ชาวบ้านภูมิซรอล ยกทีมเข้าพบ “วีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เพื่อเข้ามอบช่อดอกไม้และขอขอบคุณในการที่ว่าคดีความปราสาทพระวิหารไปในทิศทางที่ดี ทำให้ไม่มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างประเทศ ด้านทูตวีรชัยขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้นและยึดหลักสันติ
วันนี้ (21 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำประชาชนจากบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 80 คน เดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจกับคณะผู้แทนประเทศไทยในการต่อสู้คดีที่ประเทศกัมพูชายื่นขอศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี พ.ศ.2505 โดยมี นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะตัวแทนต่อสู้คดีดังกล่าว ให้การต้อนรับ
โดย นายประทีป กล่าวว่า พวกเราซาบซึ้งถึงความห่วงใยและความตั้งใจจริงของทีมกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทุกคนติดตามการถ่ายทอดสดคำตัดสินของศาลโลกอยู่เช่นกัน จึงอยากจะมาขอบคุณในความห่วงใยและความตั้งใจทำเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มความสามารถเช่นนี้ ซึ่งชาวบ้านทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ ขณะที่ นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย กล่าวว่า พวกท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำให้เป็นที่ประจักษ์ตามอย่างที่นายวีรชัยได้เคยพูดไว้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และก็เป็นไปตามนั้นจริงว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของเรา และพวกเราจะรักษาไว้
ด้าน นายวีรชัย กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าสิ่งที่บอกไปคือความจริง จึงขอให้วางใจได้ วันนั้นเคยบอกว่าคำตัดสินของศาลโลกจะไม่กระทบบ้านของชาวบ้านร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะภูมะเขือยังไม่ได้รับผลกระทบเลย ขอให้ทุกคนทราบว่าสิ่งที่กัมพูชาไม่ได้ 3 อย่าง คือ ไม่อาจจะอ้างเรื่องภูมะเขือ เรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) และแผนที่ 1:200,000 ยกเว้นเฉพาะบริเวณยอดเขาพระวิหาร ซึ่งต้องมีการเจรจากันต่อ ส่วนที่เราเสียคือเส้นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี พ.ศ.2505 ที่ศาลโลกบอกว่าไม่ตรง ส่วนจะใช้เส้นใดมาแทนนั้น ทั้ง 2 ประเทศต้องเจรจากันโดยสุจริต ขณะนี้เรากำลังทำงานกันอยู่ เมื่อมีคำตอบชัดเจน ก็จะแจ้งให้ทราบ และขอแสดงความยินดีที่เรื่องการค้าและเศรษฐกิจในบริเวณชายแดน 2 ประเทศยังเป็นไปด้วยดี และหวังว่าจะนำความมั่นคงมั่งคั่งมาสู่ประชาชนของ 2 ฝั่งชายแดนต่อไป
ทั้งนี้ได้มีตัวแทนชาวบ้านสอบถามว่าพื้นที่ภูมะเขือจะต้องเจรจากันหรือไม่ และบริเวณชายแดนที่ผามออีแดงยังมีเสาอากาศของทหารกัมพูชา จะเจรจากันอย่างไรต่อไป นายวีรชัย กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ แต่โดยหลักการเขาจะอ้างภูมะเขือไม่ได้แล้ว ส่วนบริเวณอื่นก็ต้องคุยกันอย่างสันติวิธี ใจเย็น และใช้ความอดกลั้น ภายใต้ความเป็นเพื่อนบ้านกัน ซึ่งขณะนี้จึงขอเวลาในการไตร่ตรองให้รอบคอบ
จากนั้นชาวบ้านภูมิซรอลได้ทยอยมอบดอกกุหลาบให้กับนายวีรชัย และนายณัฏฐวุฒิ ก่อนที่ทั้งหมดจะถ่ายรูปร่วมกันด้านหน้าอาคารที่ทำการกระทรวง
นายวีรชัย ให้สัมภาษณ์ว่า บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย เป็นพื้นที่ส่วนหน้าสุด และล่อแหลมที่สุดต่อการที่จะเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หากเกิดการกระทบกระทั่งกัน แต่เหตุการณ์ช่วงการอ่านคำพิพากษาของศาลศาลโลกผ่านไปด้วยดี ด้วยการประสานงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่แค่เพียงกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมีฝ่ายทหารและกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตนรู้สึกว่าประชาชนคงดีใจ เพราะตอนนี้สามารถไปหาสู่กันหรือประกอบอาชีพได้ตามปกติ ไม่ต้องย้ายหนีไปไหน สำหรับการที่ชาวบ้านภูมิซรอลมาเยี่ยมเยียนเราครั้งนี้เป็นการตอบแทนต่อการที่ตนและรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเคยเดินทางไปเยี่ยมเยียนมาแล้วในช่วงก่อนและหลังการชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลโลก รวมถึงก่อนที่ศาลโลกอ่านคำตัดสินคดี ทั้งนี้ เรามีแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านอีกในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าแม้เราสู้คดีอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เรายืนอยู่ที่จ.ศรีสะเกษ
นายวีรชัย กล่าวอีกว่า ขั้นตอนดำเนินการในขณะนี้เป็นการศึกษาคำพิพากษาของศาลโลก ซึ่งมีความคืบหน้าดีมาก ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ สำหรับประเด็นที่ศาลระบุว่าให้ทั้ง 2 ประเทศไปตกลงกันให้ได้นั้น เราเริ่มมีภาพชัดขึ้นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งนี้เราจะเดินทางไปประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายชาวต่างประเทศ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ในประเทศแถบยุโรป จากนั้นจะนำมากลับรายงานต่อรัฐบาลเพื่อกำหนดท่าทีของไทยต่อไป
