ส.ว.สรรหา ยันฟังคำพิพากษา ไทยเสียดินแดน 600 กว่าไร่บวกลบ เผยเขมรบรรลุเป้าหมายได้พื้นที่ยอดเขาพระวิหาร ส่งผลขึ้นมรดกโลกฝ่ายเดียวสำเร็จ ชี้เป็นการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เสนอให้รัฐบาลรับปากเจรจาเขมรต้องอความเห็นชอบจากสภาทุกขั้นตอน
วันนี้ (13 พ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติว่า เมื่อปี 2505 เมื่อศาลตัดโลกสินไทยแพ้ทำให้เสียพื้นที่จำนวน 153 ไร่ คนไทยเสียใจทั้งประเทศและบอกว่าศาลพระภูมิน่าเชื่อถือว่าศาลโลก มาถึงคำพิพากษาวันนี้กลับบอกว่าเป็นผลดีกลับไทยและเสียดินแดนเล็กและแคบๆ ตนไม่เห็นด้วย เพราะครั้งนี้จะเสียพื้นที่มากกว่าเดิม หรือประมาณ 600 กว่าไร่บวกลบเมื่อฟังจากคำพิพากษา
ส.ว.สรรหา กล่าวว่านาทีนี้หรือเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาอาจไม่ต้องการพื้นที่ 4.6 ตร.กม. แต่ต้องการแค่ให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทเขาพระวิหารเสร็จสมบูรณ์ เพราะที่ผ่านมายังมีปัญหาเพราะอาณาบริเวณติดขัดอยู่ ถือเป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจ เมื่อศาลโลก ตัดสินให้พื้นที่ยอดเขาพระวิหาร Promontory ไปแล้ว คงกินพื้นที่ บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และถนนจากบ้านโกมุยที่เขมรสร้างขึ้นมายังเขาพระวิหาร และหากเรายอมทำตามคำพิพากษา ก็ทำให้แผนการจัดการฝ่ายเดียวของกัมพูชาสำเร็จ และสามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทเขาพระวิหารฝ่ายเดียวได้ ถือเป็นการล่าอาณานิคมยุคใหม่
"ศาลได้ตีความนับดินแดน เริ่มนับจากยอดเขาพระวิหาร ตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ตร.กม. ไปถึงเชิงเขาภูมะเขือ และไม่บอกว่าภูมะเขือเป็นของใคร จะเป็นปัญหาในเจรจาเส้นเขตแดนต่อไปแน่นอน อยากถามว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร อาทิ กาจัดกำลังในพื้นที่และถอนกำลังทหาร เพราะถือว่าเราเสียเปรียบเพราะอยู่พื้นที่ราบและอีกฝ่ายอยู่บนยอดเขาพระวิหาร นอกจากนี้ยังเสนอให้รัฐบาลรับปากว่าการเจรจากับกัมพูชาทั้งทางบกและทะเล จะต้องนำเรื่องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาทุกขึ้นตอน" นายคำนูณ กล่าว
