คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ
1. “ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ” ตรัส “ในหลวง-พระราชินี” ทรงหายจากพระอาการประชวรแล้ว!
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระดำรัสแก่คณะข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี และคนไทยที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐอินเดีย ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมลีลา พาเลซ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ประทับ ระหว่างเสด็จเยือนสาธารณรัฐอินเดีย โดยทรงมีพระดำรัสถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า ขณะนี้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงแล้ว “เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีไข้ต่ำๆ อยู่ติดต่อกัน จากการตรวจพบว่า ทรงมีปอดอักเสบทางด้านขวา และแพทย์ได้ถวายยาปฏิชีวนะ ตอนนี้ทรงหายแล้ว ไม่มีไข้แล้ว ทรงแจ่มใสขึ้นมาก ก็ยังต้องติดตามพระอาการอยู่ ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แพทย์ถวายการรักษา ตลอดจนกายภาพบำบัดจนหายดีมาก เป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ทรงพระดำเนินได้อย่างคล่องแคล่ว และทรงออกพระกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่แพทย์ยังแนะนำให้พักพระราชกรณียกิจทั้งสองพระองค์ไปอีกระยะหนึ่ง แต่ว่าอันตรายนั้นไม่มีแล้ว ขอให้คนไทยทุกคนสบายใจได้”
2. ปชป. จี้ นายกฯ – ผบ.ตร. ย้าย “คำรณวิทย์” เหตุใช้กลไก ตร.ช่วย “พงศพัศ” ขณะที่ปมโพลชี้นำ ถึงมือศาล ปค.สูงสุด!
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลวิจัยเชิงสำรวจเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ร้อยละ 43.9 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ขณะที่ร้อยละ 37.6 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
วันต่อมา(14 ก.พ.) นายนพดล เผยผลวิจัยเชิงสำรวจของเอแบคโพลล์อีกเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ในกลุ่มที่จะไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่ๆ ร้อยละ 47.1 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ขณะที่ร้อยละ 38.5 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
วันต่อมา(15 ก.พ.) มีผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของอีก 2 สำนักออกมา โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต สำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัต ร้อยละ 44.04 และเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้อยละ 34.13 ขณะที่นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 25.20 ระบุว่าจะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ และร้อยละ 23.07 จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ขณะที่ร้อยละ 41.33 ยังไม่ตัดสินใจ
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) ตรวจสอบการทำและเผยแพร่ผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเข้าข่ายชี้นำประชาชนนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. กกต.กทม.ได้มีมติไม่รับคำร้องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากผู้ร้องนำเอกสารหลักฐานมาจากสื่อมวลชน ไม่ได้พบการกระทำผิดด้วยตัวเอง และไม่สามารถหาเอกสารหลักฐานหรือข้อมูลเชิงลึกมายืนยันการกระทำผิดได้ เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น
หลัง กกต.กทม.ไม่รับคำร้องเรื่องโพลชี้นำ วันต่อมา(13 ก.พ.) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ร่วมกับผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.บางคน และผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 7 คน เดินทางไปยื่นฟ้อง กกต.กทม.และ กกต.กลาง ต่อศาลปกครองกลาง ฐานเป็นหน่วยงานทางปกครองละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 โดยชัดแจ้ง ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย ด้านศาลปกครองกลางได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งนัดคู่กรณีมาไต่สวนเร่งด่วนในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เวลา 13.30น.
อย่างไรก็ตาม 2 วันต่อมา(15 ก.พ.) ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกเลิกนัดไต่สวนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ศาลปกครองกลางพิจารณาคำฟ้องแล้ว เห็นควรส่งคดีดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากองค์คณะเห็นว่า คดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น อยู่ในอำนาจของศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้ วันเดียวกัน ที่ประชุม กกต.กทม.ได้มีมติรับเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 ร้องขอให้ตรวจสอบการทำและเผยแพร่ผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของสวนดุสิตโพล เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.กทม.จะสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และสามารถขอขยายเวลาสอบสวนได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน ก่อนเสนอความเห็นต่อ กกต.กลาง ให้มีคำวินิจฉัยต่อไป
ด้านพรรคประชาธิปัตย์เริ่มร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นกลางของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว โดยนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแถลง(14 ก.พ.) เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) โยกย้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกนอกพื้นที่นครบาลตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เป็นกลางในการช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ เพราะใช้กลไกของตำรวจในการช่วยเหลือ เช่น เกณฑ์ตำรวจชุมชนไปฟังการปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง ,สั่งการให้แม่บ้านตำรวจต้องไปเลือกผู้สมัครพรรคหนึ่ง หากไม่เลือกจะไล่ออกจากแฟลตตำรวจ ทั้งยังขอร้องให้นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว แต่งเพลงหาเสียงให้ พล.ต.อ.พงศพัศ นายวัชระ เผยด้วยว่า ตนจะยื่นหนังสือให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รีบออกมาโต้กลับพรรคประชาธิปัตย์ว่า “ผมพูดเสมอว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ไม่ต้องให้ย้ายหรอก ผมจะลาออกทันที ให้รีบๆ เป็นรัฐบาล ผมจะได้ลาออกสักที ผมให้คนที่เคารพรักประดับยศให้ก็ไปฟ้องผม ทนายพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำร้าย ก็กล่าวหาว่าผมทำ พอแอ๊ด คาราบาว แต่งเพลงให้ผู้สมัครหมายเลข 9 ก็ฟ้องผมอีก แอ๊ดกับผมรักกันมาตั้งนานแล้ว ผมเจอกันบ่อย จึงถามแอ๊ดแต่งเพลงให้ใครบ้าง เขาบอกแต่งให้เบอร์ 11 และบอกไปว่า ทำไมไม่แต่งให้ทุกคนไปเลย จะได้เป็นแฟชั่น แต่แอ๊ดบอกว่าไม่ได้ ต้องให้เขาขอมา และต้องมีข้อมูลให้เขา แล้วแอ๊ดไปเอาข้อมูลจากพรรคเพื่อไทย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”
ด้าน พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. รีบออกมาสรุปทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นการกระทำใดของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เป็นการให้คุณให้โทษกับผู้สมัครรายใด
3. โจรใต้ครึ่งร้อย บุกถล่มฐานทหารนราธิวาส โชคดี จนท.รู้ก่อน ส่งนาวิกโยธินย้อนรอย ปะทะเดือด ผล โจรใต้ตายเกลื่อน 16 ศพ
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. เวลา 01.30น. โจรใต้ประมาณ 50-60 คน นำโดยนายมะรอโซ จันทราวดี ได้สวมชุดคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหารกองร้อยปืนเล็กที่ 2 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 กองทัพเรือ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ฐานย่อยในพื้นที่สีแดง ต.บาเร๊ะเหนือ ตั้งอยู่ในสวนยางพารา ริมถนนบ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่ฝ่ายทหารทราบเบาะแสมาก่อนแล้วว่ากลุ่มโจรใต้จะโจมตีฐานทหารดังกล่าว จึงเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว โดยเกิดการปะทะและยิงตอบโต้กันนานกว่า 1 ชั่วโมง
ด้านตำรวจ สภ.บาเจาะ พยายามเข้าไปช่วยอีกแรง แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้ เพราะคนร้ายโรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ขวางถนนเอาไว้หลายจุด หลังผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยจุดที่ยิงปะทะกัน พบคนร้ายเสียชีวิตหลายคน และหลบหนีไปได้ไม่ต่ำกว่า 30-40 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารปลอดภัย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รอจนเช้า จึงนำกำลังเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ แต่นอกจากคนร้ายจะโรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้ขวางทางแล้ว ยังได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ในถังแก๊สหนัก 50 กก.บนถนนที่เจ้าหน้าที่จะผ่าน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเคลียร์นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถเข้าไปยังฐานปฏิบัติการได้
เมื่อถึงหน้าฐานปฏิบัติการ พบศพคนร้ายแต่งกายชุดพรางใส่เสื้อเกราะแบบทหาร ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไหมพรม นอนเสียชีวิตกระจายกันตามโคนต้นยางพาราที่คาดว่าใช้เป็นจุดกำบังรวม 16 ศพ ขณะที่ข้างกายมีอาวุธปืนอาก้าและปืนเอ็ม 16 ทุกคน
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เผยว่า กลุ่มคนร้ายที่เสียชีวิต ประกอบด้วย นายมะรอโซ จันทราวดี ซึ่งเป็นแกนนำกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคง 11 หมาย และเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมายจับที่ออกโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 3 หมาย ทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อเหตุบุกสังหารโหดนายชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ,นายซาอูดี อาลี ,นายซาบิรี โลตาเชะ ,นายมะไพดี ปูเต๊ะ ,นายกาสมัน มะเด็ง ,นายปรือกิ นิมิง ,นายรอมือลี ซาเระ ,นายมะสักกรี สะสะ ,นายฮาเซ็ม บือราเฮง ,นายมะนัง บือราเฮง , นายอาหะมะ โซะกุนิง ,นายมะตอเฮ แฉะ ,นายอับดุลเลาะ โต๊ะมะ ,นายมะยุดดิน รีรา ,นายมัสลัน มะลี และนายอัสรี รอเป็ง
พ.อ.ปราโมทย์ เผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างแบบมาตรฐาน 3 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง(ปลากระป๋อง) 3 ลูก อาวุธปืนยาว 13 กระบอก อาวุธปืนพก 3 กระบอก รถกระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของผู้เสียชีวิต พบจดหมายโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมประกาศจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์ และมวลชน รวมทั้งประกาศทวงคืนทุกชีวิตที่สูญเสียไป
ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่ามีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 6 ตำบลของจังหวัดนราธิวาสและปัตตานี โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว แต่ขอความร่วมมือไม่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ออกจากบ้านยามวิกาลของคืนวันที่ 13 ก.พ. ถึง 06.00น.วันที่ 14 ก.พ. เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย เพราะยังมีกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีอยู่อีก 30-40 คน ห่วงประชาชนจะไปพบเจอเข้า อาจเป็นอันตรายได้
สำหรับความสำเร็จของการรับมือโจรใต้ครั้งนี้ น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 เผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายมะรอโซ แกนนำอาร์เคเคจะนำกำลังเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร เพื่อล้างแค้นให้กับนายสุไฮดี ตาเห สมุนคนสนิท ซึ่งเป็น 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุยิงครูชลธีเสียชีวิต และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 ก.พ. “หลังเจ้าหน้าที่วิสามัญนายสุไฮดี ยังสามารถตรวจยึดแผนผังและเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 เจ้าหน้าที่จึงได้วางมาตรการรับมือกลุ่มคนร้ายที่จะบุกถล่ม”
นอกจากนี้ ทางผู้ใหญ่ในกองทัพเรือได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก(รีคอน) 11 นาย ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของหน่วยนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ(ซีล) 11 นาย ไปประจำการที่ฐานดังกล่าว เพื่อร่วมปฏิบัติการและรับมือกลุ่มคนร้ายที่จะก่อเหตุ ทำให้การปะทะครั้งนี้ ไม่เกิดความสูญเสียในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหาร
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุปะทะดังกล่าว จนกลุ่มโจรใต้เสียชีวิต 16 ศพ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รีบออกมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคนร้ายที่เสียชีวิต พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสหาทางเยียวยาครอบครัวเหล่านั้น เนื่องจากไม่มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุ กระทั่งมีเสียงวิจารณ์ว่า จะมีการจ่ายเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาทแก่ครอบครัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว เหมือนกับที่จ่ายให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองหรือ? ซึ่งภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิม ได้ออกมาโต้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ พร้อมพูดใหม่ว่า ที่ตนบอกว่าต้องหาทางเยียวยานั้น หมายถึงการพูดคุยก็ได้ ทำไมต้องไปแปลความว่า 7.5 ล้านบาท “ผมไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือ ผมไม่โง่นะ มันไม่มี เพราะจะเอาเงินที่ไหนไปให้เขา”
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุความไม่สงบ เฉพาะกรณีที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.การชดเชยทรัพย์สินที่เสียหายตามระเบียบ ทั้งบ้านและสวนยาง ซึ่งเป็นเงินเยียวยาแน่นอน 2.การดูแลด้านมนุษยธรรมแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งไม่ได้พูดถึงตัวเงิน เพราะบางครอบครัวอาจไม่จำเป็นต้องให้เงิน
ส่วนความคืบหน้าว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ หลัง ร.ต.อ.เฉลิม ส่งสัญญาณอยากให้ประกาศในพื้นที่สีแดง แต่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เห็นด้วย โดยอยากให้ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ว่าอยากให้ประกาศหรือไม่ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.) ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต.เป็นประธาน ได้มีมติเอกฉันท์ว่า ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากประเมินทุกมิติแล้วเห็นว่า สถานการณ์ยังไม่จำเป็นต้องประกาศ และเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้
4. “เสธ.หนั่น” ถึงแก่กรรมแล้ว หลังรักษาตัวนานเกือบ 3 เดือน ด้าน “ปิยะพันธ์” ได้เลื่อนเป็น ส.ส.แทน!
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงถึงอาการของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.2555 ด้วยปัญหาทางเดินหายใจ(ถุงลมโป่งพอง) ว่า ตลอดเวลา แพทย์ได้ให้การรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยังใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมทั้งเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด แม้จะมีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ แต่ก็รักษามาโดยตลอด
กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.สนั่นมีอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง ความดันลดต่ำลงมาก ส่งผลให้ภาวะไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจล้มเหลว ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบในเวลา 17.00น.
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทานแก่ พล.ต.สนั่น ที่ศาลาขจรประศาสน์ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. พร้อมพระราชทานพวงมาลา เพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน
การเสียชีวิตของ พล.ต.สนั่น ทำให้ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนาว่างลง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 109 กำหนดว่า กรณีที่ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อว่างลงเพราะเหตุอื่นใด ทางประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง ซึ่งกรณีนี้ ส่งผลให้นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 6 ของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับการประกาศให้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแทน พล.ต.สนั่น
5. ทั่วโลกตื่น อุกกาบาตขนาดใหญ่ถล่ม “รัสเซีย” เจ็บนับพัน ด้านนักดาราศาสตร์ไทย ชี้ อุกกาบาตตกใส่โลก ไม่ใช่เรื่องแปลก!
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. เวลา 09.20น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 10.20น.ตามเวลาในไทย สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า อุกกาบาตลูกหนึ่งได้พุ่งผ่านท้องฟ้าเหนือเทือกเขาอูราล ในเมืองเชลยาบินส์ บริเวณตอนกลางของประเทศรัสเซีย และเกิดระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดส่งคลื่นสั่นสะเทือนออกมากระแทกกระจกอาคารสิ่งก่อสร้างจำนวนมากแตกเสียหาย และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับพันคน
ทั้งนี้ เหตุการณ์อุกกาบาตระเบิดเหนือประเทศรัสเซียครั้งนี้ สร้างความตื่นตระหนกและตื่นตะลึงให้แก่ผู้ที่พบเห็นอย่างมาก โดยเป็นภาพวัตถุชนิดหนึ่งพุ่งแหวกท้องฟ้ายามเช้าด้วยความเร็วสูง มีควันขาวพุ่งเป็นทางตามวิถีโคจร ก่อนจะเกิดแสงสว่างวาบขึ้น ส่งผลให้ผู้คนแตกตื่นและพากันวิ่งเข้าหาที่หลบภัยภายในอาคาร แต่กระนั้นก็มีผู้บาดเจ็บนับพันคน ส่วนใหญ่ถูกเศษกระจกที่แตกจากแรงสั่นสะเทือนของอุกกาบาตที่ระเบิด ขณะที่โรงเรียนทั่วทั้งเมืองเชลยาบินส์ต่างพากันปิด หลังจากกระจกหน้าต่างของอาคารสิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหาย
สภาวิทยาศาสตร์รัสเซีย แถลงว่า นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า อุกกาบาตที่ลอยอยู่เหนือเมืองเชลยาบินส์ น่าจะมีน้ำหนักราว 11 ตัน เดินทางเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วอย่างน้อย 54,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเกิดระเบิดจนแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ความสูงราว 30-50 กิโลเมตร เหนือพื้นโลก
ด้านนายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย กล่าวในการประชุมด้านเศรษฐกิจที่เมืองคราสโนยาร์ส แคว้นไซบีเรียว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า “ไม่เพียงเศรษฐกิจเท่านั้นที่เปราะบาง แต่เป็นโลกของเราทั้งหมด” ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีดมิทรี โรโกซิน บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้นำโลกควรจะต้องพัฒนาระบบที่สามารถยิงทำลายหรือขัดขวางวัตถุจากอวกาศไม่ให้ตกใส่โลกขึ้นมาให้สำเร็จ
สำหรับความเคลื่อนไหวในไทย นายวรเชษฐ์ บุญปลอด กรรมการวิชาการสมาคมดาราศาสตร์ไทย(สดร.) พูดถึงอุกกาบาตที่ตกในรัสเซียว่า ทางองค์การอวกาศแห่งยุโรปได้ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องดาวเคราะห์น้อย 2012 ดีเอ 14 ที่เคลื่อนที่เฉียดโลก แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดเหตุการณ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเท่านั้น การที่มีผู้บาดเจ็บนับพันคน ไม่ได้เกิดจากอุกกาบาตโดยตรง แต่เป็นผลจากการที่อุกกาบาตเคลื่อนที่เข้าสู่บรรยากาศโลกด้วยความเร็วค่อนข้างสูง เกิดเป็นคลื่นกระแทกหรือช็อกเวฟ ทำให้กระจกแตกกระเด็นใส่คนที่อยู่ใกล้จนได้รับบาดเจ็บ
นายวรเชษฐ์ ยังยืนยันด้วยว่า การมีอุกกาบาตตกลงมายังโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกลางทะเล หรือกลางป่าลึก หรือในทะเลทราย ไม่มีใครเห็น จึงไม่เป็นข่าว แต่ครั้งนี้ตกในประเทศรัสเซีย และตกในเมืองที่มีคนอาศัยอยู่มาก เมื่อคนเห็นมาก จึงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถูกจินตนาการกันไป