xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 24 พ.ย.-1 ธ.ค.2556

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1.“ในหลวง” เสด็จออกมหาสมาคม 5 ธ.ค.วังไกลกังวล พร้อมเปิดให้พสกนิกรรับเสด็จ 1,500 คน!

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ,นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ,นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2556

หลังประชุม นายธงทอง กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังออกหมายกำหนดการออกมหาสมาคม ณ ท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล ในวันที่ 5 ธ.ค. และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังอัญเชิญพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พร้อมด้วยเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค แวดล้อมด้วยต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ไปประดิษฐานด้วย นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของประเทศไทยที่ต้องจารึกไว้ว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธ.ค.นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ ท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล เป็นครั้งแรกของการครองสิริราชสมบัติ

ด้านนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง เผยหมายกำหนดการในวันที่ 5 ธ.ค.ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากวังไกลกังวลให้ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จตลอด 2 ฝั่งถนนเพชรเกษมได้ชื่นชมพระบารมี ก่อนรถยนต์พระที่นั่งจะเข้าเทียบที่ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าเฝ้าฯ ณ ท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม ประมาณ 800 คน และเปิดโอกาสให้ประชาชนประมาณ 1,500 คน สามารถเข้าเฝ้ารับเสด็จภายในรั้ววังไกลกังวลได้

ขณะที่นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เผยว่า วันที่ 5 ธ.ค.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จะถ่ายทอดเสียงพระราชพิธีจากวังไกลกังวลด้วย

2.“สุเทพ” แถลงผ่านฟรีทีวี ย้ำพิทักษ์ รธน.-ปฏิรูป ปท. เผย คุย “ยิ่งลักษณ์” ต่อหน้า ผบ.เหล่าทัพแล้ว ด้านการ์ดแดง ยิง นศ.รามฯ ตาย-เจ็บเพียบ!
 (บนซ้าย) มวลมหาประชาชนนับล้านเมื่อ 24 พ.ย.(บนขวา) ผู้บาดเจ็บจากกรณีที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา 1 ธ.ค.(ล่างขวา) นศ.รามฯ ถูกยิงบาดเจ็บและเสียชีวิตในมหาวิทยาลัย(ล่างซ้าย) มือยิง นศ.คาดว่าเป็นนักรบพระองค์ดำ พิษณุโลก การ์ดเสื้อแดง
ความคืบหน้าหลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมราชดำเนิน ได้นัดรวมพลวันที่ 24 พ.ย.เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ปรากฏว่า เมื่อถึงกำหนด ได้มีประชาชนทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดหลั่งไหลมาชุมนุมที่ถนนราชดำเนินอย่างล้นหลามนับล้านคน แม้รัฐบาลจะพยายามขวางการเดินทางเข้า กทม.ของคนต่างจังหวัด ด้วยการโรยตะปูเรือใบที่ จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้รถบัสที่ผู้ชุมนุมนั่งมา รวมทั้งรถส่วนตัวของบุคคลทั่วไปต้องจอดเปลี่ยนยางไปหลายสิบคัน ก็ไม่สามารถสกัดผู้ชุมนุมได้ ทั้งนี้ ภาพคลื่นมหาชนในวันดังกล่าวแน่นตลอดเส้นทางราชดำเนินตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ยาวไปจนถึงท้องสนามหลวง ล้นออกไปถึงสะพานพระปิ่นเกล้า นอกจากนี้ถนนที่แยกจากถนนราชดำเนินทุกสายก็เต็มไปด้วยมวลชน ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมเรียกเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ว่า เป็น “วันมวลมหาประชาชน”

จากนั้นวันต่อมา(25 พ.ย.) ผู้ชุมนุมที่ราชดำเนินได้แบ่งสายดาวกระจายไปยังสถานที่ราชการต่างๆ โดยนายสุเทพนำผู้ชุมนุมไปปักหลักชุมนุมภายในบริเวณกระทรวงการคลัง ขณะที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ไปปักหลักภายในบริเวณกระทรวงการต่างประเทศ ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หาวิธีสกัดม็อบอีกด้วยการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทั่วพื้นที่ กทม.จากเดิมที่ประกาศครอบคลุมแค่ 3 เขต นอกจากนี้ยังประกาศเพิ่มในพื้นที่ จ.นนทบุรี ,อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีด้วย

