บ่องตง (บอกตรงๆ) ผมไม่คิดว่าศิษย์เก่าเครือผู้จัดการอดีตเจ้าของหนังสือและสำนักพิมพ์ open ที่ถือว่ามีฝีไม้ลายมือเข้าขั้นจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นใหม่เมื่อราวสิบปีที่แล้ว เป็นรุ่นพี่ที่เคยรู้จักมักคุ้นอย่างคุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา จะเป็นไปได้ขนาดนี้ กล่าวคือกระสันอยากจะให้มีการวิพากษ์สถาบันพระมหากษัตริย์โดยเสรี เป็นเป้าหมายหลักของชีวิต
ที่กล้าพูดเช่นนี้ก็เพราะได้ติดตามผลงาน ข้อเขียน และการพยายามนำเสนอประเด็นนี้ของคุณภิญโญ และเครือข่ายนักคิดนักเขียนที่แตกตัวมาจากสำนักคิดนี้มาโดยตลอด อาทิ ปราบดา หยุ่น และพวกนักเขียนสุดแนวต่างๆ
ได้เห็นกระบวนชุดความคิดและภารกิจที่คนกลุ่มนี้ในการพยายามที่จะอ้างว่าเป็นกลุ่มปัญญาชนหัวก้าวหน้า โดยพยายามสร้างบรรทัดฐานใหม่นี้ให้เกิดขึ้นแก่สังคมไทย กับข้ออ้างว่าเป็นการพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในระยะยาว ประมาณว่าถ้าสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเสรีจะทำให้ลดแรงกดดันที่สังคมมีต่อสถาบันได้ เป็นการเอาคำพูดในที่มืดมาถกเหตุผลกันในที่สว่าง
แนวคิดดังกล่าวของคุณภิญโญ และพรรคพวก ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นความประสงค์ดี แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกเด็กให้กินขนมหวานที่มีแต่สารพิษ เพราะปัญญาชน (ส้นตีน) เหล่านี้มีแต่ทฤษฎีบนโต๊ะชา ตามแบบบางประเทศทางตะวันตก แต่ไม่เคยมองป่าทั้งป่าซึ่งก็คือความเป็นจริงของสังคมไทยในแต่ละข้อดังนี้
ข้อแรก สังคมของประเทศตะวันตกเป็นสังคมที่ประชาชนมีคุณภาพการศึกษา และการเข้าถึงการศึกษา รวมถึงการกระจายรายได้ในภาพรวมมากกว่าสังคมไทย ประชาชนจึงไม่ตกเป็นเหยื่อการปลุกปั่นของนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุนและนักวิชาเกินได้ง่ายเหมือนสังคมไทย
ข้อสอง สถาบันกษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยทั้งปวงมายาวนาน และพิสูจน์โดยประจักษ์แก่คนไทยทุกหมู่เหล่าแล้วว่าได้ทำงานเพื่อชาวไทยให้เห็นเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพกว่านักการเมืองยิ่งนัก คนไทยทุกภาคส่วนสัมผัสได้ มิใช่การยัดเยียดเพื่อสั่งให้ประชาชนรักหรือล้างสมองเหมือนชุดความคิดของกลุ่มซ้ายตกขอบ
กระทั่งมีคนกล่าวว่าสาเหตุที่คอมมิวนิสต์ยึดครองประเทศไทยไม่ได้นั้น เพราะเหมาเจ๋อตงไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้เท่ากับในหลวง เมื่อเปรียบเทียบกัน พระองค์ท่านเสด็จไปพัฒนาทุกที่ ทั้งกันดารทั้งอันตราย อย่างยาวนานต่อเนื่องจนพระวรกายไม่สามารถตรากตรำได้อีกต่อไป
ที่สำคัญเมื่อบ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง สถาบันคือที่พึ่งที่ทุกภาคส่วนให้ความเคารพ หากสถาบันอ่อนแอเป็นแค่สัญลักษณ์ ประเทศไทยอาจหลีกไม่พ้นสงครามกลางเมืองของคนไทยด้วยกันที่มีแนวคิดต่างกัน
