xs
xsm
sm
md
lg

หึ่ง อสมท ล็อกสเปกเครื่องส่ง “ทีวีดิจิตอล” ตามใบสั่ง เย้ยไม่ต้องแจงสาธารณะส่อขัด กม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อสมท” ไม่สน สตง.ติงจัดหาเครื่องส่งทีวีดิจิตอล เดินหน้ากระบวนการจัดหา เรียกผู้ประกอบการรับทีโออาร์ พบยังคงเนื้อหายังเปิดช่องล็อกบริษัทตามใบสั่งเหมือนเดิม เผยดึงเวลาว่า 4 เดือนหวังบล็อกบริษัทนอกวงไม่ให้ร่วมเสนอราคาได้ คนในวงการมึนเขียนทีโออาร์ระบุ ไม่ต้องแจงรายละเอียดต่อสาธารณะ ชี้ส่อขัด พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารชัดเจน ด้านกรมประชาฯยังนิ่งหลังโดนเพิ่งเล็งหนัก คาดต้นเดือน เม.ย.เตรียมรื้อโครงการใหม่

วันนี้ (27 มี.ค.) ความคืบหน้ากระบวนการจัดหาเครื่องส่งสัญญาณทีวีดิจิตอลของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริษัทผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับแบบหรือเอกสารที่กำหนดขอบเขตและราย ละเอียดโครงการ (ทีโออาร์) โดยมีผู้เข้ารับแบบทั้งสิ้น 8 รายด้วยกัน ได้แก่ บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน), บริษัท กิจการค้าร่วม เทคทีวี จำกัด (TEQTV and Rohde&Schwarz), บริษัท Nora จำกัด, บริษัท Zen Technology จำกัด, บริษัท UCI จำกัด, บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด และบริษัท IRCP จำกัด ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ที่แสดงความประสงค์ร่วมทดลองการออกอากาศกับ อสมท มาก่อนหน้านี้

รายงานข่าวจาก อสมท แจ้งว่า ในวันนี้ (27 มี.ค.) คณะกรรมการของทาง อสมท ได้นัดทั้ง 8 บริษัทเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแบบหรือทีโออาร์ ตั้งแต่เวลา 13.00 น.ที่อาคารอำนวยการ อสมท ซึ่งทั้ง 8 บริษัทได้เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง โดยบรรยากาศการชี้แจงแบบวันนี้ ตัวแทนจากทุกบริษัทได้สอบถามราบยละเอียดข้อสงสัยจากกรรมการแบบละเอียดยิบ เรียกได้ว่าในส่วนเนื้อหาทีโออาร์ที่สำคัญนั้น มีการสอบถามแทบทุกบรรทัด โดยเฉพาะในส่วนของกระบวนการคัดเลือกและให้คะแนนแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งหลายรายติดใจในข้อกำหนดที่ระบุไว้ในทีโออาร์ เนื่องจากยังมีการระบุว่า เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการให้คะแนน และผู้ที่มีคะแนนมากกว่าร้อยละ 75 เท่านั้น จึงจะได้รับการพิจารณาในส่วนของราคา จุดนี้เองที่หลายรายมีความกังวลว่า อาจจะเกิดการล็อกตัวผู้ประกอบการตามใบสั่งของฝ่ายการเมืองที่มีความมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งในส่วนของรายละเอียดด้านเทคนิค ที่มองกันว่ามีการปรับเปลี่ยนเอื้อประโยชน์ให้แก่ปู้ประกอบการบางราย

“ในห้องประชุมผู้แทนทุกบริษัทผลัดกันการสอบถามกันค่อนข้างละเอียด ใช้เวลาชี้แจงในส่วนของขั้นตอนและระเบียบการคัดเลือกค่อนข้างมาก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัทที่ถูกจับตามองว่าฝ่ายการเมืองส่งมานั้น แม้จะมีตัวแทนเข้าร่วมรับฟัง แต่ไม่ได้สอบถามข้อสงสัยใดๆ เลย ต่างจากบริษัทอื่นๆ ที่ถามกันแทบทุกบรรทัดของทีโออาร์” แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า การเปิดให้ผู้ประกอบการรับแบบหรือทีโออาร์ของ อสมท ครั้งนี้ ถือว่าล่าช้าเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมามีความพยายามในการดึงเวลาเริ่มกระบวนการจัดหา ทั้งที่ได้มีการขออนุมัติดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษฯ มาตั้งแต่เดือน พ.ย.56 แต่ก็ได้ล่วงเลยมาเกือบ 4 เดือนจึงได้เริ่มต้นกระบวนการได้ ตรงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เสมือนดึงเวลาให้บริษัทที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนเตรียมอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้า เพื่อได้ติดตั้งและออกอากาศทันตามกำหนด แต่กีดกันบริษัทอื่นๆ เพื่อให้ไม่สามารถทำตามกำหนดการส่งของได้ เพราะตามขั้นจริงๆ แล้ว อุปกรณ์ต่างๆ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และใช้ระยะเวลาการผลิตประมาณไม่น้อยกว่า 2 เดือน อีกทั้งยังมีงานก่อสร้างและตกแต่งสถานที่ด้วย

“ทาง อสมท กลับพยายามกำหนดให้บริษัทส่งของและติดตั้งให้ทันภายในเวลา 1 เดือน เห็นได้ชัดว่าเอื้อประโยชน์ให้มีเพียงบริษัทที่เตรียมการผลิตไว้ล่วงหน้าก่อนหรือที่ได้นำเข้าอุปกรณ์มารอไว้แล้ว จึงสามารถดำเนินงานได้ทันตามกำหนด ที่สำคัญเมื่อถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขรายละเอียดของทีโออาร์ได้” แหล่งข่าว ระบุ