ด้านผู้ชุมนุมไม่สน ยังคงเดินหน้าดาวกระจายกระทรวงที่เหลือ ขณะที่ตำรวจก็หาทางเล่นงานนายสุเทพ ด้วยการขอศาลออกหมายจับ 2 คดี คือคดีนำผู้ชุมนุมปิดล้อมสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และคดีนำผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนี้ตำรวจยังได้ขอศาลออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมอีกหลายคนด้วย

ทั้งนี้ นายสุเทพ ปราศรัยว่า การจะขจัดระบอบทักษิณได้ ต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ เช่น ต้องวางกฏเกณฑ์ให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่โกงไม่ซื้อเสียง และต้องไม่ให้คนชั่วเข้ามานั่งในรัฐสภา ,ต้องเปลี่ยนแปลงไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนปัจจุบันและต้องออกกฎหมายให้คดีทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีหมดอายุความ ,ต้องให้ประชาชนยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีได้ ฯลฯ และว่า เมื่อระบอบทักษิณหมดไป จะจัดตั้งสภาประชาชนขึ้นมาทันที

วันต่อมา(27 พ.ย.) นายสุเทพ ได้นำมวลชนเดินเท้าจากกระทรวงการคลังไปปักหลักที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมประกาศว่า มวลชนที่ต่างจังหวัดสามารถยึดศาลากลางจังหวัดได้ครึ่งประเทศแล้ว เพื่อให้ข้าราชการหยุดงานมาร่วมชุมนุมกับพี่น้องประชาชน ไม่ทำงานสนองรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมแล้ว

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงผ่านทีวีพูลเมื่อวันที่ 28 พ.ย. โดยยืนยันว่า รัฐบาลตนได้รับเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และว่า รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอ ข้อเรียกร้องของประชาชนทุกกลุ่มที่ชุมนุมและยึดสถานที่ราชการอยู่ แต่ยืนยันว่า ข้อเรียกร้องที่จะให้มีการจัดตั้งสภาประชาชน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้

ขณะที่นายสุเทพ ได้ประกาศตั้ง “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือ กปปส. โดยมี นายสุเทพ เป็นเลขาธิการ ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนของกลุ่มองค์กรประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ ที่ได้ร่วมมือต่อสู้เพื่อขจัดระบอบทักษิณในครั้งนี้ เช่น ตัวแทนนักวิชาการ นำโดย ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณพิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) กลุ่ม คปท. กลุ่มประชาคมนักธุรกิจสีลม เครือข่ายนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย กองทัพธรรม กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ฯลฯ พร้อมกำหนดวันประกาศชัยชนะของมวลมหาประชาชนในวันที่ 1 ธ.ค.

ขณะที่แกนนำ นปช.ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานได้ประกาศระดมพลคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดให้เข้ามาชุมนุมให้มากที่สุดในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อแสดงพลังปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่า การที่คนเสื้อแดงนัดชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถือว่าอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่นักศึกษามีการตั้งเวทีชั่วคราวต่อต้านระบอบทักษิณ โดยได้เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันเมื่อการ์ดคนเสื้อแดงได้ตบนักศึกษาหญิงที่แขวนนกหวีดที่ศูนย์หนังสือของมหาวิทยาลัย รวมทั้งได้มีการฉีกรูปพ่อขุนรามคำแหง หลังจากนั้นยังมีการ์ดเสื้อแดงพยายามมาก่อกวนนักศึกษา จนนักศึกษาต้องพากันขับไล่

