โฆษกคณะกรรมการประชาชนเปลี่ยนแปลงประเทศไทยฯ โต้ ศอ.รส.ไม่เข้าใจมวลชนออกมาล้มล้างระบอบทักษิณแบบอารยะขัดขืนไม่ใช่ความรุนแรง ก่อนเคลื่อนขบวนยึด กสท โทรคมนาคม และทีโอที ควบคุบเครือข่ายโทรคมนาคมประเทศ ด้าน “สุเทพ” หารือ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ถึงแนวทางการเคลื่อนไหว ด้านมวลชนยังทยอยร่วมชุมนุมไม่ขาดระยะ
นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ให้สัมภาษณ์สายวันนี้ (30 พ.ย.) ถึงการออกมาแถลงของกลุ่ม ศอ.รส. นำโดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เป็นการสลับการทำหน้าที่ออกมาทำให้ประชาชนสับสน ซึ่งการแถลงการของ ศอ.รส.แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เข้าใจการออกมารวมตัวของประชาชน ทั้งที่ประชาชนได้แสดงออดอย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณแบบอารยะขัดขืน ไม่มีความรุนแรง ไม่ใช้อาวุธ หรือแบบสันติวิธี และแม้จะมีการทำผิดกฎหมายบ้าง แต่ทุกคนก็พร้อมยอมรับผิด
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมในวันนี้ เริ่มในเวลา 10.45 น. โดยตั้งขบวนที่ศูนย์ราชการเพื่อเดินทางไปยัง 2 องค์กร คือ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ในการควบคุมเครือข่ายโทรคมนาคมทั้งหมด และในวันพรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนขบวนใหญ่ใน 10 เส้นทาง คือ ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงศึกษาธิการ สวนสัตว์ดุสิต กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงการต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขานุการ กปปส. เข้าหารือกับหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่จำวัดอยู่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ โดยมีกลุ่มการ์ดดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด คาดว่าจะเป็นการปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องแนวทางการเคลื่อนไหวของมวลชน
ขณะที่ผู้ชุมนุมทยอยเข้าร่วมชุมนุมที่ศูนย์ราชการอย่างต่อเนื่อง ทางด้านของชุดรักษาความปลอดภัยของผู้ชมุนุม หรือกลุ่มการ์ดยังดูแลความเรียบร้อยของผู้ชุมนมโดยรอบของอาคารศูนย์ราชการ และในช่วงเช้านี้แกนนำเตรียมประกาศให้มวลชนดำเนินการตามแนวทางของกลุ่ม กปปส.ที่ให้เคลื่อนพลไปบุกยึดสถานที่ราชการหลายจุด ซึ่งในส่วนของถนนแจ้งวัฒนะจะมีศูนย์ราชการ ทีโอที และ กสท โทรคมนาคมด้วย
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้านี้ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนนำอาหารและเครื่องดื่มมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง
เวลา 11.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำเวทีราชดำเนิน ได้มีการขอความร่วมมือจากอาสาสมัครที่มีรถยนต์โดยขอจำนวน 40 คัน เพื่อนำมาขนส่งอาหารให้แก่ผูชุมนุม และให้มาเจอกับเจ้าหน้าที่ภายในวันนี้ เวลา 13.00น. เพื่อนัดแนะเส้นทาง การเคลื่อนย้ายคน และการดำเนินการต่างๆอีกครั้ง นอกจากนี้หากใครต้องการที่จะบริจาคอาหารและเครื่องดื่มให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลังเวทีโดยตรงเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11.11 น.ที่ผ่านมา มวลชนที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะได้เริ่มเคลื่อนขบวนที่จะไปยึด กสท และ ทีโอที
เวลา 11.23 น. มวลชนจากเวทีศูนย์ราชการ ซึ่งนำโดยนายชุมพล จุลใส แกนนำ ได้เดินไปที่หน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมส่งตัวแทนเข้าไปเจรจากับทางกรมฯ ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ข้าราชการภายในออกมา ทั้งนี้ได้ตั้งข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ส่งกุญแจไขเข้าตึก 2. ให้ตัวเเทนดีเอสไอเดินทางมาพบแกนนำเพื่อรับทราบ 3. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในตึก ปลดอาวุธ กระบอก ปีน โล่ เหลือเพียงเสื้อผ้าเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่าดีเอสไอรับใช้ระบอบทักษิณ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง สมควรลาออกจากตำแหน่ง โดยมติมวลชนได้ให้เวลาเจ้าหน้าที่ 15 นาที หากไม่ปฏิบัติตามจะพังประตูเข้าไป โดยซึ่งหากยอมเปิดประะตูมวลชนจะเข้าไปภายในตัวอาคารเท่านั้นและไม่ทำลายทรัพย์สิน หรือเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
แต่หลังจากเส้นตายก็ไม่พบเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ ผู้ชุมนุมจึงได้เปลี่ยนแผนไม่เข้าไปเนื่องจากกลัวข้าวของเสียหาย แต่ได้ใช่กุญแจคล้องล็อกประตูทางเข้าทุกบานเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานได้ โดยผู้ชุมนุมได้ยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูกระจกทางเข้าตัวอาคาร ก่อนนั่งลงหน้าสำนักงาน รวมทั้งมีช่างของทางผู้ชุมนุมพยายามใช้ลวดไขกลอนประตูเปิดประตูแต่ไม่สำเร็จ จึงเดินขบวนต่อไปยังบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
เวลา 11.45 น. ขบวนได้เคลื่อนไปที่ศูนย์บริการลูกค้า กสท.คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยแกนนำได้ขออาสาสมัครนำป้ายต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมมาปิดและนำโซ่คล้องไว้ที่ประตูของอาคารทำการศูนย์บริการลูกค้า
เวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สื่อต่างประเทศเดินทางเข้าบันทึกเทป เพื่อชี้แจงถึงภาพรวมของสถานการณ์ ภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) โดยมีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลา 12.14 น. มวลชนได้เดินทางไปถึงบริษัท ทีโอที โดยมีนายวุฒิดนัย ฐิตะกสิกร รอง กก. ผจก.ใหญ่ ฝ่ายบริการสังคม บ.ทีโอที ออกมาตัอนรับมวลชน พร้อมระบุว่าที่นี่เป็นที่ของพวกเราทุกคน ยินดีต้อนรับ แต่ขอความกรุณาอย่าบุกเข้าไปในอาคาร เพราะในนั้นไม่มีอะไร มีแต่อุปกรณ์สำนักงานเท่านั้น และเรามีเป้าหมายเดียวกัน และขอปรบมือให้กับมวลชนทุกคนด้วย
เวลา 12.29 น. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้พามวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อนำพวงหรีดไปวางไว้ให้กับกระทรวงศึกษาธิการ โดยไม่มีการบุกเข้าไปภายในกระทรวง ก่อนเคลื่อนกลับไปรวมกลุ่มที่เวทีราชดำเนิน
เวลา 12.30 น.มีรายงานว่า บริเวณแยกขัตติยานี ถ.สุโขทัย ซึ่งเป็นเส้นทางที่ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงใช้ในการสัญจรมาทำเนียบรัฐบาล และรัฐสถา ถูกกำแพงเหล็กปิดตายไม่ให้รถผ่านแล้ว พร้อมติดป้ายเป็นเขตใช้แก๊สน้ำตา
เวลา 12.42 น.การชุมนุมที่กระทรวงการคลัง หลังจากที่ นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำได้นำมวลชนเข้ายึดตึกทำงานของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง ในช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา วันนี้ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักชุมนุมกระจายตัวกันอยู่ภายในบริเวณโดยรอบกระทรวง ทั้งนี้ได้มีการระดมผู้ชุมนุมเพื่อซักซ้อมรับมือในกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม โดยระบุว่ากระทรวงการคลังจัดอยู่ในพื้นที่เปราะบางและเสี่ยงมากที่สุดจากทุกเวที ขณะที่แกนนำยังไม่มีการแจ้งภารกิจหรือแผนการเคลื่อนขบวนประจำวันให้กับผู้ชุมนุมได้รับทราบ แต่ได้แจ้งให้ผู้ชุมนุมมีการเตรียมพร้อมเคลื่อนพลตลอดเวลาทันทีที่แกนนำจากศูนย์ใหญ่ที่ศูนย์ราชการส่งสัญญาณ
เวลา 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง การชุมนุมของนักศึกษารามคำแหงเริ่มคักคัก มีนักศึกษาทยอยเข้าชุมนุม โดยแกนนำบนเวทีเรียกร้องให้ออกมาแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้แกนนำนปช.รับผิดชอบกรณีการ์ดคนเสื้อแดงตบนักศึกษาหญิง เหตุเพราะแขวนนกหวีดที่บริเวณศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อเย็นวานนี้ (29 พ.ย.) ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ประกาศหยุดการเรียนการสอนวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค นอกจากนั้นยกเลิกงานเดินวิ่งมินิมาราธอน 42 ปี รามคำแหงที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ด้วย ทั้งนี้พบว่ามีตำรวจจาก สน.หัวหมาก มาคอยดูแลเพียง 2 นาย
เวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้มาตรการในการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 33 กองร้อย สลับสับเปลี่ยนเวรตรึงกำลังรักษาความปลอดภัย ทุกทางเข้า-ออกในบริเวณพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งอยู่ติดกับเวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ประกาศจะนำมวลชนบุกยึดพื้นที่ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้
เวลา 14.13 น.มีรายงานว่า นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ในฐานะ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กำลังเดินทางจากเวทีนางเลิ้ง ไปดูสถานการณ์การชุมนุมหน้ามหาวิทยาลัยฯ ที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกรณีที่มีคนเสื้อแดงมาทำร้ายนักศึกษา
เวลา 14.50 น.นายสาทิตย์ กล่าวบนเวทีราชดำเนิน ยืนยันเส้นทางการเดินไป 3 จุดในวันพรุ่งนี้ ยังคงเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจุดเริ่มขบวนเฉพาะที่ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเริ่มตั้งขบวนที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ ในเวลา 09.00 น.ก่อนเคลื่อนขบวนในเวลา 10.45 น.นำโดยคณะแพทย์และพยาบาล ส่วนอีก 2 จุดทั้งกระทรวงแรงงาน และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังเริ่มต้นที่เดิม
เวลา 15.00 น.การชุมนุมของคปท. ที่แยกนางเลิ้งเป็นอย่างคึกคักผู้ชุมนุมยังทยอยเข้าพื้นที่ต่อเนื่อง ด้านนายอุทัย เปิดเผยถึงแผนการเคลื่อนไหววันพรุ่งนี้ว่า คปท. จะรับผิดชอบ 2 - 3 จุด โดยบริเวณสะพานเทวกรรมและสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ทำเนียบรัฐบาลนั้น ก็เป็นพื้นที่ของ คปท. อยู่แล้ว แต่อีก 1 - 2 จุดที่สำคัญนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งจะดำเนินการในวันที่ 1 ธ.ค. และจะยังไม่มีการประกาศบอกจะไปที่ใด จะทราบเมื่อไปถึงเป้าหมายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางแกนนำและคณะที่ปรึกษา จะมีการหารือกันว่าในวันนี้ (30 พ.ย.) จะมีการเคลื่อนไหวไปที่ใดหรือไม่ อย่างไรก็ตามในเย็นวันนี้ตนจะขึ้นเวทีปราศรัยที่ ม.รามคำแหง และร่วมทำกิจกรรมเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้รับรู้ว่า ชาวรามคำแหงไม่ยอมในการกระทำนี้ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใดเพราะนักศึกษาเป็นปัญญาชนผู้มีความรู้
เวลา 15.15 น.นายเอกนัฏ แถลงว่า ขณะนี้ผู้ชุมนุมได้ควบคุม กสท และ ทีโอที ได้แล้ว ยืนยันว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทำอย่างสันติ ไม่เหมือนกับกลุ่มที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปร่วมชุมนุมด้วย ซึ่งผู้ชุมนุมไม่มีการพกอาวุธ ไม่มีแกนนำถูกจับตัว กระทรวงการคลังยังไม่ถูกยึดคืน การประกาศของนายสุเทพ เมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนที่ศอ.รส.ประเมินตัวเลขผู้ชุมนุมแค่ 1 พันคนไม่เป็นความจริง เชื่อว่าเป็นการออกข่าวบั่นทอนกำลังของผู้ชุมนุม การดำเนินการเป็นไปตามแผน และจะทำต่อไปจนถึงวันพรุ่งนี้ ขอย้ำว่าไม่ได้บุกรุกสถานที่ราชการ แค่ไปควบคุมโดยไม่เกิดความเสียหาย เพื่อให้ข้าราชการมายืนเคียงข้างประชาชน เมื่อรัฐบาลไม่ฟังเสียงเรียกร้องก็ต้องตัดต้นตอของอำนาจระบอบทักษิณ เชื่อว่าจะได้รับความสำเร็จแน่นอน
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ชี้แจงถึงสาเหตุการออกมาต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เนื่องจากสื่อต่างประเทศ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดประชาชนจึงออกมาต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยชี้แจงว่า รัฐบาลมีการทุจริต คอรัปชั่น และบริหารประเทศล้มเหลว ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม จึงทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านเป็นจำนวนมาก
เวลา 15.15 น. นายสาทิตย์ ขึ้นเวทีอีกครั้งระบุว่าก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเพื่อตอบคำถามสื่อมวลชน และได้ใส่ร้ายคนชุมนุมว่ามีคนบุกเป่านกหวีดด.ช.ศุภเศกข์ ที่โรงเรียน ซึ่งเราได้ตรวจสอบแล้วไม่มี ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนของน้องไปป์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวทีนิวส์ ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
"นายกฯ ไม่ต้องตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เพราะการชุมนุมของพวกเรา ตลอด 31 วันยืนยันแล้วว่าเราชุมนุมโดยสงบ เรารู้ว่าเด็กไม่มีความผิดเราสามารถแยกแยะออกได้" นายสาทิตย์ กล่าว
เวลา 16.00 น.ที่กระทรวงการคลัง นายวิทยา แก้วภารดัย แกนนำได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่กระทรวงการคลัง เพื่อประกาศภารกิจของกลุ่มผู้ชุมนุมเวทีกระทรวงการคลังในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) โดยระบุว่า ในเวที 09.58 น. ตนจะนำมวลชนครึ่งหนึ่งที่ปักหลักอยู่ที่กระทรวงการคลัง เคลื่อนพลไปยึดกรมประชาสัมพันธ์ ขณะที่ แกนนำอีก 2 คน คือนายถาวร เสนเนียม จะเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และนายพุทธิพงศ์ ปุณณกัณฑ์ พร้อมผู้ชุมนุมบางส่วน จะเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภารกิจหลักของเวทีก.คลังได้รับมอบหมายในวันพรุ่งนี้คือการบุกยึดกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 5 นาที คู่ขนานไปกับการเคลื่อนพลของผู้ชุมนุมในเวทีอื่นและพี่น้องในต่างจังหวัดไปยังศาลากลางและหน่วยราชการจุดอื่นๆ
เวลา 16.45 น. เกิดเหตุความวุ่นวายที่บริเวณหน้า ม.รามคำแหง ในขณะที่ศิษย์เก่ากำลังปราศรัย หลังจากที่ผู้กำกับ สน.หัวหมาก ได้พบกับนายอุทัย เพื่อรับข้อเสนอในการดูแลความปลอดภัยของนักศึกษาและหาตัวผู้ทำร้ายนักศึกษา โดยมีรายงานอ้างว่า กลุ่มคนเสื้อแดง 2 คนบุกมาต่อยนักศึกษารามคำแหง บริเวณฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัย ทำให้ผู้ชุมนุมที่ฟังการปราศรัยได้เห็นเหตุการณ์ไม่พอใจต่างกรูเข้ามาทำร้ายบุคคลดังกล่าว มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย
เวลา 16.48 น. การ์ดนักศึกษารามคำแหง พยายามเชิญให้ผู้ชุมนุมเข้าสู่บริเวณหน้าหอนาฬิกาซึ่งเป็นบริเวณที่จัดปราศรัย แต่ก็เกิดเหตุการณ์กลุ่มจักรยานยนต์เสื้อแดง วิ่งวนมายั่วยุ ทำให้ผู้ชุมนุมต่างกรูเข้าไปพยายามจะทำร้าย
เวลา 16.49 น. เวทีราชดำเนิน ได้มีการลิงค์สัญญาณสดเหตุการณ์ปะทะกันที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้มวลชนได้ตะโกนโห่ร้องและเป่านกหวีด มือตบ อย่างดัง ขณะเดียวกัน นายสาทิตย์ ประกาศบนเวทีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้รู้ว่า ยิ่งลักษณ์ระบอบทักษิณโกหกที่สุด เพราะนางธิดา ถาวรเศรษฐ นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. ประกาศว่าจะชุมนุมอย่างสงบและไม่มีการเคลื่อนไหว ทั้งนี้สาเหตุที่เกิดการปะทะกัน เนื่องจากนักศึกษารามคำแหง ต้องการปกป้องสถาบัน ขณะที่คนเสื้อแดงในสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ถูกรัฐบาลใช้เครือข่ายของรัฐบาล ไปเกณฑ์คน และผสมกับอันธพาล ไปสร้างเรื่อง ดังนั้นถ้าเราไม่กำจัดระบอบทักษิณพวกนี้ก็จะมีการข่มขู่อยู่ตลอดเวลา เราทนต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นการข่มขู่คนไทย คนที่ปกป้องประชาธิปไตยต้องเคารพคนอื่น ขอให้กลุ่มนปช.มาดูเวทีราชดำเนิน นอกจากนี้อยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าไม่ต้องมาบีบน้ำตา แต่ขอให้ไปสั่งมวลชนนปช.และแกนนำ หยุดการกระทำ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์บานปลายอย่างแน่นอน
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้มีการพูดคุยกับแกนนำ โดยนายสุเทพ ระบุว่าในวันพรุ่งนี้จะมีการรวมตัวในเวลา 9.00 น. และเคลื่อนมวลชนทุกกลุ่ม เวลา 10.45 น.อย่างแน่นอน ส่วนต่างจังหวัดก็ให้ดำเนินการในการควบคุมพื้นที่ส่วนราชการ เช่น ศาลาว่าการกทม. เป็นต้น โดยให้ดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ และยืนยันว่าจะไม่มีการบุกรุกอาคารสถานที่ ทุกอย่างเป็นไปอย่างสันติ อหิงสา ไม่มีการยั่วยุ เราชุมนุม มา 31 วันแล้ว ไม่มีการบาดเจ็บล้มตายและไม่มีเหตุรุนแรงแม้แต่ครั้งเดียว จงยืนมั่นแนวทาง แล้วชัยชนะของเราต้องเกิดขึ้นอย่างขาวสะอาด อย่างไรก็ตามขณะนี้รัฐบาล ได้พยายามเกณฑ์เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายจังหวัด ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกคน จับตารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ บริเวณสนามหลวง โดยให้ไปต้อนรับและบอกให้อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องเคลื่อน รวมทั้งเชิญให้กลับบ้านทันทีจะได้ไม่ต้องมาสร้างแรงกดดัน
เวลา 16.50 น.ที่เวทีนางเลิ้ง แกนนำได้ประกาศรวมมวลชนตั้งแถว เพื่อเดินขบวนไปยังบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ จากนั้นก็นำกระสอบทรายวางทับบนแนวรั้วลวดหนาม และกำแพงแบริเออร์ โดยระบุว่า เพื่อให้สามารถเดินข้ามเข้าทำเนียบรัฐบาลได้ ทั้งนี้ได้มีการประกาศผ่านรถขยายเสียง ยืนยันว่า ในวันนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่เข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอบโต้กลับมาผ่านเครื่องขยายเสียงเช่นกัน ขอให้ประชาชนอย่าฟังคำยุยงจากแกนนำ เพราะกำลังทำผิดกฏหมาย และขอให้กลับที่ตั้งจุดชุมนุม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถวางกระสอบทราบจนเต็มแนวรั้วลวดหนาวได้สำเร็จ
เวลา 16.58 น.ที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างที่กลุ่มนักศึกษากำลังจะสลายเข้าสู่ที่ชุมนุม ได้เกิดเหตุการณ์รถแท็กซี่ซึ่งภายในบรรทุกคนเสื้อแดงนั่งอยู่ ขับผ่านมาบริเวณดังกล่าว เลยถูกนักศึกษาซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธแค้นบุกทุบรถ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เวลา 17.10 น. กลุ่มการ์ดนักศึกษา พยายามจับมือประสานกันบน ถ.รามคำแหง เพื่อควบคุมมวลชนเข้ากลับไปอยู่ในพื้นที่ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดเริ่มคลี่คลาย
เวลา 17.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนต่อไปยังแยกวัดเบญฯ เพื่อช่วยกันยกกำแพงแบริเออร์ ที่ขวางทางบนถนนพระราม 5 ทำให้ขณะนี้รถยนต์สามารถผ่านได้ปกติ ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายแบริเออร์ที่วางบนสะพานศรีอยุธยาออกส่วนหนึ่ง ต่อจากนั้น ผู้ชุมนุมสุภาพสตรีได้ตั้งแถว และโบกไม้โบกมืออำลาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเดินทางกลับที่ตั้งแยกนางเลิ้ง อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด มีการตอบโต้กันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมตลอดเวลา แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ
เวลา 17.30 น.พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศอ.รส. แถลงว่า สืบเนื่องจากกรณีกระทบกระทั่งกันบริเวณปากซอยรามคำแหง 53 ซึ่งเป็นเหตุเข้าใจผิดกัน จากนั้นมีคนบางกลุ่มมีความพยายามนำนักศึกษา 600 คน มาปิดประตูทางเข้าสนามรัชมังคลากีฬาสถาน ทางผบก.น.4 ได้นำกำลังตำรวจจำนวน 600 จะไปเป็นแนวมาสกัดกั้นไม่ให้กระทบกัน ล่าสุดตำรวจได้เจรจากับผู้แทนนักศึกษาเห็นว่าต่างฝ่ายต่างอยากชุมนุม ให้กั้นแนวบริเวณซอยรามคำแหง 53 เพื่อแยกการชุมนุมออกจากกัน ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลาย ปิดเส้นทางถนนรามคำแหง ตั้งแต่แยกลำสาลี - แยกรามคำแหงเป็นการชั่วคราวและจัดตำรวจจราจรไปดูแล
ส่วนจุดที่ 2 คปท.จำนวน 2,000 คนเข้าไปในแนวของตำรวจตรงจุดสะพานชมัยมรุเชษ ได้ใช้ถุงทรายวางซ้อนกันเพื่อเป็นฐานมาปีนข้ามเพื่อเข้าไปในแนวตำรวจ ตำรวจได้เจรจาว่าเป็นพื้นที่ห้ามเข้าให้ผู้ชุมนุมถอยไป ทั้งนี้เตรียมถอดภาพเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายฐานมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวาย
ล่าสุดได้ออกประกาศ ศอ.รส.ฉบับที่ 11/2556 เรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ โดยเนื้อหาหลักคือ ห้ามยานพาหนะใดๆที่บรรทุกเครื่องมืออุปกรณ์ที่นำมาใช้สนับสนุนเพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เช่น ทราย หรือ ปูนซีเมนต์ เป็นต้นโดยเฉพาะ 14 เส้นทางรอบทำเนียบ รัฐสภา บช.น. ตำรวจทุกนายมีความชอบธรรมตามกฎหมายที่จะจับกุมผู้ที่นำรถอุปกรณ์ เพื่อขัดขวางการทำงานตำรวจและได้ ประชุมผบ.กองร้อยทุกกองร้อยรับทราบประกาศแล้ว
เวลา 18.05 น. ที่เวทีราชดำเนิน ภายหลังจากที่มวลชนเวทีราชดำเนิน ลุกขึ้นยืนตรงเคารพธงชาติ ร่วมกันเสร็จแล้ว ได้มีการแสดงดนตรีบนเวที สร้างความคึกคักกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเพลงแน่นอก ต้องไล่ออก ที่มีการแต่งเพลงเลียนแบบเพลงแน่นอกของนางสาวสุธีวัน ทวีสิน หรือ ใบเตย อาร์สยาม ทำให้ผู้ชุมนุมโห่ร้อง เป่านกหวีด มือตบและลุกขึ้นเต้นกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ชุมนุมได้ทยอยเดินทางมารับฟังการปราศรัย ทำให้ถนนราชดำเนินทั้งเส้นแน่นขนัด
นอกจากนี้บนเวที ยังมีการประกาศให้ประชาชนที่รับชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอยู่ทางบ้าน ออกมาระดมพล เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนขบวนเพื่อเป้าหมายใหญ่ในการปิดฉากระบอบทักษิณที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (1ธ.ค.)
เวลา 18.10 น.ที่สตช.น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือขอกำลังทหารทั้ง สามเหล่าทัพ เพื่อมาป้องกันสถานที่ราชการบางพื้นที่โดยไม่มีอาวุธซึ่งเป็นการช่วยเหลือภายใต้ ศอ.รส. ส่วนการควบคุมดูแลทั้งหมดอย่างเป็นทางการยังเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