ข้อสาม พิกัดของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ทั้งยุทธศาสตร์ทางทหารและการขนส่ง โดยเฉพาะขุมทรัพย์ทรัพยากรธรรมชาติมหาศาลไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ จึงทำให้ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มทุนมหาอำนาจ มีความพยายามที่จะแบ่งแยกอาณาเขตของประเทศออกไปจากเหตุผลที่กล่าวข้างตน ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเขมรและทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมมือกับกลุ่มทุนการเมืองในประเทศ
สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมใจให้คนไทยยังรักษาความเป็นชาตินิยมถือเป็นอุปสรรคของขบวนการเหล่านี้ ดังนั้นการรักษาไว้ซึ่งความผูกพันระหว่างสถาบันกับประชาชนคือการรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติโดยแท้จริง
ข้อสี่ จากข้อสามจึงเห็นว่า สถาบันกษัตริย์ของไทยจึงไม่เป็นที่ต้องการของกลุ่มมหาอำนาจอีกต่อไป ดังนั้นจึงมีการปลุกผีขบวนการล้มล้างสถาบันให้ฟื้นคืนผ่านทางกลุ่มทุนการเมือง นักวิชาการ จัดตั้งขบวนการใต้ดินขึ้น ดังนั้นสถาบันกษัตริย์ของไทยจึงไม่อยู่ในสภาวะปกติดั่งเช่นประเทศทางตะวันตก หากแต่ถูกใส่ร้ายป้ายสี เพื่อล้มล้างดั่งที่ปรากฏ
ข้อห้า ภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการล่มสลายของระบบทุนนิยมที่กำลังจะแสดงออกมา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่จะช่วยให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตการณ์ไปได้ และจะกลายเป็นทฤษฎีที่ทั่วโลกนำไปใช้หลังจากระบบทุนนิยมสุดขั้วล่มสลาย
ทั้งห้าข้อที่กล่าวมาคือภาพรวมและความเป็นจริงที่นักคิดนักเขียนสำนักคุณภิญโญกับผองเพื่อนไม่เคยนึกถึง มีแต่เพียงมิติคิดแคบๆ ว่าการวิพากษ์สถาบันได้โดยเสรีเหมือนอังกฤษจะทำให้คนไทยมีเสรีภาพมากขึ้น และพยายามที่จะพูดถึงโมเดลของประเทศอังกฤษและญี่ปุ่นโดยไม่ได้ดูที่ความแตกต่างของสถานการณ์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศ
ดังนั้นที่มาที่ไปในเบื้องลึกของรายการตอบโจทย์ตั้งแต่แรกจวบจนเทปสุดท้ายจึงไม่มีอะไรไปมากกว่าการสำเร็จความใคร่ในแนวคิดนี้ ผ่านทางทีวีสาธารณะเพื่อเป็นเครื่องมือผลักดันให้ชุดความคิดตนเองเกิดประสิทธิผล การจับประเด็นทางการเมืองเรื่องต่างๆ มาออกอากาศถือเป็นการแวะพักผ่อนข้างทางเท่านั้น แต่จุดหมายปลายทางที่แท้จริงก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
ที่น่าสมเพชกลับพยายามที่จะโชว์ความอาร์ตผ่านเพจตัวเองว่าทีมงานจะขอยุติบทบาทตัวเองเพราะโดนแทรกแซงจากทางสถานี ซึ่งถือว่าเป็นทีวีสาธารณะ
การพยายามสร้างภาพในครั้งนี้ ไม่สามารถเทียบได้กับกรณีละครเหนือเมฆ 2 ที่ช่อง 3 สั่งปลดกลางอากาศเพื่อเอาใจกลุ่มทุนการเมืองได้ เพราะละครเหนือเมฆมิได้กระทบความมั่นคงอันใดนอกจากไปแทงใจเจ้าของทุนการเมืองและบริวาร ซึ่งก็ไม่เคยเห็นรายการตอบโจทย์จะหาคำตอบเรื่องนี้ให้กับสังคมได้แต่อย่างใด ในทางกลับกันเนื้อหาของรายการตอบโจทย์นอกจากจะกระทบในเรื่องความมั่นคงของชาติ ดังที่อธิบายมาข้างต้นแล้วยังกระทบจิตใจคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย
ถ้าจะเอาเรื่องเสรีภาพของคนไทยทั้งประเทศผ่านระบอบประชาธิปไตยมาอ้าง ก็อยากจะให้คุณภิญโญและพวกสำเหนียกกันบ้างว่า คนไทยทั้งประเทศ (ยกเว้นพวกคุณและสาวกของกลุ่มทุนสามานย์) ไม่มีใครต้องการให้สถาบันอันเป็นศูนย์รวมจิตใจถูกวิพากษ์วิจารณ์ใส่ร้ายป้ายสีอย่างไม่เป็นธรรม ผ่านการแก้กฎหมายมาตรา 112 นี่คือเสรีภาพและฉันทามติของคนไทยในเรื่องนี้ที่ตกผลึกแล้ว
วัดได้ง่ายๆ จากดัชนีความสุขของคนไทยพุ่งขึ้นทุกครั้ง เสียงทรงพระเจริญที่กึกก้องไปทั่วของพสกนิกรเมื่อได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา หรือเวลาที่คนไทยทราบข่าวจากสำนักพระราชวังถึงพระอาการที่แข็งแรงขึ้นจากการที่ทรงพระประชวร
การที่คุณภิญโญมักจะเอาโมเดลของต่างประเทศมาเปรียบเทียบแต่คุณภิญโญไม่เคยเอากรณีของประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีเสรีภาพสุดโต่งอย่างสหรัฐอเมริกาที่ชาวอเมริกันที่กล่าวอาฆาตมาดร้ายประธานาธิบดีของเขาผ่านอินเทอร์เน็ตยังต้องติดคุก
คนทั่วไปมีกฎหมายหมิ่นประมาทเป็นเกราะป้องกันเมื่อตนเองเชื่อว่าถูกกล่าวให้ร้าย ซึ่งปัจจุบันก็มีการฟ้องหมิ่นประมาทกันดาษดื่น แต่สถาบันไม่อยู่ในสถานะที่จะปกป้องตัวเองได้
เปรียบเทียบกันชัดๆ ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร กรณีที่ถูกบุคคลอื่นพาดพิงถึง จะเห็นว่า นช.ทักษิณ ทั้งๆ ที่หนีคดี ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของศาลไทยแต่กลับมอบอำนาจให้ทีมทนายไล่ฟ้องหมิ่นประมาทคนที่พาดพิงถึงตนไปทั่ว ตรงกันข้ามกับสถาบันกษัตริย์ที่หาใช่เรื่องจะให้สำนักพระราชวังไล่ฟ้องพสกนิกรของพระองค์เองหากพระองค์ถูกกล่าวให้ร้าย ดังนั้นกฎหมายมาตรา 112 จึงเป็นกฎหมายที่ป้องกันพระองค์ท่านไม่ให้ถูกล่วงละเมิดอย่างยุติธรรมที่สุด
จากประวัติศาสตร์เราจะเห็นการปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ผ่านหลายยุคสมัยมาตลอด ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้ช่องว่างของชนชั้นของคนไทยแคบลง อาทิ ร.5 ทรงเลิกทาส ร.7พระราชทานรัฐธรรมนูญ ร.9 รัชกาลปัจจุบันทรงช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของคนไทยในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้กล่าวมาแล้ว แนวคิดการแก้กฎหมาย ม.112 จึงไม่ได้เป็นการแก้ให้ช่องว่างในสังคมไทยแคบลงแม้แต่น้อย
การกล่าวอ้างว่ายอมโดนด่าในการเอาเรื่องที่คนวิจารณ์สถาบันในที่มืดมาสู่ที่สว่างนั้น เอาเข้าจริงยุคปัจจุบันก็ได้มีการทำกันอย่างกว้างขวางของภาคประชาชนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งมีการใช้กันในวงกว้างของสังคมไทยอยู่แล้ว มีการกล่าวถึงคุณูปการ คำสอนและปรัชญาที่พระองค์ท่านได้พระราชทานให้พสกนิกรไทย หักล้างการใส่ร้ายป้ายสีของขบวนการล้มเจ้าและกลุ่มทุนการเมืองด้วยเหตุด้วยผล