กระทั่งช่วงค่ำวันที่ 30 พ.ย.ได้มีชายฉกรรจ์ยิงปืนเข้าไปในมหาวิทยาลัยจากด้านหลังมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นรอยต่อกับสนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่งผลให้นักศึกษาเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยนักศึกษาที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนยิงแต่งกายคล้ายตำรวจและกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้ เสียงปืนและเสียงคล้ายระเบิดดังเป็นระยะๆ ตลอดคืนเรื่อยไปจนถึงช่วงสายของวันที่ 1 ธ.ค. โดยมีรายงานว่าไม่มีตำรวจเข้าไปให้ความช่วยเหลือนักศึกษาแต่อย่างใด ด้านกรุงเทพมหานครและกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ได้นำรถเข้าไปรับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยออกมาเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 ธ.ค. ขณะที่ศูนย์เอราวัณ รายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 57 คน อย่างไรก็ตาม ภายหลังพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย โดยเสียชีวิตคาซากรถบัสที่ถูกเผาอยู่หน้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดการยิงนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงจนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ปรากฏว่า มีช่างภาพสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สามารถถ่ายภาพมือปืนที่ยิงเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยได้ โดยชายดังกล่าวสวมเสื้อสีดำ ด้านหลังมีสัญลักษณ์ เหมือนกับสัญลักษณ์ของ “นักรบพระองค์ดำ พิษณุโลก” ที่กลุ่มเสื้อแดงนำมาเป็นการ์ด โดยแกนนำของนักรบพระองค์ดำฯ นี้ เคยพบ พ.ต.ท.ทักษิณและถ่ายรูปคู่กัน นอกจากนี้ช่อง 7 ยังจับภาพชายชุดดำที่อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงไว้ได้ด้วย

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุยิงนักศึกษารามฯ โดยคาดว่าเป็นฝีมือการ์ดเสื้อแดงแล้ว ปรากฏว่า แกนนำ นปช. รีบประกาศยุติการชุมนุมที่ราชมังคลากีฬาสถานเพื่อให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน โดยอ้างว่าไม่อยากให้เป็นภาระต่อรัฐบาล

ส่วนสถานการณ์การชุมนุมของ กปปส.เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ปรากฏว่า แกนนำได้มีการแบ่งผู้ชุมนุมแยกย้ายกันเคลื่อนไปยังสถานที่ราชการต่างๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,กองบัญชาการตำรวจนครบาล ,ทำเนียบรัฐบาล ,กระทรวงมหาดไทย ,กระทรวงพาณิชย์ ,ทีวีช่อง 3-5-7-9-11และไทยพีบีเอส

โดยในส่วนของทีวีช่องต่างๆ นั้น แกนนำผู้ชุมนุมได้เจรจากับทางผู้บริหารสถานี เพื่อขอให้ถ่ายทอด
การแถลงของ กปปส. ซึ่งสามารถเจรจาได้สำเร็จ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ ทางแกนนำสามารถเจรจากับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่ประจำอยู่ในกระทรวง เพื่อขอเข้าไปชุมนุมอยู่ภายในบริเวณกระทรวง โดยยืนยันว่าจะไม่เข้าไปภายในอาคารและไม่สร้างความเสียหาย ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และทำเนียบรัฐบาลนั้น ผู้ชุมนุมไม่สามารถฝ่าด่านแบริเออร์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นไว้ได้ โดยทันทีที่ผู้ชุมนุมเริ่มจะเดินเข้าหาแบริเออร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะยิงและขว้างแก๊สน้ำตาเข้าใส่ทันที ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมด้วย โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำที่เจ้าหน้าที่ฉีดใส่ผู้ชุมนุมมีการผสมสารเคมีสีม่วง ซึ่งคาดว่าอาจเป็นแก๊สน้ำตา เพราะเมื่อถูกผิวหนังจะมีอาการแสบร้อน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมด้วย

ด้านผู้ชุมนุม ได้นิมนต์หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ด้วย ให้ช่วยพูดกับตำรวจให้หยุดยิงแก๊สน้ำตา แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเจ้าหน้าที่ยังคงยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แม้เวลาจะมืดค่ำแล้วก็ตาม ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมบางรายถูกกระสุนแก๊สตาเข้าที่ศีรษะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่บางรายมีแผลที่ท้อง คล้ายถูกกระสุนยางของเจ้าหน้าที่

ด้านนายสุเทพ ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ออกฟรีทีวี โดยย้ำว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์-ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล-ส.ว.เสียงข้างมาก ละเมิดรัฐธรรมนูญด้วยการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าขาดความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกหมู่เหล่าร่วมพิทักษ์รัฐธรรมนูญให้การปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขาดความชอบธรรมทางการเมืองพ้นไปจากแผ่นดินไทย และร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นสังคมที่เป็นธรรม ประชาชนมีความมั่นคงและเป็นสุข พร้อมขอให้สื่ออุทิศตนเป็นสื่อของประชาชนด้วยการถ่ายทอดคำแถลงของ กปปส. และงดออกอากาศฝ่ายรัฐบาล เพราะมีแต่จะสร้างความสับสนให้สังคม พร้อมขอให้วันที่ 2 ธ.ค.เป็นวันหยุดราชการ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ต่อมา รัฐบาลได้เปิดแถลงผ่านทีวีพูลตอบโต้ว่า นายสุเทพเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ไม่มีอำนาจมาบอกให้ทีวีงดออกข่าวรัฐบาล พร้อมอ้างว่ากรณีที่ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ได้ประกาศ แต่เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา พร้อมเตือนประชาชนให้งดออกจากบ้านหลัง 22.00น.-05.00น.โดยอ้างว่าการข่าวพบว่ามีมือที่สามพยายามก่อความไม่สงบ อาจใช้อาวุธทำร้ายประชาชนเพื่อสร้างความเกลียดชังรัฐบาล

ด้านนายสุเทพ ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ออกฟรีทีวีว่า เมื่อประมาณ 20.30น.(1 ธ.ค.) ตนได้พบและพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อหน้าผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า ขณะนี้ประชาชนได้ลุกขึ้นทวงคืนประเทศไทยจากระบอบทักษิณอย่างเปิดเผยและกล้าหาญ โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยประชาชนเอง ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ฟังเสียงประชาชน ยอมส่งมอบอำนาจให้ประชาชนโดยดี เราก็จะปฏิบัติต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยความเป็นสุภาพชน ประชาชนไม่พึงพอใจการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ หรือลาออก แต่ต้องการปฏิรูปบ้านเมือง เมื่อเรียบร้อย จึงค่อยคืนอำนาจการตัดสินให้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย แล้วพรรคการเมืองใดสมัครเลือกตั้งต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์

นายสุเทพ ย้ำด้วยว่า การหารือครั้งนี้ ไม่มีข้อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้่น พร้อมยืนยัน สิ่งที่ดำเนินการมาต้องเสร็จสิ้นเรียบร้อยภายใน 2 วันนี้ นายสุเทพ ยังเผยด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้พูดต่อหน้าผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพและนายกฯ ว่า ไม่ต้องการเห็นประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพราะกองทัพยืนอยู่ข้างประเทศไทย ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้ขอให้ข้าราชการยืนข้างประชาชน และพร้อมใจกันหยุดงานตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.เป็นต้นไป

3.ตามคาด สภาเสียงข้างมากโหวตหนุน “ยิ่งลักษณ์-จารุพงศ์” ผ่านฉลุยศึกซักฟอก!
บรรยายกาศการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภาของฝ่ายค้านและการชี้แจงของนายกฯ
เมื่อวันที่ 26-27 พ.ย.ได้มีการประชุมสภาเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.146 คนเสนอ

