายกฯรักษาการ และให้มติ ครม. เลือกขึ้นมาทำหน้าที่นายกฯรักษาการ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนข้อที่บอกหลายฝ่ายกล่าวพาดพิง ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ นั้น ตนขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ชายชาติทหารปากกับใจต้องตรงกัน คำไหนคำนั้นควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเสมอภาค อำนาจทหารมีอย่างไรควรปฏิบัติตามหน้าที่ และการแก้ไขปัญหาทางการเมืองไม่ได้เป็นหน้าที่ทหาร หน้าที่ทหารคือการเป็นรั้วของชาติ ดังนั้น ภาระหน้าที่นี้จึงเป็นหน้าที่ของศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เท่านั้น ทั้งนี้ แถลงการณ์ในข้อ 4. ที่ระบุว่าเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพให้ระวังคำพูดนั้น ประชาชนก็มีเกียรติยศเช่นเดียวกับทหาร ถ้าทหารไม่ใช้วิธีลับ ลวง พราง ก็ไม่มีใครหมิ่นเกียรติยศ ส่วนที่บอกว่าขอเตือนกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มีการเตรียมประกาศใช้กฎอัยการศึกใช่หรือไม่ เพราะการประกาศนำทหารออกมาระงับเหตุอย่างเต็มรูปแบบต้องการสื่อสารอะไร ถ้าทหารจะออกมากล้าประกาศก็เท่ากับเป็นวิธีรัฐประหารรัฐบาล
นายจตุพร กล่าวอีกว่า และข้อ 6. เรื่องที่ทหารจะใช้กำลังออกมาคลี่คลายสถานการณ์ หากเกิดการจลาจล ตนขอถามว่ามีสมัยไหนที่ประชาชนจะบุกพังประตูรั้วกองทัพบก ยกเว้นที่กลุ่ม กปปส. บุกพังประตู ร.ร.นายเรืออากาศ ขณะที่รัฐบาลนัดพบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยไม่มีใครจัดการกับนายสุเทพ ซึ่งโดยพฤติกรรมนของนายสุเทพ ชี้ให้เห็นว่าต้องการจับตัว นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในเขตพื้นที่กองทัพ ตนไม่เห็นกองทัพบกจะออกมาประณาม
“ไม่ทราบว่าแถลงการณ์ดังกล่าวคือใบเบิกทางสู่การเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จึงขอถามอย่างชายชาติทหาร นายกฯคนกลางชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ ไม่ได้เป็นคำถามหยามเกียรติยศ หรือดูถูก นปช. พร้อมต่อสู้กับสิ่งที่ไม่เป็นอยุติธรรม ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ทำตามประชาธิปไตยเราไม่มีปัญหา แต่ถ้าฉีกรัฐธรรมนูญ เราจะต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา และหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะทำหน้าที่ ผบ.ทบ. จนกว่าจะถึงวันที่ 30 ก.ย. ถ้าไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ เสื้อแดงจะต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ”
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการ นปช. กล่าวปราศรัยว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 พ.ค. และขอประณามกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเมื่อพิจารณาในแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนฟันธงว่าสำนวนในแถลงการณ์เป็นสำนวนของพล.อ.ประยุทธ์ และไม่เป็นภาษาทางราชการ แต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง หลายข้อเป็นเรื่องของการแสดงออกทางอารมณ์ต่อสถานการณ์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ กับการชุมนุมของ กปปส. เลย สิ่งที่ นายสุเทพ ประกาศจะปิดเกมในวันที่ 17-19 พ.ค. คือ การก่อรัฐประหาร และชัดเจนว่ากองทัพไม่มีอำนาจหน้าที่ในการใช้กำลังทหารออกมาจัดการ