ศาลเลื่อนการพิจารณาคดี “แพรวา” จำเลยก่อเหตุขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค พุ่งชนรถตู้บนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน ออกไปก่อน เหตุมีการนำคดีเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งมาพิจารณารวมกับคดีอาญา แต่ตกลงกันไม่ได้ ทำให้ศาลนัดให้มาไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.นี้
วันนี้ (22 มิ.ย) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 5 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีขับรถโดยประมาทหมายเลขดำหมาย 1233/2554 ที่อัยการคดีเยาวชนและครอบครัว 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และข้อหาใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์
อัยการยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 เวลากลางคืน จำเลยขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ ขาเข้ามุ่งหน้า ถนนดินแดง ด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจำเลยได้กระทำประมาทโดยปราศจากความระมัดระวังที่บุคคลในภาวะปกติจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ โดยจำเลยไม่ขับรถในช่องทางซ้าย เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางลงบางเขน ช่วงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปลี่ยนช่องทางไปมา เปลี่ยนช่องทางจากช่องทางขวาสุดเพื่อมาทางซ้ายถัดมา และยังเปลี่ยนกลับไปยังช่องทางขวาอีกครั้ง เป็นเหตุให้รถยนต์ซีวิคของจำเลยพุ่งเข้าชนรถยนต์ตู้โดยสารทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีนางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี เป็นคนขับทำให้รถยนต์ตู้เสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นทางโทลล์เวย์ พลิกคว่ำพังเสียหาย คนขับรถตู้โดยสารและผู้โดยสารภายในรถยนต์ตู้กระเด็นออกจากตัวตกจากทางด่วนเสียชีวิตรวม 9 คน และบาดเจ็บสาหัสจำนวนหนึ่ง ส่วนรถยนต์ของจำเลยแฉลบเลยจากรถยนต์ตู้ประมาณ 50 เมตร นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุจำเลยยังได้ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ โดยมีหลักฐานเป็นรายงานการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธทั้ง 2 ข้อหา
น.ส.ยุวดี เยี่ยงยุกดิ์สากล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.แพรวา อายุ 17 ปี (ขณะเกิดเหตุ) จำเลยคดีขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ทะเบียน ฎว 8461 กทม.เฉี่ยวชนท้ายรถตู้โดยสาร บนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา หลังจากพิจารณาคดีกว่า 2 ชม.ครึ่ง ว่า ทางศาลได้มีข้อเสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายใช้วิธีไกล่เกลี่ยเรื่องค่าสินไหมทดแทน ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวกลาง พ.ศ. 2553 มาตรา 132 และวันนี้ยังไม่มีการพิพากษา แต่จะนัดทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.เวลา 09.00 น.นี้ ซึ่งการนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาใช้ เนื่องจากเป็นการช่วยไกล่เกลี่ยและเยียวยาผู้เสียหายด้วย และหากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จจะมีการพิพากษาต่อไป
หลังฟังคำพิพากษาคดีเสร็จสิ้น เยาวชนที่ตกเป็นจำเลยได้เดินทางกลับทันที โดยไม่มีการเผชิญหน้า หรือพบปะพูดคุยกับบรรดาญาติผู้เสียชีวิตที่มารอฟังคำพิพากษา
ด้าน นพ.กฤช รอดอารีย์ บิดาของหนึ่งในผู้เสียชีวิต เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาตามนัดของศาลว่า ส่วนตัวตนยังไม่ค่อยเข้าใจกับกฎหมายใหม่ที่นำมาใช้ แต่ยอมรับดุลพินิจของศาลที่นำมาเพื่อไกล่เกลี่ยให้กับทั้งสองฝ่าย ส่วนผลการไกล่เกลี่ยจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล แต่ตนเองไม่ได้หวังเรื่องเงินสินไหมตอบแทน แต่อยากให้มีการรับผิดชอบต่อสังคม
อย่างไรก็ตาม ยอมรับรู้สึกผิดหวังที่ยังไม่ได้ อ่านคำพิพากษาในวันนี้ ซึ่งอยากให้มีการตัดสินตามความผิดของจำเลยแต่ก็เป็นดุลพินิจของศาลนำกระบวนการไกล่เกลี่ยมาใช้ และหลังจากนี้ได้มีการนัดผู้เสียหายไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อหารือในเรื่องการไกล่เกลี่ยต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ศาลเยาวชนฯ มีบรรดาญาติผู้เสียหาย และเพื่อนๆ นักศึกษาที่เสียชีวิตเดินทางมาฟังการพิจารณาตั้งแต่ช่วงเช้า 08.30 น.ขณะที่สื่อมวลชนมาร่วมทำข่าวจำนวนมาก โดยทางศาลอนุญาตให้ช่างภาพอยู่นอกศาล ส่วนผู้สื่อข่าวสามารถเข้าด้านในศาลได้แต่ไม่อนุญาตให้เข้าฟังภายในห้องพิจารณาคดี แต่อนุญาตให้เฉพาะคู่ความเท่านั้นที่สามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ ต่อมาเวลาประมาณ 09.30 น. น.ส.แพรวา ซึ่งสวมชุดสีขาวทับด้วยสูทสีดำ เดินทางมาพร้อมพ่อ-แม่ และทนายความ โดยเข้าประตูด้านหลังศาลฝั่งตรงข้ามกระทรวงกลาโหม เพื่อหลบกองทัพนักข่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ : จับตาคดี “แพรวา”ชนรถตู้ดับ 9 ศพ จะจบแบบไหน?