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ อภิปรายว่า นายกฯ เป็นศูนย์กลางของการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งระบบ มีตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง ,การทุจริตเชิงนโยบาย ,การทุจริตด้วยการเลี่ยงระบบงบประมาณ ,การวางแผนทำลายกลไกการตรวจสอบการทุจริต และการตรากฎหมายเพื่อเอื้อให้มีการทุจริต ซึ่งการทุจริตดังกล่าวทำให้ประชาชนออกมาต้านนับล้านคนเมื่อวันที่ 24 พ.ย. บวกการที่คนในรัฐบาลประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและความพยายามก่อนหน้านี้ที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงเป็นที่มาของการประท้วงรูปแบบต่างๆ ในขณะนี้ และอาจจะนำไปสู่สภาวะรัฐล้มเหลว

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงโดยอ้างว่า ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของประเทศไทยในปี 2554 อยู่ที่ 3.4 แต่ในปี 2555 อยู่ที่ 3.7 และว่า ค่าสูงหมายถึงมีการคอร์รัปชั่นต่ำลง พร้อมย้ำว่า กฎหมายนิรโทษกรรมไม่ได้มีบทบัญญัติใดที่ให้คืนทรัพย์สินแก่ใคร และวุฒิสภาก็ไม่ได้รับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายกรณีที่นายกฯ ต้องอ่านโพยตลอด ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ แต่รัฐมนตรีก็รักทุกคน เพราะไม่มีรัฐมนตรีคนใดชอบนายกฯ ที่ฉลาด และว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ได้ลงข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์มาที่พรรคและ ครม.ก็เพราะนายกฯ ไม่ฉลาด ไม่เป็นตัวของตัวเอง อาศัยแสงสว่างจากพี่ชาย

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงโดยยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีมีเพียงคณะเดียว โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล “ที่กล่าวว่าดิฉันโง่นั้น คงไม่ตอบ เพราะคงยากที่จะอธิบาย ถ้าไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากไม่ได้ร่วมงานกันอย่างจริงจัง ดิฉันเน้นเรื่องผลในการทำงานที่ตอบโจทย์ปัญหาประชาชนได้”

สำหรับการอภิปรายวันที่สอง(27 พ.ย.)นั้น ไฮไลต์อยู่ที่การอภิปรายเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งผู้อภิปรายคือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และมีการเจาะลึกถึงการระบายข้าวด้วยวิธีนำไปทำข้าวถุง โดย นพ.วรงค์ อภิปรายแฉว่า รัฐบาลขายข้าวให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) เพื่อทำข้าวถุง 3 แบบ คือ ข้าวถุงถูกใจ ข้าวถุงธงฟ้า และข้าวถุง อคส. ซึ่งส่วนใหญ่ทำชนิด 5 กก.ดังนั้นข้าว 1 ตัน จะทำข้าวถุงได้ 200 ถุง และว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธาน มีมติอนุมัติงบจัดทำข้าวถุงทั้งหมด 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2554-2555 รวม 2.5 ล้านตัน

นพ.วรงค์ อภิปรายต่อว่า จากการตรวจสอบสัญญาของ 6 บริษัทที่เข้าร่วมทำข้าวถุง พบว่าเป็นสัญญาแบบปลายเปิด ซึ่งส่อทุจริตชัดเจน เพราะไม่ระบุในสัญญาว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด ทำให้เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้ว แต่การดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ การให้เบิกข้าวออกไปเท่ากับเป็นการฝากปลาย่างไว้กับแมว พร้อมกันนี้ นพ.วรงค์ ได้จี้ให้นายกฯ ตอบ 3 ข้อ คือ 1.ทำไมอนุมัติข้าวแบบพร่ำเพรื่อเหลื่อมซ้อนกัน ทำไมไม่ทำเป็นรายสัญญา 2.ทำไมจึงเป็นสัญญาแบบปลายเปิด ไม่มีวันสิ้นสุดสัญญา และ 3.สัญญาที่ไม่มีการลงนามจากตัวแทนฝ่ายรัฐเกิดขึ้นได้อย่างไร