นอกจากนี้ยังได้ปรากฏภาพถ่ายส่วนพระองค์ในอิริยาบถที่ผ่อนคลายในมุมต่างๆ ที่ทุกคนล้วนรู้สึกว่าจับต้องได้ ทำให้ประชาชนรู้สึกใกล้ชิดกับสถาบันยิ่งขึ้น ในความเห็นของผม ประเทศไทยจะมั่นคง แข็งแรง ประชาชนและสถาบันจะต้องใกล้ชิดกัน ส่วนพวกที่จะต้องกันออกไปคือนักการเมือง กลุ่มทุน กลุ่มข้าราชการเจ้าขุนมูลนายเทคโนแครตทั้งหลาย เพราะพวกที่ขนาบกลางเหล่านี้ต่างหากคือตัวปัญหา เพราะคอยหาประโยชน์จากทั้งเจ้าและประชาชน
ในส่วนของการวิพากย์อย่างเป็นทางการนั้น ข้อมูลบรรยายการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันของศาลก็มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน และเป็นข้อมูลที่เผยแพร่ทางสาธารณะอยู่แล้ว มิใช่ข้อมูลลับที่เข้าถึงมิได้แต่อย่างใด ซึ่งหัวใจหลักที่ศาลนำมาพิจารณาคดีคือเรื่องของเจตนาว่าเป็นเจตนาเพื่อแสดงความอาฆาตมาดร้าย หรือเรียกร้องให้มีการพิทักษ์ปกป้องสถาบันหรือไม่ อย่างไร จึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้กฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้จึงเป็นเพียงข้ออ้างของพวกที่ต้องการโจมตีสถาบันโดยไม่ต้องติดคุกก็เท่านั้น
ที่เขียนมาผมไม่ได้กล่าวหาว่าคุณภิญโญมีแนวคิดล้มเจ้าแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับคนที่มีทัศนคติอาฆาตมาตรร้ายต่อสถาบันอย่างจักรภพ เพ็ญแข สมยศ พฤกษาเกษมสุข หรือคนที่คอยย้ำทำในโทนที่ค่อนข้างชัดอย่าง สมศักดิ์ เจียม หรือปากว่าตาขยิบแอบให้ท้ายตัวพ่อ อย่างทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ชัดเจนว่าคุณภิญโญชงให้กลุ่มคนที่มีชุดความคิดเหล่านี้ตบลูกผ่านวาทกรรมสวยหรูโดยไม่ดูความเป็นจริง
ท้ายสุดนี้ นอกจากที่ผมจะเสียดายคนที่มีคุณภาพอย่างคุณภิญโญจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้แล้ว ยังเสียดายชื่อรายการ ตอบโจทย์ ที่คุณภิญโญเป็นพิธีกรด้วยว่าไม่เคยจะตอบโจทย์ที่แท้จริงว่าสังคมไทยกำลังมีวิกฤตเรื่องอะไร เราควรจะแก้ปัญหาที่ถูกต้องกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตน้ำมันแพง วิกฤตชายแดนเขมรที่เรามีความเสี่ยงสูงที่จะเสียพื้นที่อีกราว 2 ล้านไร่ในอนาคตอันใกล้ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และทฤษฎีสมคบคิดของทุนการเมืองในการยกระดับนครปัตตานีเพื่อผลประโยชน์พลังงาน วิกฤตเศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจโลก และที่สำคัญวิกฤตนักการเมืองไทยที่ไร้คุณภาพและขายชาติ
ด้วยความเคารพถ้าคุณภิญโญไม่จะคิดจะทำเรื่องเหล่านี้ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยละก็ ผมเห็นด้วยครับที่จะยุติรายการที่ดีแต่ชื่อนี้เสีย ส่วนปัญหาใหญ่ของประเทศเหล่านี้ผมกล้าพูดอย่างไม่อายใครและภาคภูมิใจว่ามีแต่เอเอสทีวีที่เดียวที่กล้าตอบโจทย์ให้กับสังคมไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ตอบโจทย์พ่อง (พ่อมึง) อย่างบางรายการที่สนองตัณหาของใครบางคน...