xs
xsm
sm
md
lg

2 ปี 9 เดือน 2 วัน วีรกรรม“ยิ่งลักษณ์”ที่คนไทยไม่มีวันลืม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปิดฉากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของประเทศไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้พ้นสภาพ กรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบ ทิ้งไว้แต่วีรกรรมอันลือลั่น ที่คนไทยจะไม่มีวันลืม

กล่าวสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผู้คนต้องจดจำไม่น้อย เส้นทางการก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกฯ ของเธอราวกับฟ้าประทานมาเลยทีเดียว คือการที่พรรคเพื่อไทยชูจุดขายความเป็นน้องสาวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 สามารถเอาชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย ส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวัยเพียง 44 ปี ก้าวสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 28 และยังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยด้วยระยะเวลาบนถนนการเมืองอันแสนสั้นเพียง 49 วันเท่านั้น

ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งขณะนั้นโฟกัสไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะสามารถฝากความหวังในการบริหารประเทศให้ไปตลอดรอดฝั่งไปได้ด้วยวิธีใด แต่จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับว่าเธอได้สร้างวีรกรรมมาอย่างมากมาย ทุกอิริยาบถ ทุกคำพูด ทุกพฤติกรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอยู่ในห้วงคำนึงของประชาชนคนไทยทั้งประเทศไปตราบนานเท่านาน

วีรกรรมอันน่าจดจำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในฐานะผู้นำประเทศไทยที่โลกต้องตกตะลึงก็คือ หากใครได้ท่องเข้าไปในโลกอินเทอร์เน็ต และเข้าไปในเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล (Search engine) ชื่อก้องโลกอย่าง google (www.google.co.ch) ที่ประมวลผลอย่างฉลาดล้ำ หากพิมพ์คำว่า “อีโง่” ในบริการค้นหา “เว็บ” และ “ภาพ” ผลการค้นหาทั้งหัวข้อข่าวและรูปภาพก็จะปรากฏใบหน้าของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เด้งขึ้นมาอย่างละลานตา

ขณะเดียวกัน ต้องบอกว่าเป็นเพราะฝีมือล้วนๆ หาได้เป็นเพราะโชคช่วยไม่ ที่ Search engine ชื่อก้องโลกอย่าง google จะประมวลผลแบบนั้นออกมา เมื่อพิจารณาจากการให้สัมภาษณ์และการแสดงทัศนะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ผิดพลาดพลั้งเผลอตลอดเวลาก็ทำให้ประชาชนชาวไทยหายข้องใจว่าเหตุใดนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย จึงกลายเป็นขวัญใจของผู้คนในโลกไซเบอร์เยี่ยงนี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกนำไปผูกโยงกับคำว่า “โง่” และถูกกล่าวถึงในบริบทที่เกี่ยวข้องกับความอ่อนด้อยด้านสติปัญญาและไร้ศักยภาพในการบริหารประเทศนั้น สืบเนื่องจากตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาบริหารประเทศนั้น ได้แสดงอาการพูดผิดพูดถูก ถึงขั้นที่เรียกว่า ปล่อยไก่ อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่หลายๆ เรื่องนั้นเป็นแค่เรื่องพื้นๆ ชนิดที่เด็กมัธยมก็น่าจะพอเข้าใจ

ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เรียกหญ้าแฝก เป็น 'หญ้าแพรก' , เรียก เรือดันน้ำ เป็น 'เรือดำน้ำ' , เรียกถนนคอนกรีต เป็น 'คอ-นก-รีต' , เรียกพฤศจิกายน เป็น 'พฤศจิกาคม' , เรียกอำเภอหาดใหญ่ เป็น 'จังหวัดหาดใหญ่' , เรียกเมืองซิดนีย์ (ประเทศออสเตรเลีย) เป็นประเทศซิดนีย์ , เรียกนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็น 'ประธานาธิบดีมาเลเซีย' , นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี แต่กลับเรียกชื่อเป็น จ.สระบุรี, ให้สัมภาษณ์ถึงการซ่อมประตูน้ำบางโฉมศรี ซึ่ง อยู่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ว่าต้องใช้วิธี 'โยนหินลงทะเล' ทั้งที่ จ.สิงห์บุรีไม่มีทะเล , อ่านตัวเลขผิดหลัก โดยตั้งหน้าตั้งตาอ่านโพยในที่ประชุมสภาว่า “ ในปีงบประมาณ 2555 ได้จัดสรรงบประมาณเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังจำนวนทั้งสิ้น (53,980 ล้านบาท) ห้าหมื่น สามแสน เก้าร้อยสิบแปดล้านบาท”

ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังได้ถูกประชาชนนำไปทำคลิปรวบรวมกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ กันอย่างกว้างขวางเลยด้วยซ้ำ

สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว มิได้มีผลงานชิ้นโบว์แดงแค่การปล่อยไก่ในประเทศ แต่ยังได้สร้างชื่อระบือไกลไปถึงนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่มีสาเหตุเกิดจากปัญหา 2 ประการคือ เรื่องความอ่อนด้อยทางภาษาและไม่ได้มีการศึกษาข้อมูลในเรื่องที่จะพูดมาก่อน ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้นกับบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำประเทศ

เมื่อปลายเดือนมกราคมปี 2555 นางสาวยิ่งลักษณ์เดินทางไปร่วมประชุม “World Economic Forum ครั้งที่ 42 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และได้เข้าร่วมอภิปรายในหัวข้อ “Women as the Way Forward” นายกรัฐมนตรีไทยได้ขึ้นพูดสด ไม่มีโพยให้อ่าน และได้สร้างความงงงวยไปทั้งเวที ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า คนที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากต่างประเทศจะทำให้ผู้ร่วมอภิปรายบนเวทีและผู้ฟังนั่งนิ่งและอึ้งเงียบ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง แถมยังตอบคำถามไม่ตรงประเด็น

ผู้ดำเนินรายการทึ่งในการใช้ภาษาของนายกรัฐมนตรีไทยจนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยว่า “Madam Prime Minister I have to also say that you speak better English than I do” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือของผู้ฟังดังสนั่นหวั่นไหว

นอกจากนั้นยังมีกรณีที่ทำให้ไทยขายขี้หน้าไปทั่วโลก เมื่อ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวในการประชุมเศรษฐกิจโลก ครั้งที่ 21 ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ 21th World Economic Forum on East Asia (WEF) ที่ โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพฯ ว่า " 10 countries in ASEAN contain about half population of the world.." ซึ่งหมายความว่า " 10 ประเทศในอาเซียน มีประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของโลก" ทั้งที่จริงๆ แล้ว ประชากรอาเซียน มีประมาณ 600 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 8.8% ของประชากรโลกทั้งหมด 7,000 ล้านคน เท่านั้น

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ลงทุนเผยแพร่คำแถลงร่วมระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศสหรัฐฯ ในโอกาสมาเยือนไทย โดยระบุว่าไม่สามารถฟังสำเนียงอังกฤษของนายกฯ ไทยได้ถึง 12 คำ และแน่นอนในเรื่องการพูดผิดระดับโลกคงไม่มีใคร ลืมคำกล่าวต้อนรับนางฮิลลารี ที่นายกฯ ไทยพูดว่า overcome แทนคำว่า welcome จนกระทั่งไปถึงคำลงท้ายคำปราศรัยในที่ประชุมแทนที่จะกล่าว “ขอบคุณ” 3 ครั้ง เธอกลับบอกว่า Thank you 3 times อย่างแน่นอน

นอกจากนั้นแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เชื่อว่าใครหลายคนคงจะไม่ลืมวลีทองของเธออย่างแน่นอน ย้อนกลับไปในขณะที่มหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยในรอบ 50 ปี กำลังรุมกระหน่ำหลายพื้นที่ในเกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมไปถึงเมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ฝากวลีทองแห่งยุคน้ำท่วมกรุง จากการที่คนไทยมักจะได้ยินจากคำให้สัมภาษณ์ จากตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเลวร้ายขนาดไหนเธอก็ยืนยันว่า"เอาอยู่"นั่นเอง เกิดเป็นกระแสฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง เสียดสีล้อเลียนประชดประชันกันอย่างสนุกปาก ชนิดที่ว่าหากประชาชนเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดว่าพื้นที่นี้เรา"เอาอยู่"น้ำไม่ท่วมชัวร์ ทำให้ประชาชนตีความเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าควรจะรีบเก็บของเก็บของขึ้นที่สูงหรือเตรียมอพยพในทันที

อย่างไรก็ดี เมื่อประชาชนพอจะทราบดีถึงสติปัญญาของเธอที่มีอยู่เพียงใดแล้วในการตอบคำถามต่างๆ ของบ้านเมือง ก็ต้องบอกว่านับเป็นเคล็ดวิชาที่คนไทยต้องจดจำไปท่องได้เลยทีเดียว โดยท่าไม้ตายที่เธอต้องงัดมาใช้อยู่เป็นประจำยามต่อกรกับนักข่าวเป็นเพียงคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำเท่านั้นเอง หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่า เมื่อถึงคราวนายกฯ ต้องตอบถำถามสื่อ(อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้) ถึงประเด็นข่าวในเชิงลบ คำที่เรามักได้ยินก็คือคำว่า "ไม่รู้" หรือจะให้สมบูรณ์ไปกว่านั้นก็ต้องต่อด้วยคำว่า "ยังไม่ทราบลายละเอียด..ขอไปตรวจสอบก่อน" "การทำงานจะเป็นการบูรณาการร่วมกัน" "เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีในการตอบคำถาม" ฯลฯ

ขณะเดียวกัน กล่าวถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ นับได้ว่าเธอเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีแรงดีดสะท้อนทางเพศหรือที่ฝรั่งเขาใช้คำว่า Sex Appeal ที่ไม่แพ้ใครเช่นกัน ซึ่งเรื่องที่ถูกกล่าวขวัญกันชนิดลืมไม่ลงคงหนีไม่พ้น เหตุการณ์ ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ที่ชั้น 7 ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 ใช้เวลาราชการไปปฏิบัติภารกิจลับกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนสิริ ซึ่งแน่นอน การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในครานั้นได้ถูกประชาชนนำไปล้อเลียนกันอย่างกว้างขวาง

สเน่ห์ของเธอยังมิได้หมดแค่นั้น เมื่อครั้งที่เธอได้ในขณะให้การต้อนรับ “นายบารัค โอบามา” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่เดินทางมาเยือนราชอาณาจักรไทย ได้กลาย กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากไปทั้งโลก สำหรับอากัปกิริยาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

เพราะภาพแต่ละภาพที่ปรากฏต่อสายตาสาธารณชน โดยเฉพาะลีลา Woman’s Touch ของนายกรัฐมนตรีไทย ช่างยั่วยวนด้วยจริตจก้านชวนวาบหวิวเหลือประมาณ ราวกับปรารถนาจะทอดสะพานรักให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรอย่างนั้น กระทั่งเล่นเอาบุรุษเหล็กอย่างนายบารัค โอบามาถึงกับ “เก็บอาการไม่อยู่” ต้องส่งสายตาและรอยยิ้มอันหวานฉ่ำเข้าตอบโต้ ราวกับเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน มิผิดเพี้ยน

ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ใช่แค่ในโลกสังคมออนไลน์และไม่ใช่เฉพาะสื่อไทยเท่านั้น หากแต่สื่อต่างประเทศต่างก็พากันวิจารณ์ พร้อมทั้งล้อเลียนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างครึกโครม “เดลิเมล์ออนไลน์” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวของหนังสือพิมพ์เก่าแก่แห่งประเทศอังกฤษ , Weekly World News นำเรื่องไปใส่สีตีไข่ใหญ่โตพาดหัวว่า THAI PM FALLS IN LOVE WITH OBAMA แปลเป็นไทยว่า “นายกฯ ไทยตกหลุมรักโอบามา” ส่วนเว็บไซต์ “ดรัดจ์ รีพอร์ต” ที่ให้คำอธิบายปรากฏการณ์ส่งตาหวานระหว่าง นายกรัฐมนตรีของไทยกับประธานาธิบดีโอบามาโดยใช้คำว่า “Flirtasian” เรียกว่างามหน้าไปทั้งสามโลกเลยทีเดียว สำหรับความเซ็กซี่ตัวแม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ขณะที่หลายคนอาจจะรู้สึกผิดหวังในการทำหน้าที่ผู้นำประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่หากใครเป็นผู้ที่ชื่นชอบในตัวเลขและการเสี่ยงดวง รับรองได้ว่าย่อมไม่ผิดหวังในตัวเธออย่างแน่นอน เนื่องจากตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่เธอดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ เธอยังได้ถูกขนานนามให้เป็น “เจ้าแม่ปู” ยิ่งใกล้วันที่สลากกินแบ่งรัฐบาลใกล้ออกด้วยแล้ว ทุกสายตาจะถูกจับจ้องไปที่ทะเบียนรถประจำตำแหน่งหรือพาหนะที่เธอได้ใช้ออกงานต่างๆ ว่าจะออกเลขใดบ้าง อาทิ รางวัลเลขท้าย 2 ตัว เลขที่ออก 62 ตรงกับรถตู้โฟล์กสวาเกน รถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ว 1662 กทม. ,เลขท้ายรางวัลที่ 1 เลขที่ออก 33 ตรงกับรถตู้โฟล์กสวาเกน ทะเบียน ฮน 333 กทม. ,เลขท้ายรางวัลที่ 1 เลขที่ออก 98 ตรงกับรถโฟล์กตู้ สีบรอนซ์ ทะเบียน 9898 กทม.ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยใช้หาเสียงในช่วงแรกๆ และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ออก 28 ยังตรงกับลำดับนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

เลขท้ายรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 ส.ค. 2555 เลขที่ออก 77 ตรงกับรถตู้โฟล์กสวาเกน ทะเบียน กธ 77 เชียงใหม่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้เดินทางไปเปิดงานยกระดับคุณภาพชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น จ.เชียงใหม่ , เลขท้ายรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 ก.พ. 2556 เลขที่ออก 565566 และเลขท้าย 2 ตัว ออก 66 ตรงกับหมายเลขทะเบียนรถตู้โฟล์กสวาเกน ทะเบียน นข 666 สุโขทัย ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้เดินทางไปประชุม ครม.สัญจร จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2556

แน่นอนสถิติร่วม 10 ครั้ง ที่เธอแจกโชคให้คอหวย อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครที่จะทำได้เฉกเช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกแล้ว ซึ่งสถิติของเธอในเรื่องนี้ไม่เคยโกหกใคร

"ทุกๆ นาที ทุกๆ วัน ของ 2 ปี 9 เดือน 2 วันนั้น เป็นนาทีของความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชน และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย" เป็นคำพูดซึ้งกินใจที่เธอได้ฝากไว้ให้ในการแถลงอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มิวายถูกประชาชนนำไปตีเลขเพื่อเป็นการไว้อาลัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการใบ้เลขงวดสุดท้ายของเธออย่างกว้างขวาง

และด้วยวีรกรรมทั้งหลายอาจกล่าวได้ว่าคงไม่มีใครจะอาจหาญทำได้แบบเธอ และคงทำให้ประชาชนคนไทยลืมเธอไม่ลงไปตราบนานเท่านาน สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ที่อ้างว่ารักประชาธิปไตยเยี่ยงชีวิตและขณะนี้ได้ตายคาสนามประชาธิปไตยเป็นที่เรียบร้อย
















กำลังโหลดความคิดเห็น