นอกจากนี้ นพ.วรงค์ ยังอภิปรายแฉด้วยว่า ในคณะกรรมการ อคส.มีประธานกรรมการเป็นเด็กนายใหญ่ มีรองประธาน อคส.เป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ “หมอโด่ง” นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และว่า ที่ผ่านมา บริษัท โชควรลักษณ์ ที่มี “เสี่ยเปี๋ยง” ผู้ใกล้ชิดนายใหญ่เป็นตัวแทนหาประโยชน์ แต่ขณะนี้มีตัวละครใหม่คือ บริษัท สิงโตทองไรซ์ จ.กำแพงเพชร มี “เสี่ยหรั่ง” ที่คนในวงการรู้ดีว่า มีรัฐมนตรี “ว” สายตรง “เจ๊ ด” เป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่ได้รับโควต้าทำข้าวถุงถึง 1.5 แสนตัน

ด้านนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รีบขอใช้สิทธิถูกพาดพิง โดยชี้แจงว่า นพ.วรงค์พยายามผูกเรื่องให้ตนเข้าไปเกี่ยวข้อง พร้อมยืนยัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น และว่า หาก นพ.วรงค์มีหลักฐาน ก็ยินดีพิสูจน์ทุกรูปแบบ

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงเรื่องทุจริตจำนำข้าวโดยยืนยันว่า ได้สั่งการให้มีการดูแลทุกขั้นตอนไม่ให้มีการรั่วไหลและทุจริต ส่วนประเด็นเรื่องข้าวถุง ยืนยันไม่รู้จักชื่อบุคคลหรือบริษัทที่ นพ.วรงค์ได้เอ่ยมาเลย และว่า หากมีปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริต การรั่วไหล ยินดีจะดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีละเว้น

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็นประธาน กขช. พยายามลุกขึ้นชี้แจงด้วย แต่ถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ประท้วง เนื่องจากในการอภิปรายไม่ได้พาดพิงนายนิวัฒน์ธำรง และควรให้นายกฯ ชี้แจงด้วยตัวเอง แต่ประธานที่ประชุมพยายามตัดบทให้ฟังนายนิวัฒน์ธำรงก่อน ส่งผลให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจ จึงประท้วงอีก และมีการตะโกนขับไล่นายกฯ พร้อมกล่าวว่า “ถ้าตอบไม่ได้ก็ลาออกไป” สุดท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ได้ตอบในส่วนของเนื้อหาไปหมดแล้ว และในฐานะนายกฯ ซึ่งเป็นประธาน กขช.ได้มอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรงเป็นประธานในการประชุม กขช.ทุกครั้ง และยืนยันว่า รัฐบาลกำกับทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้มีการทุจริต

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103 ระบุห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด และต้องรับโทษตามมาตรา 122 พร้อมอภิปรายแฉว่า นายจารุพงศ์กำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งมีบริษัท อีสท์ วอเตอร์ เป็นบริษัทลูก ซึ่งมีใบเสร็จหลายรายการว่าบริษัท อีสท์ วอเตอร์ ได้พาคณะของนายจารุพงศ์ไปต่างประเทศหลายครั้ง พร้อมยกตัวอย่างว่าไปที่ไหนบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ด้านนายจารุพงศ์ ชี้แจงโดยยอมรับว่า ได้เดินทางไปต่างประเทศจริง แต่อ้างว่า บริษัท อีสท์ วอเตอร์ เชิญไปดูงาน และตนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง

ทั้งนี้ หลังการอภิปราย 2 วันเสร็จสิ้น ได้มีการลงมติในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งผลเป็นไปตามคาด คือเสียงข้างมากในสภาฯ โหวตไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายจารุงพงศ์ โดยที่ประชุมมีมติไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยคะแนน 297 เสียง ไม่ไว้วางใจ 134 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 5 เสียง ขณะที่นายจารุงพงศ์ ที่ประชุมมีมติไว้วางใจ 296 เสียง ไม่ไว้วางใจ 135 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงมติ 4 เสียง

4.ปชป. มีมติไม่ลาออกจาก ส.ส. อ้างยังไม่ถึงเวลา เล็งปฏิรูปพรรคมุ่งสู่ปฏิรูป ปท. ชวน ปชช.ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลหน้าด้าน!

แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมกรรมการบริหารพรรค(28 พ.ย.)
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. หลังลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งสังคมจับตาว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะลาออกเพื่อไปร่วมต่อสู้กับนายสุเทพและอีก 8 อดีต ส.ส.หรือไม่ หลังประชุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคยืนยันเดินหน้าล้มล้างระบอบทักษิณ และเห็นว่า การเคลื่อนไหวของ ปชป.ต้องเข้มข้นมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ หมดความชอบธรรมแล้ว แม้จะชนะการลงมติไม่ไว้วางใจในสภา แต่การกระทำที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนคือการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับคนโกง รัฐบาลไม่สามารถทำให้กฎหมายนี้หายไปจากระบบสภา และการประกาศไม่รับอำนาจศาล เป็นเหตุผลให้คนจำนวนมากออกมาต่อต้านว่าในเมื่อรัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจศาล ก็ไม่มีเหตุผลที่ประชาชนจะรับอำนาจของฝ่ายบริหาร

นายอภิสิทธิ์ ยังชี้ด้วยว่า การแถลงข่าวของนายกฯ ไม่ได้แสดงออกถึงความสำนึกผิดต่อสิ่งเลวร้ายที่รัฐบาลนี้ได้กระทำ ยืนยันว่านายกฯ ไม่มีสิทธิมาเรียกร้องให้ผู้ใดยุติชุมนุม เพราะการชุมนุมโดยสันติวิธีเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 69 การใช้สิทธิของประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเป็นสิทธิอันชอบธรรม ซึ่งพรรคมีหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนที่เข้าไปชุมนุมว่าได้รับความปลอดภัย สามารถเข้าไปช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ได้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปฏิรูปพรรค โดยจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อรับรองข้อบังคับใหม่ในเร็วๆ นี้ เพื่อเปิดพรรคให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้าร่วมกิจกรรมได้ และจะอาศัยการปฏิรูปพรรคมุ่งไปสู่การปฏิรูปประเทศ

นายอภิสิทธิ์ ยังเผยด้วยว่า “ที่ประชุมเห็นชอบว่า การลาออกจาก ส.ส.ของพรรคเป็นทางหนึ่งในการต่อสู้ แต่ไม่ใช่เวลานี้ โดยถ้าเห็นว่าเมื่อใดที่มีเงื่อนไขว่าการลาออกจาก ส.ส.แล้วจะทำให้ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ล้มล้างระบอบทักษิณ ส.ส.ทุกคนพร้อมที่จะลาออกโดยไม่มีใครลังเล และแม้จะมีการลาออก ผมก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองในการนำสิ่งที่ถูกต้องมาสู่บ้านเมือง แต่วันนี้บทบาทการเคลื่อนไหวของพรรคในการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ไม่ได้หมายความว่าเป็นการยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลชุดนี้ เพราะเป็นสถานะที่ได้มาจากประชาชน ยืนยันว่าแนวทางของพรรคไม่ได้ขัดแย้งกับแนวทางของกลุ่มผู้ชุมนุม การปฏิรูปประเทศอาจมีรายละเอียดต่างกัน แต่เรามีเป้าหมายเดียวกัน”

นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำด้วยว่า “รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อประชาชนตามมาตรฐานสากล การที่รัฐบาลยืนยันไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ก็ถือเป็นเรื่องที่เราต้องผลักดันให้เขาเปลี่ยนใจ แสดงความรับผิดชอบว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว ...ดังนั้นขอให้ประชาชนออกมาให้มาก ให้รู้ไปว่าคนหน้าด้านจะชนะสำนึกของสังคมได้ และเวลาอยู่ข้างคนดีไม่ใช่คนเลว”
กำลังโหลดความคิดเห็น