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังตั้งข้อสังเกตความไม่ชอบมาพากลด้วยว่า การที่ อสมท กำหนดว่าจะเปิดซองราคราของผู้เสนอราคาที่ได้รับคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 แต่จะพิจารณาผู้ที่มีคะแนนสูงที่สุดก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่อาจเกิดความไม่เป็นธรรมได้ เพราะการพิจารณาได้คะแนนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการ หากถึงขั้นตอนั้นจริงก็คงเลือกผู้ประกอบการได้ตามใบสั่งมาก

โดยในส่วนของขั้นตอนสุดท้ายของการให้คะแนนนั้นระบุว่า “สามารถชี้ได้ด้วยกรรมการพิจารณาผล” รวมถึงปิดกั้นการให้ข้อมูล โดยระบุไว้ในทีโออาร์ ข้อ 3.4.4 ว่า “จะพิจารณาเป็นการภายใน จะไม่มีประกาศรายละเอียดอื่นใดให้แก่ผู้เสนอราคาทราบ...” และ ในข้อ 3.4.6 ว่า “การตัดสินของ บมจ.อสมท ให้ถือว่าเป็นเด็ดขาดและถึงที่สุด บมจ.อสมท ไม่ต้องชี้แจงหรือแสดงเหตุผลในการพิจารณาให้ผู้เสนอราคาไม่ว่ารายใดทราบแต่อย่างใด...” นั้น ยิ่งทำให้กรรมการสามารถเลือกให้คะแนนตามใบสั่งได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูล หรือชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งในประเด็นนี้น่าจะเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ด้วย

“มีข่าวว่า บริษัทหนึ่งได้ตั๋วจากฝ่ายการเมือง ทำการวิ่งเต้นประธานกรรมการและกรรมการบางท่าน เพื่อกำหนดแนวทางการกำหนดทีโออาร์ที่เอื้อประโยชน์ให้ได้เปรียบมากที่สุด โดยมีความพยายามลัดขั้นตอนในการพิจารณาข้อกำหนด โดยไม่ผ่านกระบวนกลั่นกรองพิจารณาข้อกำหนดตามปกติ และยังมีความพยายามดันงบประมาณให้สูงที่สุด เพื่อให้การจัดหาครั้งนี้สามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่รวมถึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการออกข้อกำหนดและคณะกรรมการพิจารณาผลที่เป็นพวกเดียวกัน เพื่อควบคุมการคะแนนและการตัดสินให้กับบริษัทที่ได้ตกลงไว้ เพื่อสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้อย่างที่ต้องการ” แหล่งข่าว กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เรื่อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในการดำเนินโครงการให้บริการโครงข่าวกระจายเสียงและโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลและให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ โดยมีใจความระบุให้ อสมท พิจารณาทบทวนการดำเนินการจัดหาดังกล่าว เนื่องจากมีการตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 793 ล้านบาท เกรงว่าจะมีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส อย่างไรก็ตามเพียงไม่ถึงสัปดาห์ อสมท กลับจัดให้มีการรับทีโออาร์ดำเนินการโครงการดังกล่าวทันที โดยไม่ได้สนใจข้อท้วงติงของ สตง.แต่อย่างใด

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของการจัดหาเครื่องส่งสัญญาณทีวีดิจิตอลของ กรมประชาสัมพันธ์ นั้น หลังจากที่กรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภาและ สตง.ได้เข้าไปตรวจสอบ พร้อมทั้งมีหนังสือท้วงติงไปยัง นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีสัญญาณความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อ ส่งผลให้ กรมประชาสัมพันธ์ ได้ยกเลิกการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษฯ และแจ้งว่าจะเปลี่ยนเป็นการประมูลแบบเปิดกว้างนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า จนถึงขณะนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่ากรมประชาสัมพันธ์จะสามารถจัดการประมูลได้ ทั้งๆ ที่จะต้องมีการทดลองออกอากาศจริงภายในวันที่ 1 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่า ได้มีสัญญาณให้ทางกรมประชาสัมพันธ์เร่งดำเนินการจัดหาอีกครั้งในช่วงต้นเดือน เม.ย.เป็นต้นไป

แหล่งข่าวในวงการทีวีดิจิตอล เปิดเผยว่า โครงการของกรมประชาสัมพันธ์ยังถูกเก็บดองไว้ เนื่องจากระดับปฏิบัติการยังคงได้รับคำสั่งจากการเมืองเบื้องบนให้ทำสเปก โดยล็อกงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วเหมือนเดิม พร้อมกับมีการยัดไส้อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเข้าไปรวมในการจัดซื้อ จนทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นสูงเป็นอย่างมาก โดยจะสังเกตได้ว่าผู้ประกอบการรายอื่น เช่น ททบ.5 และ TPBS ซึ่งต้องเปลี่ยนอุปกรณ์จากระบบอนาล็อคเป็นดิจิตอลใหม่ทั้งหมดเหมือนกับในกรณีของกรมประชาสัมพันธ์ แต่ก็ยังสามารถซื้ออุปกรณ์ได้ในราคาเพียงครึ่งหนึ่งของงบประมาณกรมประชาสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่เป็นการจัดซื้อในจำนวนสถานีที่มากกว่าเกือบเท่าตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น