นิวยอร์กไทม์ส - “นิวยอร์กไทม์ส” หนังสือพิมพ์ชื่อดังระดับโลกของสหรัฐอเมริกา ตีแผ่รายงานตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย สาวประวัติตั้งแต่เด็กไม่เคยยกมือถามครูแม้แต่ครั้งเดียว พอโตมาก็โดนกล่าวหามีหน้าที่บริหารประเทศตามแต่ที่พี่ชายสั่ง แถมยังชอบพูดผิดเป็นประจำไล่ตั้งแต่ “โอเวอร์คัม” ไปจนถึงประเทศซิดนีย์
รายงานที่เขียนโดยนายโธมัส ฟุลเลอร์ ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนิวยอร์กไทม์ส ซึ่งมีฐานบัญชาการอยู่ในกรุงเทพฯ เกริ่นว่า คำถามด้านความเป็นผู้นำของยิ่งลักษณ์ เริ่มต้นตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว โดยเมื่อตอนที่คณะครูโรงเรียนเก่าของเธอในระดับมัธยมทราบว่าลูกศิษย์รายนี้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย พวกเขาก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
นายฟุลเลอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของอาจารย์ประไพพร ตั้งสุนทรขัณฑ์ ครูสอนคณิตศาสตร์ของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงรายนี้บอกว่า ยิ่งลักษณ์เป็นคนเรียบร้อยและขยัน แต่ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมสำหรับเป็นผู้รับผิดชอบการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย เป็นเกมแห่งอำนาจของทหารและแทงข้างหลัง “เธอไม่ใช่ผู้นำ ปกติแล้วผู้คนในแวดวงการเมืองมักชอบพูดคุยถกเถียง แต่เธอไม่เคยยกมือถามในห้องเรียนแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยโต้แย้งครูผู้สอนอีกด้วย”
รายงานของนายฟุลเลอร์ระบุต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มักถูกล้อเลียนในสภาว่าไม่ฉลาด และเย้ยหยันว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดของพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร ขณะเดียวกันก็ยังโดนเหล่าผู้ประท้วงหลายหมื่นคนที่ชุมนุมบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้เธอออกนอกประเทศ แต่งเพลงล้อเลียนอีกด้วย
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวันพุธ (11) นายฟุลเลอร์ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ดูค่อนข้างนิ่งแต่ก็ตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา และบอกว่ายังไม่ตัดสินใจลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ในศึกเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมบ่งชี้ว่าข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงสำหรับจัดตั้งสภาประชาชนไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง และเชื่อว่าทหารจะไม่เข้าแทรกแซง
นายฟุลเลอร์ตั้งข้อสงสัยว่าเธอใช้ไม้อ่อนเกินไปหรือไม่ในการรับมือกับผู้ประท้วง โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กองกำลังด้านความมั่นคงถึงขั้นให้การต้อนรับผู้ชุมนุมเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลในความพยายามคลายความโกรธเคือง อันก่อคำถามว่ามันได้ผลหรือกัดเซาะอำนาจรัฐกันแน่ แถมเมื่อวันอังคาร(10) ตอนที่ถูกฝ่ายต่อต้านกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ เธอก็ยังร้องไห้ผ่านโทรทัศน์เสียอีก
รายงานที่ตีพิมพ์ลงบนเว็บไซต์ของนิวยอร์กไทม์ส ระบุต่อไปว่าเหล่าผู้ประท้วงมักเย้ยหยันถึงความสะเพร่าของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยเมื่อครั้งที่นางฮิลลารี คลินตัน เดินทางเยือนไทยในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อปี 2011 เธอกล่าว “overcome” คลินตัน แทนที่จะเป็น “welcome” ครั้งหนึ่งก็เคยเรียก “ประธานาธิบดีมาเลเซีย” แทนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ “ประเทศซิดนีย์” แต่ทั้งหมดทั้งมวลเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีอย่างไม่ลดละระหว่างการชุมนุมก็คือการนับลำดับญาติของเธอกับทักษิณ
ผู้สื่อข่าวของนิวยอร์กไทม์สรายนี้บอกต่อว่า การประท้วงในปัจจุบันมีต้นตอจากความพยายามของพรรครัฐบาลในการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อเดือนที่แล้ว ที่มีเป้าหมายพาทักษิณกลับประเทศ หลังจากอดีตนายรัฐมนตรีรายนี้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบในปี 2008 และยังมีคดีคอร์รัปชันอีกมากมายที่ค้างอยู่ ขณะที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ย้ำถึงข้ออ้างของฝ่ายศัตรูของทักษิณว่านางสาวยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศเพื่อผลประโยชน์ของพี่ชายเป็นหลัก
แม้ว่าที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์เลี่ยงตอบคำถามว่าเธอได้ปรึกษาหารือกับพี่ชายบ่อยแค่ไหนและเขามีอิทธิพลต่อเธอมากน้อยเพียงใด แต่นายฟุลเลอร์อ้างคำพูดของสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนที่ยืนยันตรงกันว่าพวกเขาติดต่อกับทักษิณเป็นประจำและเขาเป็นคนคิดนโยบายหลักๆ ของพรรค
ทั้งนี้ รายงานของนิวยอร์กไทม์สปิดท้ายว่า ยิ่งลักษณ์ศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในเคนทักกี ตามรอยเท้าทักษิณ ที่เรียนในรัฐเดียวกันแต่คนละมหาวิทยาลัย แต่งงานแล้วและมีลูกหนึ่งคน โดยเส้นทางอาชีพเกือบทั้งหมดทำงานที่บริษัทของพี่ชาย และเธอไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองแม้แต่น้อย ตอนที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี