สมาคมสายใยครอบครัวและกรมสุขภาพจิตกับมุลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันการฆ่าตาย”ร้อยเรื่องราว ล้านเรื่องเล่า ป้องกันการฆ่าตัวตาย” ที่หอศิลป์กรุงเทพ (ตรงข้ามห้างมาบุญครอง)ระหว่างวันเสาร์อาทิตย์ที่ 6-7 สิงหาคม เพื่อเปิดมุมมองงดงามของชีวิตที่พลิกฟื้นความหวัง หลังจากผ่านความทุกข์และความสูญเสียของผู้ป่วย,ครอบครัวและสังคม
ที่มาของโครงการป้องกันการฆ่าตัวตาย ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของโลก ต้องการความมีส่วนร่วมกันแก้ไขอย่างเข้าใจและยอมรับโรคนี้ตั้งแต่ระดับครอบครัว-ชุมชนโรงเรียนกับวัดและสังคมคนทำงาน ซึ่งนำไปสู่การดูแลรักษาโรคที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ จนกระทั่งสามารถคืนกลับสู่ชีวิตครอบครัวและการงานได้
ในประเทศไทยมีสถิติฆ่าตัวตายปีละ 4,500-5,000 ราย หรือสถิติโลกทุกๆ40วินาทีจะมีคนฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน จนกระทั่งองค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันที่ 10 กันยายนของทุกปีเป็น”วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก(World Suicide Prevention Day)”
งานนี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.อภิชัย มงคล กล่าวว่า“โดยหลักตัวเลขฆ่าตัวตายของไทยจะสูงประมาณ 5 .7-5.8ต่อแสนคน เพราะมีวิกฤตตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เช่น เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ จังหวัดที่มีตัวเลขฆ่าตัวตายมากคือ ลำพูน เชียงราย เชียงใหม่ ปีละ 300-400-500 คน และส่วนใหญ่ผู้ชายจะฆ่าตัวตายสำเร็จกว่าผู้หญิงถึงสามเท่า และเป็นคนในวัยรุ่นและวัยทำงานคือ 15-35 ปีนั่นเอง แต่ขณะนี้ก็ลดเหลือ 200 กว่าคน ซึ่งก็ยังไม่ได้ทำให้เกิดความสบายใจ ถือเป็นเรื่องที่ต้องหาทางป้องกันการฆ่าตัวตายให้ได้ โดยระบบสาธารณสุขก็พัฒนาขึ้น มีแบบคัดกรองความเครียด ซึมเศร้า ฆ่าตัวตายและมีวิธีเข้าไปดูแลเป็นรูปธรรม มีพยาบาลจบจิตเวชระดับปริญญาโทและจบตรีที่อบรมเพิ่มเติมทั่วประเทศก็สามารถช่วยดูแลได้”
หมอสมรัก ชูวานิชวงศ์ ซึ่งเป็นจิตแพทย์ผู้ก่อตั้งสมาคมสายใยครอบครัวมากว่า 10 ปี มีบทบาทบุกเบิกให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคจิตเวชแก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย จนถึงปัจจุบันได้ขยายกิจกรรมเปิดกว้างสู่สังคม ได้เล่าให้ฟังว่า ปีนี้กิจกรรมรณรงค์การป้องกันการฆ่าตัวตายที่มีหลากหลายกิจกรรม ที่จะเปิดพื้นที่สื่อสร้างสรรค์ในทุกมิติ โดยมีเนื้อหาสะท้อนปัญหาของผู้ป่วยและญาติที่มีความทุกข์อยู่ในวังวนของโรคทางจิตเวช โดยทำเป็นสปอตหนังโฆษณาในทีวีและวิทยุ ทำเป็นบทละครเวที หนังสั้น บทเพลง”ไม่ได้เกิดมาแพ้” และ งานเขียนหนังสือ”บ้านของคนบ้า” โดยเชิญชวนให้ไปชมกิจกรรมเหล่านี้ได้ที่หอศิลป์กรุงเทพในวันที่ 6-7 สิงหาคมนี้
ท่ามกลางสังคมส่วนใหญ่และสื่อมวลชนที่ยังมีทัศนคติเชิงลบต่อการฆ่าตัวตาย ขาดความเข้าใจอาการป่วยจากโรคจิตเวช คนป่วยขาดการเข้าถึงการรักษา จนมีอาการกำเริบ อาละวาด ทำร้ายตนเองและผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ตกเป็นข่าวใหญ่หน้า 1 ที่ถูกเขียนขึ้นอย่างไร้ความรับผิดชอบของสื่อมวลชน และสังคมไม่ได้เรียนรู้วิธีเฝ้าระวังและป้องกันเหตุนี้ได้เลย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “คุณหมอเบิร์ด” อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ซึ่งเพิ่งกลับจากการเรียนและทำงานโครงการ”จิตเวชชุมชน”ที่ประเทศแคนาดาสองปี ได้เล่าให้ฟังเชิงเปรียบเทียบกับสื่อต่างประเทศว่า
“ที่แคนาดา เวลามีกรณีคนฆ่าตัวตาย เราจะไม่เจอเป็นข่าวใหญ่ แต่จะหนังสือพิมพ์จะลงเป็นข่าวในกรอบเล็กๆท้ายเล่มเหมือนประกาศคนหาย หมอมองว่าเพราะเขาเคารพสิทธิส่วนตัว ที่ผู้ตายและญาติควรได้รับการคุ้มครองตรงนี้ แต่ที่สำคัญคือสังคมเขาเข้าใจว่าเหตุมาจากความเจ็บป่วยของโรคนี้ และรณรงค์ให้คนป่วยได้รับการรักษา เป็นการส่งเสียงบอกสังคมของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่มีประสบการณ์อยู่กับปัญหา หมอสนับสนุนให้สื่อไทยสร้างสรรค์ทำนองนี้ เพื่อสร้างสมดุลพื้นที่ข่าวให้สังคมมีทางออกแก้ไขปัญหานี้อย่างถูกต้องเหมาะสม”
วันนี้อย่าปล่อยให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายต้องโดดเดี่ยว ร่วมกันมองปัญหา-ฟังเขาพูด-และใส่ใจดูแลพูดคุยกัน จนเขากล้าที่ก้าวเข้าสู่กระบวนการรักษาโรคนี้ และมีโอกาสกลับคืนสู่ครอบครัวที่รักและสังคมปกติสุขได้