ASTVผู้จัดการ – ผลสำรวจนิด้าโพลเรื่อง “ตำรวจจราจรกับการรีดไถเงิน” พบ ประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะ 1 ใน 3 เคยถูกรีดไถ ส่วนใหญ่เห็นสาเหตุมาจากนิสัยส่วนตัวของตำรวจ และรายได้ของตำรวจที่ค่อนข้างน้อย เผยผู้ขับขี่ยานพาหนะ 12.53% เสนอควรโอนงานจราจรให้กับท้องถิ่น เช่น กทม. อบจ. อบต. ดำเนินการ
วันนี้ (12 พ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ตำรวจจราจรกับการรีดไถเงิน” โดยนิด้าโพลทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9 – 10 พฤษภาคม 2556 จากประชาชนที่ขับขี่ยานพาหนะ ทั่วประเทศ ทุกภูมิภาค จำนวน 1,253 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ เกี่ยวกับกรณีที่มีตำรวจจราจรตรวจจับผู้ขับขี่รถบนท้องถนนและมีการรีดไถประชาชน โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานไม่เกิน ร้อยละ 1.4
จากการสำรวจการขับขี่ยานพาหนะของประชาชน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.14 ขับขี่ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ รองลงมา ร้อยละ 44.26 เป็นรถยนต์ส่วนบุคคล (ร้อยละ 23.20 เป็นรถกระบะ ร้อยละ 21.06 เป็นรถเก๋ง) ร้อยละ 1.99 เป็นรถบรรทุก 6 - 10 ล้อ ร้อยละ 1.10 เป็นรถตู้ และร้อยละ 0.52 เป็นรถโดยสาร
สำหรับ ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะ เกินครึ่งหรือร้อยละ 66.24 ระบุว่า ไม่เคยมีประสบการณ์ในการถูกตำรวจจราจรรีดไถเงิน รองลงมา ร้อยละ 26.42 มีประสบการณ์นานๆ ครั้ง ร้อยละ 5.99 บ่อยครั้ง และร้อยละ 1.36 ระบุว่าถูกรีดไถเป็นประจำ
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.21 ระบุว่า สาเหตุที่ตำรวจจราจรบางคนชอบรีดไถเงินกับผู้ขับขี่ยานพาหนะ เป็นเพราะว่า นิสัยส่วนตัวของตำรวจบางคน ร้อยละ 17.80 เพราะเงินเดือนน้อย ร้อยละ 17.61 เพราะต้องหาเงินส่งตามคำสั่ง และร้อยละ 17.30 เพราะผู้ขับขี่เป็นคนเสนอ
เมื่อถามถึงผู้ที่ควรรับผิดชอบในกรณีที่ตำรวจจราจรรีดไถเงิน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.63 ระบุว่าต้องการให้รับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด รองลงมา ร้อยละ 20.11 เป็นตำรวจผู้รีดไถเงิน ร้อยละ 14.45 เป็นผู้กำกับการสถานี ร้อยละ 8.06 สารวัตรจราจรของท้องที่ที่เกิดเหตุ ร้อยละ 7.82 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และร้อยละ 0.96 อื่นๆ เช่น รัฐบาล กระทรวงยุติธรรม ตัวผู้ขับขี่พาหนะ
ท้ายสุด เมื่อถามถึงการแก้ไขเกี่ยวกับตำรวจจราจรรีดไถเงิน พบว่า ประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 36.31 เห็นว่าควรลงโทษตำรวจที่รีดไถเงินตามระเบียบวินัยตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือนไปจนถึงให้ลาออกจากราชการ รองลงมา ร้อยละ 17.48 ลงโทษผู้บังคับบัญชา ร้อยละ 12.53 โอนงานจราจรให้ท้องถิ่น เช่น กทม. อบจ. อบต. ดำเนินการ ร้อยละ 8.06 เพิ่มเงินเดือนหรือสวัสดิการให้กับตำรวจ ร้อยละ 1.20 ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจร หากถูกปรับก็ควรไปเสียค่าปรับที่โรงพัก ไม่ควรเสนอเงินให้กับตำรวจ และ ร้อยละ 2.95 อื่นๆ เช่น ไม่แอบซุ่มตรวจจับในที่ลับตาหรือยามวิกาล เพิ่มกฎหมายให้เข้มงวด แก้ไขกฎหมายจราจรให้ชัดเจน สร้างจิตสำนึกให้กับตำรวจ
ด้าน ผศ.ดร. สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “จากผลการสำรวจ เรื่อง “ตำรวจจราจรกับการรีดไถเงิน” พบว่า ถ้ามองในแง่ดี ผู้ขับขี่พาหนะถึงร้อยละ 66 ไม่เคยมีประสบการณ์ในการถูกตำรวจจราจรรีดไถเงิน แต่ถ้ามองกลับกัน มีผู้ขับขี่พาหนะอีกร้อยละ 30 ที่เคยถูกรีดไถเงินจากตำรวจจราจรซึ่งเป็นสถิติที่น่ากังวลมาก และสำหรับสาเหตุที่ตำรวจจราจารบางคนชอบรีดไถเงินนั้น ผู้ขับขี่ยานพาหนะเชื่อว่าเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของตำรวจบางคนนั่นแสดงว่าไม่ใช่วัฒนธรรมองค์กรของตำรวจจราจร และสามารถที่จะแก้ไขได้ ในขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงตัวเลข พบว่า ร้อยละ 17.30 ของผู้ขับขี่ยานพาหนะเป็นผู้เสนอเงินให้เอง จึงถึงเวลาแล้วที่ผู้ขับขี่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ไม่ทำผิดกฎจราจร และเมื่อกระทำผิดกฎจาจรก็ไม่ควรเสนอเงินใต้โต๊ะให้กับตำรวจจราจรแต่ยอมถูกปรับตามกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อถามถึงวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พบว่า มีผู้ขับขี่ยานพาหนะ ร้อยละ 12.53 ที่เสนอแนะว่าควรโอนงานจราจรให้กับท้องถิ่น เช่น กทม. อบจ. อบต. ดำเนินการ ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ไม่มา แต่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ตำรวจต้องลดภาระแล้วโอนงานให้ท้องถิ่นเพื่อให้ตำรวจจะได้มีเวลาในการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเต็มที่”